ปรับตัวใช้ออนไลน์
เพิ่มยอดขายยังไง
แบบเร่งรัด ในยุคไวรัสครองเมือง
ใครจะไปนึกว่า วันหนึ่ง
หนังฮอลลีวู้ดที่ว่าด้วยเรื่อง ซอมบี้ ไวรัส
ที่เราดูกันอย่างตื่นเต้นในโรงหนัง
จะกลายเป็นเหตุการณ์จริงบนโลกเรา
และสร้างความวิตก วุ่นวายกันขึ้นมาขนาดนี้
เมื่อเกิดวิกฤติ ไวรัสขึ้นมาจริงๆ
คนเราก็ต้องปรับตัวกันมากขึ้น
เมื่อออฟไลน์ อย่างเดียวเอาไม่อยู่
คนเราเลยต้องหันมาใช้ออนไลน์ ในการดำรงชีวิตมากขึ้น
มากจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ตอนนี้ เมื่อหลายๆ อย่างมันเงียบ
การให้เวลาตัวเองได้ศึกษา หรือ ซุ่มซ้อมด้านออนไลน์
จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
แล้วเราควรรู้อะไรบ้างล่ะ เพื่อจะปรับใช้กันได้อย่างถูกทาง
บทความนี้ เขียนเอาไว้ เพื่อให้แนวทางสำหรับทุกคนที่กำลังมองหาเครื่องมือ
เพื่อปรับตัวให้เข้ากับโลกใบใหม่ ที่กำลังคอนเฟิร์มว่า ออนไลน์คือคำตอบ
1 เปิดเพจ
faccebook คือชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้ว การันตีได้จากจำนวนคนใช้งาน 45 ล้านบัญชี เราใช้เวลากับการดูชีวิตเพื่อน ดูคลิป ตามข่าว แชร์ content กันเป็นว่าเล่น
ดังนั้น เมื่อคนอยู่ตรงนี้เยอะ การสร้างช่องทางให้ตัวเองใน facebook ก็คือ การเปิดเพจ
ไม่ว่าจะขายของ สร้างตัวตน
การเปิดเพจคือช่องทางที่ง่ายที่สุด
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าการเปิดเพจ ก็คือ
เราจะนำเสนออะไร ในนั้น สิ่งนี้สำคัญกว่า
เพราะเปิดเพจ จะต่างจากเปิดเว็บไซต์
เว็บไซต์ทำมา ไม่ได้ update ยังพอเข้าใจได้ เพราะว่าเอาไว้สำหรับ ให้ข้อมูล หรือติดต่อ
แต่หากเปิดเพจมา แต่ไม่ได้ update เนื้อหา คนจะเข้าใจไปได้ทางเดียว ก็คือ
คุณไม่ทำธุรกิจนี้แล้ว
ดังนั้น สิ่งจำเป็นคือความขยันในการโพสต์ และต้องโพสต์ในสิ่งที่คนอยากอ่านด้วย
เราเรียกกันคำว่า การทำ content
แต่ content ที่ดีควรจะต้องขายตัวเราเองได้ด้วย ซึ่งต้องผสม เทคนิคทางการตลาดลงไปด้วย
สรุปง่ายๆ ก็คือ จะโพสต์อะไร คนต้องอ่าน และ ขายของได้ด้วย!
อันนี้ ยังไม่รวมถึงการทำโฆษณา facebook หรือที่เราเรียกกันว่ายิงแอดนะครับ 😉
อันนั้น ก็เป็นอีกศาสตร์ ที่ต้องทำความเข้าใจ!
2.ใช้ LINE Official Account
ไลน์ คือ เครื่องมือการสื่อสาร ของคนไทยตั้งแต่วัยรุ่น ยันวัยเกษียณ
มันกลายเป็นเรื่องปกติ ไปแล้ว เหมือนเราใช้โทรศัพท์มือถือ กันเป็นนิจสิน
ความน่าเชื่อถือ จึงสูงมาก
หลายคนบอกว่า ใช้ไลน์ขายของเหรอ เออ ไลน์ส่วนตัวก็พอแล้วมั้ง
ถ้าธุรกิจของคุณ ไม่ต้องใช้คนเยอะ หรือ ทำงานคนเดียว ได้ ไลน์ส่วนตัวก็น่าจะพอ
แต่ถ้า ธุรกิจของคุณ ติดต่อกับคนเยอะมาก
และ มีรายการธุรกรรมมากมาย ต้องใช้ แอดมิน หรือ ทีมงานมาช่วยตอบ
Line Official account คือคำตอบ (ขอเขียนสั้นๆ ว่า LINE OA)
เพราะ LINE OA ให้คนมาช่วยตอบได้
LINE OA สามารถยิงข้อความไปถึงคนเยอะๆได้ ภายในครั้งเดียว
LINE OA มีระบบคูปอง ระบบสะสมแต้ม
LINE OA สามารถเชื่อมกับระบบ LINE MY SHOP ระบบที่ทำให้คุณมีหน้าร้าน เหมือน shopee lazada ที่คุณเอาไว้ขายของเอง แต่เงินเข้ากระเป๋าทันที
นี่คือลูกเล่นบางส่วน ที่บอกเลยว่า น่าสนใจ
และเหมาะกับคนไทย ที่ชอบแชทก่อนซื้อ 😉
ปลคนทักผ่านไลน์ ส่วนใหญ่ความตั้งใจ ในการซื้อสูงกว่าทาง inbox facebook
3.ใช้ WordPress ทำเว็บ
สมัยก่อนจะมี social media
คนไทยคุ้นเคยกับการใช้เว็บ หากทำเว็บดีๆ ติดหน้าแรก Google คนก็จะตามมา ตลอด
เมื่อก่อนการทำเว็บ ดูเป็นเรื่องวุ่นวาย ใช้เงินเยอะ
วันนี้ ก็ยังเหมือนเดิม แต่งบประมาณ จะลดลงมา เพราะมีทางเลือกให้เรามากขึ้น
ตั้งเว็บสำเร็จรูป หรือ แม้กระทั่งจะทำเว็บเอง ก็มีเครื่องมือทรงพลังที่คนใช้กันอย่างแพร่หลาย
นั่นคือ WordPress
ทำไมต้องเลือกใช้ wordpress นั่นเป็นเพราะ
พอคนใช้เยอะ เวลามีปัญหา เราก็สามารถ หาทางออกได้เร็วกว่า
มีศาสตร์ มีคลิป สอนมากมาย ที่สามารถ search ได้
หรือจะ update ในระบบหลังบ้านสมัยนี้ ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่
เพราะหน้าตา เหมือนกับการใช้ Program word ธรรมดา นี่เอง
ที่สำคัญ WordPress สามารถเชื่อมต่อกับ Woo-commerce ระบบ shopping cart ที่มีให้ใช้งานได้ฟรี
ปลการใช้ wordpress อาจจะมีความจุกจิก เพราะเป็นเรื่องเชิงเทคนิค ถ้าไม่อยากเสียเวลา ให้จ้างคนทำแต่ถ้าเรามีเว็บ ข้อดีคือ เราจะใช้งานร่วมกับการยิงแอด facebook ได้ดียิ่งขึ้น เราเรียกว่า Converion ads (ฟังให้รู้ก่อนนะครับ หากสนใจ ค่อยศึกษากันแบบลึกๆ อีกที)
4. ใช้ Google My Business
แม้ว่าคนจะออกบ้าน น้อยลง
แต่พิกัดหมุด หรือ สถานที่ต่างๆ ก็ยังมีความสำคัญ ต่อชีวิตประจำวัน
หากมีธุรกิจ แล้วอยากให้คน search ชื่อของเราเจอในอันดับต้นๆ และ ดูยิ่งใหญ่ สว่างสไว การทำ Google My business คือทางออกเลย
ข้อดีของ Google My Business คือ
- คนติดต่อหาเราได้ง่ายขึ้น
- ลูกค้าเก่า search ชื่อ แล้วกดแผนที่ สามารถเดินทางมาหา ธุรกิจของเราได้ / สามารถโทรหาเราได้
- ลูกค้าใหม่ สามารถทำให้เจอได้ หากใช้เทคนิค การใส่ keyword ที่คนค้นหาเกี่ยวกับธุรกิจของเรา ไปอยู่ในหมุดของเรา
- รู้ข้อมูลว่า ใคร search มาหาเรา มาจากไหน มาด้วย keyword อะไร?
แต่ทั้งหมดนี้ต้องเกิดการยืนยัน ธุรกิจผ่าน Google เสียก่อน
จะยังไม่ลงลึกวิธีนี้นะครับ (เพราะละเอียดพอสมควร)
5.ใช้ Market place อย่าง shopee หรือ Lazada
การซื้อขายสินค้า ในปัจจุบัน
หากเป็นของที่ไม่ต้องคิดมาก เช่น ขนม อาหาร แป้ง ของใช้ ที่ดูว่า คนใช้กันเยอะๆ
ไม่ต้องโฆษณามาก ก็กดสั่งซื้อแล้ว
คนไทยเราใช้ shopee กับ lazada เป็นหลักเลย
ดังนั้นหากสินค้าของคุณ ไม่ต้องใช้วิจารณญาณ ในการเลือกซื้อเยอะ
จึงแนะนำให้ศึกษาการ ขายของผ่าน market place เหล่านี้ครับ
ไม่ต้องไปศึกษาเรื่องการยิงแอด แต่เน้นที่ ทำยังไง ให้คนมาให้คะแนนสินค้าของเราเยอะๆ ทำยังไง ให้ภาพน่าซื้อ เขียนยังไง ให้อยากสั่ง ทำยังไงให้ลูกค้าประทับใจ สนใจเรื่องการส่ง การบริการหลังการขาย รวมถึงทริคต่างๆ ที่ทำให้ร้านของเรา เป็นที่รู้จักใน platform มากที่สุด
6.instagram
ถ้าอยากขายของที่ราคาแพงขึ้น หรือ ต้องการลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น
เราจะขายไลฟ์สไตล์มากกว่าสินค้า
ซึ่งสื่อที่กลุ่มคนเหล่านี้ นิยมใช้กัน ก็คือ instagram นั่นเอง
ดังนั้น หากจะเข้าใจคนกลุ่มนี้ได้ ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในโลกของ instagram
ดูเยอะๆ ทั้งการโพสต์ การเขียน การใช้ hashtag รวมไปถึงการใช้ stories ที่พลาดไม่ได้เลย
รวมทั้งเวลาการโพสต์ ว่าช่วงไหนที่คน ว่างๆ แล้วหยิบมือถือมาดู อันนี้ก็สำคัญ
สำหรับการใช้ instagram กับธุรกิจ บัญชีที่เลือกใช้ ต้องเป็นบัญชีแบบ Business เพราะจะสามารถดูสถิติต่างๆ ที่จำเป็นในการพัฒนาเนื้อหาของตัวเราให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ
ปลตอนนี้ instagram สามารถตั้งเวลาโพสต์ได้เหมือน facebook เลยนะ แต่ต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่า facebook creator เข้ามาช่วย (รายละเอียดเยอะพอสมควร เขียนตรงนี้ไม่จบแน่นอน แต่ให้รู้ไว้ก่อนว่าทำได้ครับ)
7.twitter
นี่คือ social media ที่ถือว่า กระจายข่าวสาร และ ติดตามข่าวสารได้เร็วมาก แทบจะ real time เลยทีเดียว ส่วนใหญ่เราใช้ twitter ในการติดตามเทรนด์ใหญ่ๆ ในสังคม
ดังนั้น ส่วนใหญ่ จึงมักเป็นเรื่อง ข่าวใหญ่ ข่าวร้อนแรง การเมือง เรื่องดราม่า รถติด ไฟไหม้ น้ำท่วม
twitter จะมีรายงานอย่างรวดเร็วมากๆ
แต่ twitter ก็ขายของได้เช่นกัน แต่ต้องนำเสนอให้ถูกต้อง ถูกกลุ่ม
เพราะคนที่ใช้ twitter ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม gen Y
ที่เห็นขายแล้วประสบความสำเร็จ ก็คือ เครื่องสำอาง ขนม ของกินเล่น cafe ร้านกาแฟ ร้านอาหาร
ปลtwitter ก็ยิงแอดได้นะครับ แต่ผลตอบรับ จะขึ้นกับ content เป็นหลัก ถ้าทำได้ดี ยอดขายจะตามมา แต่ถ้า content ไม่ดี ทำให้ตาย ก็ไม่ขึ้นอย่างแน่นอน
และทั้งหมดนี้คือ แนวคิดบางส่วน
ของการปรับตัวใช้ออนไลน์ ยังไง แบบเร่งรัด ในยุคไวรัสครองเมือง!