รู้ไหมครับปัญหาหลัก ชวนหมดกำลังใจ
ของคนทำ Content ใน Facebook คือทำเมื่อไหร่
ก็ไม่ค่อยมีใครเห็น Content ของเรา แม้จะตั้งใจเขียนยังไงก็ตาม
ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงที่ Content เราไม่ดี
แต่ติดอยู่ตรงที่ เฟส กำลังสนับสนุน Content ประเภทใหม่ที่เรายังไม่คุ้นชิน
วันนี้ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องของ เฟสบุ๊ค Reels นะครับ
แต่จะพูดถึงเทคนิคที่ผมได้ทำมาแล้วหลายครั้งและได้รับการมองเห็น 50,000 Reach ขึ้นไปทุกครั้ง
เทคนิคนี้คือ Short Message นั่นเอง
ถ้าให้เข้าใจง่ายๆก็เหมือนกับ การที่เราเขียนข้อความแบบสั้นๆ ในทวิตเตอร์ นั่นแหละครับ
หลายคน อาจจะไปลองทำแล้ว แต่คนไม่เห็นจะเยอะเหมือนที่พี่นุกบอกเลย
โพสต์นี้เลยจะแชร์เทคนิคที่ทำมาเองแล้วได้ผล มาให้อ่านกันครับ
1.ค้นหาความต้องการของลูกค้า
ถ้าเราทำเพจมาสักระยะ จะพบว่า Content ที่คนมีส่วนร่วมเยอะๆจะเป็น วิธีการแก้ปัญหา หรือ How to ที่เอาไปทำตามได้ง่ายๆเลย เช่น “รวมคำต้องห้าม ที่ใช้แล้วบัญชีปลิว” หรือ “เทคนิคหาไอเดียทำ Content 30 วัน ภายใน 5 นาที”
2.เขียนฮุกให้โดน
คนจะดูโพสต์ของเราจาก Hook ที่เขียนไว้ได้กระแทกใจ หรือสะดุดตา
และส่วนใหญ่จะเป็นวิธีการเขียนประเภทนี้
ย้อนแย้ง เช่นวิธีการผ่อนบ้านให้หมดโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแม้แต่บาทเดียว
ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น 3 เรื่องเข้าใจผิด ที่คนลดน้ำหนักเข้าใจว่ามันถูกมาตลอดชีวิต
มีตัวเลขมายืนยัน ยกตัวอย่างเช่น วิธีการสร้างรายได้วันละ 3,000 บาทโดยฉบับทำได้จริง
ถ้าเป็น How to ต้องใช้ตัวเลข 3 5 7 9
3.โพสต์ลงให้เป็นรูปแบบข้อความแล้วใส่ Background เป็นสี
ไม่แนะนำให้ทำเป็นรูปภาพเพราะว่าการมองเห็นจะตกลงไปมาก โดยเฉพาะภาพที่ออกแบบเอามาไว้อย่างดีคนจะมองเป็นโฆษณา
4.ซอยคอนเทนต์เป็นข้อๆ
เขียนเนื้อหาแล้วโพสต์ลงในคอมเม้นทีละข้อ วิธีการนี้เป็นการเลียนแบบการทำ Content ใน Twitter ที่เรียกกันว่า เธรด (จริงๆ เฟส ก็ทำเทรดนะแต่ตอนนี้เริ่มเงียบๆไปแล้ว)
5.ใส่ Call to action ลงไปไหน Content สุดท้าย
จะเขียนเนื้อหาทันทีก็อย่าลืมใส่ Call to action ให้คนทำอะไรบางอย่างหลังจากที่อ่านจบแล้ว เช่น กดตามเพจ หรือไปดูเนื้อหาอื่นๆต่อได้ในเว็บไซต์หรือ YouTube หรือเข้าไปใน tiktok
ถ้าต้องการขายของก็ให้แอดไลน์หรือส่งลิงค์ที่ขายสินค้าของเราได้เลย
6. ถ้า comment จากลูกค้าเยอะมากจนคนใหม่ๆไม่เห็นเนื้อหา
แนะนำให้เอา Content ทั้งหมดไปใส่ในเว็บไซต์ แล้วเอาลิงค์ มาแปะให้คนเข้าไปอ่านแบบสะดวกๆ
จะดีมากถ้าเว็บไซต์ของเรามีการติด pixel ต่างๆของแต่ละแพลตฟอร์มเอาไว้ เพราะเราสามารถนำมา retarget หาคนที่เคยเข้ามาอ่านเนื้อหา
7. ถ้าโพสต์นี้ มันไวรัล มากๆ ให้เอาไปยิงแอด
แนะนำให้เอาไปยิงแอดแบบ engagement หรือ Reach จะช่วยกระจายแบรนด์ให้เราดังยิ่งขึ้น ค่าโฆษณาจะถูกมากๆเลย
ทุกครั้งที่ใช้วิธีการนี้จะมีคนติดตามเพิ่มขึ้นมาโดยอัตโนมัติและเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ใช่เพราะว่าเนื้อหาที่เราทำขึ้นมานั้นตอบโจทย์เขาจริงๆ
สรุป
เฟสบุ๊คปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา อย่าฝืนยึดติด ใช้แต่ท่าเดิมๆ ที่เคยได้ผล แต่วันนี้มันพังแล้ว
ปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยนะครับ แล้วเราจะอยู่รอด