วัดผล Conversion การบรอดแคสต์ ผ่าน LINE ทำได้แล้ว ด้วย LINE TAG
LINE TAG วัดผล Conversion การบรอดแคสต์ ผ่าน LINE ทำได้แล้ว
LINE ก็มี Pixel แล้วน้า!! เรียกว่า
ในยุคที่คนทำ Online ต่างหันมาวัดผลกันอย่างเข้มข้นมากขึ้น
ตั้งแต่ Google / Facebook หรือแม้แต่น้องใหม่ อย่าง TikTok
ล้วนมีตัวจับพฤติกรรมของตัวเองทั้งนั้น
ทำให้มีข้อมูล มาตรวจสอบได้ตาม Funnel หรือ วัดผลได้ง่ายๆ
จริงๆผมเองก็ฟังมานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นปี
ว่าฝั่งของ LINE ก็มีเรื่อง conversion มี pixel เหมือนกัน
แต่ User ที่ใช้งานอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่ได้สัมผัส
จนล่าสุดครับ!!
ทางไลน์ได้ออก ตัว Conversion สำหรับ LINE มาให้ใช้งานกันแล้ว
โดยมีชื่อว่า LINETAG เพื่อเอาไว้ติดตั้งในเว็บไซต์ เพื่อวัดคอนเวอร์ชั่นต่างๆ
หลังจากที่บรอดแคสต์ข้อความออกไปแล้วได้
ยกตัวอย่างเช่น
เราจะทำแบบสอบถามออนไลน์ แล้วจับสถิติว่า
คนเปิดหน้าแบบฟอร์ม กี่คน แล้ว กรอกฟอร์มสำเร็จ กี่คน
ถ้าเป็นการทำโฆษณาผ่าน Facebook / Google / TikTok
เราสามารถวัดผลได้เลย เพราะมีการติด Pixel เอาไว้
แต่สำหรับ LINE
แล้วบรอดแคสต์ผ่าน LINE
ถ้าเราอยากรู้ว่า มีคนเปิดหน้านี้ จาก LINE เท่าไร
แล้วกรอกฟอร์มสำเร็จ จาก LINE มีเท่าไร
เราทำไม่ได้เลย
แม้ Line OA เวลาบรอดแคสต์ข้อความไปแล้ว ทุกครั้งจะมีสถิติให้เราดู
แต่สถิตินั้น ก็ดูได้เพียง คนเห็นข้อความ หรือ กดดูลิงค์ในข้อความ เท่านั้นเอง
แต่ถ้าเราติดตั้ง LINE TAG ไปในเว็บไซต์ที่จะทำเป็นลิงค์ สำหรับการบรอดแคสต์
เราจะรู้ลึกไปมากกว่าเดิม
เวลาบรอดแคสต์ ให้คนกรอกแบบฟอร์ม
เราจะรู้ไปถึงว่า คนเปิดหน้าแบบฟอร์มแล้ว กี่คน และ กรอกฟอร์มสำเร็จ กี่คน
ซึ่งเราสามารถวัดผลได้ จากการติด LINE TAG หรือ Pixel สำหรับ LINE ในหน้าเว็บนั้น นั่นเอง!!
โอ น่าสนใจมากๆ เลยนะครับ!!
รอมานานแล้ว
เดี๋ยวลองไปเล่นก่อนนะครับ แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังต่อในครั้งหน้า
จะติดตั้งตรงๆ หรือ ติดตั้งผ่าน Google Tag Manager ก็ได้เลยครับ!
คาดว่า การปล่อย TAG LINE มาให้ใช้กันตอนนี้
ดูสอดคล้องกับ ข่าวที่ LINE จะให้ผู้ใช้งาน
สามารถทำโฆษณาผ่านไลน์ ได้เอง โดยไม่ต้องผ่าน Agency แล้ว
(ตอนนี้ ที่ทำได้คือ Gain Friend)
ต้องรอกันนะครับ ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 ขั้นตอน Retargeting ใน TikTok Ads ทำได้แบบนี้นี่เอง
3 ขั้นตอน Retargeting ใน TikTok Ads ทำได้แบบนี้นี่เอง
หลายคน คงจะเคยได้ยินคำว่า Retargeting มาหลายครั้งแล้ว
บางคนอาจจะเคยใช้มาบ้างแล้ว ใน Facebook หรือ Google
แล้วสำหรับ social media ตัวใหม่ อย่าง tiktok ล่ะ
มีกับเค้าบ้างมั้ย
คำตอบก็คือมีครับ
แต่การจะ Retarget ไปหาได้ คุณต้องมีการโฆษณาออกไปก่อน
เพื่อสร้างกลุ่มผู้ชม เพื่อจะส่งโฆษณากลับไปหาเขาเหล่านั้น
ลองมาดูขั้นตอนกันครับ
1.ทำโฆษณาตัวเปิดไปก่อน
ขั้นตอนนี้ แนะนำให้ทำคลิปที่ทำให้คนสนใจ รู้จักสินค้าของเรา
ถ้าทำได้ดี คนอาจจะตัดสินใจซื้อเลยต้ังแต่ครั้งแรก
- ทำคลิปเข้าใจง่าย เป็นแนวรีวิว จะได้ผลดี
- มี salepage ที่ติด pixel ไว้ด้วยจะดีมาก เพราะเก็บคนที่เข้าไปในหน้านั้นได้
- ติดลิงค์ LINE OA และ Messenger หรือจะมีเบอร์โทรก็ได้ เพื่อไม่ให้เสียโอกาส
แนะนำใช้วัตถุประสงค์ traffic เพราะจะเก็บคนได้ดี และมีโอกาสขายของได้ตั้งแต่ครั้งแรก
แต่ถ้ายังไม่ซื้อ ไม่เป็นไร เพราะเราจะ retarget ไปอีกรอบ
2.สร้างข้อมูลคนที่เคยมีส่วนร่วมกับโฆษณา
เมื่อโฆษณา ทำงานไปสัก 7 วัน ก็จะเริ่มมีข้อมูล ผู้ใช้งาน มาให้เราสร้างกลุ่มเป้าหมายกำหนดเองแล้ว
ตอนนี้ ให้เข้าไปสร้าง ใน custom audience จากสองแหล่งข้อมูล นั่นคือ
- คนที่มีส่วนร่วมกับโฆษณา มีสองแบบ คือคนดู กับคน คลิกโฆษณา
- คนที่เข้าไปในหน้าเว็บ หรือ salepage ซึ่งจะรู้ได้ หากเราติดตั้ง TikTok Pixel ไว้ด้วย
หากมีข้อมูลเยอะๆ ก็สามารถ นำ custom audience เหล่านี้
ไปทำ look a like ได้เช่นกัน เหมือน Facebook เลยครับ
3.ส่งโฆษณากลับไปหาคนที่เคยมีส่วนร่วมนั้น
เมื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้แล้ว ก็นำโฆษณาอีกชุด ส่งไปหาเขาได้
- ส่งรีวิว สินค้า คนที่ใช้แล้วได้ผลดี
- ส่งโปรโมชั่นกลับไปหา เพื่อให้ตัดสินใจเร็วขึ้น
แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน แต่ละสินค้าเลย
ลองไปทำกันดูนะครับ ได้ผลอย่างไร inbox มาแจ้งกันได้นะครับ 😉
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้
5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้
2-3 ปีที่ผ่านมา คนที่เข้ามาในวงการขายของออนไลน์
จะคุ้นชินกับการซื้อขายผ่าน Facebook ผ่าน inbox ผ่านการแชท
ซึ่งถือว่าสะดวกสบายดี คนไทยชอบทัก ชอบคุยก่อนซื้อ
และระหว่างนั้นเอง คนไทยก็รู้จักการซื้อของผ่านเว็บมากขึ้น
เพราะการเข้ามาของ Marketplace เจ้าดังๆ อย่าง shopee lazada หรือ jdcentral
และซื้อโดยไม่ต้องทักถาม เห็นราคา เห็นรายละเอียด สนใจก็ซื้อเลย
จะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีเครื่องมือ ที่ใกล้เคียงกับ Marketplace เหล่านี้?
สิ่งนี้เรียกว่า sale page นั่นเอง
ใครที่เคยรู้จักคำนี้ หรือ รู้จักแบบผ่านๆ
วันนี้ ผมจะขอแชร์ข้อมูลอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ
ว่าจะใช้ หรือ ไม่ใช้ดี กับ..
“5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้”
1.สร้างได้เร็วกว่าทำเว็บ
จริงๆ sale page คือ เว็บไซต์หน้าเดียว นั่นแหละ ที่ยกเอาเมนูต่างๆ ที่ไม่จำเป็นออก เหลือเพียงข้อมูลและปุ่มที่จำเป็น ดังนั้น จึงไม่เน้นความซับซ้อนในเรื่องระบบ และการเรียนรู้
sale page ปัจจุบัน เน้นเครื่องมือที่ง่าย สะดวกสบาย เพราะต้องการให้คนใช้งานง่ายที่สุด หากใครเคยพิมพ์ word มาก่อน การทำ sale page ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ถ้าเตรียมข้อมูลพร้อม ใช้เวลา 30 นาที ก็เสร็จพร้อมใช้งานได้แล้ว
2.เก็บสะสมพฤติกรรม สะสมลูกค้า จากหน้า salepage ได้
ข้อดีที่น่าสนใจสำหรับ sale page นั่นคือ การเก็บพฤติกรรมผู้ใช้งานที่เข้ามาในหน้านั้น โดยใช้ code บันทึกสถิติเข้ามาช่วย
ถ้าฝั่งของ Facebook กับ TikTok เราเรียกว่า Pixel (ส่วนใหญ่เก็บได้มากกว่า 1 pixel ต่อ 1 sale page)
ถ้าฝั่งของ Google เราเรียกว่า Google analytics
ส่วนการเก็บสะสมลูกค้าที่สนใจ มีความพร้อมซื้อสินค้าของเรา ก็คือ การติดปุ่มทักไลน์ เอาไว้ในหน้า sale page นั้นด้วย ซึ่งเป็น function พื้นฐานที่ salepage จะต้องมีอยู่แล้ว
3. Retargeting ข้าม platform ได้
เมื่อเราเก็บสะสมพฤติกรรมลูกค้าได้ เราก็สามารถจะ Retargeting ทำการตลาดหลอกหลอน ลูกค้าได้แล้ว
ยิ่งเราสะสม pixel ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะ Facebook TikTok หรือ Google ก็สามารถทำการตลาด Ratargeting ได้ครบทุกช่องทาง
จะเข้ามาจากช่องทางไหน ก็จะโดน Raetargeting ไปทุกที่เลย ว่างั้น!!
4.ลดงาน admin แชทน้อยลง
Salepage ที่มีข้อมูล มากพอ ให้ลูกค้า ศึกษา ตัดสินใจ มาก่อนหน้า
จะช่วยลดลงาน admin ไปได้เยอะ ไม่ต้องทักถามให้เสียเวลา
หากเขาตัดสินใจจากข้อมูล การแก้ปัญหา รีวิวผู้ใช้งาน ข้อเสนอที่ดี มากพอ
ลูกค้าก็พร้อมทักไลน์ หรือ กดฟอร์มสั่งซื้อได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องถามแอดมินเพิ่ม
และตอนนี้ salepage ที่ให้บริการส่วนมาก จะเชื่อมโยงกับบริการ Line Notify หรือ การแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อมี Order เข้ามา จึงทำให้ลูกค้าได้รับการติดต่อที่รวดเร็ว ส่วนคุณและ แอดมินก็เห็นยอดเข้าทันที
แบบนี้ ดีมั้ยครับ?
5. เก็บฐานข้อมูลลงระบบ เป็นระเบียบ
ส่วนใหญ่คนขายของออนไลน์ โดยมาก ไม่ค่อยจะเก็บฐานข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ ถ้าลูกค้าซื้อของ กรอกฟอร์มผ่าน salepage ข้อมูล เบอร์โทร ชื่อ ที่อยู่ จะถูกเก็บเอาไว้ ให้คุณนำมาใช้งานได้
Salepage ส่วนใหญ่ สามารถดึงข้อมูลเหล่านี้ออกมาเป็นไฟล์ Excel เพื่อใช้งานได้อย่างมีระบบ
ดึงเอาเบอร์โทร ลูกค้ามาทำ Custom audience แล้วไปสร้างเป็น Look a like audience ได้อีก!
สรุป
นี่คือ “5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้”
ลองไปคิด วิเคราะห์ เพิ่มเติมกันได้นะครับ 😉
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ยิงแอด Facebook แล้วปิดการขายยาก ให้ยิงแบบ Facebook Funnel อ่านแล้วเอาไปทำตามได้เลย
ยิงแอด Facebook แล้วปิดการขายยาก ให้ยิงแบบ Facebook Funnel อ่านแล้วเอาไปทำตามได้เลย
สมัยนี้ หลายคนบอกว่า
ยิงแอดยากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่เขียนโพสต์อะไรนิดๆหน่อยๆ
ส่งออกไปหากลุ่มเป้าหมาย สักพักก็ได้ยอด
ใช่แล้วครับ สมัยก่อน โฆษณาใน Facebook เป็นเรื่องใหม่
ทำอะไรก็แปลกตา
พอความแปลกตา ผ่านวันเวลามานานๆเข้า
เรื่องเหล่านี้ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา จนคนรู้สึกเฉยๆ
การทำโฆษณาสมัยนี้ เราจึงได้ยินคำว่า Funnel กันบ่อยขึ้น
อันที่จริง ก็คือหลักการตลาดเดิม ที่ทำให้คนไม่เคยรู้จัก สนใจ มากขึ้นๆ จนกล้าซื้อสินค้ากับเราแหละครับ
วันนี้ จะขอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ
เน้นเป็นวิธีทำ ที่อ่านแล้ว เอาไปใช้ได้เลย
หมายเหตุ
ถ้าสินค้าตัดสินใจง่าย บางที คุณอาจจะขายได้ตั้งแต่ครั้งแรกเลย
แต่ถ้าสินค้าต้องพิจารณานาน บางครั้ง อาจจะต้อง
1.ส่งโฆษณาไปหากลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า
โฆษณาชุดแรก ที่คุณต้องส่งไปหากลุ่มเป้าหมาย คือ โฆษณาที่ทำให้คนรู้จักเราก่อน
ว่าเราคือใคร ทำอะไร แก้ปัญหาอะไรให้เขาได้บ้าง
เขียนให้สะดุดตา โดนใจกลุ่มเป้าหมายไปเลย ให้รู้ว่าเราคือคนที่จะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้เขาได้ บางครั้งถ้าเขียน หรือ สื่อสารดีๆ ถ้าราคาเหมาะสม หรือ ไปสะดุดต่อมอยากได้ ก็อาจจะปิดการขายในขั้นตอนนี้เลย ก็เป็นได้
ขั้นตอนนี้ใช้ ความสนใจที่ Facebook มีให้เราใช้งานเลย
แต่ถ้ายังขายไม่ได้ ให้ไปสู่อีกขั้นตอน
ขั้นตอนนี้ สำหรับ Facebook ถ้าทำ Video เราสามารถทำ Custom audience ได้ / ถ้า video สั้นๆ ก็เลือกเอาคนที่ดู video เกิน 50%-75% หรือหากเป็นภาพ ก็ทำ Custom audience จากคนมี ส่วนร่วมกับโพสต์ได้
กลุ่มเป้าหมาย
เลือกคนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ในช่วงวันที่ 1-3
2.ส่งโฆษณา เสริมความมั่นใจ ไปให้ดูอีก
จากข้อ 1 เมื่อเราสร้าง Custom audience จาก การรับชม Video หรือมีส่วนร่วมกับโพสต์มาแล้ว เราจะส่งโฆษณาอีกแบบไปให้เขาดู
โฆษณาในขั้นนี้ อาจจะเป็นโฆษณาที่เจาะลึก ลงในสินค้าเรามากขึ้น หรือ อาจจะมีรีวิวคนใช้งาน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คนที่พอใจในสินค้าของเรา
เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายของเรา เคลิ้ม คล้อยตามสิ่งที่เราบอกไปอีกขั้น
กลุ่มเป้าหมาย
เลือกคนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ในช่วงวันที่ 4-7
3.ส่งข้อเสนอ หรือ ราคาที่เห็นแล้วว้าวกลับไป
เมื่อรู้จักสินค้าแล้ว เห็นผลลัพธ์แล้ว รู้สึก อยากจะลองใช้ ลองซื้อ
แต่อาจจะติดอยู่ตรงเรื่องราคา ถ้าข้อเสนอดีๆ ก็ตัดสินใจง่ายขึ้น
ขั้นตอนนี้ ลองนำเสนอราคาโปรที่ดูเร้าใจ
มากกว่าสองขั้นตอนแรกดู
กลุ่มเป้าหมาย
เลือกคนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ในช่วงวันที่ 8-16
4.ถ้ายังไม่ซื้อจริงๆตอนนี้ บอกให้ติดตามไว้ก่อน
ถ้าทำยังไง ส่งอะไร ก็ไม่หือ ไม่อือ กับโฆษณาของเรา
แสดงว่า เขายังไม่พร้อมกับการซื้อในตอนนี้ ก็เป็นได้
อาจจะรอเงิน หรือ ไม่สนใจเลยจริงๆ
ในขั้นตอนนี้ ให้นำเสนอโฆษณา แบบภาพรวมออกไป
เป็นการให้ติดตามเราอยู่เรื่อยๆ นะ จะมีสินค้าดีๆ มีอะไรดีๆ มานำเสนอให้
จะได้ไม่พลาดโอกาสดีๆ จากเรา
กลุ่มเป้าหมาย
เลือกคนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ในช่วงวันที่ 17-30
ปล.
- กลุ่มเป้าหมายที่ดูโฆษณา มีส่วนร่วมกับเพจในช่วงเวลา ต่างๆ นั้น ให้ใช้เทคนิคการทำ custom audience คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์หรือโฆษณา
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คนดูโฆษณา (อันนี้ อาจจะซับซ้อนหน่อย)
- คนที่ดูโฆษณา 1-3 วัน ก็ให้เลือก คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 3 วัน
- คนที่ดูโฆษณา 4-7 วัน ก็ให้เลือก คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 7 วัน และ ไม่รวม (exclude) คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 3 วัน
- คนที่ดูโฆษณา 8-16 วัน ก็ให้เลือก คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 16 วัน และ ไม่รวม (exclude) คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 7 วัน
- คนที่ดูโฆษณา 17-30 วัน ก็ให้เลือก คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 30 วัน และ ไม่รวม (exclude) คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 16 วัน
ลองไปทำกันดูนะครับ 😉
แรกๆ อาจจะงง สับสนบ้าง
แต่ถ้าทำบ่อยๆ แล้วรับรองว่า จะคุ้นเคยไปเอง
พอจะเห็นเป็นแนวทางบ้างแล้วมั้ยครับ?
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 เหตุผลที่ต้องเล่น TikTok ก่อนยิงแอด TikTok
3 เหตุผลที่ต้องเล่น TikTok ก่อนยิงแอด TikTok
คำถามสุดคลาสสิก ณ ตอนนี้
สำหรับคนที่สนใจยิงแอด ใน TikTok
แพลตฟอร์มเล่นวิดีโอ ขนาดสั้น ที่มาแรงสุดๆในบ้านเราตอนนี้
และต้องบอกเลยว่า ใครยิงแอดใน TikTok ตอนนี้
ถ้ายิงติด ก็เหมือนกับ Facebook Ads เมื่อ 5-6 ปีก่อน
แต่เคล็ดลับที่จะทำให้ยิงได้ดีนั้น
คุณต้องเล่น TikTok ให้เข้าใจเสียก่อน จึงจะทำการตลาดได้ดีใน TikTok
เพราะ สูตรสำเร็จใน Facebook นั้น ไม่อาจนำมาใช้กับใน TikTok ได้ทันที
และนี่คือ 3 เหตุผลที่ต้องเล่น TikTok ก่อนยิงแอด TikTok
1.เข้าใจพฤติกรรมคนเล่น
คนเล่น TikTok นั้น จะมีความชอบที่ไม่เหมือนใน Facebook เพราะรูปแบบการนำเสนอ ใน TikTok คือคลิปสั้น สั้นมาก แต่ละคลิปนั้น เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ที่ ดึงความสนใจของคนได้ตั้งแต่วินาทีแร
ถ้าเล่นบ่อยๆ จะทำให้เรารู้ว่าคลิปไหนที่คนชอบดู ชอบ เม้นท์ ชอบแชร์
2.เข้าใจว่าคลิปดัง ต้องทำอย่างไร
คลิปส่วนใหญ่ใน TikTok ที่คนเล่นกัน จะเป็นคลิปที่ขึ้นหน้า for your page หรือเขียนสั้นๆ ว่า FYP
ซึ่งคลิปที่ดังๆ ในบ้านเราตอนนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเทรนด์นิยม จากต่างประเทศมาก่อน ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคือ จีน คลิปประเภทสอนใจ คลิปมีคติ คลิป Howto มีประโยชน์ ล้วนได้รับความนิยม มาก่อนในต่างประเทศ
แต่เทรนด์ที่ได้รับความนิยม นั้นก็จะเกิดใหม่มาเรื่อยๆ ดังนั้น การเล่น TikTok วันละหลายๆ ครั้ง ก็จะทำให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้น
3.คลิปไหนที่ดี เอามายิงแอด
หากทำ Facebook มาบ่อยๆ ปัจจัย ที่ทำให้ค่าโฆษณาถูกลงก็คือ Content
Content ที่ดี เวลามายิงแอด ก็จะได้รับ Engagement ที่ดี น่าสนใจ ทำให้ค่าโฆษณาถูกลง
ใน TikTok ก็เหมือนกัน
ถ้าคลิปไหนที่ได้รับความนิยม และ ขายของได้ นั่นคือแนวทางของโฆษณาใน TikTok ที่คุณควรเอามายิงแอด
อย่าใช้โฆษณาที่เคยประสบความสำเร็จ จาก Facebook ตรงๆ
เพราะ คนใน TikTok ไม่เหมือนใน Facebook
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
25 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ การ ยิงแอด TikTok จากประสบการณ์จริง
25 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการ ยิงแอด TikTok จากประสบการณ์จริง
ตอนนี้ TikTok กำลังมาแรงในบ้านเรา
แต่การยิงแอด TikTok ยังเป็นเรื่องใหม่ ที่กำลังศึกษากัน
คนที่ทำเป็นแล้ว ก็ถือว่า สบายไปเลย เพราะตอนนี้ การมองเห็นสูงมาก
เหมือน Facebook เมื่อ 5-6 ปีก่อนเลย
ผมเลยขอหยิบเรื่องน่ารู้ ที่คนสอบถามมาบ่อยๆ
เลยนำมาเขียนให้อ่านกัน
สำหรับคนที่กำลังจะยิงแอดใน TikTok
หรือ กำลังยิงแอด TikTok แล้วเจอข้อสงสัยบางอย่าง จะได้ไอเดียไปแก้ไขปัญหาได้
25 เรื่องต่อไปนี้ น่าจะช่วยคุณได้
- บัญชีโฆษณา กับ บัญชี Profile TikTok คือคนละ บัญชี
- ไม่ต้องเปิดบริษัท ก็ลงทะเบียนบัญชีโฆษณา TikTok ได้
- เปิดบัญชีโฆษณา ต้องมีเว็บไซต์ก่อน จะ ดอท อะไรก็ได้ ขอให้ข้อมูลครบถ้วน
- ต้องใช้ Computer เป็นหลักในการลงโฆษณา เพราะตอนนี้ ยังไม่มี App สำหรับจัดการโฆษณา มี version mobile แต่เหมาะกับการดูรายงานมากกว่า
- ลิงค์ที่ใช้ลงโฆษณาต้องใช้ วิดีโอ กับ ลิงค์เว็บที่ TikTok อนุญาติ
- ระบบจ่ายเงิน เป็นการเติมเงินก่อน แล้วถึงยิงแอดได้
- อย่าเพิ่งเติมเงินค่าโฆษณา จนกว่าบัญชีของคุณจะขึ้นสถานะผ่าน
- ของที่ขายได้เลยใน TikTok คือของที่ตัดสินใจซื้อได้เลย ไม่ต้องคิดเยอะ
- คลิปโฆษณาใน TikTok ที่ดี คือคลิปที่ดูแล้วเหมือน Content TikTok ปกติ
- คลิปโฆษณาใน TikTok ที่ถ่ายด้วยมือถือปกติ คนจะสนใจมากกว่า คลิปที่ตั้งใจถ่าย (ณ ตอนนี้)
- คลิปที่ตั้งใจขาย คนจะดูน้อยกว่า คลิปรีวิวสินค้า
- TikTok เป็นตัวโฆษณาที่เก็บ lead คนมาไว้ได้เยอะ แล้วตามไป Ramarketing ในช่องอื่นๆ ได้ เพราะใช้งานร่วมกับ salepage จึงติด pixel และ google analytics ได้
- เมือทำโฆษณาผ่านแล้ว อย่าไปแก้หน้า Salepage เพราะถือเป็นการผิดกฏของ TikTok Ads
- TikTok ก็มีกฏในการลงโฆษณาไม่ต่างจาก Facebook
- ลิงค์ LINE OA ไม่สามารถใช้ทำโฆษณาได้โดยตรง ต้องทำผ่าน Salepage เท่านั้น
- ตอนทำโฆษณา เราเลือกใช้ Link ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Facebook post / link Myshop / URL Donwload application แต่จะวัดผลไม่ได้ชัดเจน เท่ากับการใช้ salepage หรือ เว็บไซต์ ที่ติด TikTok Pixel เอาไว้
- คลิปแนวตั้ง หรือ แนวนอน ยังไม่สำคัญเท่ากับ มันตอบโจทย์คนดูหรือเปล่า?
- 3 วินาทีแรก คือช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องดึงคนดูเอาไว้กับคุณให้ได้
- Displayname กับชื่อ Salepage ต้องมีความสอดคล้องกัน เพราะถ้าไม่เกี่ยวเนื่อง จะยิงแอดไม่ผ่าน
- ห้ามใช้ โลโก้ TikTok ในการทำโฆษณา เพราะ TikTok ไม่อนุญาติให้ใช้ ทั้งในคลิป และลิงค์โปรโมท
- จะดูว่าแอดวิ่งหรือเปล่า ต้องเข้าไปดูใน Ad group อย่าดูที่ Campaign เพราะสถานะมันเป็นสีเขียว Active ตลอดอยู่แล้ว
- TikTok Ads มีระบบ Business เหมือน Facebook ที่อนุญาติ ให้คนมาช่วยยิงแอดแทนเรา โดยใช้บัตรเครดิตของเรา แต่เข้าด้วย บัญชีโฆษณาของเขาเอง โดยไม่ต้องให้ email และ password ของเราไปใช้
- Facebook มีระบบ Campaign Budget Optimization ใน TikTok จะเป็น Automated Creative Optimization ที่ทำงานใกล้เคียงกัน
- TikTok มีทีม Support เหมือน Facebook ถ้าคุณต้องการติดต่อ ก็สามารถทำได้ ที่ Advertiser Support แต่ต้องหมั่นไปเช็คบ่อยๆ เพราะจะเป็นการเปิดหัวข้อถาม ไม่ได้แชท หรือ โทรโดยตรง
- TikTok มี invoice ให้ทุกครั้ง เมื่อมีการเติมเงิน ผ่าน EMail ที่คุณลงทะเบียนสมัครไป
แต่หากคุณ สนใจ อยากลงมือยิงแอด TikTok
ผมแนะนำให้ดูคลิปนี้ เพราะผม ตั้งใจทำขึ้นมา
เมื่อดูคลิปนี้จนจบ คุณจะรู้เลยว่า การทำ Content ขายดีใน TikTok และการยิงแอดนั้นเป็นอย่างไร
คลิกดูได้เลยครับ
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 เหตุผลที่ ที่คนกดโฆษณา มาใน salepage แล้วไม่ซื้อ
5 เหตุผลที่ ที่คนกดโฆษณา มาใน salepage แล้วไม่ซื้อ
ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้
กระแสการใช้ salepage ในบ้านเรานั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
เพราะ ช่วยลดเวลา ในการอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจไปได้มาก
ลดเวลาการตอบเกี่ยวกับสินค้าและบริการไปได้มาก
(แม้ความจริง ลูกค้าบางส่วน จะยังไม่อ่าน แล้วเข้ามาถามใน inbox ก็ตาม)
แต่หลายคนก็ยังเจอปัญหาว่า
ลูกค้ากดโฆษณามา ใน salepage แต่ทำไม ยังไม่กดถาม กดทักซื้อ?
ลองมาอ่านแนวคิด การแก้ปัญหานี้ แล้วลองไปทำกันดู
เพื่อปรับปรุงให้ salepage ของคุณ ทำงานได้ดีขึ้น
1.สื่อสารเร้าใจ และเข้าใจดี หรือยัง
เรื่องราวที่น่าอ่าน คือ หัวข้อเรื่องที่เกี่ยวกับคนอ่าน ไม่ใช่นำด้วยเรื่องของสินค้าของคุณ
พยายามโยงให้เห็นเป็นลำดับขั้นต่อไปนี้
- ทำให้เห็นปัญหา หรือ pain point ของเค้ามากพอหรือเปล่า
- พูดถึงความเจ็บปวดที่เขามีหรือยัง
- มีผลลัพธ์โชว์ให้ดูหรือเปล่า
- มีรีวิว testimonial ให้ดูหรือเปล่า
2.ราคาเหมาะสมหรือเปล่า
ลองสำรวจราคา ว่าเหมาะสมหรือเปล่า เร้าใจหรือไม่ ถ้าเป็นเรา เราจะซื้อสินค้าในราคานี้มั้ย? (แบบไม่ลำเอียงตัวเอง)
- หากเป็นเรา จะซื้อสินค้า ในราคานี้มั้ย
- ถ้าเหมือนคู่แข่ง เรามีอะไรที่เหนือกว่า
- พยายามลองจัด Set สินค้า ประเภท 3 ชิ้น 5 ชิ้น หรือ 3 แถม 2 เพื่อทำให้ยอดขายของเราเพิ่มขึ้น จากการคลิกแอดเข้ามา 1 ครั้ง
3.ข้อเสนอดีพอหรือเปล่า
เรื่องเล็กๆ บางเรื่อง กลายเป็นปัจจัย ที่ทำให้คนเลือกซื้อ หรือ ไม่เลือกซื้อเช่นกัน ลองปรับดูนะครับ ว่าตอนนี้ สินค้าของคุณขายแบบไหน?
- มีเก็บเงินปลายทางมั้ย : คนไทยซื้อของครั้งแรก จะไม่มั่นใจกับร้านใหม่ๆ ที่เลือกซื้อ เพราะกลัวโดนโกง ดังนั้นเก็บเงินปลายทางจะทำให้คนกล้าสั่ง
- ค่าส่งฟรี : ค่าส่งเหมือนยาขมในบทสนทนา พอได้ยินค่าส่ง แล้วไม่เอา ให้ลองปรับกลยุทธ รวมค่าส่งไปกับสินค้า / แล้วคำนวณกันดีๆ นะครับ
4. สร้างความขาดแคลน เร่งด่วนไว้หรือยัง?
การสร้างขอบเขต หรือ ข้อจำกัด ให้รู้สึกต้องซื้อตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ยังใช้งานได้ดีเสมอ ซึ่งมักจะมาในคำพูดของ
- มีเวลาจำกัด ข้อจำกัดเฉพาะ
- 20 คนแรกทีสั่งซื้อเท่านั้น / ภายในวันที่…
ถ้านึกไม่ออก ลองไปหาดูรายการ ควอนตัมเทเลวิชัน ทีวีไดเร็กต์ หรือ ช่อง 8
5.ติดต่อ ยากไปหรือเปล่า
บางที สินค้าดี คนเห็นแล้วชอบ แต่กดสั่งยังไงเนี่ย!! มองหาไม่เจอ ลองไปดูสิว่าใน salepage ของเรา ขาดสิ่งเหล่านี้ไปมั้ย?
- คำพูดในปุ่มติดต่อ สื่อสารดีหรือยัง : อย่าใช้ปุ่ม LINE หรือ Mesenger เฉยๆ คนงง ให้สื่อสารว่า “กดปุ่มนี้ติดต่อเรา” “ปรึกษาเรากดปุ่มนี้” “ทักไลน์กดเลย” แบบนี้คนเข้าใจง่ายกว่ามาก
- ปรับตำแหน่ง กดติดต่อ ให้มากขึ้น : อย่าเอาไว้ล่างสุด อย่างเดียว ให้ติดตั้งถี่มากขึ้น จะด้านบน สำหรับคนใจร้อน ตรงกลางสำหรับคนที่อ่านเพลิน ด้านล่าง สำหรับคนที่ชอบอ่านถ้วนถี่ หาก salepage ไหนมีปุ่มลอย ก็ถือว่าดีมาก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
Update Feature ใหม่ TikTok Rewards คืออะไร?
Update Feature ใหม่ TikTok Rewards คืออะไร?
มาแล้วครับ มาแล้ว ลูกเล่นใหม่ของ TikTok
TikTok Rewards คืออะไร?
ที่มาของ โปรแกรมพิเศษนี้ ก็คือ ตอนนี้ TikTok ต้องการเติบโตจำนวนผู้ใช้งานในแอพให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้
เมื่อไม่นานมา สักเดือนก่อน นี้ตัวเลขคนใช้งานในไทย ประมาณ 18 ล้านคน ซึ่งมากกว่า คนใช้ twitter ในไทยซึ่งมีตัวเลข 7.5 ล้านคน
ถือว่าการเติบโตสูงมาก แต่ยังไม่มากพอ
ดังนั้น TikTok เลยทำโปรแกรมนี้มาเสริม ด้วยการให้ User ใน TikTok ไปชวนคนมาสมัคร App TikTok ถ้าสมัครสำเร็จ ก็จะได้ทันที 1000 แต้ม
แต้มนั้น เอาไปทำอะไร
เนื่องจากเพิ่งเริ่มมีการใช้งาน ดังนั้น ของที่เอามาแลกแต้มตอนนี้ ยังเป็นส่วนลดการซื้อสินค้า จากผู้สนับสนุน ซึ่งส่วนตัวมองว่า เป็นมุมมองใหม่ ในการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ต่างๆ หรือ ธุรกิจต่างๆ
เรียกว่า วินๆ กันทุกฝ่าย
- User ได้แต้มไปใช้แลกส่วนลด (ในอนาคต อาจจะมีแลกของ)
- TikTok ได้คนเพิ่มมาในระบบ
- ผู้สนับสนุน ได้ยอดขายเพิ่ม หรืออย่างน้อยก็คือการรับรู้แบรนด์
ลองไปเล่น ลองไปศึกษากันดูนะครับ
เพราะว่าช่วงนี้ พี่เขา มาแรงมากๆ
หากเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
เลือกใช้ Google หรือ Facebook ทำการตลาด ตอนไหนดี? คำถามนี้ มีคำตอบให้
เลือกใช้ Google หรือ Facebook ทำการตลาด ตอนไหนดี? คำถามนี้ มีคำตอบให้
มีเจ้าของกิจการหลายท่าน
เคยถามผมว่า
“เราควรเลือกใช้ Google หรือ Facebook สำหรับทำการตลาดออนไลน์”
ผมขอตอบคำถามนี้ โดยแยกออกมาตามพฤติกรรมของลูกค้านะครับ
แบ่งง่ายๆ แบบนี้
“ถ้าสินค้า เป็นสิ่งที่คนมองหา เพื่อแก้ปัญหา ใช้ Google”
“ถ้าสินค้า เป็นสิ่งที่คนเห็นแล้ว รู้สึก อยากได้ ใช้ Facebook”
ฝั่ง Google ผมมองเครื่องมือออนไลน์ เป็นพวก youtube / website / google business
เวลาคนจะแก้ปัญหาอะไรที่เร่งด่วน จำเป็น บริการของ google ช่วยได้ดีมากๆ
- จะตัดสินใจซื้อของ ขอดูรีวิว จะไปดูใน Youtube ก่อน แล้วไปซื้อ บางทีก็ซื้อสินค้าจากลิงค์ในคำบรรยาของ Youtube นั่นแหละ
- จะเดินทางไปที่ไหน ประหยัดเวลา ค่าน้ำมัน ไม่หลง โทรไปหาก่อนด้วย Google Maps (พิกัดร้าน จัดการด้วย Google Business) ที่สำคัญ ร้านไหน หรือ ธุรกิจไหนอยู่บนแผนที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนซื้อได้อีกเยอะ
- หาข้อมูลแก้ปัญหาบางอย่างให้ตัว หาเจอได้จาก Google Search แล้วเจอได้ทั้งข้อมูล และภาพ ที่ต้องการ / ถ้าเว็บเรามีคำตอบให้คนที่กำลังมองหา / เค้าจะมองเห็นเราเป็นหนึ่งในทางแก้ปัญหาให้เขา
ฝั่ง Facebook ผมมองเครื่องมือออนไลน์ เป็น Facebook group / Facebook live / fanpage
- คนเราชอบหาข้อมูล หรือ สอบถามเพื่อให้ได้คำตอบเร็วๆ จาก Facebook Group หรือ ได้ข้อมูล insight ที่ไม่อิงแบรนด์ อิงยี่ห้อ เป็นคำตอบจากคนใช้งานจริงๆ / คนเราชอบใช้ Facebook group แบบนี้
- ของบางอย่าง อาจจะยังไม่รู้สึกอยากได้ จนกระทั่งมี Live เกิดขึ้นมา / เห็นคนอื่นเขากด F สินค้า (สั่งจอง) กันสนั่นหวั่นไหว หัวใจของเรา มันก็อยากได้ขึ้นมาสินะ
- Fanpage คือ สื่อตัวเดียวของ Facebook ที่สามารถ ทำโฆษณาได้ เรียกว่าครบครันที่สุด / สามารถส่ง Content ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้ม สนใจสิ่ง สินค้าและบริการของเรา
แต่จะดีไปยิ่งกว่า หากเรานำทั้งสองสิ่งนี้ มาผสมผสานกัน
เพราะว่า ช่วยกัน ย่อมดีกว่าเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น
- ทำคลิปใน Youtube แล้วให้คนลิงค์ มาสอบถามทาง inbox ในเพจได้
- คนที่ search เจอเว็บไซต์เราหน้าไหน ก็กลับไป Remarketing ผ่าน Facebook ได้ด้วย Pixel
- คนที่หากิจการเราเจอใน แผนที่ ก็ใส่ลิงค์ไปยัง Facebook ได้ เพื่อให้เขามีข้อมูลเพิ่ม และติดต่อเรามาได้ง่ายขึ้น
นี่คือตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น
ลองไปประยุกต์ใช้กันดูนะครับ
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
เพิ่มยอดขาย ธุรกิจขายประกัน ด้วยช่องทางออนไลน์ ทำได้แบบนี้
เพิ่มยอดขาย ธุรกิจขายประกัน ด้วยช่องทางออนไลน์ ทำได้แบบนี้
มีคนเคย ถามผมมาทาง inbox อยู่บ่อยๆ ว่า
ธุรกิจประกัน จะทำให้คนรู้จัก ในช่องทางออนไลน์ ยังไงได้บ้าง
เมื่อก่อน ผมเคยเป็นคนหนึ่ง
ที่ไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องการทำประกัน
อาจจะเป็นเพราะ ไม่เข้าใจ หรือ มีความเข้าใจผิดๆ
แต่เมื่อได้ฟังการแนะนำ การวางแผน
หรือ เกิดเคสที่ต้องใช้จ่ายเยอะๆเกี่ยวกับสุขภาพ
จึงเห็นความสำคัญของประกัน
และการที่ผมซื้อประกันได้ ก็มาจาก การได้รับข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
จนเห็นความสำคัญ นั่นเอง ซึ่ง ใช้เวลาพอสมควร
(ยกเว้นเรื่องที่จำเป็นจริงๆ เราก็ต้องทำประกันทันที)
ดังนั้น ผมเลยอยากแชร์ เทคนิค ที่จำเป็นสำหรับคนทำประกัน
หากต้องการเพิ่มยอด ให้กับธุรกิจของตัวเอง ด้วยออนไลน์ ด้วยช่องทางต่างๆ
แนะนำให้ทำแบบนี้ครับ
1.เปิดด้วย Facebook
เปิดเร็วที่สุด ใช้งานสะดวกที่สุด และทำโฆษณาได้ง่ายมีแหล่งข้อมูลให้ศึกษาได้เยอะ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ก่อนจะทำโฆษณา ต้องให้คุณค่ากับคนอื่นๆ ก่อน
- ให้คุณค่ากับคนทั่วไป โดยเนื้อหาที่ย่อยง่าย
- เอาเรื่องที่คนสงสัย ก่อนจะทำประกันมาเป็น Content
- สร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยการยกเคสที่เรา ช่วยให้ลูกค้าแก้ปัญหาได้ หรือ ประทับใจมาบอกเล่า
- พยายามสร้างความแตกต่าง ด้วยประสบการณ์ เพราะรูปแบบของการให้บริการ นั้นต่างกันไม่มากนัก
2.สร้างฐานทัพด้วย Website
การมีเว็บไซต์ คือการสร้างฐานทัพให้กับตัวเอง ข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็น ที่ให้คนเชื่อมั่นในธุรกิจของคุณ รวมทั้งการติดต่อ ต้องง่ายและชัดเจน
- เว็บต้องเป็นแบบที่เปิดดูได้ทุกหน้าจอ มือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ ต้องดูได้ง่าย
- มีปุ่มกดติดต่อได้สะดวก กดแล้วต้องโทรออกได้ หรือ LINE ได้
- สร้างความน่าเชื่อถือด้วย การใช้ภาพบุคคล อย่าใช้ภาพ stock
- ติดตั้ง Google Anlytics และ Facebook Pixel เพื่อนำไปวิเคราะห์ หรือ ทำโฆษณาภายหลัง
- เก็บข้อมูลอีเมล์ลูกค้า ด้วยการแลกเปลี่ยนกับความรู้ หรือ ข้อเสนออะไรบางอย่างไว้ เพื่อติดต่อหาลูกค้าในอนาคต
3.สร้างตัวตนใน Youtube
คนส่วนใหญ่ จะหาคำตอบที่ตัวเองสงสัย ใน youtube เพราะได้คำตอบที่อธิบายได้อย่างละเอียด สามารถทำตามได้ youtube คือช่องทาง ที่คนขายประกัน สามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าให้กับ ลูกค้าในอนาคตได้ ถ้าเนื้อหาเป็นแบบนี้
- การตอบคำถามที่คนสงสัย แต่ไม่ค่อยอยากถาม
- การเอาสิ่งที่ลูกค้าตัวเองถามบ่อยๆ มาเป็นหัวข้อเรื่อง
- การเลือกซื้อประกัน เลือกจากอะไรดี
- เร่งให้คนรู้จักเราได้เร็วขึ้น ด้วยการทำ Youtube Ads โดยเฉพาะ Keyword ที่เกี่ยวข้อง จะเห็นผลเร็วขึ้น
- แนบลิงค์ ที่สามารถติดต่อเราได้ทุกช่องทาง ลงไปในเนื้อหาของ youtube ด้วย
4.เก็บลูกค้าไว้ LINE OA
ลูกค้าบางคน มักจะชอบขอข้อมูลก่อนซื้อสินค้า และถามเพื่อความมั่นใจ แต่ไม่อยากโทร การสร้าง LINE OA เอาไว้ เก็บฐานลูกค้าไว้ก่อน จึงเป็นไอเดียที่ดี
- เก็บคนที่สนใจ เอาไว้เป็นกลุ่มด้วยการติด TAG เพื่อสื่อสารแยกกันภายหลัง
- ทำ Rich Menu เอาไว้ เพื่อให้ลูกค้าได้ศึกษาข้อมูล เบื้องต้นก่อนด้วยตัวเอง
- บรอดแคสต์เนื้อหาที่น่าสนใจ แบบชัดๆ ใหญ่ๆ ด้วย Rich Message
- อย่าลืมทำ Content ใน Timeline เพราะถ้าเข้ามา แล้วไม่เห็น content อะไรเลย ความน่าเชื่อถือจะลดลงไปมาก
5.สร้างตัวตนให้เร็วที่สุดใน TikTok
TikTok คือแพลตฟอร์มใหม่ ที่จะดันให้คุณเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปได้ง่าย หากลงมือทำตอนนี้ เพราะอีก 2-3 ปี อาจจะช้าเกินเข้ามาอยู่
นี่คือ วิธีการสร้างตัวตนให้คนรู้จักใน TikTok สำหรับสายประกัน
- เน้นให้ความรู้ ยังไม่เน้นขาย
- สร้างคุณค่าที่ให้คนเข้าถึงได้ง่าย อย่าอธิบายเรื่องซับซ้อน
- แนะนำคนไปที่ social Media อื่นๆ ด้วยการปรับแต่ง Profile
- ยิงแอดบ้าง เพื่อส่งคนไปหน้า salepage แล้วเก็บเอาไว้ ด้วยการเก็บ list อีเมล์ หรือ Ratarget ด้วย Facebook
6. ขึ้นอันดับหน้าแรก Google เร็วขึ้นด้วย Google Business
หลายคน มักคิดว่า แผนที่ใน Google มีแต่หน้าร้านเท่านั้น ที่ทำได้
จริงๆ บริการธุรกิจประกัน ก็สามารถทำได้ ถ้าคุณปรับแต่ง Google Business ได้ดีมากพอ
แต่คุณจะปรับแต่ง Google Business ได้ ต้อง ยืนยันตัวตนกับทาง Google เสียก่อน
- นี่คือการทำ SEO ที่ง่ายและเร็วที่สุด เพราะถ้าคำค้นหาตรง โอกาสที่ลูกค้าจะติดต่อ ก็มีสูงกว่าปกติ
- ขอให้มีสถานที่ติดต่อ ได้ง่าย และยืนยันตัวตน กับทาง Google ก่อน
- พยายามโพสต์ข้อมูลใน Google Business ให้บ่อยที่สุด
- สร้างเว็บไซต์จาก Google Business ได้ฟรี 1 หน้า ซึ่งเนื้อหา จะมาจากโพสต์ต่างๆ ของเราที่ทำขึ้นไป รวมทั้งรีวิวจากลูกค้าด้วย
สรุป
นี่คือเคล็ดลับ เพิ่มยอดขาย ให้กับธุรกิจประกันของคุณ ด้วยการใช้ช่องทางออนไลน์ หลากรูปแบบ
เริ่มต้นลงมือทำก่อน ได้เปรียบเสมอ
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook