5 ไอเดีย ทำกำไรมากขึ้น จากการยิงแอดเฟสบุ๊คแบบเดิม ที่คุณก็ทำได้
5 ไอเดีย ทำกำไรมากขึ้น
จากการยิงแอดเฟสบุ๊คแบบเดิม
ที่คุณก็ทำได้
.
วันนี้ ไม่ได้มีเทคนิคยิงแอดเทพๆ มาฝาก
แต่มีเทคนิคทำกำไรมากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งถ้าอ่านแล้ว จะรู้สึกว่า เออ ไม่ได้พิสดารอะไร
เพียงแต่เราไม่ได้คิดทำ เท่านั้น
.
เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
มาเข้าเรื่องกันเลย!!
.
เทคนิคนี้ หากใคร ที่มีสินค้าประเภทเดียวกันหลายๆแบบ จะดีมาก
1.ตัวไหนขายดี ยิงแอดตัวนั้นเป็นตัวเปิด
ตอนคุณขายสินค้า จะมีสินค้าประมาณ 20% ที่ทำกำไรได้ดี คนชอบซื้อ
ให้เอาสินค้านั้น มาเป็นตัวเปิด ไปให้คนทักเข้ามาซื้อก่อน
เป็นการเรียกแขกเข้ามาในร้าน
เรียกคนเข้ามาก่อน เป็นหลัก!!
2.upsell ด้วยการขายแบบ set
เมื่อเข้ามาแล้ว ลองเสนอขายสินค้า ไปเป็น set เพื่อทำให้ต้นทุนในการปิดการขายนั้นคุ้มค่า
ยกตัวอย่างเช่น ยิงแอด 1 ครั้ง เสียค่าแอด 30 บาท ขายได้ชิ้นเดียว 300 บาท ก็จบไป
แต่ถ้าเรานำเสนอ ไปว่า รับไป 2-3 ชิ้นมั้ย แล้วลูกค้าซื้อ รายได้ ก็เพิ่มมากขึ้น จากค่าแอดตัวเดิม ถ้าลูกค้าไม่เอา เราก็ยังขายได้ 1 ชิ้น เหมือนเดิม
ดีกว่ามั้ยครับ แค่นำเสนอขาย?
3.มีของแถม ส่วนลด ลูกค้ารู้สึกดี
ถ้าลูกค้าซื้อเยอะๆ แล้วเรามีของแถมให้ ลูกค้าจะมีความพยายาม ในการทำให้ยอดได้ตามที่เรากำหนด เพื่อได้ของแถมหรือส่วนลด
เช่น ตอนนี้ซื้อแล้ว 840 ถ้าพี่ซื้อเพิ่มครบ 1000 เดี๋ยวจะแถมอีกตัวไปเลย หรือ ฟรีค่าส่งไปเลย ถ้าลูกค้าไม่เอา ก็แค่ปิดการขายที่ 840 บาท
เพียงเอ่ยปากนำเสนอ ก็มีโอกาสแล้ว ดีมั้ยครับ?
4.เก็บเงินปลายทาง
การซื้อขายผ่านออนไลน์ระหว่างเรากับลูกค้าครั้งแรก
การโอนเงิน ดูเป็นเรื่องยากลำบาก เหลือเกิน
ดังนั้น ถ้าให้เก็บเงินปลายทาง โอกาสปิดการขายจะเพิ่มมากขึ้น
เพราะลูกค้าสบายใจ ว่าจะไม่โดนโกง
เพียงแต่คุณต้องคำนวณค่าธรรมเนียมมของการเก็บเงินปลายทางด้วย เพราะเขาจะคิดเป็น % จากราคาสินค้า
5.ทักทายไปหาลูกค้าเป็นระยะ เมื่อเวลาเหมาะสม
การขายที่ดีที่สุด คือการขายให้ลูกค้าเก่า
การกลับไปทักทายเป็นระยะ ในเวลาที่เหมาะสมกับลูกค้า
มักจะเกิดยอดขายเสมอ
เช่นเรารู้ว่า เขาใช้สินค้าตัวนี้ แล้วจะหมดภายใน 1 เดือน
อีก 1 เดือน เราก็เข้าไปทักทาย สอบถาม ว่าสินค้าดีมั้ย ใช้เป็นไงบ้าง
แบบทักทายกันปกติ
ถ้าลูกค้าประทับใจสินค้าของคุณ
โอกาสแบบนี้ สามารถนำพาไปสู่การปิดการขายได้ง่ายๆ
ดีมั้ยครับ ไม่ต้องยิงแอดด้วย!!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
สูตรลับเรียกลูกค้า แม้ว่า ไม่ได้ยิงแอด! รู้แล้วเอาไปทำตามได้เลย!
สูตรลับเรียกลูกค้า แม้ว่า ไม่ได้ยิงแอด!
รู้แล้วเอาไปทำตามได้เลย!
เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เหนือยิงแอด คือ ไม่ต้องยิงแอด
ฟังแล้วก็เหมือนโม้นะครับ
แต่ก็เป็นความจริงไปแล้ว!!
สูตรลับนี้ ผมใช้มาแล้ว กับหลายธุรกิจ
ซึ่งได้ผลดี มีลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา แม้ว่า ไม่ได้ยิงแอด ทำโฆษณาเลยก็ตาม
- คนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
- คนตัดสินใจซื้อได้เร็วกว่ายิงแอด
อยากรู้หรือยังครับ
ถ้าอยากรู้แล้วตามมาได้เลย
ในบทความนี้!!
“สูตรลับเรียกลูกค้า แม้ว่า ไม่ได้ยิงแอด!
รู้แล้วเอาไปทำตามได้เลย!”
ก่อนที่จะเข้าไปอ่านบทความนี้
- ถ้าใครทำธุรกิจแบบมีหน้าร้าน ร้านอาหาร คาเฟ่ งานบริการ เทคนิคนี้ จะช่วยให้คุณมียอดขายเห็นผลมากขึ้นครับ
- ถ้าใครทำธุรกิจ ที่เป็นสินค้า เป็นชิ้นๆ เทคนิคนี้ อาจจะให้ผลช้า แนะนำให้ใช้เป็นเทคนิคเสริมครับ
ไม่ให้เสียเวลา ก็มาเลยครับ
1.สร้างธุรกิจบนแผนที่ Google
สูตรลับของเรา ครั้งนี้ มาจากแนวคิดของลูกค้า หรือ คนที่กำลังแก้ปัญหา
ส่วนใหญ่เขาจะใช้ Google ในการตอบคำถามให้ตัวเอง
ถ้าเราติดอันดับการค้นหาในลำดับต้นๆ โอกาส
ก็จะมากกว่าใช่มั้ยครับ
บางคนเพื่อความเร็ว ก็ไปซื้อโฆษณา Google ให้ติดเร็วๆ แบบนั้นก็ดี
บางคนทำ content ลงในเว็บ แบบนี้ มั่นคง แต่ช้าหน่อย
แต่สำหรับสูตรนี้ แนะนำให้ทำข้อมูลของคุณลง ใน แผนที่ Google Maps ครับ
ซึ่งทำได้เร็ว และ ติดง่ายมาก!!
ลงข้อมูลอย่างเดียว ไม่พอ จะต้องทำการยืนยันธุรกิจด้วยการทำ Google Mybusiness ครับ
เพราะหากคุณยืนยันแล้ว เราจะสามารถ ไปสู่ขั้นตอนต่อไป ของการทำสูตรลับนี้ได้
จากประสบการณ์ การทำ Google Mybuisness
แนะนำให้สร้าง ธุรกิจบนแผนที่ แล้วค่อยไปยืนยัน ใน Google My Business นะครับ
เพื่อให้ลูกค้าเห็นธุรกิจของเราในแผนที่เสียก่อน
ขั้นตอน การยืนยันธุรกิจ ใช้เวลาพอสมควรนะครับ
เพราะทาง Google จะส่งรหัสไปรษณีย์จากอเมริกา มาให้เรา
แต่บางคน ก็สามารถยืนยันได้เลย จากเบอร์โทรศัพท์ ถ้าแบบนี้ ก็ง่ายเลยครับ
2.การตั้งชื่อ ธุรกิจด้วย คำค้นหา และ ชื่อแบรนด์
เมื่อเราทำการยืนยันธุรกิจใน Google Business
ความสามารถในการ จัดการข้อมูลจะเพิ่มมากขึ้น
สิ่งแรกที่ควรปรับก็คือ ชื่อ Business นั่นเอง
ชื่อที่ดีนั้น ควรมาจาก “คำค้นหา” ยอดนิยมเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ
คำที่ดี ควรเจาะจง ถึงประเภทกิจการ หรือ บริการที่เขากำลังหา
หากเป็นอู่รถยนต์ คำค้นหาคือ “ซ่อมรถ” “อู่รถ”
หากเป็นร้านอาหาร คำค้นหาคือ “ร้านก๋วยเตี๋ยว” “ร้านกาแฟ”
อาจจะมี ชื่อสถานที่ ทำให้คนตัดสินใจง่ายขึ้น ในการไปใช้บริการ
หลังจากนั้น เสริมไปด้วยชื่อแบรนด์ของคุณเช่น
“ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ นายแดง โชคชัยสี่”
คนมองหาก๋วยเตี๋ยวเนื้อ แถว โชคชัยสี่ ก็มีโอกาสเจอเราได้มากขึ้น
3.การอัพเดทข้อมูล ให้ครบถ้วน
เมื่อเรามีข้อมูลใน Google Business แล้ว ต้องปรับปรุงข้อมูลให้ครบถ้วน
เพราะข้อมูลที่ละเอียด จะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ตัดสินใจ หรือ เดินทางมาใช้บริการเราได้ง่ายขึ้น
เช่น เวลาเปิดปิด / บริการของเราที่มีอยู่ / พิกัดของของสถานประกอบการ / ข้อมูลการเดินทางไป
สำคัญที่สุด คือ เบอร์โทรติดต่อ ควรง่าย
มีเว็บไซต์ต้อง ใส่ url ให้ถูกต้องชัดเจน
4.การโพสต์อย่างสม่ำเสมอ
เมื่ออัพเดทข้อมูลต่างๆ ภายใน Google Business ไปหมดแล้ว
หน้าที่ต่อไป ก็คือ การโพสต์อย่างสม่ำเสมอ
เพราะคนมักตัดสินว่าธุรกิจนั้น ยังเปิดอยู่ปกติ จากการ update เสมอ
ถ้าทำ Google Business แล้วให้คนมาอ่าน มา search อย่างเดียว
หากคุณเป็นร้านดังๆ ที่ไม่แคร์ใคร ก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอยากให้แบรนด์ของเรา เป็นที่จดจำ และสดใหม่เสมอ
การโพสต์ ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ลูกค้าใหม่ ตัดสินใจมาใช้บริการที่ร้านของเราได้ง่ายขึ้น
สรุป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้! (เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
การทำโฆษณาเฟสบุ๊ค สำหรับมือใหม่
สิ่งที่หลายคนกลัว ก็คือ เรื่องค่าใช้จ่าย
กลัวไปหมด ว่า ถ้าเริ่มยิงแอดไปแล้ว
จะโดนหักเงินไปแล้วมั้ย
ผมเองก็เป็นครับ
จำได้เลยว่า ครั้งแรกของการทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมทำให้กับบริษัทเก่า
มือไม้สั่นไปหมด ผิดพลาดไปนี่
ความบรรลัยมันเกิดขึ้นกับตัวเราแน่นอน
ต้องเอาเงินไปคืนบริษัทแหงๆ
ก็เลยต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
โชคดี ที่เราค่อยๆ ทำโฆษณา
ใช้เงินแบบพอดีๆ พอเริ่มรู้มากขึ้น คราวนี้จะหลักหมื่น หลักแสน ก็สบายๆ
แต่แม้จะผ่านการทำโฆษณามามากมายแค่ไหน
ถ้าเราประมาท หรือ ดูไม่ดี
ก็มีวันพลาดได้ ดังนั้น เลยขอนำประสบการณ์ มาเล่าสู่กันฟัง ในบทความนี้ครับ
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
1.ดูวัตถุประสงค์ ให้ถูกต้อง
หน้าแรก ของการเริ่มทำโฆษณา มันคือ วัตถุประสงค์ นั่นเอง
หน้านี้ เลือกให้ดีๆ นะครับ ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่
บางคนอยากให้เกิดการทัก แต่ดันไปเลือก การเข้าถึง
ก็ได้แต่สงสัยว่า ทำไมคนไม่ทักมาสักที
หรืออยากให้คนดู video เยอะๆ แต่ก็ไปเลือก Engagement แทน
ยอด view ก็ขึ้นน้อยกว่าที่เป็น
ดังนั้น ควรหยุดนิ่ง แล้วพิจารณาดีๆ ว่าเราเลือก วัตถุประสงค์ ถูกต้องมั้ย
ก่อนไปสู่กระบวนการต่อไป
2.เลข 0 ใครว่าไม่สำคัญ
เลขศูนย์ ใครๆ ก็มองว่าไร้ค่า
ยกเว้นว่า มันมาเรียงกัน อยู่หลังตัวเลข ในช่องงบประมาณ
เรื่องการใส่เงินทำโฆษณาเฟสบุ๊ค ก็เป็นอีกเรื่องที่พลาดกันบ่อย
เพราะ เราสามารถเลือกได้ว่า จะทำเป็นแบบ งบประมาณรายวัน หรือ ตลอดช่วงเวลาการทำโฆษณา
หลายครั้งที่เราอาจจะใส่ตัวเลขเพลินๆ แล้วเติมเลขศูนย์ เกินไป 1-2 ตัว
เช่นงบประมาณ วันละ 300 บาท แต่ใส่เป็น 30,000 บาท
ไม่ทันดู โฆษณาวิ่ง เออ ทำไมวันนี้ มันวิ่งดีจัง
หารู้ไม่ว่า เงินโดนกินไปแล้ว มากกว่า 300 บาท
พลาดแบบนี้ มันน่าเจ็บใจตัวเองครับ
ดังนั้น ต้องระวังการใส่เลข 0 ในช่องงบประมาณครับ
3.กำหนดวันเวลาเริ่มต้นสิ้นสุด
เคยคุยกับน้องคนนึง ขายของออนไลน์
ขายดีมาก จนของหมด
แต่ดันลืมกำหนด วันสุดท้าย ของการโฆษณา
ไปใส่งบประมาณโฆษณาต่อเนื่อง
มารู้อีกที ในวันที่บัตรเครดิตแจ้งเตือนตัดเงิน
อ้าว เงินค่าเฟสบุ๊คแอดนี่หว่า!!
ตกใจ รีบมาปิดโฆษณาแทบไม่ทัน
ดังนั้น ในหน้างบประมาณ ให้เราพิจารณา และตรวจหลายๆรอบว่า
งบประมาณทั้งหมด ของโฆษณาเรานั้น อยู่ภายใต้งบ ที่เราควบคุมอยู่
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์ ให้ทำแบบนี้
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์
ให้ทำแบบนี้
1 คำถามที่มักเจอเสมอก็คือ
ขายอะไรดีในออนไลน์
.
อาจจะมีหลายคำตอบ หลายแบบที่คุณเจอ
บางครั้ง อาจจะเป็นเรื่องของสินค้าขายดี ยอดนิยม แดงเดือด ก็ไม่ผิด
บางครั้ง อาจจะเป็นสินค้าที่ยังไม่มีคนขายเลย แล้วมีความต้องการสูง ก็ไม่ผิดครับ
.
ผมเลยอยากแชร์ อีกแนวคิดหนึ่ง
เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้กันครับ
(ได้แนวคิดการจากอ่าน การเรียนรู้ และ ลองทำจริง
เลยอยากให้ลองนำไปทำกันดูครับ)
.
แนวคิดนี้ ให้มอง ที่ปัญหา ของคนแทนก่อนนะครับ
.
นั่นคือ ให้ดูจากสิ่งที่เราชอบ เราถนัด
และเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้คนอื่นๆ ได้
.
ถ้าเราเริ่มจากตรงนี้ เราจะคิดต่อได้
เช่น คนเราอยากน้ำหนักตัวลดลง ทำยังไงได้บ้าง
- ออกไปวิ่งมาราธอน
- ออกไปฟิตเนส
- กระโดดเชือก
- กินอาหารคลีน
- กินผลิตภัณฑ์…
- ดูดไขมัน
- ผ่าตัดกระเพาะ
- เข้าคอร์ส กินอาหารแบบสุขภาพดี
เห็นมั้ยครับ ทางเลือกมีมากมาย
ถ้าคิดเรื่องสินค้า บางครั้ง เราอาจจะตัน
แต่ถ้าเริ่มจากปัญหา ทางแก้ไขมันเยอะ
แล้วทางเลือก จะมีมากขึ้นกว่าเดิม
ทางไหนที่เราชอบ หรือ แฮปปี้ จะเดินไป
มันจะทำให้เราอิน และ หลงรักกับการแก้ปัญหานั้น
พอเราหลงรัก และ ชอบวิธีการแก้ปัญหา
เวลามีใครมาขอความช่วยเหลือ หรือ ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
วิธีการพูดของเรา มันจะคล่องแคล่ว ตอบได้ทั้งวัน เป็นฉากๆ
มีความน่าเชื่อถือ
ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ สินค้า หรือบริการจากคุณได้
ดีกว่าเดิมมั้ยครับ แนวคิดนี้?
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เทคนิค ตั้งราคายังไง ให้คนควักตังค์จ่ายเร็วๆ
4 เทคนิค ตั้งราคายังไง ให้คนควักตังค์จ่ายเร็วๆ
การทำการตลาดออนไลน์
นอกจากจะ ทำ content / สินค้าดี
ราคาของสินค้า ก็เป็นอีก 1 ปัจจัย
ที่ทำให้ลูกค้า ตัดสินใจได้เร็วขึ้น หรือ ช้าลง
หรือไม่ซื้อเลย
วันนี้ ขอมาแชร์ แนวคิดการตั้งราคา
จากประสบการณ์จริง
เพื่อให้ทุกคนได้ลองไปใช้กันครับ..
(จริงๆ มีมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ เอาเท่านี้ก่อน 😉
1.ลงท้ายด้วยเลข 9
ราคายอดนิยม มหาชน มันมีที่มา
แม้จะดูตลก ว่าทำไม ลดแค่ 1 บาท ก็ขายกันได้แล้ว
แต่ 1 บาทนี่แหละ ที่ทำให้คนรู้สึกว่า มันถูก
เช่น 200 บาท เหลือ 199
ตัวเลขข้างหน้า ที่เป็นเลขหนึ่ง มันดูเย้ายวนใจจริงๆ 100 กว่าๆ นี่เอง
ซื้อเลย
2.ขายเป็น set แล้วทำให้ดูว่าซื้อเยอะคุ้มกว่า
ถ้าสินค้าของคุณ ราคาไม่เยอะมาก บางครั้ง การลองเสนอขายเป็น set
นอกจากจะทำให้เราคุ้มค่าแอดมากขึ้น
บางครั้งก็ทำให้ลูกค้า รู้สึกว่า คุ้มค่ากว่า ยกตัวอย่างเช่น
ซื้อ 1 ชิ้น ราคา 490
ซื้อ 2 ชิ้น ราคา 900
อาจจะกำไรน้อยลง แต่ขายได้มากขึ้นในครั้งเดียว
ต้นทุนยิงแอด ถือว่าคุ้มค่าครับ
ปล. ผมเคยใช้ประโยคชวนซื้อง่ายๆ ว่า
“ส่วนใหญ่ คนซื้อไปกินกัน 4 ชิ้น”
แล้วลูกค้า ก็จะลองซื้อ 4 ชิ้นเหมือนกัน
ตามประโยคที่เรากล่าว
แต่ควรเป็นจำนวนที่ไม่มากไม่น้อยเกินไปนะครับ
3.ตั้งราคา ที่ทำให้รู้สึกว่า มีหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่า
ถ้าเราเคยไปโรงหนัง แล้ว ซื้อ Popcorn กิน
จะเห็นว่า ราคาแพคเล็กสุด มันดูเล็กจัง ไม่ค่อยคุ้ม / ขนาดกลาง ก็กลางๆดี ดูคุ้ม / แต่ขนาดใหญ่สุดนี่ ดูแพงไปหน่อย กลัวกินไม่หมด
เราเลยตัดสินใจ ซื้อขนาดกลาง เพราะดูแล้วว่ามันดูคุ้มดี
ลองคิดกลับกันนะครับ
ถ้ามี popcorn แค่ไซส์เดียว
โอกาสการขาย ก็จะเหลือแค่ ซื้อ หรือ ไม่ซื้อ
แต่ถ้าเรามี ตัวเลือกแบบนี้ ยังไง ก็ขายได้ จะใหญ่ กลางเล็ก ก็ถือว่าขายได้
และถ้าวางราคากลาง ให้เหมาะสม
นี่คือ ราคาสินค้าที่เราจะขายได้บ่อยที่สุดล่ะครับ
4.รวมค่าส่งไปเลย
ถ้าขายของออนไลน์
ตอนนี้ ฟังจากหลายเสียงของ หลายประสบการณ์ ของคนที่ขายของด้วยกัน
พบว่า
ถ้ารวมค่าส่งไปกับสินค้าเลย
จะทำให้คนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เวลาซื้อของ
เพราะรู้สึกว่า ไม่มีค่าส่งนินา
รู้สึกคุ้มเลย
แต่ถ้าแยกค่าส่ง ออกมา
บางครั้ง จะมีคำถามประเภทที่ว่า ทำไมต้องมีค่าส่งคะ?
หรือบางครั้ง มาเร็วๆ ก็ให้รวมราคาส่งไปเลย
จะได้ไม่ต้องคิดเยอะ
หากเป็นไปได้ ถ้านำเสนอราคาในครั้งต่อไป
ถ้ารวมค่าส่งแล้ว คุ้มค่า ได้กำไร ก็รวมไปเลยนะครับ
ลูกค้าจะได้ไม่ต้องคิดเยอะ
สั่งเลย
เสริม
หากสินค้าเราสามารถ ทำให้เก็บเงินปลายทางได้ โอกาสการขายจะง่ายมากขึ้น
ไม่ใช่ ว่า ลูกค้าโอนเงินไม่เป็นนะ
แต่ถ้าซื้อของครั้งแรก ความน่าเชื่อถือ ของเราในสายตาลูกค้า
จะยังต่ำเสมอ
ถ้าโอนเงิน แล้วไม่ได้ของ จะเรียกร้องจากใคร
อันนี้ล่ะครับ คือ ปัจจัยสำคัญ ที่อยากให้คิด สำหรับการซื้อขายของคนไทย
แต่การเก็บปลายทาง ก็จะมีค่าธรรมเนียม จากค่าสินค้าด้วย
ดังนั้น คำนวณให้ดีๆ ด้วยนะครับ
สรุป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
6 เทคนิคลับ สร้าง”อับดุล” ให้ Content โฆษณา เน้นหยุดสายตา ด้วย กลุ่มเป้าหมายใน Facebook รู้แล้ว เอาไปทำได้เลย!!
6 เทคนิคลับ สร้าง”อับดุล” ให้ Content โฆษณา
เน้นหยุดสายตา ด้วย กลุ่มเป้าหมายใน Facebook
รู้แล้ว เอาไปทำได้เลย!!
.
ทุกวันนี้ บนเฟสบุ๊ค
มีเนื้อหามากมาย ให้อ่านมากมาย
แต่ละโพสต์ที่ได้รับความสนใจ ต้องสร้างแรงดึงดูดให้เข้าไปดูแบบสุดๆ
.
ต้องน่าสนใจจริงๆ
เกี่ยวกับรื่องที่เขาสนใจจริงๆ
เท่านั้น
คนถึงจะกดเข้าไปอ่าน
.
ยิ่งเป็นโพสต์ขายของ
โพสต์โฆษณา
ยิ่งต้องคิดเยอะๆ ว่า จะทำยังไง ให้คนมาซื้อ!
.
นอกจาก ภาพที่กระแทกตา
คำพูดโดนใจ ไปถึงปัญหาของคนอ่าน
.
จะดีกว่ามั้ย หากเนื้อหา ของโพสต์นั้น
เป็นเสมือน อัลดุล ที่รู้ไปหมด
ชายรู้จัก หญิงรู้จัก
.
สามารถบอกได้ว่า คนที่กำลังอ่านนั้น
เป็นชาย เป็นหญิง อายุเท่าไร
ใช้มือถืออะไร?
.
โอ ดูแล้ว มันหยุดสายตาจริงๆนะ
เพราะ เหมือนกับโดนเวทมนต์ออนไลน์ ร่ายคาถาใส่อยู่
แต่จริงๆ เคล็ดลับนี้ คุณเองก็ทำได้!
.
โดยใช้ การระบุ กลุ่มเป้าหมายใน Facebook นั่นเอง
ส่วนจะมีอะไรบ้าง มาดูกันลยครับ
.
1.อายุ
อันนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายมาตรฐานมาก ถือว่าเป็นขั้นเริ่มต้น
ในการทำโฆษณา
ถ้าโฆษณา ที่คุณเห็นมันบ่งบอกอายุ ของคนอ่านได้
อย่างน้อยๆ เขาก็จะสะดุด แล้วเช่น
เลือกช่วงกลุ่มเป้าหมาย เป็น 30-40 แล้วเขียน caption ว่า
- โปรพิเศษ สำหรับวัย (30+)
- สินค้าพิเศษ โดนใจ สำหรับชายวัยฉกรรรจ์ (30+)
2.เพศ
อันนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายมาตรฐานมาก ถือว่าเป็นขั้นเริ่มต้น
ในเมื่อเฟสบุ๊ค สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายโฆษณา เป็นเพศชายหญิงได้
เราก็ใช้ลูกเล่นนี้ ไว้ใช้สื่อสารกับ คนที่เห็นโฆษณานี้ได้
อย่างน้อยๆ ก็สร้างความสงสัยให้คนดูได้
ยกตัวอย่างเช่น
- สินค้าพิเศษ สำหรับสาวสวยอย่างคุณ
- เกิดมาเพื่อ ชายหล่อล่ำอย่างคุณ
- หล่อเหมือน 20 ปีก่อน น้ำยาละอ่อนที่คุณปรารถนา
3.วันเกิด
ข้อมูลนี้ สามารถนำไปทำการตลาดได้สนุกดีครับ
เพราะ facebook ดูจากวันเกิดของเราได้
และมักจะเตือนเราเสมอ เวลามีใครเกิดในเดือนนี้ หรือ วันนี้
เคยเจอมั้ย
เราสามารถเลือกได้ในแบบ
- คนที่มีวันเกิดในเดือนใดๆ เพื่อทำโปรโมชั่น ประจำราศี
- เพื่อนของคนที่เกิดในเดือนนี้ เพื่อให้เขามาซื้อสินค้าของเราไปฝากเพื่อนได้
- คนที่มีวันเกิดเดือนนี้ เพื่อ Promote โปรโมชั่นวันเกิด
4.สมาร์ทโฟน
ถ้าอยู่ดีๆ คุณสไลด์มือถือไป แล้วมีเคสที่ตรงกับรุ่น ของคุณใช้โผล่ขึ้นมา
ก็ดูน่าสนใจไม่ใช่น้อย
หรือใน content สามารถบอกได้ว่าสมาร์ทโฟนของคุณคือ Android หรือ iOS
ก็จะทำให้คุณสงสัย และหยุดอ่านโฆษณานั้นอีก
- เคส iPhone ที่คุณรอคอยมาถึงแล้ว!
- หน้ากากกันรอย ตระกูล Note มาแล้ว!!
5.Desktop
อีกกลุ่มเป้าหมาย ที่เราเลือกได้ ก็คือ
Device ซึ่ง Facebook มีให้เราเลือกได้สองแบบ คือ Mobile กับ Desktop
ถ้าเราเลือกให้เป็น Desktop อย่างเดียว
การแสดงผลของโฆษณา จะขึ้นที่ Computer อย่างเดียว
คราวนี้ ลองเอาไอเดียนี้ไปใช้ดู เช่น
- computer ที่ใช้อยู่ตอนนี้ แรงพอมั้ย
- มอง Comp นานๆ ตาลาย พักหน่อยมั้ย?
6.การอ่าน content ในหน้าเว็บ
กลุ่มเป้าหมายนี้ จะใช้เทคนิคมากขึ้นสักหน่อย
ไม่สามารถทำได้ทันที เพราะต้องมีการเก็บข้อมูลเพิ่มไปให้
ข้อมูลที่ว่านี้ ก็คือ ข้อมูลพฤติกรรม การเข้าดูเว็บไซต์ของเรา
ต้องติดตั้ง pixel ลงในเว็บของเราด้วย
ซึ่งพฤติกรรมที่น่าสนใจ ก็คือ
- คนเข้ามาในหน้าเว็บ
- อ่านบทความในหน้าเว็บนั้นไปแล้ว กี่ %
- เข้ามาอ่านในนั้นนานกี่วินาที
ถ้าเรารู้แบบนี้ สิ่งที่เราจะทำได้ก็คือ
ผมรู้นะ คุณแอบเข้ามาดู โฆษณาของผม ถ้าสนใจ อย่าดูอย่างเดียว ลองเลย
อ่านมานาน อยากรู้มากกว่านี้ ทักมาได้เลย!
รู้นะว่าแอบอ่านมาสักพัก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
สิ้นสุดการรอคอย LINE myshop แจ้งเตือน order ผ่านมือถือได้แล้ว
สิ้นสุดการรอคอย LINE myshop แจ้งเตือน order ผ่านมือถือได้แล้ว
หลายคนบ่นว่า ทำไม Myshop
ไม่มีแจ้งเตือนผ่านมือถือบ้าง ต้องมานั่งคอยดูหน้าจอคอมพ์ตลอด
ตอนนี้ ระบบสามารถแจ้งเตือน Order คนซื้อของผ่าน Myshop ได้แล้ว!!!
ทำง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปที่ account myshop ของคุณ
- ไปที่ตั้งค่าร้าน แล้วกดไปที่ ตั้งค่าการแจ้งเตือน
- เลื่อนเปิดปุ่มสีเขียว รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ
(เลือกได้ว่า จะให้ใครที่รับ รายการสั่งซื้อใหม่)
ปล.
ข้อความจะเด้งเตือน ต่อเมื่อ ลูกค้าแนบสลิปมา หรือ ตัดบัตรเครดิตแล้วจ้า
แล้วระบบจะขึ้นเตือนมาให้เราเช็คได้เลย แจ่มมากๆ 😉
เอ้าไปทำกันเร็ว!!
มาสั้นๆ แบบเร็วๆ
…
ปล.2
ใครอยากเรียนรู้ การใช้ Myshop
ตอนนี้ มีคอร์ส ไปลงได้เลยจ้า >>https://digitalnook.clicksalepage.com/linemyshop
(ราคา early bird จ้า)
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น
ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ทุกวันนี้ คนทำธุรกิจออนไลน์
ล้วนแต่ทำโฆษณา หาลูกค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา
มียอดขาย มีรายได้เข้ามาเยอะๆ
เป็นสิ่งที่ดีครับ
แต่ถ้าวันใด วันหนึ่ง
โฆษณาโดนปิด บัญชีโดนปิด
รายได้จบทันที
ถ้านี่คือสถานการณ์ที่คุณกำลังเจออยู่
นี่คือความน่ากลัวครับ
จะดีกว่ามั้ย หากเราวางแผนเอาไว้
ให้ดี ก่อนจะยิงแอดครั้งต่อไป
“อย่ายิงแอด เพื่อหาคนใหม่ตลอดเวลา
แต่ให้เก็บฐานลูกค้าเก่าไว้ด้วย”
สิ่งที่ ผมถาม คนขายของออนไลน์เกือบทุกคน
แล้วได้คำตอบมาเหมือนกัน ก็คือ
“ไม่ได้เก็บ เบอร์โทร ที่อยู่ ข้อมูลลูกค้าไว้เลย”
โอ น่าเสียดายครับ
ดังนั้น เลยอยากบอกกับทุกคนที่กำลังขายของออนไลน์
หรือ ขายอยู่แล้ว
ควรเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ ให้ดีๆ นะครับ
ทำเป็นระบบ
ถ้ายังไม่อยากลงทุนมาก ก็ใช้ excel หรือ ถ้าจะแชร์ข้อมูลร่วมกันในกลุ่ม ในองค์กร ก็ใช้ google sheet
หรือหากต้องการทำให้เป็นระบบ
ก็จะมี software ที่เข้ามาช่วยจัดการ พวก order เหล่านี้ ได้
นอกจากจะจัดระบบได้แล้วยังสามารถ export ข้อมูลลูกค้ามาได้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่ว่าจะเป็น x-commerce / ZORT เป็นต้น
(ใครอยากลองใช้ ก็สามารถไปสมัคร ใช้งานได้ฟรี ครับ 15 วัน)
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ทำไม ต้องทำ Business Facebook มีไว้ ทำไม? กับคำตอบ 5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมัน
ทำไม ต้องทำ Business Facebook มีไว้ ทำไม?
กับคำตอบ 5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมัน
เมื่อ 5-6 ปีก่อน คนที่เข้ามาขายของบนเฟสบุ๊ค
สิ่งที่ต้องทำ ก็คือ การเปิดเพจ และ ยิงแอด
ซึ่งใช้บัตรเครดิตของตัวเองในการทำงาน
ถ้าทำกิจการคนเดียว ก็ไม่มีปัญหาอะไร
เพราะเราดำเนินการได้เพียงลำพัง
แต่หากธุรกิจของเรา ใหญ่ขึ้น ต้องมีคนมาช่วยมากขึ้น
ตั้งแต่คนตอบคำถาม ไปกระทั่งคนมาช่วยยิงแอด
เฟสบุ๊คเลยพัฒนาระบบการทำงานร่วมกัน ที่เรียกว่า Business Facebook
ถึงแม้จะเปิดมานานแล้ว
หลายๆ คน ก็ยังไม่เคยใช้ หรือ ยังไม่รู้ว่าจะใช้ไปทำไม
เพราะ facebook profile ก็ ทำงานได้ดีอยู่แล้ว
ดังนั้น ผมเลยขอเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้อ่านกันอีกครั้งครับ
เน้นเอาที่ ใช้งานเอง แล้วเห็นข้อดี เลยขอแชร์ครับ
(ปล. ในบทความ จะมีเนื้อหาเชิงเทคนิคพอสมควร หากสงสัยตรงไหน สามารถ comment มาถามได้นะครับ)
1.เพิ่มคนเข้ามาร่วมทำงานใน Business เดียวกันได้
ก่อนหน้าที่จะรู้จัก Business Facebook เราคุ้นเคยกับการทำงานร่วมกันหลายๆ คนในเพจ
ถ้าจะทำโฆษณาในเพจ เราก็ต้องใช้บัตรเครดิตของใครของมัน เข้ามาทำการโฆษณาด้วยตัวเอง
เรียกว่าบัญชีโฆษณา ส่วนตัว
ถ้าสร้างเพจใหม่ ก็จะต้องเชิญใหม่ ทุกครั้งตลอดเวลา
แต่สำหรับ Business Facebook เราสามารถให้คนเข้ามาร่วมใน Business แค่ครั้งแรก แล้วใช้งานเพจร่วมกัน ใช้บัญชีโฆษณาร่วมกัน ได้เลยทันที ไม่ต้องเชิญมาหลายๆ ครั้ง
2.มีบัตรเครดิตใบเดียว ก็ใช้งานร่วมกันได้หลายคน
สมัยก่อน ถ้ายิงแอด Facebook ก็จะใช้บัตรเครดิตส่วนตัวในการยิงแอด
ถ้าใครทำงานบริษัท อาจจะต้องเจอกับปัญหา วันไหน ที่คนยิงแอด ไม่มา งานอาจจะไม่เดิน
เพราะต้อง login เฟสบุ๊คของคนยิงแอด
แก้ปัญหามาได้อีกหน่อย ก็ทำ เฟสบุ๊คส่วนตัว เป็นส่วนกลางของบริษัทเอาไว้ เพื่อเป็นตัวแทนของคนทั้งกลุ่ม แต่ก็ต้องสลับ account ไปมาอยู่ดี
แต่สำหรับ Business ทุกคน ที่เชิญเข้ามาทำงาน
ก็จะสามารถใช้บัตรเครดิตกลาง ของบริษัท ใบเดียวกันได้ เห็นรายงานโฆษณาเหมือนกันได้ โดยไม่ต้องสลับบัญชีไปมา
ลดปัญหา การเบิกค่ายิงแอดซ้ำซ้อน หรือ บางบริษัทคิดมาก ก็จะคิดว่า พนักงานพยายามรูดบัตรเพื่อเอาแต้มในบัตรไปแลกของใช้เองส่วนตัว (เรื่องจริง)
3.มีบัญชีโฆษณา ได้ 5 ตัว
โดยปกติแล้ว การทำบัญชีโฆษณาเฟสบุ๊ค 1 คนจะสร้างได้แค่ 1 ตัวเท่านั้น
แต่ถ้าเป็น Business Facebook เราสามารถ ทำเพิ่มได้มากสุดถึง 5 ตัวด้วยกัน
ทำไมต้องมี 5 ตัว
นั่นเป็นเพราะบัญชีโฆษณาแต่ละตัว ควรได้เรียนรู้ หรือ ทำโฆษณาในธุรกิจแบบเดียวกัน หรือ ประเภทเดียวกัน ไม่ควรแตกต่างกัน
เช่น ธุรกิจอาหาร ก็ควรใช้กับบัญชีโฆษณา ที่เป็นเรื่องอาหารเท่านั้น
ธุรกิจ อาหารเสริม ก็ควรใช้แต่บัญชีโฆษณา ที่เป็นเรื่องอาหารเสริมเท่านั้น
ไม่ควรนำมาปนกัน
4.แชร์ audience ภายใน business เดียวกันได้
เมื่อเรามี บัญชีโฆษณาหลายๆ ตัวใน Business เดียวกัน แล้ว
ข้อดีอีอย่างก็คือ เราสามารถ แชร์ Audience ของแต่ละ บัญชีโฆษณา ให้กันและกัน ไปใช้งานได้
Audience ที่ว่านี้ Custom Audience และ Look A like Audience
ประโยชน์ของการทำแบบนี้ ก็คือ
เวลาจะขยายงบโฆษณา ตัวที่สร้างรายได้ให้กับเราเยอะๆ
เราจะไม่เพิ่มเงินในลง โฆษณาตัวเดิมโดยตรง แต่จะ สร้างใหม่ แล้วให้มันทำงานไปพร้อมกับของเดิม ในบัญชีโฆษณาเดิม หรือ ไปสร้างใหม่ในบัญชีโฆษณาตัวใหม่
5.1 คนสร้างได้แค่ 2 Business
ข้อเท็จจริง อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ 1 Facebook Profile สร้าง Business Facebook ได้เพียงคนละ 2 Business เท่านั้น
ทำมากกว่านั้น ไม่ได้ (แม้ใจอยากจะทำ)
ถ้าอยากได้มากกว่านั้น ก็ต้องมี Facebook Profile เอาไว้มากกว่า 1 ตัวละครับ
อยากได้มากเท่าไร ก็คูณ 2 เข้าไป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์
ส่วนใหญ่ ถ้าไม่มีเวลาได้มานั่งทำโฆษณาด้วยตัวเอง
ก็มักจะจ้างเอเจนซี่ในการยิงแอดให้
ซึ่งส่วนใหญ่ จะดูผลลัพธ์สุดท้าย ปลายทางว่า
ลงเงินไปแล้ว คุ้มค่ามั้ย?
นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ
แต่มีอีก 4 เรื่องที่ คนจ้างยิงแอดส่วนใหญ่จะลืม เพราะคิดไม่ถึง
หรือไม่คิดว่าจำเป็น
จากประสบการณ์ของผม ที่ได้พูดคุยกับ SME หลายๆ รายที่จ้างคนมาทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมขอสรุปให้ฟังดังนี้ครับ
1.Business เฟสบุ๊ค อยู่กับใคร
ปกติ การจ้างทำโฆษณา คุณอาจไม่ได้สนใจว่า เขาจะทำผ่านอะไร แต่ถ้าให้ดี คุณควรจะสร้าง Business ขึ้นมา แล้วอนุญาติ ให้คนที่คุณจ้าง มาเป็น Advertiser
เพราะคุณจะได้เห็นว่า ผลลัพธ์ของการทำโฆษณานั้น เป็นอย่างไร มีการใช้เงินไปเท่าไรแล้ว
Report เหล่านี้ มันจะ Update แทบจะ Real Time แล้ว
ที่สำคัญ คุณจะได้เห็นกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งข้อมูลกลุ่ม Audience ต่างๆ เพื่อใช้งานได้ในอนาคตได้ เป็น asset ของเรา
เพราะหากเราทำโฆษณาผ่าน Business อื่น พอเราเลิกจ้างแล้ว ข้อมูลต่างๆที่เคยมีอยู่
เราก็จะไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เลย
ปล.ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายของการทำงานร่วมกันกับคนที่เราจ้างด้วยนะครับ แต่ถ้าให้ดี ควรมี Business ของตัวเอง
2.ใครเป็น Admin Business บ้าง
หาก Business นั้นคุณเป็นเจ้าของ ต้องดูให้ดีๆ ว่า คุณได้รับสิทธิ์ เป็นใคร เป็น admin ที่ดูแลได้ทั้งหมด ใช่หรือไม่
การจะนำคนเข้าออกใน business การเพิ่มเพจ การสร้างบัญชีโฆษณา
คุณต้องมีสิทธ์นั้น
แม้คุณจะใช้เครื่องมือในนั้นเองไม่เป็นเลย!
และหากใครจะเข้ามาใน Business ของคุณ จะต้องมั่นใจแบบสุดๆ แล้วว่า เขาคนนั้นคือคนที่คุณเชื่อใจได้มากที่สุด
ถ้าวันนี้ คุณไม่ได้มีสิทธิ์อะไรเลยใน Business Facebook ของคุณเอง
ก็น่าเป็นห่วงมากๆ เลยนะครับ
3.Report ads เฟสบุ๊ค ควรเห็นอะไรบ้าง
เมื่อจ้างยิงแล้ว สิ่งจำเป็นอีกข้อ ก็คือ การดูรายงานโฆษณาของเฟสบุ๊ค
อาจจะมี รายงานระดับที่ผู้ประกอบการเข้าใจง่ายๆ อันนั้น ก็ถือว่าดีแล้ว
แต่ขอให้มีการวิเคราะห์ให้ฟังหน่อยว่า ตัวไหนดี หรือ ไม่ดี เพราะอะไร
ถ้าไม่ดี ควรทำยังไงให้ดี
ถ้าดี เพราะอะไรถึงดี
และหากการยิงแอดของคุณ คือการยิงเพื่อหวังยอดขาย สิ่งที่ต้องดูมากๆ ไม่ใช่ค่าแอดถูก หรือ ค่าต่อการทักถูกเท่านั้น
ต้องดูว่า Purchase หรือ การซื้อ ในการทักแต่ละครั้งนั้นเป็นเท่าไร
เพราะมันมีความหมายมาก ในการขยายผลตัวโฆษณาที่ดี ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
และถ้าตัวไหนไม่ดี ก็ไม่ต้องทำโฆษณาต่อ
4.กำไรต่อการโฆษณา และการขยายผล
ต่อจากข้อ 3 ถ้าเรารู้ว่า โฆษณาตัวไหนขายดี มีผลลัพธ์การซื้อที่ดี
ให้สังเกตุว่า ดีเพราะอะไร แล้วนำมาเป็นแนวทางการทำโฆษณาต่อไป
และขยายโฆษณาตัวที่ทำงานได้ดี ด้วยการสร้าง campaign ใหม่ที่ใช้ content เดิม แล้วทำออกไปหากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่ใกล้เคียง เช่น
อายุ : เจาะจงให้แคบลงมาอีก > เช่น 25-45 อาจจะเป็น 30-34 ก็ได้
พื้นที่ : เจาะจงให้แคบลงไป จากทั่วไทย > ภาค > จังหวัด ก็ได้
สรุป
และทั้งหมดนี้คือ
4 เรื่องที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook