คัมภีร์ 7 วิถี สู้ปัญหา เฟสบุ๊ค ลด Reach
เป็นที่รู้กันดีอยู่ว่า Social Media ที่คนไทยใช้กันมากที่สุด
คือ Facebook
แต่ทุกๆปี Facebook จะทำการลดสปีดหรือการเข้าถึงให้น้อยลงไปเรื่อยๆ
จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่
เมื่อเราอยู่บ้านหลังนี้เขาวางกฏเอาไว้อย่างไร
เราก็คงต้องปฏิบัติตาม
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า Facebook จะลดการเข้าถึง ให้น้อยลงไปอีก
ผมเลยขออาสาเขียนวิธี 7 วิธีสู้ปัญหา Facebook ลด Reach
มาให้ทุกคนได้ไปปรับใช้กับเพจ Facebook ของตัวเอง
1.เลี่ยง keyword ที่ขาย เพราะ Facebook รู้ว่าเรากำลังขาย
โดยปกติแล้วถ้ามีคำพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับการขายของ Facebook จะมองว่านี่คือโฆษณา ล่าสุดลามมาถึงระดับ Facebook ส่วนตัว หากเขียนคำว่าขายหรือราคา จะมีปุ่มให้กดทักแชทขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ถ้าไม่อยากให้โพสต์คุณ เป็นการขายของ ให้ลด หรือ งด คำว่าราคา ขาย เช่า ไปบ้าง
(แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็เขียนเป็นไปเถอะครับ)
2.งด การทำ Before After แม้จะไม่ได้โฆษณา
หากใครเป็นสายสุขภาพสกินแคร์ สิ่งที่พยายามจะเลี่ยงก็คือเรื่องของ Before After บางคนเลี่ยงมีโฆษณา แต่ว่าโพสต์ตามปกติแทน แล้วคิดว่ามันไม่ผิด
แต่อันที่จริงแล้ว Facebook เขามองทั้งหมดแหละครับ ทั้งแบบโฆษณาและไม่โฆษณา ถ้าใครยังทำอยู่ Facebook มองว่านี่คือ Landing Page ที่สร้างประสบการณ์ไม่ดี
3.ใช้สูตร content 80/15/5
เรื่องนี้ ผมขอเขียนสั้นๆ นะครับ เพราะใครอยากอ่านละเอียด ผมขอส่ง link ให้ไปอ่านต่อครับ
80 = การเขียน content ให้คุณค่า
15 = การโชว์ผลงาน testimonial ต่างๆ
5 = การขายแบบไม่ขาย
ไปอ่านได้เลยครับ >> https://www.digitalnook.co/388/
4. งดการ capture chat inbox มาโพสต์
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ facebook เข้มข้นมากๆ เหตุผลไม่เกี่ยวกับเรื่องของ privacy แต่เป็นเรื่องของการอ้างอิง platform ของ Facebook มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ถ้าใครอยากรู้เพิ่มเติมไปที่บทความนี่เลยครับ
https://www.digitalnook.co/369/
5.เพิ่มคนคุณภาพ เข้ามาในเพจ ด้วย content คุณภาพ
ฐานแฟนที่มีคุณภาพ คือ asset หรือสินทรัพย์ ที่คุณต้องระลึกถึงเสมอ เพราะเราไม่สามารถจะโฆษณาได้อยู่ตลอดเวลา และอีกหน่อยการโฆษณาก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ
การหาคนคุณภาพเข้ามาอยู่เป็นฐานแฟน คือสิ่งที่ต้องทำ
อยากรู้ว่าทำอย่างไร แนะนำให้ดูคลิปนี้นะครับ
>> https://www.digitalnook.co/522/
6. เปลี่ยนรูปแบบของโพสต์บ้าง อย่าทำรูปแบบเดิมๆ โดยเฉพาะ Live
การโพสรูปแบบเดิมๆซ้ำๆบ่อยๆ Facebook จะไม่ชอบ โดยเฉพาะการออกมาไลฟ์ ถ้าคุณทำถี่เกินไป คุณจะโดน Facebook ปรับการมองเห็นให้ลดลงแบบสุดๆ
บางคนถึงขั้นกับขึ้นป้ายสีแดงที่หน้าเพจ ซึ่งทำให้โพสต์อะไรคนก็จะไม่เห็น
ทางแก้อย่างเดียวก็คือ กด appeal แจ้งเหตุผลไปแจ้ง facebook ว่า ทำไมเพจเราถึงไม่ควรโดนปิดกั้นการมองเห็น
แย่น้อยที่สุด คือ โดนปิดการมองเห็นไว้ 7 วัน แต่ถ้าแย่มากๆ อาจจะไม่กลับมาเลย ก็เป็นได้
(ขอบอกว่า การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ Facebook ขอให้คุยแบบภาษาธุรกิจนะครับอย่าไปเหวี่ยงใส่!!)
7. 5 โพสต์ที่ได้รับ Reach สูงสุดในเพจของคุณ คือแนวทางที่คุณต้องทำ
หลายคนพยายามนำเสนอสิ่งที่เราอยากจะบอก อยากจะเล่า แต่บางครั้งอาจจะไม่ถูกจริตคนติดตามเพจ ดังนั้น ให้ดูจากข้อมูล 5 โพสต์ในเพจของคุณที่ได้รับยอด Reach สูงๆ
ดูว่าคนชอบ Content เหล่านั้นเพราะอะไร ให้นำเอาแนวทางนั้นมาพัฒนาต่อ
นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนฝ่าฟันและอยู่ร่วมกับ Facebook อย่างมีความสุขในปี 2020
และในปีต่อไปตราบใดที่ยังมี Facebook ใช้งานกันอยู่
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
เทคนิคเพิ่มคนไลค์เพจให้เยอะ แบบขายของได้ เขาทำแบบนี้
สมัยนี้ การเปิดเพจขายของใหม่ๆ
เรื่องที่เจ้าของธุรกิจ มักจะคิดก่อนเป็นลำดับต้นๆ ก็คือ
จะหาคนมาตามเพจเยอะๆ ได้ยังไง
.
จึงมักจะไปเปิดหาทางแก้ไข ในเพจหรือ Google
จนไปพบบริการเพิ่มคนติดตามเพจ หรือหนักๆ เลย ก็คือปั๊มเพจ
.
ถามว่าได้คนจริงมั้ย ได้นะ แต่ใครก็ไม่รู้
.
ถ้ามองหาวิธีการเพิ่มคนติดตามแบบมีคุณภาพ
และตามมาซื้อของ ซื้อบริการของเราจริงๆ
.
จัดเลยกับสิ่งนี้!
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
รวมข้อผิดพลาด การยิงแอดเฟสบุ๊ค ที่ทำให้ขาดทุน
สำหรับคนที่ทำธุรกิจออนไลน์แล้ว
การสร้างกำไร เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ซึ่งการจะสร้างกำไรให้เกิดกับธุรกิจของตัวเองได้นั้น
การทำโฆษณา โดยเฉพาะโฆษณาเฟสบุ๊คนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ
หรือจะเรียกกันสั้นๆ ว่ายิงแอด ก็ได้
แต่ส่วนใหญ่ ปัญหาที่เรามักจะพบเจอในกลุ่มนักยิงแอดมือใหม่ ก็คือ
ยิงแอดแล้วขาดทุน ยิงแอดแล้วไม่ได้กำไร
หรือบางครั้ง ก็บอกว่า ยิงแอดมั่ว
จากการสำรวจ และประสบการณ์จริง ที่ได้ทำการยิงแอดมา
ผมขอแชร์ข้อผิดพลาด ที่มักจะเจอบ่อยๆ ในการยิงแอด
ซึ่งนำพาไปสู่การขาดทุน ได้ง่ายๆ
จะเป็นอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ
1. ไม่ได้ทดสอบกลุ่มเป้าหมาย
เอะอะ ก็กดปุ่ม Boost post เลยทันที ไม่ได้เลือก ไม่ได้คิดว่า คนเหล่านั้น เป็นกลุ่มคนที่ต้องการสินค้า หรือบริการของเราจริงๆ หรือเปล่า อันนี้ ถือเป็นเรื่องพลาดขั้นแรกเลยครับ
และส่วนใหญ่มือใหม่ ชอบกด boost post หาคนไทยทั้งประเทศ โดยไม่ใส่ความสนใจเลย
อันนี้ถือว่า ต้องลองคิดใหม่นะครับ
เครื่องมือที่ใช้เช็คหากลุ่มเป้าหมายเบื้องต้น ที่ควรใช้คือ Audience Insight และ เครื่องมือที่เรียกว่า Precise Maganetic (ฟรีนะครับ ไปหาโหลด chrome extension ได้)
2.ไม่ได้ทดสอบ content ที่จะนำมาโฆษณา
การทำโฆษณาบนเฟสบุ๊ค ต้องใช้ศิลปะการถ่ายทอด การขยี้ การทำให้คนสนใจแบบสุดๆ ถ้าเราไม่ได้ทดสอบว่า Content แบบไหนที่คนชอบมาก่อน โอกาสเกิด ก็ยาก ค่าโฆษณาก็พุ่งปรี๊ดๆ แน่นอน
วิธีการทดสอบ Content ที่ง่ายที่สุด คือ ทำมาหลายๆ แล้วโพสต์ในเพจแบบปกติ ไม่ต้องจ่ายเงิน อันไหนที่ได้รับการมองเห็น การเข้าถึงเยอะ คนชอบกดไลค์ กดแชร์เยอะๆ ให้เอา content นั้นมาทำโฆษณา
3.ไม่ได้ปรับปรุงเนื้อหา content
บางครั้ง เราใช้โฆษณาอันเดิม แบบเดิม ก็คิดว่ามัน สุดยอดแล้ว แต่จริงๆ content ไหนที่เราเห็นบ่อยๆ ก็อาจจะเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมาได้
ดังนั้นการลองปรับปรุงเนื้อหา จะทำให้เจอผลลัพธ์ใหม่ๆ ที่ดีขึ้นเสมอ
4.ความอดทนในการทดสอบตัวโฆษณา
สำหรับมือใหม่ บางคน เห็นว่าแอดกินเงินไปแล้ว แต่ไม่มีใครทัก หรือ ไม่เกิดยอดขายเลย ก็ปิดไปซะแล้ว บางคนเปิดมา 2 ชั่วโมง ไม่เห็นยอดขาย ก็ปิด
ทางที่ดี คุณต้องปล่อยให้โฆษณาตัวนั้นวิ่งไปก่อน 7 วัน เพราะว่า ในแต่ละวัน การตอบรับของโฆษณานั้นจะแตกต่างกันไป ให้เวลาโฆษณาทำงานนิดนึง ก่อนนะครับ แล้วค่อยตัดสินใจปิด
5.ไม่ได้ตรวจเช็คการตั้งค่า ก่อนปล่อยแอด
บางครั้งตอนที่เราทำโฆษณา เราอาจจะใจร้อน รีบลงมือทำ พอเห็นว่าตั้งค่าอะไรเสร็จแล้ว ก็ปิดหน้าจอไป ไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องเสียก่อน
ผลเสียที่ตามมาก็คือ บางครั้ง เราตั้งค่าการจ่ายเงินผิด ลืมกำหนดเวลาสิ้นสุด กลายเป็นเปิดยาวตลอด ทำให้กินเงินไปฟรีๆ โดยที่ไม่รู้ว่า (อันนี้ เรื่องจริง เพราะมีน้องคนนึง เปิดโฆษณาไว้ 1 เดือน โดยไม่รู้ว่าตัวเองเปิดไว้ แถมแอดวิ่งไป แบบไม่มีคนทัก ก็เลยไม่รู้ว่าแอดยังเปิดอยู่)
6.ไม่ได้ไปดูผลลัพธ์ของการทำโฆษณา
เมื่อทำโฆษณาเสร็จแล้ว การตรวจดู report รายงานเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันทำให้รู้ว่า ads ตัวไหนทำงานได้ดี แล้วทำงานได้ดีกับกลุ่มเป้าหมายไหนบ้าง
เพราะถ้าแอดตัวไหนไม่ดี เราดูจาก repor ก็ยังสามารถ นำข้อมูลจริงมาปรับปรุงโฆษณาให้ดีกว่าเดิมได้ แต่ถ้าไม่ได้ดูเลย ก็จะใช้การมโนนึกแทน ไม่ได้หยิบข้อมูลมาใช้เลย แบบนี้น่าเสียดายครับ
ลองเช็คกันดูนะครับ ว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง
แล้วจะปรับปรุงอย่างไร
ทำผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องแย่ เพราะว่าถ้าเรารู้แล้วแก้ เรื่องแย่ๆ จะเป็นครูสอนเรา
แต่หากรู้ว่าพลาด แล้วไม่แก้ เรื่องแย่ๆ ก็จะใหญ่โตไปกว่าเดิม
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
Facebook Pixel ช่วยคุณขายของได้ยังไง?
สำหรับนักการตลาดที่ทำโฆษณาบน Facebook มานาน
เมื่อช่วงกลางปีก่อน คำว่า Facebook Pixel เป็นสิ่งที่เราเริ่มพูดกัน
ตอนนั้น คำว่า Pixel ดูเป็นเรื่องใหม่มากๆ สำหรับคนยิงแอด
แต่สำหรับเมืองนอกนั้น เป็นเรื่องปกติ ธรรมดาแล้ว
ไปดูความรู้เกี่ยวกับคำว่า Pixel ใน Youtube เมืองนอก เขาลง video กันไว้ก่อนหน้า
นานมากแล้ว
คำว่า Pixel คืออะไร อาจจะไม่น่าสนใจเท่ากับคำว่า
Facebook Pixel จะช่วยเราขายของ ได้ยังไง
น่าสนใจขึ้นมาบ้างแล้วใช่มั้ยครับ
งั้นเรามาเจอทำความรู้จักกันเลยครับ
Facebook Pixel ก็คือโค้ดคำสั่ง ที่เอาไว้ใช้จับพฤติกรรมของคนที่ใช้งานเฟสบุ๊ค แล้วเข้าไปใช้งานในเว็บต่างๆ
เพราะตัว Pixel นี้ จะมีการติดตั้งเอาไว้ในเว็บไซต์ทุกหน้า
Pixel จะรู้ว่า ใครเคยเข้าเว็บเราบ้าง เข้าใช้งานช่วงเวลาไหนบ้าง หรือเข้าไปดูเว็บหน้าไหนบ้าง ดูหน้าไหนนานที่สุด
ถ้าเรารู้ว่าใครเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา คนเหล่านั้นต้องมีความสนใจสินค้า หรือ บริการของเราอย่างแน่นอน ใช่มั้ยเอ่ย!
ลองคิดนะ แค่เราส่งโฆษณากลับไปหาคนที่เคยเข้าเว็บเราได้ แบบนั้นก็คือ เจ๋งมากแล้ว
เพราะลูกค้าสมัยนี้ เห็นโฆษณาแค่ครั้งเดียว คงไม่ได้ซื้อของทันที
ขนาดตัวเราเอง ยังต้องเห็นโฆษณาไม่รู้กี่ครั้ง กว่าจะซื้อของชิ้นนั้น
หากเรามี Pixel ติดในเว็บของเรา เราสามารถจะทำโฆษณาแบบนี้ได้
ใครเคยลองเข้าไปใช้งาน Agoda.com lazada หรือ shopee บ้าง
ถ้าเราเข้าไปใช้งานในเว็บ หรือ application เหล่านี้
แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ ณ ตอนนั้น
แล้วก็ออกมาจากเว็บ หรือ แอพนั้นๆ
แล้วออกมาใช้งาน Facebook
สักพักเราจะเจอโฆษณา ของที่พัก หรือ สินค้า ที่เราเพิ่งเข้าไปดู ในเว็บหรือ application
ทำให้เราระลึกได้ว่า เคยเล็งที่พัก หรือ สินค้านี้เอาไว้ แต่ยังไม่ได้ซื้อ
ซึ่งส่วนใหญ่ พอนึกขึ้นมาได้ ก็จะคลิกเพื่อกลับไปดูอีกรอบ แล้วโอกาสที่จะซื้อ ก็ย่อมมากกว่า
นี่คือความสามารถอย่างหนึ่ง จากหลายๆ อย่างของ pixel ที่จะช่วยทำให้เราขายของได้มากขึ้น
Pixel เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้เราขายของได้ เพราะมันเป็นเพียงตัวเก็บข้อมูลพฤติกรรมคนใช้งานเว็บไซต์
แต่มันจะขายของได้ ต่อเมื่อ ได้ใช้งานร่วมกับ Facebook Ads วัตถุประสงค์ Conversion นั่นเอง
ซึ่งผมจะขออธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ ในลำดับต่อไป
วันนี้เข้าใจว่า Pixel คืออะไรก่อนนะครับ 😉
หากใครมีข้อสงสัยอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถ สอบถามกันได้เลยนะครับใน Comment นี้ 😉
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
เพิ่มรายได้ หลักพัน หลักหมื่นไป สู่หลักล้าน เป็นไปได้ แค่ใช้สูตรนี้
เพิ่มรายได้ หลักพัน หลักหมื่นไป สู่หลักล้าน เป็นไปได้ แค่ใช้สูตรนี้
เงินล้านเงินแสนใครๆก็อยากได้ใช่ไหมครับ
มันอาจจะเป็นคำพูดติดปากของทุกๆคน
มันอาจจะเป็นคำพูดของเราในวันหวยออก
มันอาจจะเป็นคำพูดที่เราได้แต่พูด
และคำพูดเหล่านั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตอะไร
เพราะว่าเราไม่ได้ลงมือทำ
ผมเองไม่ค่อยได้พูดเท่าไหร่ว่าอยากจะมีรายได้เป็นแสนเป็นล้าน
แต่คิดอยู่เสมอว่าฉันอยากจะมีเงินร้าน
และพยายามทำงานเก็บเงินเก็บออมเอาไว้
ทำแบบนี้มันก็ไม่ผิดนะครับ
แต่ว่าการเข้าใกล้ความฝันเงินหลักล้านก็จะไม่ถึงสักที
จนเมื่อผมได้ไปฟังแนวคิดของอาจารย์ A10 และอาจารย์อั๋น
ที่ว่าด้วยเรื่องของสมการที่มาของรายได้
มันเป็นสมการที่ไม่ได้ยุ่งยากไม่ต้องเข้าหลักการตรีโกณมิติใดๆ
มันเป็นสูตรของการคูณ ตัวเลขอยู่ 2-3 ชุด
ซึ่งความหมายของตัวเลขแต่ละชุดนั้นก็ไม่ได้ยากเกินความเข้าใจอะไรเลย
แต่ที่สำคัญ สมการตัวนี้ทำให้ผมเข้าใจเรื่องของการหาเงิน
และนำมันมาปรับใช้ได้จนผ่านหลักล้านแล้วเช่นกัน
อยากรู้ไหมครับว่าสมการนี่้ มีสูตรว่ายังไง
ถ้าอยากรู้ตามมาเลยครับ
สมการของรายได้เท่ากับ จำนวนลูกค้า X ขนาดของการสื่อ X การซื้อซ้ำ
ง่ายๆ แบบนี้เองครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ
ถ้าเราอยากมีเงิน 10,000 บาท แล้ววันนี้ เราขายของชิ้นละ 50 บาท แล้วแต่ละคนซื้อของแค่ครั้งเดียว
เราก็ต้องขายของให้ได้ทั้งหมด 200 คน เพื่อให้ได้เงิน 10,000 บาท
แล้วถ้าอยากได้สัก 100,000 บาท จะต้องหากี่คน คำตอบก็คือ 2,000 คนนั้นเอง
ยากไปมั้ยครับ สำหรับสมการนี้
แล้วถ้าอยากได้ 1 ล้านบาทล่ะ แล้วเราต้องขายของ 50 บาท ก็ต้องให้คน 20,000 คนนั่นเอง
มันก็เป็นสมการที่ง่าย
แต่ในชีวิตจริง การได้ลูกค้าแต่ละคนมานั้น ก็ดูยุ่งยากดีแท้
ดังนั้นจะดีกว่ามั้ย แทนที่เราจะมุ่งหน้าไปเพิ่มแต่จะลูกค้าเพียงอย่างเดียว
แต่ให้สนใจตัวเลขตัวอื่นในสมการ
นั่นคือขนาดของการขายแต่ละครั้งและความถี่ในการซื้อ
ถ้าเราลองปรับให้ตัวเลข ขนาดของการขายแต่ละครั้ง กับ ความถี่ในการซื้อ เพียงแค่อย่างละ 10% ผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร?
เช่นลูกค้า 200 คน จากเมื่อก่อน ขายของชิ้นละ 50 บาท แล้วก็ ขายได้คนละ 1 ครั้ง
= 200X50X1 = 10,000 บาท
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น ชิ้นละ 55 บาท แล้วก็ ขายคนละ 1.1 ครั้ง เราจะได้เป็น
= 200X55X1.1= 12,100 บาท ได้มากกว่าเดิม = 21%
แล้วถ้าคิดใหม่ว่า ขายคนละ 2 ชิ้น แล้วขายให้ได้คนละ 2 ครั้ง
เราจะได้เป็น = 200X100X2 = 40,000 บาท = 400%
ได้มากกว่าเดิม ไม่รู้เท่าไร ต่อเท่าไร
แม้ในชีวิตจริง อาจจะไม่ได้ เพิ่มตัวเลขกันง่ายๆ เหมือนที่เราเขียน
แต่ถ้าเรามีหลักคิด ปรับไป ปรับมา อย่างน้อยมันก็ดีกว่าตัวเลขที่เราทำได้ในครั้งแรกไม่ใช่หรือ
และความพิเศษที่ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ผมมีเทคนิคสำหรับการเพิ่มตัวเลขในแต่ละส่วนมาให้อะไรครับ
จำนวนลูกค้า
เราสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้า ได้อย่างไรบ้าง ในยุคออนไลน์ครองเมืองแบบนี้ นั่นคือ การยิงแอด หาคนมาติดตาม / ยิงแอด มาซื้อของเรา เพิ่มจำนวนแฟนคลับ เพิ่มฐานข้อมูลลูกค้าให้มากขึ้นทุกวันๆ / เข้าใจเรื่องการปิดการขาย ทำให้เขามาเป็นลูกค้าเราให้ได้
ขนาดต่อการซื้อ
การขายของเพื่อให้ได้มูลค่ามากกว่า 1 ชิ้นในแต่ละครั้ง สามารถ ทำได้ด้วยการ Upsale เหมือนที่เราเจอใน 7-11 ว่า รับขนมจีบซาลาเปามั้ยคะ ซึ่งนี่แหละ คือการเพิ่มรายได้ให้กับ 7-11 เป็นจำนวนมาก เพียงแค่เอ่ยปากบอก / เสนอสิ่งที่ดีขึ้น คุ้มค่าขึ้น แต่เพิ่มเงินแค่เล็กน้อย จนลูกค้ายอมจ่าย / ขายแพครวมยกโหล / ขายของที่แพงขึ้น เพื่อให้ได้ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ แต่ดูแลง่ายขึ้น
ความถี่ในการซื้อ
ถ้าอยากให้คนมาซื้อของบ่อยๆ ขึ้น มากกว่าเดิม สิ่งที่เราสามารถทำได้ ก็คือ การทำ loylty program / สะสมแต้มแลกของรางวัล / ทำระบบ member ทำระบบสมาชิก ให้เขาอยู่กับเราตลอด / ออกสินค้าตัวใหม่ๆ เพื่อให้คนได้กลับมาซื้ออีก เรื่อยๆ /
นั่นคือกลยุทธ ที่เราสามารถ เลือกใช้ทำได้ ในแต่ละส่วน
อยากได้เงินเท่าไร ก็ให้เอาสามปัจจัยนี้ มาคูณกัน
จำนวนลูกค้า X ขนาดของการซื้อแต่ละครั้ง X ความถี่ในการซื้อซ้ำ
ลองดูกันนะครับ
ว่าทำอย่างไร เพื่อที่จะให้คำพูด ที่เรามักจะเอ่ยออกมาบ่อยๆ ในวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
กลายมาเป็นเป้าหมายที่แท้จริง เอาจริงของชีวิตเรา
อย่าให้มันแค่หลุดออกมา แล้วหายไป
เพื่อที่วันที่ 1 กับ 16 จะออกมาพูดแบบนี้อีก
ลงมือทำครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
คนไทย search อะไรมากกว่ากัน ระหว่าง ไวรัสโคโรน่า กับฝุ่น PM 2.5?
คนไทย search อะไรมากกว่ากัน
ระหว่าง ไวรัสโคโรน่า กับฝุ่น PM 2.5?
ข่าวที่โด่งดังติดอันดับโลกในตอนนี้
คงจะหนีไม่พ้น ข่าวที่ทุกคนต้องประสบพบเจอ
ไม่ใช่สงครามโลกครั้งที่ 3
แต่เป็นเรื่องของสุขภาพที่หลายคนหวาดกลัว
นั่นคือ ฝุ่นpm 2.5 และ ไวรัสตัวใหม่ ที่ชื่อว่าโคโรน่่า
สองเรื่องใหญ่ๆ ระดับโลกนี้ คือเรื่องที่คนหวาดกลัว
เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวมากที่สุด
เรื่องอื่นๆ อาจจะไกลตัว แต่เรื่องสุขภาพ มันคือเรื่องของตัวเรานั่นเอง
ลองมาดูกันว่า ในยุคที่ ไวรัสโคโรน่า กับ ฝุ่น 2.5 เป็นเรื่องกระแสหลัก
คนเราค้นหาอะไรมากกว่ากัน
ในโลกออนไลน์ ถ้าเราอยากรู้ว่า กระแส อะไรกำลังมา
เรามีวิธีเช็คอยู่ 2-3 แบบ นั่นคือ
1.Google trends
2.twitter
3. zanroo.com
การทดสอบครั้งนี้ เราใช้คำว่า โคโรน่า และ pm2.5 ในการทดสอบ
1.Google Trends
google trends คือเครื่องมือ ที่ค้นหา trends คลาสสิกแบบสุดๆ
เพียงแค่ใส่ keyword ที่ต้องการเข้าไป เลือกพื้นที่ ภูมิภาค ที่ต้องการตรวสอบ แล้วกด search
ก็จะเจอกราฟ ขึ้นมา แสดงผลสวยๆ ให้รู้ว่า ตอนนี้คนค้นหา ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ มากน้อยแค่ไหน
เมื่อเราลองใช้คำค้นหา พบว่า
กราฟของ PM 2.5 นั้น สูงกว่า โคโรน่าไปพอสมควร อาจจะเป็นเพราะว่า เป็นโรคที่กำลังเกิดขึ้น และ กำลังค่อยๆ แพร่กระจายออกไป คนเลยยังไม่ค่อยจะค้นหามากนัก แต่ฝุ่น pm2.5 เป็นเรื่องเดิม ที่กลับมาอีกครั้ง เลยมีข่าว และการพูดถึงมากกว่า
ส่วนคนที่ค้นหาเรื่อง pm 2.5 กันเยอะๆ คือคนในภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ คือ 100% ส่วนภาคใต้นั้น ไม่ค่อย search หาเท่าไรนัก ดูได้จากความเข้มข้นของกราฟได้
และการค้นหาคือ การหา application วัดค่าฝุ่นนั่นเอง!
2.twitter
twitter จะมี feaure ที่เรียกว่า trends for you
อะไรที่เป็นกระแส จะขึ้นมาให้เราเห็นทันที เรื่องไหน ยิ่งใหญ่ เป็นวงกว้าง จะมี hashtag ที่พร้อมใจกันนำเสนอ เสมอ
เมื่อเรามาตรวจเช็ควันนี้ พบว่า ข่าวไวรัส เป็นเรื่องใหญ่ ที่แพร่กระจายมากที่สุด ใน twitter ณ ตอนนี้ ด้วย hashtag ที่ว่า #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มีกระแส tweet มากถึง 1.13 ล้านครั้ง
ทำให้เรารู้ว่า นี่คือกระแสที่ร้อนแรงสุดๆ ณ ตอนนี้
3.zanroo.com
search engine ที่ค้นหาเรื่องราวใหม่ๆ ดูเทรนด์ ได้เร็วสุดๆ ที่สำคัญจะเน้นหนักที่ผล search ใน social media ต่างๆ ดังนั้น ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องอะไร กำลังมา และคนดูผ่านสื่อไหน มากที่สุด ให้มาใช้เครื่องมือนี้
ผมลองใช้คำทั้งสองตรวจดู พบ คำว่า ไวรัส มีการค้นหา อยู่ที่ 8687 ซึ่งพบคำนี้ ใน twitter facebook และเว็บข่าว ตามลำดับ ส่วนคำว่า pm 2.5 นั้นมีการค้นหาอยู่ที่ 16254 ครั้ง ซึ่งพบใน twitter facebook และเว็บข่าวตามลำดับ รวมทั้ง youtube ด้วย คาดว่าเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในปีก่อน คนเลยทำเรื่องนี้ไว้แล้วใน youtube
แต่ที่น่าสังเกต ก็คือ เทรนด์ของ pm 2.5 นั้นลดลงไป แต่ เทรนด์ของ ไวรัสนั้น กลับพุ่งสูงขึ้น แสดงให้เห็นถึงการตื่นตัวเรื่อง ไวรัสมากกว่า
จะอย่างไรก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝุ่น หรือเรื่องของไวรัส สายพันธ์ใหม่
ขอให้เราใช้ชีวิตอย่างมีสติ
ระวังการใช้งาน social media ให้ดี เช็คก่อนแชร์
แต่ก็ไม่อยู่ในความประมาท จนไม่ใส่ใจ เพราะเรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ
ขอให้สถานการณ์ นั้นดีขึ้นครับ
#digitalnook
ทำโฆษณาให้คนติดตามเพจ แบบมีคุณภาพ แต่ค่าแอดถูกกว่าเดิม 80% ทำได้แบบนี้นี่เอง
ทำโฆษณาให้คนติดตามเพจ แบบมีคุณภาพ แต่ค่าแอดถูกกว่าเดิม 80% ทำได้แบบนี้นี่เอง | digitalnook
ทำโฆษณาให้คนติดตามเพจ ไลค์ละ 60 สตางค์ ทำได้แบบนี้นี่เอง
สำหรับคนทำเพจ
ใครๆ ก็อยากมีคนติตตามเยอะๆ เพราะว่ามันดูดีกว่า
บางคนอยากเห็นผลลัพธ์เร็วๆ ก็ไปเสียเงินจ้างคนปั๊มไลค์
เพราะว่าถูกดี
ผลสุดท้ายเป็นไง โอ้โฮ แม่เจ้ามีแต่ฝรั่งมังค่า อิสราเอล อินเดีย บังคลาเทศ
แถมยังเป็นวัยรุ่น ที่ไม่ได้ มีความสนใจสินค้า บริการเราเลย
ซื้อไปแบบนี้ ก็มีแต่ขาดทุน
เลิกๆๆๆ เลิกความคิดแบบนั้น แล้วขอให้หันมาใช้แนวคิดใหม่
ที่จะทำให้คุณมีเพจคุณภาพ ใช้งานกัน
ด้วยการทำโฆษณากับ facebook นี่แหละ
แต่การที่จะทำให้ได้คนคุณภาพ หลายคนก็บอกว่า
ช่างยากเหลือเกิน หลายบาทแท้เหลา
โอย ไม่ไหวๆๆ
ปัญหาที่คุณประสบพบเจอนี้้จะหมดไป
เพราะผมจะขอแชร์เทคนิค การทำโฆษณาติดตามเพจ ในราคาที่คุ้มค่ากว่าเดิม
ซึ่งผมเองใช้ได้ผลมาแล้ว กับหลายเพจ ทั้งเพจขายของ เพจไลฟ์สไตล์
ทุกบาทที่จ่ายคือความคุ้มค่า!
อยากได้เทคนิค ทำโฆษณาให้คนติดตามเพจแบบมีคุณภาพ
คลิกดูคลิปนี้โดยพลัน!!
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
ขายของเหมือนกัน แต่เจ้านั้นขายดีกว่าเพราะสิ่งนี้
ขายของเหมือนกัน แต่เจ้านั้นขายดีกว่าเพราะสิ่งนี้
เคยคิดกันไหมครับว่าทำไมเวลาที่คนขายของเหมือนกันแต่ทำไมร้านขายดีกว่าแล้วร้านนั้นขายไม่ดีเลย
เราไม่ได้พูดถึงสินค้าแบบเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่ รสชาติปริมาณ
แต่เรากำลังจะพูดถึงสินค้าแบบเดียวกันเป๊ะ
ออกมาจากบริษัทออกมาจากโรงงานเดียวกันเลย
แต่ทำไมบางคนขายดีบางคนขายไม่ดี
วันนี้ผมขอแชร์ประสบการณ์ในมุมมองของคนที่เข้าไปเลือกซื้อสินค้าแล้วกันนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า
ผมจำเป็นต้องซื้อของใช้เข้าบ้าน แต่ว่าไม่อยากจะเดินทางออกไปซื้อด้วยตัวเอง
ของที่ผมว่าก็เป็นของง่ายๆนะครับ เช่นข้าวสาร แต่ซื้อหลายถุง
นมหลายแพ็ค ขนมหลายห่อ น้ำตาลหลายกิโล
ถ้าผมจะออกไปซื้อก็ไปได้นะ แต่เสียเวลาในการเดินทางและหาที่จอดรถ
ก็เลยวิ่งเข้าไปในเว็บไซต์ที่เขาขายของแบบนี้
นั่นก็คือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของห้างดังๆ
จริงๆผมก็เลยเอาไว้อยู่ 2-3 เจ้า
ผมลองเลือกใช้บริการเจ้าแรกก่อน
เจ้านี้ทำโปรโมชั่นดีดูมีของลดราคาผมก็เลยลองคลิกเข้าไปดู
พอตอนที่จะเลือกสั่งซื้อสินค้าแต่ละตัว เวลาที่จะเพิ่มจำนวนทำไมมันช้าจัง
เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่เคยได้จากเว็บ Shopping อื่นๆ เราใช้เวลาน้อยกว่าแต่ไปไหนต่อไหนแล้ว
เวลากดไปสักกลมนึงแล้วก็รู้สึกดีเลย์แบบสุดๆ
ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันไปถึงสถานะไหนแล้ว!
พอมาถึงหน้ารวมราคา ระบบก็ให้ใส่ที่อยู่
(จริงๆผมเคยสั่งของจากที่นี่ไปแล้วครั้งนึงนะครับ เลยมีที่อยู่จำเอาไว้ในระบบ)
แต่ก็แปลกใจว่าทำไมต้องให้ใส่ที่อยู่ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ถึงเวลาคำนวณสินค้าทั้งหมดแล้ว
ไปถึงหน้าการชำระเงิน มีให้เลือกว่าจะจ่ายด้วยบัตรเครดิตปลายทาง หรือ จ่ายชำระบัตรเครดิตได้เลย
ปรากฏว่าผมมีปัญหาเรื่องการจ่ายด้วยบัตรเครดิต (อันนี้เป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นจากตัว User อย่างผมเอง) ก็เลยทำให้เกิดการค้างชำระขึ้นมา
เลยโทรไปสอบถามที่ Call Center ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วอยากจะจ่ายเงินที่หน้าบ้านทำอย่างไร
เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าสามารถที่จะเลือกเป็นแบบจ่ายด้วยบัตรเครดิตปลายทาง แต่บอกกับคนส่งได้เลยว่าเขาจ่ายเงินสด
ผมก็เลยถามว่าผมไม่เห็นมีให้เลือกว่าให้จ่ายเงินสดได้เลย
เจ้าหน้าที่บอกว่ายอดผมเกิน 2,000 บาท ระบบก็เลยไม่มีทางเลือกเป็นเงินสดให้
แต่สามารถจะบอกกับเจ้าหน้าที่ได้ว่าชำระด้วยเงินสด
ผมเลยพยายามทำความเข้าใจระบบ
แล้วลองไปสั่งอีกครั้งหนึ่ง
คราวนี้ปรากฏว่า ไม่สามารถซื้อสินค้าบางตัวได้ตามความต้องการ
ก็เลยถามคอลเซ็นเตอร์ไปอีกทีว่า ทำไมไม่มีของขายทั้งๆที่เมื่อกี้ก็มีอยู่
ตอนที่บอกว่า เป็นเรื่องของระบบ Stock Online
ผมก็เลยบอกว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดของ User แบบผมเอง
ที่มีปัญหาในเรื่องของการชำระเงิน จึงผ่านมาทำให้ซื้อของได้ไม่ครบ
ผมก็เลยหยุดทุกกิจกรรม แล้วเปลี่ยนไปเข้าอีกเว็บนึง
เป็น web Shopping Mall เหมือนกันขายของแบบเดียวกัน
แต่ประสบการณ์ที่ได้รับแตกต่างกันมาก
เวลาที่จะคลิกอะไรไปสักอย่างนึงก็เร็วมากๆ
เวลา Search หาของต่างๆนานาก็แสดงผลได้รวดเร็วทันใจ
เวลาที่จะเลือกของใส่ไว้ในตะกร้าก็ถือว่าเร็วมากๆ
เรียกว่าประสบการณ์ใกล้เคียงกับเว็บช็อปปิ้งเจ้าใหญ่ (สีส้ม)เลยทีเดียว
เวลาที่ผมใช้ในการสั่งซื้อจนครบกระบวนการในเว็บไซต์นี้
ใช้ระยะเวลาเท่ากับตอนที่ผมเลือกของใส่ตะกร้าในเว็บก่อนหน้า
เรื่องนี้บอกอะไรครับ?
ผมเลือกซื้อสินค้าแบบเดียวกัน
จากโรงงานเดียวกันเป๊ะเลย
แต่ทำไมผมถึงเลือกสั่งของจากเว็บไซต์อีกตัว
ทั้งๆที่ผมเสียเวลาไปกับเว็บไซต์แรกไปตั้งนานแล้ว
ผมขอสรุปเรื่องนี้ได้สั้นๆ สองอย่างนะครับ
1. ประสบการณ์ที่ดีในการซื้อ
เว็บไซต์แรกทำให้ผมเสียเวลามากๆในการกรอกข้อมูลต่างๆ
ทำให้ผมเสียเวลามากๆในการเลือกซื้อของ
ทำให้ผมเสียเวลามากๆในการชำระเงิน
ทำให้ผมเสียเวลาในการสั่งสินค้าใหม่แต่ไม่ได้ตามที่ต้องการ
2. การสื่อสารที่ชัดเจนกับลูกค้า
ตอนที่ผมจะจ่ายเงิน จริงๆ เว็บไซต์แรก ก็สามารถที่จะเก็บเงินสดปลายทางได้ แต่ตอนที่จะชำระเงินดันไม่ขึ้นว่าชำระเงินสดได้ เมื่อเทียบกับ เว็บไซต์ตัวที่ 2 เขียนไว้ชัดเจนว่าชำระเงินสดหรือบัตรเครดิตได้
คำพูดบางคำที่หายไป ทำให้เสียโอกาสในการขายไปอย่างน่าเสียดาย
ยิ่งเป็นยุคนี้ที่คนเรามีทางเลือกมากมาย
ถ้าไม่แฮปปี้กับเจ้าไหน ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้บริการเจ้าอื่นได้ง่ายๆ
เพราะไม่ต้องออกเดินทาง
แค่เปลี่ยน URL หรือเปลี่ยน application ก็จบแล้ว
เมื่ออ่านเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว
ให้ลองพิจารณาดูกับธุรกิจของคุณนะครับ
เราขายของเหมือนกับคนอื่นๆ เป๊ะๆ
แต่สิ่งที่เราจะสร้างให้เกิดความแตกต่างกับคนอื่น
นั่นคือประสบการณ์
ประสบการณ์ที่ดีจะทำให้คนจำเราได้ในมุมที่ดี และอยากจะมาซื้อซ้ำ หรือหากชอบมากๆก็จะแนะนำให้คนอื่นมาซื้อกับเราด้วย
แต่หากพบประสบการณ์ที่ไม่ดี
เราก็คงจะเลิกซื้อ แถมยังจะไม่แนะนำให้คนอื่นไปใช้บริการด้วยเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นพบกับประสบการณ์ไม่ดีเหมือนกับเรา
ลองคิดและนำไปปรับปรุงธุรกิจของคุณเองนะครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
4 เคล็ดลับ เพิ่มคนมาร้านของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย Google My Business
4 เคล็ดลับ เพิ่มคนมาร้านของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย Google My Business
สำหรับคนที่มีธุรกิจที่มีหน้าร้านไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ อู่ซ่อมรถ ขายของขายเครื่องครัว ร้านเค้กร้านขายขนมจิปาถะ
ใครๆก็อยากจะได้ลูกค้าเข้าร้านทั้งนั้น
รายได้ของร้านจะเกิดจากลูกค้าประจำและลูกค้าหน้าใหม่
ถ้าเป็นลูกค้าขาประจำก็คงไม่มีอะไรมาก จะหาข้อมูลจากเราจากอินเทอร์เน็ตก็หาเพลงชื่อว่าเจอเราแล้ว
แต่ถ้าเป็นลูกค้าใหม่เขาไม่เคยรู้จักกันเราเลย
แล้วเขาจะค้นหาเจอเราใน Google ได้อย่างไร
โชคดีที่ Google ได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า Google My Business เพื่อสถานที่มีหน้าร้านได้ใช้งานกันฟรีๆ
และที่สำคัญมีประโยชน์มากสุดๆในยุคนี้สมัยนี้
น่าเสียดายที่เจ้าของร้านส่วนใหญ่มองไม่เห็นถึงประโยชน์ที่ Google My Business มีให้
บางครั้งยังไม่รู้เลยว่า ใครเป็นคนสร้างพิกัดของร้านให้กับตัวเขา
หากคุณคือเจ้าของกิจการที่มีหน้าร้าน
วันนี้ผมมีเคล็ดลับในการปรับแต่ง Google My Business ที่เคย ที่เคยใช้ดี มีลูกค้าใหม่ๆเข้ามาอยู่ตลอดเวลา
ถ้าอยากรู้มาดูกันเลย!
4 เคล็ดลับ เพิ่มคนมาร้านของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย Google My Business
1. ปรับแต่งชื่อกิจการ ด้วย Keyword ที่ลูกค้าใช้ค้นใน Google เพื่อแก้ปัญหา
ลูกค้าเก่า ที่รู้จักเราเป็นอย่างดี บางครั้งก็แทบจะหลับตาเดินทางมาหาเราได้ แต่สำหรับลูกค้าใหม่ เขายังไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งชื่อแบรนด์ของเรา แต่ถ้าเขากำลังมองหา สถานที่ซึ่งจะแก้ปัญหาให้กับเขา ยกตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่รถยนต์หมด หาร้านอาหารที่ต่างจังหวัดกิน หาร้านตัดผมใกล้บ้าน หาร้านกาแฟใกล้ที่ประชุม
ลูกค้าสมัยนี้มักจะใช้ Google map ในการค้นหา แต่การที่จะได้ลูกค้าใหม่จะต้องปรับแต่งชื่อกิจการของเราใน Google My Business ให้มี Keyword ที่เขาใช้แก้ปัญหาอยู่ ยกตัวอย่างง่ายๆ อู่ซ่อมรถลาดพร้าว ร้านแบตเตอรี่โชคชัย 4 / ร้านกาแฟใกล้รถไฟฟ้าอารีย์ / ร้านตัดผมแถวสะพานควาย
เพียงเพิ่ม ประเภทของกิจการและพื้นที่ให้บริการของคุณ ลงไปในชื่อของ Google My Business เท่านี้คุณก็จะได้ลูกค้ามีไหมเพิ่มขึ้นแล้ว
2. รีวิวมากกว่า เป็นเครื่องการันตีความน่าไปใช้บริการ
คนเราสมัยนี้ เริ่มมองหาสิ่งที่เป็นกลางเป็นคนที่ไปกินไปใช้บริการแล้วบอกต่อกันเอง บริการดีหรือไม่ดีก็จะเขียน comment ไปโดยไม่เกรงใจเจ้าของสถานที่
ยิ่งมีรีวิวเยอะๆก็ยิ่งดี แสดงว่ามีคนไปใช้บริการมาก จึงเหมาะที่จับไปใช้บริการ
จากประสบการณ์ตรงของตัวเองเวลาเดินทางไปต่างจังหวัดแล้วร้านอาหารไหนมีคนรีวิวให้ดาวเยอะๆ แสดงว่างานนั้นเป็นที่รู้จัก มีคนมากินเป็นเครื่องพิสูจน์เยอะแยะมากมาย
คุณสามารถที่จะเพิ่มจำนวนรีวิวแบบนี้ใน Google ไปที่ไหนของคุณได้ ไปที่ไหนของคุณได้ ลองเพิ่มงบประมาณการตลาด มอบสิ่งของเล็กๆน้อยๆให้กับลูกค้าที่ประทับใจในบริการของเรา แลกเปลี่ยนกับรีวิวดีๆสักหนึ่งครั้งใน Google My Business
3. โพสต์ข้อมูลอัพเดทเพื่อทำให้รู้ว่าร้านนี้ยังเปิด
Google My Business จากจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ค้นหาทางไปร้านได้อย่างแม่นยำแล้ว ข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในหน้านั้นอัพเดทบ่อยแค่ไหน ก็จะทำให้คนสนใจมากขึ้น มีตัวตนอยู่จริง ยังไม่ปิดตัวไปไหน
การโพสต์ข้อมูลนั้นสามารถทำได้ทั้งภาพและวีดีโอ เจ้าของร้านสามารถอัพเดทผ่านทางแอพพลิเคชั่นหรือบริการบน Desktop ได้
(ถ้าเป็นวีดีโอจะต้องใช้ผ่าน desktop เท่านั้น)
4. เปิดรับข้อความผ่าน Google My Business Application
ลูกค้าที่มีความต้องการอยากได้สินค้าหรือบริการของเรามากๆ มักจะติดต่อเข้ามาหาเราก่อนผ่านทาง inbox สำหรับ google My Business นั้นก็มี inbox เช่นกัน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าทำอย่างไร
เจ้าของร้านสามารถทำได้ง่ายๆด้วยการไปเปิดรับ การส่งข้อความจากลูกค้า คราวนี้ลูกค้าก็จะสามารถติดต่อเราได้อย่างง่ายดายผ่าน Application Google My Business ซึ่งมีให้ใช้บนมือถือ Android และ iOS
สำหรับตัวผมเองพอลูกค้าติดต่อมาก็จะให้ทักมาทาง LINE official Account ทันที เพราะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าที่มีคุณภาพสะสมเอาไว้
สรุป
และทั้งหมดก็คือกลับปรับแต่งให้คนมาร้านของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย Google
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
เคล็ดลับ เพิ่มคนติดตาม LINE official Account แบบมีคุณภาพ เขาทำกันอย่างนี้
เคล็ดลับ เพิ่มคนติดตาม LINE official Account แบบมีคุณภาพ เขาทำกันอย่างนี้
.
หลังจากที่บริษัท LINE ได้ปรับเปลี่ยนนโยบาย ให้ทุก Account Line@ ต้องเปลี่ยนไปใช้ Line official Account โดยจะทยอยย้ายไปโดยอัตโนมัติตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2563
.
หลายๆคนต้องเริ่มเรียนรู้และปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งาน LINE official Account
แต่สิ่งที่สำคัญ ที่ต้องคำนึงในการใช้งาน นั่นคือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการบรอดแคสออกไปหาผู้ติดตาม
แพ็คเกจใหม่ใน LINE official account นั้น ไม่ได้เป็นการส่งแบบ unlimited
.
แต่จะมีโควต้าในการส่งสำหรับแต่ละแพ็คเกจที่แตกต่างกันไป
.
ผมจึงอยากจะแชร์แนวคิดใหม่สำหรับการทํา LINE official Account
นั่นคือเราควรจะหาคนที่ใช่คนที่มีคุณภาพเท่านั้นมาติดตาม
ไม่ต้องกระหน่ำเพิ่มจำนวน follower อย่างบ้าคลั่งเหมือนสมัยก่อน
.
เพราะทุกการ broadcast คือค่าใช้จ่าย
.
ถ้าใครกำลังเริ่มต้นที่จะหากลุ่มคนติดตามใหม่ๆเข้ามา
ผมอยากให้คัดกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพมาเป็นผู้ติดตามของเรา
.
หากใครอยากรู้วันนี้ผมมีเคล็ดลับที่ใช้กับธุรกิจของผม แล้วมันได้ผล
มีการทัก มีการซื้อซ้ำ โดยตลอดเวลา แม้เราไม่ได้ทำการโฆษณาใดๆเลย
.
อยากรู้ว่าทำอย่างไรมาติดตามกันเลย
1.เพิ่ม คนติดตามผ่าน inbox ของเพจ
ลูกค้าที่มีความต้องการสินค้าหรือบริการของคุณมากๆ จะ inbox เพื่อเข้ามาสอบถามทาง Inbox ของเพจเสมอ ลูกค้ากลุ่มนี้มีโอกาสสูงที่จะซื้อ
ดังนั้นหากเราเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าแอด LINE official Account ใน Inbox ของคุณ ก็จะเป็นการเพิ่มลูกค้าที่มีศักยภาพแต่เราด้วยก็ดี
วิธีการทำง่ายๆก็คือให้เอาลิงค์ LINE official Account ไปใส่ใน greeting message Inbox ของคุณ
2.เพิ่มคนติดตามผ่าน link LINE ในหน้าเว็บ
คนที่แอด Line official Account จากหน้าเว็บหรือหน้า sale Page มันจะเป็นคนที่อยากติดต่อกับเราจริง การใส่ปุ่มเพิ่มเพื่อนลงไปในหน้าเว็บ จะทำให้เราได้คนติดตาม ที่มีศักยภาพ
เคล็ดลับในการให้คนติดตาม คือการทำปุ่มให้เป็นชื่อภาษาไทย เขียนด้วยคำพูดง่ายๆว่า “ติดต่อเราคลิกที่นี่” โทรหาเขาใช้ปุ่มที่ทางไลน์สร้างขึ้นมาให้เอง จะเป็นคำว่า ”เพิ่มเพื่อน” บางครั้งคำนี้อ่านแล้วไม่เข้าใจ แต่ถ้าเขียนให้เข้าใจง่ายๆว่าถ้าต้องการติดต่อให้คลิกที่นี่ แบบนี้คงจะเข้าใจมากกว่า
3. เพิ่มคนติดตามผ่านระบบสะสมแต้ม
เทคนิคนี้จะเหมาะกับธุรกิจที่มีหน้าร้าน เช่นร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่ต่างๆ ถ้าเป็นสมัยก่อนเราจะทำเป็นกระดาษแล้วให้ลูกค้าปั๊มดาว ยกตัวอย่างเช่นซื้อ 10 แก้วแล้วแถมฟรี 1 แก้ว เป็นการตลาดที่ทำได้ง่ายๆแต่ก็ทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้เรื่อยๆ
ซึ่ง LINE official account จะมีฟังชั่นนี้ให้เราได้ใช้งานกันฟรีๆ มีระบบสะสมแต้มให้ลูกค้าใช้ ซึ่งหากลูกค้าคนไหนที่ไม่เคยเป็นผู้ติดตาม LINE official account ของเรา หาดใช้ระบบสะสมแต้มเมื่อไหร่ เขาก็จะกลายเป็นผู้ติดตา Line official account ของเราทันที
แล้วหมดนี้ก็คือเทคนิค
เคล็ดลับเพิ่มคนติดตาม LINE official account แบบมีคุณภาพ ที่ผมใช้เองอยู่แล้วเกิดการซื้อซ้ำอยู่ตลอดเวลา
ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้ก่อนนะครับ
ได้ผลประการใดก็ comment มาบอกกันได้
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt