ไม่ต้องทำให้ทุกคนถูกใจ แต่แก้ไขปัญหาให้แค่บางคนก็พอ
แชร์แนวคิดสำหรับ ธุรกิจออนไลน์ที่เปิดตัวใหม่
ไม่ต้องทำให้ทุกคนถูกใจ แต่แก้ไขปัญหาให้แค่บางคนก็พอ
.
สินค้าต้องแมสเท่านั้น คนถึงจะซื้อ
ต้องทำของให้คนจำนวนเยอะๆ ถึงจะรวย
.
คำพูดดังกล่าวนั้น ไม่ผิดครับ
ถ้าเรามีเงินลงทุนจำนวนมากๆ เยอะๆ และพร้อมทุ่มไปเต็มที่
แบบนั้น ok เลยครับ
.
ในมุมกลับกัน
หากเรามีเงินทุนยังไม่มากพอ จะไปทุ่มขนาดนั้น
การไปหาตลาดใหญ่ ตั้งแต่ครั้งแรก อาจจะไม่เหมาะ
.
แต่ส่วนใหญ่ เรามักจะทำแบบนั้นกันเสมอ
เลยต้องพบกับ การใช้เงินเป็นจำนวนมาก
กับตลาดขนาดใหญ่
.
มีอีกแนวคิดหนึ่งครับ ที่ผมได้ฟังอย่างละเอียด ไปเมื่อวานนี้
จริงๆ ผมคุ้นหูกับคำว่า early adopter ผ่านบทสนนทนา
หรือบทความต่างๆ แต่อาจจะไม่ได้ลงลึก หรือเจาะลึก
หรือไม่อินกับคำพูดนี้สักเท่าไร
เลยเหมือนฟังผ่านๆ
.
ทว่าเมื่อวานนี้
ผมใช้เวลากับกราฟนี้ มากกว่าเดิม
โดยมีคุณอั๋น คุณเอ จาก สัมมนา iclass 1 month in a day
มาเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับกราฟนี้
เห็นว่า เป็นแนวคิดที่ดี เข้าใจง่าย เลยอยากเอามาแชร์ให้ฟังครับ
.
นั่นคือ กราฟ Technology Adoption
อธิบายการเติบโต ของธุรกิจประเภทนี้ได้ดี
.
ช่วงแรกของการสร้างธุรกิจนั้น จะเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า
innovation หรือ นวัตกรรม
กระบวนการ ที่ทำอะไรขึ้นมาใหม่ๆ อาจจะคิดใหม่ทั้งหมด
หรือ ต่อยอดจากของเดิมที่มีอยู่ให้ตอบโจทย์มากขึ้น
.
และเมื่อผ่านช่วงนวัตกรรม ช่วงแรกไปแล้ว
คนที่จะมาซึมซับ รับอะไรใหม่ๆ นี้ไปง่ายๆ
เราเรียกว่า early adopter
อย่างคนที่ ซื้อ iPhone รุ่นแรกๆ สมัคร netflix ทันทีที่เข้าไทย สมัคร spotify ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาใหม่ๆ กล้าใช้ grab ในวันแรกๆที่เปิดใช้งาน
.
ซึ่งพอกลุ่ม early adopter นั้นใช้งานกันอย่างบ้าคลั่ง สนุกสนาน
จนกระจายสิ่งเหล่านี้ออกไป แบบปากต่อปาก
สิ่งที่ตามมา ก็คือ เออ น่าสนใจ เอาด้วยวุ้ย!
นี่คือขั้นตอนที่เราเรียกว่า early majority
.
จนกระแสความฮิตนั้น หนักหน่วงจนกลายเป็นกระแสหลัก
เสมือนไลน์แมนวันนี้ ที่กลายเป็นเรื่องปกติของคนไทย
ใครๆ ก็ใช้ เพราะคนอื่นๆ ก็ใช้กันตลอดเวลา
อันนี้แหละ คือ stage ที่เรียกว่า late majority
คนรู้จักเยอะ เข้าใจเยอะ การแข่งขันของรายใหม่ๆ ก็จะยากขึ้นแล้ว
เพราะต้องใช้สรรพกำลังมาก ใช้เงินเยอะ
.
และท้ายสุด นั่นคือ laggards
เป็นช่วงปลายของวงจร แล้ว คนกลุ่มนี้จะยอมใช้ เพราะว่ามันไม่เหลือของเก่าๆ ให้ใช้งานแล้ว ยกตัวอย่างเช่น
– จำเป็นต้องเปลี่ยนจาก vdo มาเป็น vcd เพราะไม่มี vdo ขายแล้ว
– จำเป็นต้องเปลี่ยนจาก vcd เป็น dvd เพราะว่า ไม่มี vcd ขายแล้ว
– ต้องมาดู netflix แทน เพราะว่าตอนนี้ ที่บ้านไม่มีที่เก็บ blueray dvd แล้ว
.
ซึ่งกลุ่มคนในแต่ละ stage นั้น
มีความแตกต่างกันไปเสมอ
.
หากวันนี้ เรามีเงินเยอะมาก
มีเงินพร้อมทุ่ม ก็ไปเลย ที่ stage ของ early majority หรือ late majority
.
แต่หากความจริง ไม่ใช่
ให้พยายาม นึกตอบโจทย์ให้กับเหล่ early adopter แทน
ตอบโจทย์ แก้ปัญหา สร้างความพึงพอใจ ให้กับคนบางกลุ่ม ก่อน เหมือนกับ
– joox สร้างแอพฟังเพลง เพื่อสนอง need คนชอบฟังเพลงทั้งวัน
– lineman สร้างแอพขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์คนหิวข้าว แต่ไม่อยากไปซื้อเอง
– grab สร้างแอพขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์คนที่เรียกแท็กซี่ ไม่ได้สักที เพราะ แท็กซี่ไม่อยากไป
.
เพราะหากเราตอบสนองความต้องการ
ของคนกลุ่มเล็กๆ ให้เต็มที่ และสมบูรณ์แบบ
.
คนกลุ่มนี้แหละ จะขยาย กระจายให้บริการของเรา
เป็นที่รู้จักต่อเนื่องและยาวไกลไปแบบเต็มๆ
.
แต่ถ้าเรา ไม่สามารถเติมเต็มคนเหล่านี้ได้
มันก็จะกลายเป็นช่องว่าง ที่ทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝัน อย่างที่ต้องการ..
.
ลองคิดดูนะครับ
ว่าเราจะจัดการ อย่างไร กับคนกลุ่มเล็กๆ ที่พร้อมจะตะโกนบอกความดีงาม
ของธุรกิจออนไลน์ของคุณ ให้ดังไปไกลกว่าเดิม
ได้อย่างไร…
.
#digitalnook
5 เทคนิค เพิ่มยอด like เพจ แบบมีคุณภาพ ทำได้แบบนี้นี่เอง
5 เทคนิค เพิ่มยอด like เพจ แบบมีคุณภาพ ทำได้แบบนี้นี่เอง
ถ้าวันนี้ เราจะทำเพจขึ้นมาสักเพจ
แน่นอน แม้มันจะเป็นบ้านเช่า แต่นี่คือ บ้านเช่าที่เราจะทำธุรกิจ
ดังนั้น มันจะต้องมีคุณภาพ และ สื่อสารข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมายตัวจริง ที่จะซื้อสินค้า และ บริการจากเรา
จะดีกว่ามั้ย หากคนที่ติดตามเพจของเรานั้น คือลูกค้าที่แท้จริง
และ มีคุณภาพ ไม่ได้เป็นชาวต่างชาติ ที่มาติดตามเพราะ ไปซื้อไลค์เถื่อน!!
เอาล่ะ ถ้าจุดมุ่งหมายของคุณคือ เพิ่มยอด like เพจ สร้างคนติดตามคุณภาพ
ก็มาเริ่มต้นอ่านกันได้เลย!!
1.ตั้งมั่น วางแนวทางของเพจ ให้มีเพียงแค่ 1 เดียวเท่านั้น
อย่าทำให้คนอื่นๆ สับสนหลงทางว่า คุณทำอะไร เพราะว่าการสร้างเพจในเฟสบุ๊ค ไม่ใช่ร้านขายของชำ ที่มีทุกอย่างให้เลือกสรร ควรมีแกนหลักๆ ในการนำเสนอเพียง 1 เดียวเท่านั้น เช่นเรานำเสนอเรื่อง กาแฟ ก็ควรจะมีแต่เรื่องของกาแฟ เท่านั้น ถ้ามีสิ่งอื่นๆ ที่ต่างไป คนก็จะให้ความสนใจน้อยมาก และ รำพึงในใจว่า “นี่มันเพจอะไรกันแน่”
บางเพจเป็นเพจการเกษตร แต่เอาข่าวดาราเลิกกัน มานำเสนอ
คนก็ถามว่า “ขอความรู้เรื่องเกษตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เอาข่าวดารา”
ผู้บริโภค เขามีหัวใจนะครับ 😉
2. สร้าง Content ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของคุณเป็นหลัก เพื่อสร้างตัวตนที่ชัดเจน
การสร้างเนื้อหาใหม่ๆ ขึ้นมา จะต้องเกี่ยวกับแกนการนำเสนอหลักของคุณเท่านั้น แม้จะมีกระแสสังคมอะไรที่โด่งดังขึ้นมา ถ้าอยากเขียน ก็ให้ผูกโยงและลงท้ายด้วยความเป็นเพจของคุณเสมอ เช่น คุณขายเค้กออนไลน์ วันตรุษจีน ก็ให้เอาเรื่องของส้มที่เป็นสัญลักษณ์ ของความโชคดี มาเป็นตัวนำ แล้วตามท้ายด้วยเค้กส้มของคุณ
3. เรื่องไหนที่ Engagement ที่ดีที่สุด ให้จำไว้ นั่นคือหัวใจสำคัญที่สุดของการทำโฆษณา
เรื่องไหน โพสต์ไหนที่มีการตอบรับจากคนดู คนอ่านมากที่สุด แสดงว่า คนชอบ และ ถูกจริตเป็นอย่างมาก ให้บันทึก และ วิเคราะห์ไว้ว่า ทำไมถึงดี แล้วให้ลองทำตามแนวทางนี้ไปเรื่อยๆ ถ้ามันได้ผลทุกครั้ง แสดงว่า มันคือหมัดเด็ด ที่คุณจะเอาไปทำ content ต่อในอนาคต
4. ทำโฆษณาด้วย Content ที่ได้รับ engagement ดีที่สุด
– ยิ่งเป็น VDO ยิ่งดี เพราะตอนนี้ Facebook สนับสนุนให้ทำ เพราะเขาต้องการแข่งขันกับ Youtube แต่เนื้อหาต้องเจ๋งมากพอนะ ไม่ใช่เป็น video ที่เอาภาพมาต่อๆๆ กัน แล้วไม่ได้ให้คุณค่าอะไร กับคนอ่านเลย
– วัดผลการทำโฆษณาในหลายกลุ่มเป้าหมาย เป้าหมายไหนดี ใช้กลุ่มนั้นเลย กลุ่มไหนไม่ ok เราก็ไม่ต้องทำต่อ
5. Invite คนจากกลุ่มที่ชื่นชอบเรื่องนั้นๆ มาเป็นแฟนเพจ
– ทำเรื่องรถ ลองเชิญชวนคนที่อยู่ในกลุ่มมากด Like เพจเรา เขาจะมีโอกาสที่จะ ส่วนเทคนิคพิเศษ อันนี้แล้วแต่ความสามารถเฉพาะตัวแล้วครับ
สร้าง Facebook Pixels ไว้ยิงแอดแบบ Conversion ทำได้แบบนี้นี่เอง
สร้าง Facebook Pixels ไว้ยิงแอดแบบ Conversion ทำได้แบบนี้นี่เอง
สำหรับใครที่ยิงแอด facebook แล้วไม่เคยใช้เป้าหมาย Conversion บอกเลยว่าพลาดนะครับ
เพราะการทำโฆษณาแบบ Conversion นั้น เป็นการรีดเอาความสามารถของ facebook มาใช้งานได้ดีมากกว่าแบบอื่นๆ
เข้าถึง กลุ่มเป้าหมายในระดับพฤติกรรมเลยทีเดียว
นั่นคือ หาลูกค้าใหม่ๆ ที่ชอบซื้อสินค้าของเรา มาซื้อสินค้าของเราอีก
หาคนที่ชอบการดาวน์โหลด
หาคนที่ชอบการกรอกฟอร์มที่เราสร้างไว้
เรียกว่าประยุกต์กันได้หลายแบบ ครับท่าน
แต่ก่อนอื่น เราจะต้องมีเว็บไซต์ และสิ่งที่เรียกว่า Facebook Pixels นั่นเอง
ซึ่งครั้งนี้ ผมขออธิบาย ให้ทุกคนฟังด้วย Clip Video นี้ครับ
Campaign Budget Optimization ประหยัดค่าแอดเฟสบุ๊ค ลง 30% ด้วยการใช้ CBO (Campaign Budget Optimization)
Campaign Budget Optimization ประหยัดค่าแอดเฟสบุ๊ค ลง 30% ด้วยการใช้ CBO
.
ทุกวันนี้ ต้องยอมรับกันจริงๆว่า ค่าแอดเฟสบุ๊ค คงไม่มีวันถูกลง
มีแต่จะแพงขึ้นๆๆๆ ไปเรื่อย
เพราะว่า ทุกคนล้วนแต่วิ่งกรูเข้ามาในตลาดนี้ กันหมด
.
ตั้งแต่รายเล็ก ไปถึงรายใหญ่
โดยเฉพาะรายใหญ่ๆ ที่เข้ามาพร้อมกับเม็ดเงิน ที่โยกมาจากสื่อเก่า
เขาไม่ได้ใช้เงินน้อยลงในทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์
แต่กำลังเอาเงินมาเพิ่มลงใน สื่อออนไลน์
.
ซึ่งสื่อออนไลน์ ก็เหลือแค่ เฟสบุ๊ค กับ Google นั่นเอง
.
ดังนั้น ค่่าโฆษณาจึงแพงขึ้นอย่างมีเหตุ มีผล
แต่เป็นเหตผล ที่บางครั้งเราก็ไม่อยากจะเข้าใจ 555
.
กระนั้นก็ตาม เฟสบุ๊คก็ยังใจดีพอที่จะยื่นแนวทาง การประหยัดค่าแอดมาให้เรา
ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า CBO นั่นเอง
.
สำหรับคนที่ลงโฆษณาเฟสบุ๊คมานานๆ น่าจะเคยใช้
การทำ Multi Adset กันมาบ้างแล้ว
มันเป็นการเลือก
แต่ตอนนี้ ทางเฟสบุ๊คปรับเปลี่ยน ไม่ให้ทำแล้วจ้า
.
เราเลยจึงต้องใช้ เทคนิคแบบ CBO
.
หลักการง่ายๆ ของ Campaign Budget Optimization ที่ต่อไปจะเรียกสั้นๆ ว่า CBO ก็คือ
เราจะ ทำ adset ไว้หลายๆ ตัว อยู่ภายใต้ campaign เดียวกัน
และให้แต่ละ adset มันแข่งขันกันเอง
.
สมัยก่อน ใน 1 campaign
แต่ละ adset เราตั้งเงินไว้ที่ adset ละ 10 usd
ถ้าตัวไหนดี มันก็ทำงานดีไป
ตัวไหนไม่ดี ก็กินเงินไป
ต้องมานั่งเช็คเอง ว่าจะปิด จะเปิด adset ตัวไหน
.
แต่สำหรับ CBO
ถ้า adset ตัวไหน ทำงานได้ดี
เฟสบุ๊คจะปรับโยกเงิน ให้ไปลงที่ adset ตัวนั้นทันที ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพ
โดยที่เราไม่ต้องมานั่งพิจารณา เปิด ปิดแอดด้วยตัวเอง
.
adset ก็คือเรื่องของกลุ่มเป้าหมาย
อายุ เพศ วัย ความสนใจ นะครับ
.
ประหยัดเวลา
เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นๆ ได้เลยจ้า
.
ซึ่งการทำ CBO นี้ สามารถทำได้ในทุกวัตถุประสงค์ การทำโฆษณาเฟสบุ๊คเลยครับ
วิธีเลือก ก็เพียงไปที่ด้านล่างสุดของหน้าจอ เวลาทำ campaign ต่างๆ
.
กดเลื่อนให้ CBO ทำงาน
.
หลังจากนั้นก็เลือกว่า จะใช้เงินเท่าไร เลือกไปเลยว่าจะเป็นแบบ Daily หรือ lifetime
ตามแต่จะต้องการครับ
.
เท่านี้แหละ
แล้วหลังจากนั้น ลองเปรียบเทียบดูว่า ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้น
ลดลงไปมากน้อยแค่ไหน เพราะที่ผมลองดู มันลดลงไปจากเดิมนะครับ
.
แต่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
หาก content ไม่ใช่ ยังเป็นโฆษณา ที่ดูยัดเยียด เหมือนเดิม
จะ เทคนิคไหน ก็คงไม่อาจช่วยได้แล้วนะครับ
.
ก่อนจะยิงแอด ต้องคำนึงเรื่องของการทำ Content ที่จะส่งไปให้ชาวบ้านได้ดู ได้คลิกกันด้วยน้า
.
และที่สำคัญ
กด like กดแชร์ กด comment ได้นะครับ
.
facebook pixels แบบเข้าใจง่ายๆ ใน 3 นาที
facebook pixels แบบเข้าใจง่ายๆ ใน 3 นาที
.
บทความต่อไปนี้ เป็นการอธิบายให้เห็นถึงภาพของการทำงานของ facebook pixels
เครื่องมือที่จะช่วยทำให้การทำโฆษณาบนเฟสบุ๊ค มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่ลงลึกรายละเอียด แต่อย่างใด
.
หลายคนที่ทำโฆษณาเฟสบุ๊คมานาน
น่าจะพอรู้ว่า ตอนนี้ ค่าโฆษณา แพงขึ้น
หาลูกค้ายากขึ้น กลุ่มเป้าหมายที่เคยดี
ก็เริ่มจะไม่ค่อยดีเหมือนเดิม
.
เทคนิคการทำโฆษณาจึงต้องเปลี่ยนไป
ต้องใช้เครื่องมือที่เฟสบุ๊คมีให้ใช้ มากขึ้น
.
จริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่
เพราะว่าเราแอบเห็นคำว่า pixels มานานแล้ว เวลาจะ boost post ทำโฆษณา
แต่เราละเลย และไม่ได้ใส่ใจ เพราะยิงแอดแบบปกติ
มันก็ทำงานได้ดี
.
ที่มันทำงานได้ดี เพราะสมัยก่อน คู่แข่งน้อย
คนในสนามน้อย ทำอะไร ก็ทำได้
ยิงแอดอะไร ก็ปัง
(เหมือนตอนนี้ ที่เรายิงแอดไปประเทศเพื่อนบ้าน จะได้ราคาถูก และ ได้ผลดีเหมือนที่เคยทำในบ้านเราเมื่อ 4-5 ปีก่อน)
.
แต่ตอนนี้ คนรู้เยอะ สนามแข่งขันนี้ จึงดุเดือด
เพราะคู่แข่ง ไม่ใช่คนขายของเหมือนกัน
แต่เป็นบริษัทใหญ่ๆ ที่ยอมทุ่มเงินมาในเฟสบุ๊ค หลักร้อยล้าน
.
ดังนั้น การยิงแอด การทำโฆษณา จึงต้องใช้ความคิดมากกว่าเดิม
และคำว่า pixles ก็เป็นที่สนใจ มากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งจะควบคู่ไปกับ การโฆษณาแบบ Conversion ซึ่งเราก็เห็นมานานมาก
แต่ไม่เคยคิดจะไปสัมผ้สมันเลย….
.
เอาล่ะ มาทำความเข้าใจกันดีกว่า ว่ามันคืออะไร
.
ปกติ ทุกวันนี้ เวลาที่เรากดอะไร ทำอะไรใน เฟสบุ๊ค
เฟสบุ๊คมักจะนำเอา สิ่งที่คล้ายๆกัน มานำเสนอให้เรา
เพราะคิดว่า เราชอบสิ่งนั้น ก็เลยบริการ เอาของที่เราชอบมาบรรณาการใน newsfeed บ่อยๆ
.
ชอบกดดูเพจบ้าน ก็จะมีเรื่องบ้านขึ้นมา
ชอบกดดูเพจหมาแมว ก็จะมีเรื่องสัตว์เลี้ยงขึ้นมา
.
อันนี้ ก็ถือว่าเป็นกลไก pixels แบบหนึ่งของเฟสบุ๊ค ที่เราไม่รู้ตัว
.
แล้วจะดีแค่ไหน
หากเรามีสื่อเป็นของตัวเอง แล้วเอาคนที่ชื่นชอบ กดนั่น กดนี่ในสื่อของเรา
เอาง่ายๆ สื่อที่ว่านั้น ก็คือเว็บไซต์ นั่นเอง
.
หากเรามีแค่เพจบนเฟสบุ๊คอย่างเดียว
คงไม่อาจะใช้ความสามารถของ pixels ได้อย่างเต็มที่
ดังนั้นจึงต้องมีเว็บไซต์จ้า!! ok?
.
สำหรับการติดตั้ง pixels ในเว็บนั้น
ถ้าทำไม่เป็น ก็จ้างเขาติดตั้งครับ ไม่แพง
.
ถ้าจะทำเว็บ ก็แนะนำให้ใช้พวก wordpress ในการทำ
เพราะสะดวก ปรับเปลี่ยนง่าย คนใช้กันเยอะ
ดังนั้น เวลาทำอะไร จึงหาคนช่วยง่ายกว่า
แถมโครงสร้างเว็บ ยังดีต่อ SEO ที่ทำให้ติด Google ได้ง่ายอีกต่างหาก
.
เอาล่ะ พอเราติดตั้ง pixels ในเว็บเสร็จแล้ว
ขั้นตอนต่อไป ก็คือ การฝึกให้เจ้า pixles นี้เติบโต
เจ้า pixels เหล่านี้ กินข้อมูลการใช้งานเว็บเป็นอาหาร
ดังนั้น เราก็ต้องป้อนมันด้วย traffic ทำให้คนเข้าใช้งานเว็บนี้เยอะๆ บ่อยๆ
ยิ่งเปิดหลายหน้า
ยิ่งกดปุ่มนั้น ปุ่มนี้เยอะๆ
ก็จะทำให้ pixels แยกแยะออกได้
.
โดยเฉพาะการเข้ามาดูเว็บ อ่านเว็บ หรือ กดปุ่ม ที่มีผลดีต่อรายได้ของธุรกิจเรา
ซึ่งอาจจะต่างกันไป
บางคนเข้ามาอ่านเนื้อหา
บางคน เป็นปุ่มสั่งซื้อ
บางคน เป็นปุ่มกรอกรายชื่อ
บางคน เป็นปุ่มกดโทรหา หรือ ติดต่อเจ้าหน้าที่
.
จะดีมั้ย หากวันนี้ เรารู้ว่าใครเข้ามาทำอะไร ในเว็บของเราบ้าง
ถ้าเขาเคยเข้ามา แล้วเห็นโฆษณาของเราอีกครั้ง
โอกาสที่จะสนใจ หรือ ซื้อของๆเรา ก็เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
.
บางคนที่ เคยกดสั่งซื้อของ
แล้วยังไม่จบ เราส่งหน้าสินค้านั้นไปให้เค้าอีกที
โอกาสปิดการขายสูงขึ้นมั้ย?
.
เหมือนเราเข้า agoda แล้วยังค้างจ่าย
ยังไม่จ่ายเงิน
ก็จะมีโฆษณา ของโรงแรมที่เราดูค้างไว้ โผล่มาหลอนหลอกกัน
.
หรือเข้าไปใน shopee lazada
เลือกซื้อของไปสักพัก แล้วออกมาจากเว็บนั้น หรือ app นั้น
เข้าเฟสบุ๊คปั๊บ เห็นโฆษณาสินค้าเลยจ้า
และโผล่มาหลอนบ่อยสุดๆ
.
อันนี้แหละ
เราเรียกกันว่า การ retargeting
ทำโฆษณาส่งไปหาลูกค้า ด้วยข้อมูลพฤติกรรม การใช้งานเว็บของลูกค้าเอง
.
อันนี้ คือความดีงามเล็กๆของการใช้ pixels ในเว็บ
.
ยังไม่รวม
ถึงการให้ เฟสบุ๊คไปหาคนที่มีพฤติกรรม ใกล้เคียงกับ action ในเว็บของเรานะ
.
จะดีมั้ย หากวันนี้ เราไม่ต้องหากลุ่มเป้าหมาย เพศวัย
แต่ให้เฟสบุ๊คไปคัดเอาคนที่ชอบกดซื้อของในเว็บของเรามาให้
.
นี่มันกลุ่มเป้าหมายในฝันเลยนี่!!
.
แต่แน่่นอน ว่าก่อนจะเจอฝันดี
เราต้องใช้เวลา และความพยายามอย่างหนัก จึงจะสำเร็จ
ดังนั้น อย่าทิ้งความฝันสวยๆ ไว้กลางทาง
.
พยายามให้สำเร็จก่อน
แล้วค่อยผ่อนคลาย..
.
เอาเป็นว่า แนวคิดของ facebook pixels ที่อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ใน 3 นาที
จะมีประโยชน์กับทุกๆ คนที่กำลังสนใจ อยากทำอยู่นะครับ
ทำเงินในโลกออนไลน์ ด้วยมือถือแค่เครื่องเดียวกับ 4 ความจริงที่เขาไม่ได้บอก
ทำเงินในโลกออนไลน์
ด้วยมือถือแค่เครื่องเดียว
กับ 4 ความจริงที่เขาไม่ได้บอก
.
มีครับ
เป็นเรื่องจริง
และใครๆ ก็ทำได้กันเยอะเลย
.
ฟังแล้วเหมือนจะขี้โม้ และจะขายอะไรสักอย่างให้เรา
ทว่ามันเป็นเรื่องจริงครับ
.
แต่เป็นความจริงอยู่ประมาณ 10% นะครับ
ใครเห็นโฆษณาประเภทนี้ แบบนี้ เขาไม่ได้มาโกหกเราครับ
แค่อาจจะยังไม่ได้บอก
.
เหมือนวันนี้ เราเห็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งแค่ส่วนปลายยอด
แต่ด้านล่างของภูเขาน้ำแข็งนั้น มีอะไรซ่อนอยู่มากมาย
.
หากจะเรียบเรียงมาให้ว่า มีอะไรบ้างที่เขายังไม่บอก
ผมมีความเห็นดังนี้ครับ
อะ มาดูกัน…
.
ทำเงินในโลกออนไลน์
ด้วยการใช้มือถือแค่เครื่องเดียว
มีอยู่จริง แต่สิ่งที่ไม่ได้บอก ว่าต้องมีด้วย คือ
.
1. ความรู้ ความเข้าใจ ในการทำสิ่งนั้นๆ
เวลาจะทำอะไรสักอย่าง คุณเข้าใจหรือยัง ว่ากำลังทำอะไร
ทำเพื่อใคร แก้ปัญหาให้ใคร
หากเป็นการแก้ปัญหาให้ตัวเอง ต้องถามว่า เราจะยกระดับความสุขของคนที่เราจะแก้ปัญหานั้น
ไปได้ไกล มากน้อยแค่ไหน
.
ถ้าแก้ปัญหาให้คนอื่น ต้องรู้ว่า ปัญหา
2. ความใส่ใจ ความพยายาม การทำอย่างต่อเนื่อง
เมื่อตัดสินใจ ลงมือทำอะไรแล้ว ก็ต้องทำให้เต็มที่ โฟกัส อย่างต่อเนื่อง
เกาะติด เมื่อมีปัญหา ก็ต้องแก้ไข ให้ได้ อย่าละทิ้งปัญหาไป
มันง่ายที่จะเดินหนี ปัญหา
แต่ให้นึกถึงวันแรก ที่เราตัดสินใจ ลงมือทำสิ่งนี้
ความรู้สึก ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังของเรา วันนั้นอยู่ไหน?
.
การทำอย่างต่อเนื่อง คือการเรียนรู้ ดีๆ นี่เอง
เพราะจะเจอสถานการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่มีเขียนไว้ในหนังสือคู่มือ
พร้อมทางแก้ไข ที่กำหนดขึ้นมาเอง โดยตัวเรา
.
3. แนวคิดกล้าลงทุน กล้าล้มเหลว
ถ้ารักจะทำเงินบนโลกออนไลน์ ให้ลืมไปได้เลยว่า มันคือ การได้มาฟรีๆ
แม้โลกออนไลน์ จะมีความรู้ฟรีๆ ให้ทำตาม
แม้โลกออนไลน์ จะสามารถหยิบ ภาพ เพลง วิดิโอ มาผสมรวมกันได้ง่ายๆ
.
แต่การจะสร้างเงินขึ้นมาให้เห็นเป็นชิ้น เป็นอัน
การใช้เงินเพื่อการลงทุน จึงเป็นเรื่องปกติ
.
ถ้าเป็นการทำโฆษณา ออนไลน์บางครั้ง เราอาจจะหวัง ได้คน ได้ยอด ตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่ลงโฆษณาไป ซึ่งความจริง มันไม่ใช่แบบนั้น
.
เพราะมีอีกหลายปัจจัย ที่เรายังมองไม่เห็น
.
หากวันไหน ที่เราใช้เงินเยอะ แต่ยอดไม่เยอะ
ให้สังเกต ว่าทำไม ยอดน้อย หรือไม่มียอด
อย่าเพิ่งหยุดโฆษณา
.
มองว่านี่คือการลงทุน
.
4. ปรับปรุง เพื่อสู่ความสำเร็จ
แน่นอน เมื่อลงมือทำแล้ว เราจะเห็นทั้งสิ่งที่ work และสิ่งที่ไม่ work
อันไหนดี เราพัฒนาต่อยอด ไปจากเดิมให้ดียิ่งขึ้น
อันไหนล้มเหลว เรานำมาคิดต่อ ดูว่า ทำไม ถึงไม่ดี
แล้วปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อผลลัพธ์ที่มากกว่า
.
เพราะความสำเร็จ หากสำเร็จได้ภายในชั่วโมงเดียว
คงไม่ใช่ความสำเร็จ ที่แท้จริง
.
และนั่น คือ ความจริง 4 ข้อ ที่หลายๆคนไม่ได้บอกเอาไว้
เกี่ยวกับ “ทำเงินในโลกออนไลน์ ด้วยมือถือแค่เครื่องเดียว”
.
.ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ กันนะครับ
.
.
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
https://line.me/R/ti/p/%40digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
3 สิ่งที่ควรจำ เวลาทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
3 สิ่งที่ควรจำ เวลาทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ทำโฆษณาเฟสบุ๊ค ไม่ใช่แค่ยิงแอด แล้วจบ!
.
ในยุคสมัย ที่ใครๆก็หันมาขายของออนไลน์กัน
เมื่อ 4-5 ปีก่อน ในเฟสบุ๊ค
โพสต์ทิ้งๆ ขว้างๆ ก็มีคนสนใจ ซื้อของกัน
.
หลังๆ คนเริ่มเยอะ โพสต์ธรรมดา โลกไม่จำ
จึงต้องมาใช้เงินฟาดหัว เพื่อให้คนเห็นมากขึ้น
ปรากฏว่าดี วุ้ย ขายของได้ สบายเลยสิเรา
.
ต่อมา คนเห็นว่าดีวุ้ย เอาบ้าง
ลุยบ้าง เสียเงินบ้างซิ จะได้รวยกับเขา
ก็แห่มาลงเงิน เสียเงินให้พี่มาร์ค
.
จากตลาดที่เคยมีกันอยู่แบบ อุดมสมบูรณ์
ก็กลายเป็นทะเลแดงเดือด แก่งแย่งกันมากกว่าเดิม
.
ราคาค่า ads ก็เพิ่มสูงขึ้นๆๆ ไปเรื่อยๆ
เจ้าใหญ่ๆในท้องตลาด ก็ลงมาฟาดฟัน ในมหาสมุทรสีเลือดด้วย
ราคาก็ไปกันใหญ่จ้า!!
.
เออ แล้วไงดี
.
แต่หากคุณเชื่อว่า ลูกค้ายังอยู่ที่นี่
ยังมีอะไรให้ได้เก็บเกี่ยวอยู่
ยังมีความหวังอยู่
.
เราก็พอมี แนวทางให้เลือกเดินกันครับ
กับ 3 สิ่งที่ควรระลึกถึง เมื่อคิดจะทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
เพราะนี่เป็นสิ่งที่ควรจะคิดให้มากๆ มากกว่าวิธียิงแอด กันนะครับ 😉
.
ว่าแล้ว ก็มาทำความเข้าใจกันเลยครับ
.
1. คำพูดกระแทกตา
ทุกวันนี้ สิ่งที่ทำให้คนเราหยุดสายตา หยุดมองอะไรบ้าง
มักเกิดจากประโยค ที่มันเกี่ยวกับเรามากๆ
ปัญหาของเรา สิ่งที่เรากำลังมองหา เช่น
“ลดกลิ่นแก่ คืนความหนุ่มให้มากกว่าเดิม 2 เท่า ด้วยxxxx”
“ฝ้ากระจุย สาวขึ้นกว่าเดิม เพียงเติม…”
.
ด้วยประโยคแรก ที่มันเกี่ยวกับเรา
ก็จะดึงให้เราไปอ่าน ประโยคอื่นๆ ต่อเลย
หาก สิ่งที่ตามมา แฝงไว้ด้วย ข้อเสนอดีๆ มีราคาดีๆ
และ ข้อจำกัดทางเวลา เพื่อเร่งให้ตัดสินใจ
โอกาส ที่จะคล้อยตาม และ ซื้อของเราเร็วขึ้น
ก็มากกว่า
.
พยายามนึกถึง ปัญหาของ คนที่จะเป็นลูกค้าของเราไว้เยอะๆ ครับ
แล้วประโยคทองมันจะมาเอง
.
2. ภาพโดนใจ
นอกจากเรื่องราว ที่เกี่ยวกับเราแบบสุดๆ แล้ว
ภาพ หรือ วิดิโอ ที่เห็นแว้บเดียวก็ต้องหยุดนิ้วโป้ง
คือ อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ โฆษณาของเรา
เป็นที่สนใจของกลุ่มเป้าหมายนะ
.
ภาพที่สื่อให้เข้าใจง่าย
จะเข้าถึงคนได้มากกว่า
เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ
ที่สำคัญ หากมีหน้าคนอยู่ในนั้น คนจะสนใจมองมากกว่าปกติ
.
3. กลุ่มเป้าหมายที่ใช่
อีกเรื่องที่สำคัญมากๆ นั่นคือ คนที่เราจะเอาสารไปส่งให้เค้า
ข้อความดี ภาพเลิศ แต่กลุ่มคนที่เราส่งไปหา ไม่ใช่
มันก็เน่านะ
.
เช่น เอาเรื่อง น้ำมันเครื่อง สำหรับรถสิบล้อ ส่งไปให้เด็กประถม
ก็อาจจะแค่ดูผ่านๆ แล้วเลื่อนไป
หรือ ไม่ได้มองเสียด้วยซ้ำ
.
เปลืองค่าแอดเปล่าๆ จ้า
.
ดังนั้น 3 สิ่งที่ควรจำ เวลาทำโฆษณาเฟสบุ๊ค คือสิ่งนี้เลย
.
คิดให้เยอะๆ ว่า ปัญหาของลูกค้าเราคืออะไร
ตอบปัญหาให้ได้ เสนอสิ่งดีให้เค้า
ทำภาพให้ชัดเจน ให้เค้านึกออกว่าเรากำลังคุยกับเค้า
จับมัดรวม แล้วส่งมอบมันไปยังมือถือ ของเค้าเลย
.
แล้วชีวิตจะดีขึ้น
.
อ้อ อีกอย่างหนึ่งที่ลองทำแล้ว ใช้งานได้ดี
Content ไหนที่ มันดีมากๆ
แทบไม่ต้องตั้งกลุ่มเป้าหมายเลย ก็ยังปังนะ
.
แต่ content แบบนี้ จะเหมาะกับ สินค้า หรือ บริการที่
ไม่ต้องคิดมาก
.
อาทิเช่น ร้านวิวป่า ขนมน่ากิน ส้มตำสุดแซบ มะม่วงสุดซี๊ด คลิปขำโคตรๆ คลิปสะเทือนใจ เรื่องดราม่า
.
ถ้า content เรา ไม่ตรงกับอะไรแบบนี้
ลองไปหาทาง ให้มันเข้ากับแนวทางเหล่านี้ให้ได้นะ
.
ชีวิตจะสบายขึ้น
.ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ กันนะครับ
.
.
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
https://line.me/R/ti/p/%40digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
Facebook ไม่ใช่ทุกอย่าง ของ การทำธุรกิจ อย่าเอาทุกอย่างไปผูกไว้กับ เฟสบุ๊ค
Facebook ไม่ใช่ทุกอย่าง ของ การทำธุรกิจ
อย่าเอาทุกอย่างไปผูกไว้กับ เฟสบุ๊ค
.
เพราะโลกออนไลน์ นั้นมีเครื่องมือให้เลือกใช้ มากกว่า 1 อยู่เสมอ
ดังนั้น อย่ายึดติดเฉพาะเครื่องมือเดียว
.
บนโลกนี้ยังมี
youtube
ถ้าลูกค้าของคุณ คือ คนชอบดูรีวิว ชอบศึกษา ก่อนจะเลือกซื้อ หรือเห็นอะไรที่เคลื่อนไหวได้ แล้วมีคนทำให้ดู แล้วซื้อตาม youtube คือ แหล่งสร้างแรงบันดาลใจในการซื้อ ได้เป็นอย่างดี
สินค้าที่ เหมาะกับกลุ่มนี้ คือ เครื่องสำอาง รถยนต์ notebook pc gadget อุปกรณ์ไอที มอเตอร์ไซค์ เป็นต้น
twitter
กลุ่มคนใช้งานในทวิตเตอร์ ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น เพราะว่า ตอนนี้ พ่อแม่ของเขา มาเล่น facebook กันมากขึ้น ดังนั้น การหาที่พักใจ ไปทำอะไรก็ได้สักที่ ได้ปลดปล่อยความคิด มันคือ twitter สังเกตว่าคำพูด หรือ เรื่องราวต่างๆ ที่เรามักเจอในทวิตเตอร์ จะเป็นความคิดใหม่ๆ มุกตลกใหม่ๆ และข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
.
แต่บ่อยครั้งที่เราจะเห็น รีวิวสินค้า ที่แม้จะดูจงใจโฆษณา แต่เราก็ อยากได้ อยากมีเหลือเกิน นี่แหละ คือพลังของทวิตเตอร์
.
สินค้าที่เหมาะกับกลุ่มนี้คือ ขนม ร้านกาแฟ คาเฟ่ เครื่องสำอาง ของใช้ ของกินใน 7-11
.
instagram
นี่คือดินแดน ของคนมีสไตล์ มีรสนิยม และเลือกที่จะชื่นชมกับเนื้อหา ที่ดูดี สร้างสรรค์ เป็นหลัก เพราะ content ทั้งหมดใน instagram คือภาพและ วิดิโอ ดังนั้นจึงเข้าใจง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ
.
แต่ต้องดูดี สวยงาม เห็นแล้วปิ๊ง ที่สำคัญ คนใช้ instagram เป็นคนที่ไม่ใส่กับเรื่องของราคาเลยแม้แต่น้อย แพงแค่ไหน ถ้าถูกใจ ก็พร้อมจะเปย์
.
สินค้าที่เหมาะกับกลุ่มนี้คือ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา แบรนด์เนมต่างๆ
.
website
เว็บไซต์ คือเครื่องมือแรกๆ ที่เรารู้จักคำว่า e-commerce มันยังใช้งานได้ดีเสมอ เพียงแต่เราจะเลือกใช้มันอย่างไรให้ถูกวิธี หาก social media ต่างๆ คือบ้านเช่า website นี่แหละ คือบ้านที่มั่นคงของเราๆท่านๆ เพราะจะทำอะไร ก็ได้ ไม่มีใครห้าม
.
ไม่มีใครมาตั้งกฏเกณฑ์ใดๆ เพราะเราคือเจ้าของ ซึ่งหากออกแบบดีๆ วางกลยุทธ SEO ให้ google มาเจอเราง่ายๆ บางครั้ง แทบไม่ต้องไปจ่ายเงินค่าโฆษณา ก็สามารถสร้างยอดขายได้
.
และที่สำคัญ ตอนนี้ ทุกคนกำลังสนใจ การนำเว็บไซต์มาทำงานร่วมกับ facebook เพื่อทำให้โฆษณาของเราแม่นยำมากขึ้นแล้วจ้า!!
.
สินค้าที่เหมาะกับกลุ่มนี้คือ สินค้าทุกประเภท!
.
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ กันนะครับ
.
.
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
https://line.me/R/ti/p/%40digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
3 เทคนิค เขียน Content ยังไง ให้คนอยากอ่าน
3 เทคนิค เขียน Content ยังไง ให้คนอยากอ่าน
.
หลายครั้ง ที่เราเขียนโพสต์เฟสบุ๊ค
แล้วคนไม่อ่าน
ไม่แชร์ ไม่หือ ไม่อือเลย
.
ทั้งๆ ที่เราก็ตั้งใจนะ
แต่ทำไมไม่อ่าน หรือ ไม่ปังเลย
.
หากนี่คือปัญหาที่เจออยู่
ลองมาดู 3 เทคนิค ที่จะทำให้คุณเขียน Content ได้ดีกว่าเดิม
อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าที่ทำมาแหละนะ
.
ถ้าพร้อมแล้ว ก็เริ่มเลย
.
1. วิเคราะห์คนอ่าน
นี่คือจุดเริ่มต้นของการ เข้าไปอยู่ในใจคนอ่าน
คนอ่าน คือกลุ่มเป้าหมายของเรา
ลองจินตนาการหน่อยซิ ว่าเขา คือใคร
มีปัญหาอะไร เป็นคนแบบไหน
อยู่ตรงไหน บนโลกนี้
เขาชอบทำอะไร แล้วอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการไปแก้ปัญหาของเค้า
.
ถ้ารู้ชัดแจ้ง ว่า เขามีปัญหาอะไร แล้วเราสามารถแก้ปัญหาให้เค้าได้
เราก็คือผู้ช่วยของเขา
และมีคุณค่ากับเขาแล้วล่ะ
.
2. เอาคุณค่าหยิบยื่นให้เขา
การขายสินค้า หรือ บริการ การอารัมภบท ถึงสิ่งของ ทุกอย่าง บนโลกใบนี้
มีอยู่ 2 อย่าง
นั่นคือ ประโยชน์ที่เขาจะได้รับ
กับ คุณสมบัติของมัน
.
ส่วนใหญ่เวลาเราทำเนื้อหา ที่อยากให้คนอื่นๆ มาอินกับเรา
เรามักจะทำแบบรายการวิทยุ สมัยก่อน
นั่นคือ เล่าถึงสรรพคุณของมัน ว่าดีอย่างไร
มันทำมาจาก บลาๆๆๆๆ
มันมาจากประเทศ บลาๆๆๆ
.
แต่ไม่รู้ว่า มันช่วยอะไรเขาได้บ้าง
.
จะดีกว่ามั้ย หากวันนี้ เราจะบอกให้เขาเหล่านั้นฟังว่า
ปัญหาที่เขาเจออยู่นั้น จะหายไป
หรือดีขึ้นกว่าเดิม ชีวิตแฮปปี้มากกว่าเดิม
ได้เวลาว่างกลับคืนมา ได้อยู่กับคนที่รักมากขึ้น
เหนื่อยน้อยลง สุขภาพจิตดีขึ้น
.
เพราะ ใช้สินค้าของเรา
พอสนใจสินค้าเรา หลังจากนั้น ข้อมูลสรรพคุณ ค่อยบอกให้เขาฟัง
ก็ยังไม่สายนะ
.
3. นำเสนออย่างสม่ำเสมอ
แน่นอนว่า เนื้อหาที่เกิดขึ้นในสื่อออนไลน์นั้น
ช่างรวดเร็ว เหลือเกิน
เกิดขึ้น และ แตกดับชั่วข้ามคืน
.
หากวันี้ ประสบปัญหานั้นอยู่
คุณจะต้องพยายาม เขียนมันออกมา สม่ำเสมอโดยตลออด
.
ลองเริ่มต้นถ่ายทอดมันออกมา ในหลายๆ แบบ
ทั้งนี้ เพื่อศึกษาว่า คนมาอ่าน มาดูตอนไหน ช่วงไหน
ชอบเนื้อหาแบบไหน แนวทางอะไร
.
ทำให้ได้อ่านกัน ทุกวันในช่วงเวลาเดิม
เพื่อทดสอบหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
.
อันไหนเขียนแล้วคนชอบ คนมีคอมเมนท์
มีการแชร์ แสดงว่า ประสบความสำเร็จ
ให้ทำแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ
.
อันไหน ไม่ค่อยดี ให้สังเกตว่า เพราะอะไร
แล้วเราจะปรับปรุงให้มันดีกว่า ในอนาคต
.
และทั้งหมดนั้นก็คือ
3 เทคนิค เขียน Content ยังไง ให้คนอยากอ่าน
.
ลองเอาไปคิดนะ ว่าจะทำยังไง ให้ดีกว่าเดิม
สำคัญที่สุด ที่จะลืมไม่ได้
.
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ กันนะครับ
.
.
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
https://line.me/R/ti/p/%40digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
libra facebook ทำความเข้าใจ เงินสกุลใหม่ของ facebook ใน 3 นาที
libra facebook ทำความเข้าใจ เงินสกุลใหม่ของ facebook ใน 3 นาที
.
ในเมื่อโลกใบนี้ ต้องใช้เงินแลกเปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
แต่การทำธุรกรรมการเงินในตอนนี้
แม้จะสะดวกขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังยุ่งยาก
.
แนวคิดที่จะทำให้คนทั้งโลก สามารถส่งเงินหากันทั่วโลก
ในระยะเวลาอันรวดเร็ว จึงได้เกิดขึ้นมา
.
จริงๆ ไม่ใช่แนวคิดใหม่
เพราะเรารู้จัก Paypal กันมานานแล้ว
(บ้านเรา อาจจะไม่นิยมเท่าไร แต่ก็เริ่มใช้กันเยอะขึ้น)
.
จนกระทั่ง facebook ผงาดกลายเป็นมหาอำนาจในโลกออนไลน์
ที่มีคนใช้งานเยอะแยะมากมาย แค่ในไทยก็ปาไป 53 ล้านคน
ลมหายใจเข้าออก ของทุกคนอยู่ใน facebook
ทุกคนทำมาหากินอยู่ในนี้ โดยไม่ต้องไปตั้งหน้าร้าน
.
เม็ดเงินที่ไหลเวียนใน facebook ณ ตอนนี้
ยังเป็นการโอนเงินให้กัน โดยใช้บริการของ ธนาคาร ทั้งเงินสด และ บัตรเครดิต
.
ปัจจุบัน facebook พยายามให้คนใช้เงินผ่าน application ของตัวเอง
ผ่านบริการของ 2c2p
.
แต่ที่น่าสนใจนั่นคือ กว่าครึ่งหนึ่งของคนบนโลกใบนี้
ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวก ไม่มีบัญชีธนาคาร
.
และคนที่มาทำงานต่างประเทศ เวลาจะส่งเงินกลับไปที่บ้าน
ก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนรวมๆกันแล้ว มากมายหลายหมื่นล้านเหรียญ ต่อปี!
.
แต่ล่าสุด ทาง facebook ได้ประกาศออกมาแล้ว
ว่าจะเปิดตัวเงินสกุลใหม่ของตัวเองที่ชื่อว่า Libra (libra facebook) อย่างเป็นทางการ
โดยจะเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2020
.
เราลองมาทำความรู้จักกันดีกว่า ว่า
เจ้า Libra นี้มันคืออะไร
เข้าใจง่ายๆ ใน 3 นาที
.
เอ้าเริ่ม!!
.
– Libra ควบคุมโดยองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกว่า 27 บริษัทมาร่วมด้วย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการเงิน อาทิ Visa mastercard หรือ Paypal ที่เรารู้จักกันดี
– libra คือเงินดิจิตอล คนละประเภทกับบิทคอยน์ เพราะอ้างอิงกับการแลกเปลี่ยน ตามค่าเงินจริงในโลกใบนี้
– เราจะแลกเปลี่ยนเงินกันผ่าน application กระเป๋าเงินดิจิตอล ที่เรียกว่า Calibra
– libra ช่วยให้คนในโลกนี้ สามารถแลกเปลี่ยนเงินข้ามโลกกันได้ ในระยะเวลาอันสั้น (แทบจะทันที) ไม่ต้องรอโอนเงินข้ามประเทศ กันข้ามวัน ที่สำคัญ ไม่มีค่าธรรมเนียม!
– ที่สำคัญ Calibra จะแยกตัวออกไปต่างหากจาก facebook
– libra จะเปลี่ยนสกุลเงินที่เราแลกหากันโดยอัตโนมัติ เช่น ส่งเงินไทยไปญี่ปุ่น ก็จะเอาเงินไทย ไปแปลงเป็น libra แล้ว แปลงเป็นเงินเยน โดยอัตโนมัติ
– ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ? แน่นอนว่าคือ ธนาคาร สถาบันการเงินโอนเงินข้ามประเทศ อย่างแน่นอน!!
.
แล้วที่สำคัญ
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ กันนะครับ
.