ขายของเหมือนกัน แต่เจ้านั้นขายดีกว่าเพราะสิ่งนี้
ขายของเหมือนกัน แต่เจ้านั้นขายดีกว่าเพราะสิ่งนี้
เคยคิดกันไหมครับว่าทำไมเวลาที่คนขายของเหมือนกันแต่ทำไมร้านขายดีกว่าแล้วร้านนั้นขายไม่ดีเลย
เราไม่ได้พูดถึงสินค้าแบบเดียวกัน แต่แตกต่างกันที่ รสชาติปริมาณ
แต่เรากำลังจะพูดถึงสินค้าแบบเดียวกันเป๊ะ
ออกมาจากบริษัทออกมาจากโรงงานเดียวกันเลย
แต่ทำไมบางคนขายดีบางคนขายไม่ดี
วันนี้ผมขอแชร์ประสบการณ์ในมุมมองของคนที่เข้าไปเลือกซื้อสินค้าแล้วกันนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า
ผมจำเป็นต้องซื้อของใช้เข้าบ้าน แต่ว่าไม่อยากจะเดินทางออกไปซื้อด้วยตัวเอง
ของที่ผมว่าก็เป็นของง่ายๆนะครับ เช่นข้าวสาร แต่ซื้อหลายถุง
นมหลายแพ็ค ขนมหลายห่อ น้ำตาลหลายกิโล
ถ้าผมจะออกไปซื้อก็ไปได้นะ แต่เสียเวลาในการเดินทางและหาที่จอดรถ
ก็เลยวิ่งเข้าไปในเว็บไซต์ที่เขาขายของแบบนี้
นั่นก็คือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของห้างดังๆ
จริงๆผมก็เลยเอาไว้อยู่ 2-3 เจ้า
ผมลองเลือกใช้บริการเจ้าแรกก่อน
เจ้านี้ทำโปรโมชั่นดีดูมีของลดราคาผมก็เลยลองคลิกเข้าไปดู
พอตอนที่จะเลือกสั่งซื้อสินค้าแต่ละตัว เวลาที่จะเพิ่มจำนวนทำไมมันช้าจัง
เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่เคยได้จากเว็บ Shopping อื่นๆ เราใช้เวลาน้อยกว่าแต่ไปไหนต่อไหนแล้ว
เวลากดไปสักกลมนึงแล้วก็รู้สึกดีเลย์แบบสุดๆ
ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันไปถึงสถานะไหนแล้ว!
พอมาถึงหน้ารวมราคา ระบบก็ให้ใส่ที่อยู่
(จริงๆผมเคยสั่งของจากที่นี่ไปแล้วครั้งนึงนะครับ เลยมีที่อยู่จำเอาไว้ในระบบ)
แต่ก็แปลกใจว่าทำไมต้องให้ใส่ที่อยู่ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ถึงเวลาคำนวณสินค้าทั้งหมดแล้ว
ไปถึงหน้าการชำระเงิน มีให้เลือกว่าจะจ่ายด้วยบัตรเครดิตปลายทาง หรือ จ่ายชำระบัตรเครดิตได้เลย
ปรากฏว่าผมมีปัญหาเรื่องการจ่ายด้วยบัตรเครดิต (อันนี้เป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นจากตัว User อย่างผมเอง) ก็เลยทำให้เกิดการค้างชำระขึ้นมา
เลยโทรไปสอบถามที่ Call Center ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วอยากจะจ่ายเงินที่หน้าบ้านทำอย่างไร
เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าสามารถที่จะเลือกเป็นแบบจ่ายด้วยบัตรเครดิตปลายทาง แต่บอกกับคนส่งได้เลยว่าเขาจ่ายเงินสด
ผมก็เลยถามว่าผมไม่เห็นมีให้เลือกว่าให้จ่ายเงินสดได้เลย
เจ้าหน้าที่บอกว่ายอดผมเกิน 2,000 บาท ระบบก็เลยไม่มีทางเลือกเป็นเงินสดให้
แต่สามารถจะบอกกับเจ้าหน้าที่ได้ว่าชำระด้วยเงินสด
ผมเลยพยายามทำความเข้าใจระบบ
แล้วลองไปสั่งอีกครั้งหนึ่ง
คราวนี้ปรากฏว่า ไม่สามารถซื้อสินค้าบางตัวได้ตามความต้องการ
ก็เลยถามคอลเซ็นเตอร์ไปอีกทีว่า ทำไมไม่มีของขายทั้งๆที่เมื่อกี้ก็มีอยู่
ตอนที่บอกว่า เป็นเรื่องของระบบ Stock Online
ผมก็เลยบอกว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดของ User แบบผมเอง
ที่มีปัญหาในเรื่องของการชำระเงิน จึงผ่านมาทำให้ซื้อของได้ไม่ครบ
ผมก็เลยหยุดทุกกิจกรรม แล้วเปลี่ยนไปเข้าอีกเว็บนึง
เป็น web Shopping Mall เหมือนกันขายของแบบเดียวกัน
แต่ประสบการณ์ที่ได้รับแตกต่างกันมาก
เวลาที่จะคลิกอะไรไปสักอย่างนึงก็เร็วมากๆ
เวลา Search หาของต่างๆนานาก็แสดงผลได้รวดเร็วทันใจ
เวลาที่จะเลือกของใส่ไว้ในตะกร้าก็ถือว่าเร็วมากๆ
เรียกว่าประสบการณ์ใกล้เคียงกับเว็บช็อปปิ้งเจ้าใหญ่ (สีส้ม)เลยทีเดียว
เวลาที่ผมใช้ในการสั่งซื้อจนครบกระบวนการในเว็บไซต์นี้
ใช้ระยะเวลาเท่ากับตอนที่ผมเลือกของใส่ตะกร้าในเว็บก่อนหน้า
เรื่องนี้บอกอะไรครับ?
ผมเลือกซื้อสินค้าแบบเดียวกัน
จากโรงงานเดียวกันเป๊ะเลย
แต่ทำไมผมถึงเลือกสั่งของจากเว็บไซต์อีกตัว
ทั้งๆที่ผมเสียเวลาไปกับเว็บไซต์แรกไปตั้งนานแล้ว
ผมขอสรุปเรื่องนี้ได้สั้นๆ สองอย่างนะครับ
1. ประสบการณ์ที่ดีในการซื้อ
เว็บไซต์แรกทำให้ผมเสียเวลามากๆในการกรอกข้อมูลต่างๆ
ทำให้ผมเสียเวลามากๆในการเลือกซื้อของ
ทำให้ผมเสียเวลามากๆในการชำระเงิน
ทำให้ผมเสียเวลาในการสั่งสินค้าใหม่แต่ไม่ได้ตามที่ต้องการ
2. การสื่อสารที่ชัดเจนกับลูกค้า
ตอนที่ผมจะจ่ายเงิน จริงๆ เว็บไซต์แรก ก็สามารถที่จะเก็บเงินสดปลายทางได้ แต่ตอนที่จะชำระเงินดันไม่ขึ้นว่าชำระเงินสดได้ เมื่อเทียบกับ เว็บไซต์ตัวที่ 2 เขียนไว้ชัดเจนว่าชำระเงินสดหรือบัตรเครดิตได้
คำพูดบางคำที่หายไป ทำให้เสียโอกาสในการขายไปอย่างน่าเสียดาย
ยิ่งเป็นยุคนี้ที่คนเรามีทางเลือกมากมาย
ถ้าไม่แฮปปี้กับเจ้าไหน ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้บริการเจ้าอื่นได้ง่ายๆ
เพราะไม่ต้องออกเดินทาง
แค่เปลี่ยน URL หรือเปลี่ยน application ก็จบแล้ว
เมื่ออ่านเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว
ให้ลองพิจารณาดูกับธุรกิจของคุณนะครับ
เราขายของเหมือนกับคนอื่นๆ เป๊ะๆ
แต่สิ่งที่เราจะสร้างให้เกิดความแตกต่างกับคนอื่น
นั่นคือประสบการณ์
ประสบการณ์ที่ดีจะทำให้คนจำเราได้ในมุมที่ดี และอยากจะมาซื้อซ้ำ หรือหากชอบมากๆก็จะแนะนำให้คนอื่นมาซื้อกับเราด้วย
แต่หากพบประสบการณ์ที่ไม่ดี
เราก็คงจะเลิกซื้อ แถมยังจะไม่แนะนำให้คนอื่นไปใช้บริการด้วยเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นพบกับประสบการณ์ไม่ดีเหมือนกับเรา
ลองคิดและนำไปปรับปรุงธุรกิจของคุณเองนะครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
4 เคล็ดลับ เพิ่มคนมาร้านของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย Google My Business
4 เคล็ดลับ เพิ่มคนมาร้านของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย Google My Business
สำหรับคนที่มีธุรกิจที่มีหน้าร้านไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ อู่ซ่อมรถ ขายของขายเครื่องครัว ร้านเค้กร้านขายขนมจิปาถะ
ใครๆก็อยากจะได้ลูกค้าเข้าร้านทั้งนั้น
รายได้ของร้านจะเกิดจากลูกค้าประจำและลูกค้าหน้าใหม่
ถ้าเป็นลูกค้าขาประจำก็คงไม่มีอะไรมาก จะหาข้อมูลจากเราจากอินเทอร์เน็ตก็หาเพลงชื่อว่าเจอเราแล้ว
แต่ถ้าเป็นลูกค้าใหม่เขาไม่เคยรู้จักกันเราเลย
แล้วเขาจะค้นหาเจอเราใน Google ได้อย่างไร
โชคดีที่ Google ได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า Google My Business เพื่อสถานที่มีหน้าร้านได้ใช้งานกันฟรีๆ
และที่สำคัญมีประโยชน์มากสุดๆในยุคนี้สมัยนี้
น่าเสียดายที่เจ้าของร้านส่วนใหญ่มองไม่เห็นถึงประโยชน์ที่ Google My Business มีให้
บางครั้งยังไม่รู้เลยว่า ใครเป็นคนสร้างพิกัดของร้านให้กับตัวเขา
หากคุณคือเจ้าของกิจการที่มีหน้าร้าน
วันนี้ผมมีเคล็ดลับในการปรับแต่ง Google My Business ที่เคย ที่เคยใช้ดี มีลูกค้าใหม่ๆเข้ามาอยู่ตลอดเวลา
ถ้าอยากรู้มาดูกันเลย!
4 เคล็ดลับ เพิ่มคนมาร้านของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย Google My Business
1. ปรับแต่งชื่อกิจการ ด้วย Keyword ที่ลูกค้าใช้ค้นใน Google เพื่อแก้ปัญหา
ลูกค้าเก่า ที่รู้จักเราเป็นอย่างดี บางครั้งก็แทบจะหลับตาเดินทางมาหาเราได้ แต่สำหรับลูกค้าใหม่ เขายังไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งชื่อแบรนด์ของเรา แต่ถ้าเขากำลังมองหา สถานที่ซึ่งจะแก้ปัญหาให้กับเขา ยกตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่รถยนต์หมด หาร้านอาหารที่ต่างจังหวัดกิน หาร้านตัดผมใกล้บ้าน หาร้านกาแฟใกล้ที่ประชุม
ลูกค้าสมัยนี้มักจะใช้ Google map ในการค้นหา แต่การที่จะได้ลูกค้าใหม่จะต้องปรับแต่งชื่อกิจการของเราใน Google My Business ให้มี Keyword ที่เขาใช้แก้ปัญหาอยู่ ยกตัวอย่างง่ายๆ อู่ซ่อมรถลาดพร้าว ร้านแบตเตอรี่โชคชัย 4 / ร้านกาแฟใกล้รถไฟฟ้าอารีย์ / ร้านตัดผมแถวสะพานควาย
เพียงเพิ่ม ประเภทของกิจการและพื้นที่ให้บริการของคุณ ลงไปในชื่อของ Google My Business เท่านี้คุณก็จะได้ลูกค้ามีไหมเพิ่มขึ้นแล้ว
2. รีวิวมากกว่า เป็นเครื่องการันตีความน่าไปใช้บริการ
คนเราสมัยนี้ เริ่มมองหาสิ่งที่เป็นกลางเป็นคนที่ไปกินไปใช้บริการแล้วบอกต่อกันเอง บริการดีหรือไม่ดีก็จะเขียน comment ไปโดยไม่เกรงใจเจ้าของสถานที่
ยิ่งมีรีวิวเยอะๆก็ยิ่งดี แสดงว่ามีคนไปใช้บริการมาก จึงเหมาะที่จับไปใช้บริการ
จากประสบการณ์ตรงของตัวเองเวลาเดินทางไปต่างจังหวัดแล้วร้านอาหารไหนมีคนรีวิวให้ดาวเยอะๆ แสดงว่างานนั้นเป็นที่รู้จัก มีคนมากินเป็นเครื่องพิสูจน์เยอะแยะมากมาย
คุณสามารถที่จะเพิ่มจำนวนรีวิวแบบนี้ใน Google ไปที่ไหนของคุณได้ ไปที่ไหนของคุณได้ ลองเพิ่มงบประมาณการตลาด มอบสิ่งของเล็กๆน้อยๆให้กับลูกค้าที่ประทับใจในบริการของเรา แลกเปลี่ยนกับรีวิวดีๆสักหนึ่งครั้งใน Google My Business
3. โพสต์ข้อมูลอัพเดทเพื่อทำให้รู้ว่าร้านนี้ยังเปิด
Google My Business จากจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ค้นหาทางไปร้านได้อย่างแม่นยำแล้ว ข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในหน้านั้นอัพเดทบ่อยแค่ไหน ก็จะทำให้คนสนใจมากขึ้น มีตัวตนอยู่จริง ยังไม่ปิดตัวไปไหน
การโพสต์ข้อมูลนั้นสามารถทำได้ทั้งภาพและวีดีโอ เจ้าของร้านสามารถอัพเดทผ่านทางแอพพลิเคชั่นหรือบริการบน Desktop ได้
(ถ้าเป็นวีดีโอจะต้องใช้ผ่าน desktop เท่านั้น)
4. เปิดรับข้อความผ่าน Google My Business Application
ลูกค้าที่มีความต้องการอยากได้สินค้าหรือบริการของเรามากๆ มักจะติดต่อเข้ามาหาเราก่อนผ่านทาง inbox สำหรับ google My Business นั้นก็มี inbox เช่นกัน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าทำอย่างไร
เจ้าของร้านสามารถทำได้ง่ายๆด้วยการไปเปิดรับ การส่งข้อความจากลูกค้า คราวนี้ลูกค้าก็จะสามารถติดต่อเราได้อย่างง่ายดายผ่าน Application Google My Business ซึ่งมีให้ใช้บนมือถือ Android และ iOS
สำหรับตัวผมเองพอลูกค้าติดต่อมาก็จะให้ทักมาทาง LINE official Account ทันที เพราะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าที่มีคุณภาพสะสมเอาไว้
สรุป
และทั้งหมดก็คือกลับปรับแต่งให้คนมาร้านของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย Google
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
เคล็ดลับ เพิ่มคนติดตาม LINE official Account แบบมีคุณภาพ เขาทำกันอย่างนี้
เคล็ดลับ เพิ่มคนติดตาม LINE official Account แบบมีคุณภาพ เขาทำกันอย่างนี้
.
หลังจากที่บริษัท LINE ได้ปรับเปลี่ยนนโยบาย ให้ทุก Account Line@ ต้องเปลี่ยนไปใช้ Line official Account โดยจะทยอยย้ายไปโดยอัตโนมัติตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2563
.
หลายๆคนต้องเริ่มเรียนรู้และปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งาน LINE official Account
แต่สิ่งที่สำคัญ ที่ต้องคำนึงในการใช้งาน นั่นคือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการบรอดแคสออกไปหาผู้ติดตาม
แพ็คเกจใหม่ใน LINE official account นั้น ไม่ได้เป็นการส่งแบบ unlimited
.
แต่จะมีโควต้าในการส่งสำหรับแต่ละแพ็คเกจที่แตกต่างกันไป
.
ผมจึงอยากจะแชร์แนวคิดใหม่สำหรับการทํา LINE official Account
นั่นคือเราควรจะหาคนที่ใช่คนที่มีคุณภาพเท่านั้นมาติดตาม
ไม่ต้องกระหน่ำเพิ่มจำนวน follower อย่างบ้าคลั่งเหมือนสมัยก่อน
.
เพราะทุกการ broadcast คือค่าใช้จ่าย
.
ถ้าใครกำลังเริ่มต้นที่จะหากลุ่มคนติดตามใหม่ๆเข้ามา
ผมอยากให้คัดกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพมาเป็นผู้ติดตามของเรา
.
หากใครอยากรู้วันนี้ผมมีเคล็ดลับที่ใช้กับธุรกิจของผม แล้วมันได้ผล
มีการทัก มีการซื้อซ้ำ โดยตลอดเวลา แม้เราไม่ได้ทำการโฆษณาใดๆเลย
.
อยากรู้ว่าทำอย่างไรมาติดตามกันเลย
1.เพิ่ม คนติดตามผ่าน inbox ของเพจ
ลูกค้าที่มีความต้องการสินค้าหรือบริการของคุณมากๆ จะ inbox เพื่อเข้ามาสอบถามทาง Inbox ของเพจเสมอ ลูกค้ากลุ่มนี้มีโอกาสสูงที่จะซื้อ
ดังนั้นหากเราเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าแอด LINE official Account ใน Inbox ของคุณ ก็จะเป็นการเพิ่มลูกค้าที่มีศักยภาพแต่เราด้วยก็ดี
วิธีการทำง่ายๆก็คือให้เอาลิงค์ LINE official Account ไปใส่ใน greeting message Inbox ของคุณ
2.เพิ่มคนติดตามผ่าน link LINE ในหน้าเว็บ
คนที่แอด Line official Account จากหน้าเว็บหรือหน้า sale Page มันจะเป็นคนที่อยากติดต่อกับเราจริง การใส่ปุ่มเพิ่มเพื่อนลงไปในหน้าเว็บ จะทำให้เราได้คนติดตาม ที่มีศักยภาพ
เคล็ดลับในการให้คนติดตาม คือการทำปุ่มให้เป็นชื่อภาษาไทย เขียนด้วยคำพูดง่ายๆว่า “ติดต่อเราคลิกที่นี่” โทรหาเขาใช้ปุ่มที่ทางไลน์สร้างขึ้นมาให้เอง จะเป็นคำว่า ”เพิ่มเพื่อน” บางครั้งคำนี้อ่านแล้วไม่เข้าใจ แต่ถ้าเขียนให้เข้าใจง่ายๆว่าถ้าต้องการติดต่อให้คลิกที่นี่ แบบนี้คงจะเข้าใจมากกว่า
3. เพิ่มคนติดตามผ่านระบบสะสมแต้ม
เทคนิคนี้จะเหมาะกับธุรกิจที่มีหน้าร้าน เช่นร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่ต่างๆ ถ้าเป็นสมัยก่อนเราจะทำเป็นกระดาษแล้วให้ลูกค้าปั๊มดาว ยกตัวอย่างเช่นซื้อ 10 แก้วแล้วแถมฟรี 1 แก้ว เป็นการตลาดที่ทำได้ง่ายๆแต่ก็ทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้เรื่อยๆ
ซึ่ง LINE official account จะมีฟังชั่นนี้ให้เราได้ใช้งานกันฟรีๆ มีระบบสะสมแต้มให้ลูกค้าใช้ ซึ่งหากลูกค้าคนไหนที่ไม่เคยเป็นผู้ติดตาม LINE official account ของเรา หาดใช้ระบบสะสมแต้มเมื่อไหร่ เขาก็จะกลายเป็นผู้ติดตา Line official account ของเราทันที
แล้วหมดนี้ก็คือเทคนิค
เคล็ดลับเพิ่มคนติดตาม LINE official account แบบมีคุณภาพ ที่ผมใช้เองอยู่แล้วเกิดการซื้อซ้ำอยู่ตลอดเวลา
ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้ก่อนนะครับ
ได้ผลประการใดก็ comment มาบอกกันได้
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
ความรู้สึกเคว้งคว้าง เมื่อผมต้องส่งกระดาษคำตอบเปล่า ในวันแข่งขันทักษะคอมพิวเตอร์
#เรื่องเล่าวัยเยาว์
ความรู้สึกเคว้งคว้าง
เมื่อผมต้องส่งกระดาษคำตอบเปล่า
ในวันแข่งขันทักษะคอมพิวเตอร์
.
หลายๆคนที่ติดตามเพจผมมาตั้งแต่เมื่อต้นปีก่อน
น่าจะได้รับฟังความรู้และบทความต่างๆเกี่ยวกับ Online Marketing กันพอสมควร
.
มีหลากหลายคำถามที่มากกว่าการใช้งาน Facebook
.
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมากับการทำงานในแวดวง ทำเว็บ ทำ Content
การทำงานเกี่ยวกับ Online Marketing
ทำให้ผมสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้.
ถ้าเป็นเรื่องไหนที่ผมเคยผ่านมาหรือมีประสบการณ์ผมก็จะตอบได้ทันที
.
แต่ก่อนหน้าที่ผมจะสามารถออกมาแบ่งปันเทคนิคต่างๆให้กับทุกคนได้แบบทุกวันนี้
.
เชื่อหรือไม่ว่าผม
เคยส่งกระดาษคำตอบตอบๆ ในวันแข่งขันทักษะคอมพิวเตอร์
เพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
.
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ในโรงเรียนประจำอำเภอ
โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่ห่างไกลจากตัวเมืองไป 100 กว่ากิโลเมตร
แต่ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์ของผมนั้นเต็มเปี่ยม
.
แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากจะเรียนรู้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์
นั่นคือ วีดีโอเกมแฟมิคอม
ผมอยากรู้ว่าการที่ตัวละครออกมาโลดเล่น แล้วทำให้เรามีความสุขกับการเล่นเกมนั้น
เขาทำกันอย่างไร อยากรู้มากๆเลย
.
สมัยก่อนแค่การจะวาดรูปอะไรขึ้นมาสักอย่าง
ต้องใช้อักขระพิเศษมากมายยาวเป็นหน้ากระดาษ
ต่างจากสมัยนี้ที่มีเครื่องมืออำนวยความความสะดวก สามารถเนรมิตภาพออกมาได้อย่างรวดเร็วทันใจ
.
ผมพยายามศึกษาวิธีการเขียนโปรแกรมภาษาเบสิกด้วยตัวเอง
ผ่านคอลัมน์ ในนิตยสารรู้รอบตัว ผมรู้สึกว่าเขาเขียนออกมาแล้วชวนให้อยากลงมือทำตาม
ได้รับแรงบันดาลใจผ่านหนังสือคอมพิวเตอร์ทูเดย์ ที่แนะนำโปรแกรมเกมต่างๆ ที่อยากซื้อมาเล่นสุดๆ
.
ไม่ได้ออกไปหาหนังสือคู่มือเกี่ยวกับภาษา Basic มาเลย
เพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปซื้อที่ไหน (สมัยนั้นเด็กมาก)
.
จนมาถึงวันหนึ่ง โรงเรียนมีการคัดเลือกนักเรียนเพื่อที่จะเข้าไปสอบแข่งขันทักษะคอมพิวเตอร์ ระดับจังหวัด แน่นอนว่ามีโรงเรียนที่เข้าร่วมมากมายเลยทีเดียว
.
ผมเลยขออาสาสมัครที่จะเข้าไปแข่งทักษะคอมพิวเตอร์ เพราะดูแล้วเขาพูดถึงภาษา Basic ที่ผมเคยอ่านมา (แต่ยังไม่ได้ทำเป็นชิ้นเป็นอัน ทำได้เพียงการแต่งเพลงด้วยภาษา Basic)
.
มีระยะเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 สัปดาห์
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเตรียมตัวอย่างไร รู้แต่ว่ามีคุณครูสอนวิทยาศาสตร์ ที่แกเป็นคนหลงใหลและชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์เหมือนกัน บอกว่า
.
“เมื่อดูทักษะของเธอในวันนี้แล้ว ครูคิดว่าเธอยังไม่น่าที่จะไปแข่งขัน”
.
แต่ความรั้นในวัยเด็ก ทำให้ผมมองผ่านถึงคำเตือนของครูท่านนั้น
แล้วผมก็เดินทางไปแข่งขันทักษะคอมพิวเตอร์
.
ภายในห้องแข่งขัน มีนักเรียนจับคู่กันเป็นกลุ่ม โรงเรียนละ 2 คน
ผมจับคู่กับเพื่อนอีกคนนึง ผมดูสีหน้าและแววตาของนักเรียนจากโรงเรียนอื่นๆมีความมุ่งมั่นและตั้งใจมาก
.
บททดสอบแรก เป็นข้อเขียนที่เกี่ยวกับทักษะคอมพิวเตอร์ตามปกติ
ในบทนี้ไม่มีปัญหาเพราะผมสามารถที่จะตอบได้ทุกข้อ
ผมก็เลยรู้สึกว่าไม่เห็นจะยากอะไรเลยนี่หว่า และมีความลำพองอยู่ในตัว
.
แต่บททดสอบที่ 2
นี่แหละครับคือที่สุดของที่สุดในวัยเด็กของผม
.
โจทย์มีอยู่ว่าให้เราสร้างโปรแกรมวนลูปอะไรสักอย่าง ที่ผมไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนในชีวิตนี้
สิ่งที่ทำได้ก็คือมองตาปิดไปยังนักเรียนกลุ่มอื่น ซึ่งพวกเขาก็ปรึกษาหารือกันว่าจะแก้โจทย์นี้ได้อย่างไรภายในเวลาอันจำกัด
.
ตัดมาที่ผม
ผมไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรด้วยซ้ำ
.
ภาพที่คุณครูได้เตือนเอาไว้ก่อนสมัครแข่งขัน พุ่งขึ้นมาอยู่ในหัว
ผมรู้สึกเคว้งคว้าง แล้วคิดในใจอยู่ประโยคหนึ่งว่า “กูมาทำอะไรที่นี่” (ตอนนั้นเพลงพี่เบิร์ดยังไม่ออกมานะครับ)
.
สิ่งเดียวที่พอจะเข้าเวลาและทำให้รู้สึกความขัดเขินมันลดลงไป
นั่นคือการแต่งเพลงลอยกระทง ด้วยภาษา Basic
ก่อนจะลุกออกจากห้องไป แบบไม่บอกกล่าว
.
เพื่อนที่มาด้วยกัน ก็ยังงงเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ได้แต่ถามว่า “จะเดินไปไหน ยังแข่งขันไม่จบเลยนะ”
.
สำหรับผมการแข่งขันมันได้จบลงไปแล้ว
ไม่สิ ผมไม่ได้เข้ามาแข่งขันด้วยซ้ำ ผมเป็นเพียงแค่ คนที่หลงเข้ามาในห้องนี้แบบงงๆมากกว่า
.
ตลอดบ่ายนั้นผมรู้สึกเคว้งคว้าง
ไม่มีความรู้สึกมั่นใจ รู้สึกสูญเสียกำลังใจไปแบบสุดๆ
.
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น
ช่วงที่เราเดินทางปรับตัวอำเภอของเรา
สิ่งที่ผมคิดขึ้นมาในใจอีกอย่างนึงแทนที่จะต้องมานั่งคร่ำครวญ
.
นั่นก็คือ
“ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกิดขึ้นจากความประมาทของตัวเราเอง เราจะต้องฝึกฝนตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้ เราจะไม่ทนว่าเรารู้ทุกอย่าง เพราะเมื่อใดที่เราคิดว่าตัวเองรู้ไปหมด
เราจะหยุดการเรียนรู้ ปิดกั้นความคิด ปิดกั้นการเติบโต”
.
หลังจากนั้นผมได้กลับไป ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์
การเรียนต้นเขียนโปรแกรม ด้วยภาษา pascal โดยศึกษาจากหนังสือคู่มือที่ซื้อมาในร้าน
.
ซึ่งเมื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ในชั้นปีที่ 1
มีวิชาคอมพิวเตอร์ 101 ที่ว่าด้วยเรื่องการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา pascal
.
ทุกบทเรียนที่ อาจารย์ได้สอน
คือสิ่งที่ผมได้อ่าน และฝึกทดลองเขียนโปรแกรมมาแล้วก่อนหน้า 1 ปี
ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ผมได้ A ในวิชานี้
.
เป็นความภูมิใจเล็กๆ ที่ได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
เมื่อเทียบกับวันนั้นที่ผมต้องส่งกระดาษคำตอบเปล่า ในการแข่งขันทักษะคอมพิวเตอร์
.
เรื่องนี้บอกอะไรกับพวกเรา
.
สิ่งที่ผมอยากจะฝากเอาไว้ให้กับทุกคนในบทความนี้ นั่นคือ
อย่าหยุดการเรียนรู้ เพราะเมื่อไหร่ที่เราคิดว่าเราเก่งที่สุดแล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นของหายนะทางความคิด
.
ใครๆก็ย่อมเริ่มต้นจากศูนย์ทั้งนั้น
แต่ถ้าเราไม่ขยับตัวหรือพัฒนาตัวเอง เราก็ยังจะอยู่ณจุดนั้นเสมอ
.
อย่ากลัวที่จะออกไปพบกับความล้มเหลว
อย่ากลัวที่จะถูกคนมองอย่างไร
.
เหมือนกับการทำโฆษณาทุกวันนี้ของเราครับ
ผิดพลาดให้เยอะๆเข้าไว้ เราจะได้เรียนรู้และเติบโตจากความผิดพลาดเหล่านั้น
.
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
#digitalnook
.
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
รับมือยังไง เวลา โดนปิดบัญชีโฆษณาเฟสบุ๊ค (พร้อมวิธีการป้องกัน)
รับมือยังไง เวลาโดน ปิด account โฆษณาเฟสบุ๊ค (พร้อมวิธีการป้องกัน)
หลังจากที่ห่างหายไปจากวงการ Facebook ในช่วงต้อนรับปีใหม่
หลายๆคนน่าจะพบกับเหตุการณ์ประหลาดประหลาดจาก Facebook
นั่นคือแจ้งว่า account ของคุณผิดปกติและขอทำการปิดบัญชีโฆษณา
.
ถ้าใครเจอบ่อยๆก็จะเกิดอาการรู้สึกชินชา และค่อยๆแก้ปัญหาไป
แต่หากใครไม่เคยเจอมาก่อนก็จะรู้สึกตกใจแบบสุดๆ
.
พร้อมกับรำพึงอยู่ในใจว่า “ซวยแล้วกู”
.
อย่าเพิ่งตกใจไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับการแก้ปัญหา
เวลาที่มีคำเตือนจาก Facebook ว่า บัญชีโฆษณาของคุณโดนปิด หรือคุณไม่มีสิทธิ์ในการทำโฆษณา
1.ตั้งสติ แล้ว ยื่นเรื่องและทำการอุทธรณ์ไปยังเจ้าหน้าที่
ผมเข้าใจว่าทุกๆครั้งที่เราเจอเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดอาการสติแตกกันทุกคน
แนะนำว่าอย่าตกใจ อยากตีโพยตีพายหรือใส่อารมณ์
เพราะอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นนั้นจะทำให้เราติดต่อเจ้าหน้าที่ Facebook ด้วยถ้อยคำที่ไม่ดี!
ทุกครั้งที่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา ทาง Facebook จะมีแบบฟอร์มให้เรากรอกลงไป เพื่อแสดงความประสงค์ หรือต้องการอธิบายเหตุผลให้ทาง Facebook ฟังว่าทำไม Facebook ไม่ควรปิดบัญชีโฆษณาของเรา
ถ้าเราไม่เคยทำอะไรผิดมาก่อนเลย ให้อธิบายด้วยเหตุผลที่ดี อย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เพราะเป็นไปได้ที่ระบบอาจจะเกิดการจับพฤติกรรมอะไรบางอย่างของเราผิดพลาด
การแสดงออกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผล จะทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น
2. ติดต่อเจ้าหน้าที่ Facebook ผ่านทางแชท
ถ้าคุณทำโฆษณามานานมากพอ การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ Facebook จะทำให้การประสานงานในการแก้ปัญหานั้นเร็วมากยิ่งขึ้น เวลาทำการของเจ้าหน้าที่ Facebook นั้นอยู่ที่ 8:15 น. จนถึงเวลา 19.00 น ของวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ถ้าติดต่อช่วงเช้าจะได้เร็วมากกว่าปกติ ถ้าเป็นช่วงกลางวันหรือบ่ายๆอาจจะต้องรอนานนิดนึง
สำหรับกรณีที่เป็นปัญหาเรื่องของการผิดนโยบายนั้น เจ้าหน้าที่ อาจจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับแบบฟอร์มเพื่อให้เรา ยื่นอุทธรณ์ไปยัง Facebook เราอาจไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าผิดในเรื่องใด ดังนั้นต้องทำใจด้วยนะครับ
3. รอการตอบกลับทาง feedback ของ Facebook
สำหรับกรณีที่โดนปิดบัญชีหรือโดนระงับไม่ให้ทำการโฆษณา การติดต่อจะผ่านช่องทาง Facebook in box support ถ้าเรื่องที่เราทำการอุทธรณ์ผ่านหรือเจ้าหน้าที่เช็คแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เราจะได้สิทธิ์ในการทำโฆษณาคืนกลับมา
แต่ถ้าเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่าเราตั้งใจทำผิดพลาดซ้ำๆบ่อยๆ โอกาสที่จะได้คืนนั้นถือว่าน้อยมาก ให้ทำใจไปเลย
ที่กล่าวไปข้างต้นคือวิธีการแก้ปัญหา
ผมเลยขอแนะนำวิธีการป้องกันเอาไว้ก่อนนัดต่อไปนี้ครับ
1.อย่าทำผิดกฎหรือพยายามแหกกฎของ Facebook
การอยู่ในสังคมหรืออยู่ในบ้านของใคร จะเคารพกฎกติกาของบ้านหลังนั้นเอาไว้ด้วยอันนี้เป็นพื้นฐานที่ต้องทำความเข้าใจอย่างมาก
2.พยายามดูเรื่องการชำระเงินบัตรเครดิตอย่าให้ขาด
หลายครั้งที่บัญชีโฆษณามักจะถูกปิดเพราะไม่มีเงินพอจ่ายอยู่ในบัญชี Facebook จะมองว่าเราเป็นคนไม่มีเครดิต และอาจจะเพิกถอนบัญชีโฆษณาของเราได้ง่ายๆ
3.พยายามสร้าง Accout facebook สำรองเอาไว้หลายตัว
ในยุคที่การทำโฆษณา Facebook จำเป็นต้องใช้ Business Facebook ให้ระลึกไว้ว่า Facebook 1 account จะสามารถสร้าง Business Facebook ได้เพียงแค่ 2 Business เท่านั้น
ดังนั้นพยายามกระจายความเสี่ยงด้วยการสร้าง account Facebook สำรองเอาไว้ด้วย
4.ถ้าทำ Business Facebook ให้เพิ่มคนที่ไว้ใจได้ลงไปใน Business นั้นสำรองเอาไว้
เพราะหากเกิดปัญหามาจะได้มีคนบริหารจัดการแทนก็ได้
สรุป
ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีแก้ไข เวลาโดนเฟสบุ๊ค ปิด account โฆษณา ครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
ประกาศ ปุ่มย้าย LINE@ไป LINE Official Account ไม่มีแล้วนะ
ประกาศ ปุ่มย้าย LINE@ไป LINE Official Account ไม่มีแล้วนะ
.
หลังจากที่บริษัท LINE ได้ประกาศ ให้ทุกคนที่ใช้ LINE@ ย้ายไปใช้ Line official account แทน
ซึ่งก่อนหน้านี้เราจะเห็นปุ่มให้ย้ายไปบัญชี LINE official Account
.
ล่าสุดวันนี้ ( 29 ธันวาคม 2562)
ปุ่มดังกล่าวไม่มีอีกแล้ว
หลายคนที่กำลังลังเลว่าจะย้ายตอนไหนดี
.
ตอนนี้ไม่ต้องลังเลนะครับไม่มีปุ่มให้ย้ายแล้ว
.
แต่ไม่ต้องตกใจไปนะครับ
เพราะว่าระบบของ LINE จะทำการย้ายทุกๆบัญชีไปยัง LINE official Account โดยเริ่มตั้งแต่ 14 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
.
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากประกาศนี้ของทาง LINE นะครับ
.
ในข้อความนั้นจะมีคำเตือนเกี่ยวกับเรื่องของความต่อเนื่องเฉยๆ
.
สำหรับใครอยากจะดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การย้ายบัญชีไปยัง Line official Account
สามารถดูได้จากตรงนี้ครับ
5 คำถามคาใจ ยอดนิยม ของคนคิดเปลี่ยน Line @ ไปเป็น LINE OA
.
ประกาศเรื่องการย้ายบัญชีอัตโนมัติ ไปยัง LINE official account จากบริษัท LINE ประเทศไทย
.
https://admin-official.line.me/announce2/20128277?accountType=at&country=TH
.
[ช่วงเวลาการของการโอนย้ายบัญชีอัตโนมัติไปยัง LINE Official Account]
[As-is] เริ่มต้นตั้งแต่ : 14 มกราคม 2563 – 28 กุมภาพันธ์ 2563
[To-be] เริ่มต้นตั้งแต่ : 14 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
เพื่อความต่อเนื่องของการใช้งานบัญชีทางการแบบรายเดือน โปรดย้ายบัญชีไปยังระบบใหม่ (LINE Official Account) ก่อนที่บัญชีจะถูกย้ายโดยอัตโนมัติ
เนื่องจากบัญชี LINE@ หากถูกย้ายโดยอัตโนมัติจะถูกเปลี่ยนเป็น LINE Official Account แบบฟรี
หลังจากการโอนย้ายบัญชีสำเร็จ จำนวนผู้ติดตามจะตามมาทั้งหมด รวมถึงข้อความการสนทนาระยะเวลาประมาณ 1 ปีย้อนหลัง”
.
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
เช็คลิสต์ ก่อนทำ Facebook Conversion ads ปี 2020 (สำหรับมือใหม่)
เช็คลิสต์ ก่อนทำ Facebook Conversion ads ปี 2020 (สำหรับมือใหม่)
ทุกๆปี การทำโฆษณาเฟสบุ๊ค จะยากขึ้นไปเรื่อยๆ
ค่าโฆษณาก็จะแพงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
วิธีการเดิมๆ ที่เราใช้อยู่ ก็ยังใช้ได้ แต่คนก็รู้จักวิธีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
เมื่อวิธีไหน ที่คนใช้งานกันเยอะๆ
การ bid ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
.
ยังมีโฆษณาอีกรูปแบบหนึ่งของเฟสบุ๊ค ที่จริงๆ เราเห็นกันมานานแล้ว
แต่ไม่ค่อยได้ไปกดใช้งานกันสักที
.
เขาเรียกกันว่า Facebook conversion ads
เป็นวัตถุประสงค์ ที่ใช้เพื่อวัดผลกันตรงๆ
จ่ายเงินไปแล้ว ได้ผลลัพธ์ออกมาเท่าไร ค่าใช้จ่ายต่อผลลัพธ์ เป็นอย่างไร
ไม่ต้องไปนั่งรายงาน cost/result ต่ออีกรอบ
เพราะว่า ทำเสร็จแล้ว ระบบ จะแสดงรายงานให้เห็นเลยว่า
– โฆษณาของคุณใช้เงินเท่าไร แล้วได้ผลลัพธ์ ออกมาเท่าไร
.
แต่ที่สำคัญ Facebook conversion ads
จะไปคัดเลือกหากลุ่มเป้าหมาย ที่มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับสิ่งที่้เราวางเอาไว้
– ถ้าตั้งโจทย์ว่า อยากได้คนกดปุ่มซื้อของ เฟสบุ๊คก็จะส่งไปหาคนกดปุ่มสั่งซื้อของให้กับเรา
– ส่งไปหาคนที่ชอบลงทะเบียน เฟสบุ๊คก็จะส่งไปหาคนที่มีโอกาสลงทะเบียนกับเรา
.
ดีใช่มั้ยเอ่ย
.
ก่อนจะไปเริ่มทำ Facebook Conversion ads
ก็ต้องเตรียมเครื่องมือต่างๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือ
จะทำโฆษณาแบบนี้ได้ เราต้องใช้งานควบคู่กับเว็บไซต์ หรือ sale page
.
และทั้งหมดนี้คือเช็คลิสต์ที่ผมขอแชร์ประสบการณ์ การทำ Facebook Conversion ads มาให้กับทุกท่าน ที่ยังไม่เคยทำมาก่อนเลยครับ
1. มีเว็บไซต์ หรือ sale page หรือยัง
การทำ Facebook conversion สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการทำงานร่วมกับเว็บไซต์ หรือ sale page ถ้าวันนี้คุณยังไม่มี แนะนำให้ไปสร้างก่อน จะเริ่มต้นจากสิ่งที่ง่ายที่สุดอย่าง sale Page หน้าเดียวก็ยังได้ (ถ้าให้ดีแนะนำไปใช้บริการ Sale page เพราะไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนโปรแกรม ก็สามารถทำออกมาได้สวยๆเลย)
2. มี Facebook business หรือยัง
สิ่งสำคัญอีกอย่างนั่นคือ บัญชีธุรกิจบนเฟสบุ๊ค หรือ Facebook Business
ถ้ายังไม่มีรีบไปสมัครก่อนเลยครับ เพราะ 1 คนสร้างได้ 2 Facebook Business
(เคยเขียนเรื่อง facebook business เอาไว้ก่อนหน้านี้นะครับ ไปอ่านได้ใน https://www.digitalnook.co/419/)
3. มี ads account ใน Facebook Business
สำหรับมือใหม่ ที่เคยยิงแอดมาก่อน อาจจะบอกว่า ฉันก็มีบัญชีโฆษณาส่วนตัวอยู่แล้ว
ทำไมต้องทำใหม่ อันนั้นไม่ผิดครับ
แต่ว่าคุณจะเสียโอกาส เพราะบัญชีโฆษณาส่วนตัว จะเชื่อมต่อและทำงานกับ account ของเราคนเดียวเท่านั้น หากจะทำเป็นรูปแบบธุรกิจเต็มที่ แนะนำให้ใช้บัญชีโฆษณาจาก Facebook Business เพราะสามารถสร้างได้มากถึง 5 บัญชีโฆษณาด้วยกัน โดยแต่ละบัญชีก็จะสามารถสร้าง Facebook Pixel ได้อย่างละ 1 ตัว
4. มี Facebook pixel
Facebook Pixel คือชุด Code คำสั่งในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมที่ผู้ใช้เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของเรา เข้าหน้าไหน URL อะไรบ้าง ก็จะรู้หมดเลย รวมทั้งพฤติกรรม ระยะเวลาที่อ่านเนื้อหาของเรา การกดปุ่มต่างๆภายในเว็บไซต์ของเรา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จำเป็นมากๆในการทำ Facebook conversion ads
5. มี google tag manager
คนที่เคยทำเว็บมาก่อน น่าจะเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับการใส่โค้ดวัดสถิติต่างๆ จะใส่ครั้งหนึ่งก็ต้องให้ Programmer ช่วยใส่ลงไปในโค้ด / ถ้าใส่โค้ดชุดเดียว ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าต้องมีการใส่โค้ดหลายๆตัว ก็ดูเป็นเรื่องยุ่งยาก
ระบบ Google Tag Manager คือนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในการใส่โค้ดวัดสถิติ หลายๆ ตัว / กล่าวคือ เราติดตั้ง Code Google Tag Manager ที่เว็บไซต์เพียงแค่ตัวเดียว แต่โค้ดวัดสถิติต่างๆ อย่าง Google analytics หรือ Facebook Pixel เราจะนำมาเชื่อมกับ Google Tag Manager เพียงตัวเดียวเท่านั้น
(อันนี้ เป็นทางเลือกนะครับ ถ้าจะติดตั้งผ่าน sale page บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้อง google tagmanager ก็สามารถทำงานได้แล้ว)
6. รู้จักการใช้ Facebook pixel helper
ถ้าเราจะดูเข้าเว็บไซต์ไหนมีการติดตั้ง Facebook Pixel ถ้าเป็นโปรแกรมเมอร์ก็จะทำการ View source Code แต่ถ้าเราลงตัว Facebook Pixel helper เพียงแค่เปิดหน้าเว็บก็จะรู้ได้เลยว่า URL ไหนมีการติดตั้ง Pixel เอาไว้ ง่ายสุดๆ
7. รู้จักการใช้ line notify
สำหรับใครที่ทำโฆษณาแบบ conversion เพื่อให้คนมาซื้อสินค้าหรือกรอกฟอร์ม ก็อยากจะรู้ว่ามีออเดอร์เข้าตอนไหนจะได้เข้าไปตรวจสอบ เพื่อสรุปยอดส่งของให้กับลูกค้าโดยเร็ว ถ้าจะให้ไป Refresh ระบบพี่ดู order ตลอดเวลาก็คงจะเหนื่อย การใช้ระบบแจ้งเตือนผ่านทาง LINE ดูเป็นวิธีที่ฉลาดดี แล้วทำได้ไม่ยาก ที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินด้วย
(อันนี้ ก็ถือเป็นทางเลือกนะครับ ถ้าวัตถุประสงค์ของคุณ ไม่ต้องการรู้ทุก transaction แบบรวดเร็วมากๆ อาทิ เป็นการเก็บสะสม คนกรอกฟอร์มรับข่าวสาร แบบนี้ line notify ก็ไม่จำเป็นเลย)
8. Dynamic creative ads
ปกติแล้วการทำโฆษณาบน Facebook เราจะไม่มานั่งเดาว่าภาพไหน หรือ แคปชั่นอะไรที่ถูกใจลูกค้ามากที่สุด ด้วยตัวเราเอง แต่จะใช้การทดสอบบน Facebook เพื่อให้คนดูเป็นคนตัดสินใจเองเลย เรียกกันว่า A/B testing หากตัวไหนดีเราจะเลือกตัวนั้นเอามาทำโฆษณาต่อ
ถ้าเราต้องการทดสอบ รูป 3 แบบ /แคปชั่น 3 แบบ / Title 3 แบบ / คำบรรยาย 3 แบบ / เราจะต้องสร้างโพสต์โฆษณาขึ้นมาอยู่ 81 ตัว เพื่อทดสอบว่าตัวไหนดีที่สุดด้วยตัวเราเองทั้งหมด
ตัวไหนดีเราก็เปิดต่อตัวไหนไม่ดีแล้วก็ปิดไป!
ดูแล้วก็ดูน่าจะเหนื่อยไม่น้อยเลยทีเดียว
Dynamic creative ads คือฟีเจอร์ของระบบ Facebook ads ที่มาต่อยอดระบบ AB testing
เราทำหน้าที่ในการโยน รูป 3 แบบ /แคปชั่น 3 แบบ / Title 3 แบบ / คำบรรยาย 3 แบบ ลงไปในระบบอย่างเดียว ที่เหลือ Facebook จะดำเนินการผสมผสานจนกลายออกมาเป็นโฆษณาให้เราเอง
ไม่ต้องมานั่งทำเองให้เหนื่อย! ดีไหมครับ
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือ checklist สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนทำ Facebook conversion ADS ในปี 2020 ( สำหรับมือใหม่)
หากใครมีคำถามอยากจะสอบถามเพิ่มเติม ก็สามารถ comment ได้ในโพสต์นี้นะครับ
ผมจะพยายามมาตอบคำถามให้
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
อวสาน LINE@ แพ็คเกจฟรีตลอดชีพ ไม่ได้ไปต่อใน LINE OA
อวสาน LINE@ แพ็คเกจฟรีตลอดชีพ ไม่ได้ไปต่อใน LINE OA
หากใครยังจำกันได้เมื่อช่วงกลางปีก่อน
ในบ้านเรามีบริการรับจ้างทำ LINE@ ที่จ่ายเงินครั้งเดียวแล้วไม่ต้องจ่ายค่ารายเดือนอีกต่อไปเลย
ความสามารถของมันดูน่าเย้ายวนใจ มากๆ
ไม่ว่าจะเป็น การบรอดแคสได้ไม่จำกัดข้อความ โพสต์ไทม์ไลน์ได้ไม่จำกัด แต่จำกัดฟิวเจอร์บางอย่างไว้
ซึ่งตอนนั้นคนที่ซื้อมาก็พอใจในการทำงานของ
เพราะราคาที่จ่ายไปไม่ได้แพงอะไรเลย
ตอนแรกผมก็สงสัยว่าบริการแบบนี้มันมีอยู่จริงหรือเปล่า
เมื่อลองสืบค้นข้อมูลดูก็พบว่า
เป็นบริการของเราจริงๆ เป็นแพ็คเกจฟรี
แต่ที่น่าสังเกตก็คือ เป็นการใช้เทคนิคในการเปิดบริการ account LINE ในต่างประเทศ
(ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้นะครับว่าเป็นประเทศอะไร)
ซึ่งก็มีการซื้อขาย account กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
มีคนซื้อมาใช้มากมาย
แล้วก็ส่งข้อความกันอย่างเมามัน
แต่ล่าสุด
เมื่อ บริษัท LINE ประเทศไทย ได้ประกาศว่า
จะเปลี่ยนแปลงการให้บริการ LINE@ ไม่เป็น LINE official Account
นี่คือจุดเปลี่ยน ที่ทำให้ LINE@ ที่ซื้อมาจากต่างประเทศ
ไม่ได้ไปต่อในวงการ LINE OA
ที่บอกว่าไม่ได้ไปต่อนั้นก็คือ
LINE@ แพ็คเกจฟรีนี้ จะไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อชำระค่าบริการได้
ซึ่งก็หมายความว่า คุณจะไม่สามารถใช้มันในการทำธุรกิจได้อีกต่อไป
บางคนอาจจะรู้สึกเฉยๆ เพราะว่าไปทำใหม่ก็ได้
แต่สำหรับคนที่มีคนติดตามเป็นจำนวน อาจจะเริ่มรู้สึกตระหนก เพราะเสียดายจำนวนคนติดตาม ที่ได้สร้าง
ผมก็สงสัยในเรื่องนี้เช่นกัน
ก็เลยติดต่อถามไปที่ Call Center ของ LINE official Account เพื่อสอบถามถึงนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้
ได้ความมาแบบนี้ครับ
LINE@ แพ็คเกจฟรี เมื่อย้ายมาใน LINE official account แล้ว
จะเหลือโควต้าในการส่งข้อความเพียงแค่ 500 เท่านั้น
บางคนอาการหนัก เพราะผมที่จะแชทกับลูกค้าไม่มีเลย
แม้แต่การจะบอกให้ลูกค้าไปติดตามช่องทางไหนก็ไม่สามารถทำได้!!
เสียใจด้วยนะครับคุณไม่ได้ไปต่อ!!
แล้วเราจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
แนะนำให้ทำ Account ใหม่ไปเลย
LINE@ ฟรีตลอดชีพที่ซื้อมาจากต่างประเทศนั้น ไม่ได้ไปต่อใน LINE official Account ดังนั้นจึงขอให้สร้าง account ใหม่ไปเลย ไม่ต้องรอโอกาส
แต่ระหว่างนั้นให้ทำการแจ้งลูกค้ามากดติดตาม Account ใหม่เอาไว้ก่อน
เมื่อ Premium id เก่าหมดอายุ ให้รีบไปต่ออายุใน account ตัวใหม่
หา Premium id เก่าหมดอายุ ก็ให้รีบนำชื่อ Premium ID ที่เราต้องการนั้น ไปผูกไว้กับ Account ใหม่ที่เราสร้างขึ้นมา ถ้าใครจำวันที่สร้างได้วันแรกก็ ok ครับ
(ส่วนใหญ่เราจำกันไม่ค่อยได้หรอกว่าทำเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่)
ถ้าจำไม่ได้ ก็ให้รอตัว Premium ID ของเรา กลายเป็น ชื่อแบบ Random
เมื่อถึงเวลานั้นก็ให้เพื่อผูกไว้ กับ account ของเรา
เพราะนี่คือกฎกติกาที่เขาสร้างเอาไว้
หาก platform นี้เป็นสิ่งที่สร้างรายได้ให้กับกิจการ หรือว่าธุรกิจของคุณ
คุณก็ควรต้องไปต่อในรูปแบบ และกฎเกณฑ์ที่เขาวางเอาไว้
อยู่บ้านใครก็ต้องทำตามกฎบ้านนั้น
นี่เป็นสิ่งที่ควรระลึกไว้
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
ลูกค้าเก่าชอบสั่งของทาง LINE มากกว่า Facebook จริงหรือ
ลูกค้าเก่าชอบสั่งของทาง LINE มากกว่า Facebook จริงหรือ
มีหลายคนเคย inbox มาถามผมนะครับ
ว่าจะเลือกใช้อะไรในการทำการตลาดออนไลน์หรือขายของดี
ระหว่าง Facebook กับ LINE
( LINE ในที่นี้หมายถึง LINE@ หรือว่า LINE official account นะครับ)
จากประสบการณ์ที่ได้ทำเองมาแล้ว
พบว่าลูกค้าที่มีการซื้อซ้ำบ่อยๆ
มาจากไลน์ประมาณ 80%
ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากนะครับ
แล้วทำไมคนถึงเลือกที่จะสั่งผ่านไลน์มากกว่าผ่านทาง facebook
นั่นเป็นเพราะว่าไลน์เป็นเครื่องมือสื่อสารบนโทรศัพท์มือถือที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด
สะดวกรวดเร็ว และคุณชินมากกว่าการใช้ messenger ของฟรี
ผมไม่เถียงนะครับ
ว่าตอนแรกเนี่ยเราจะต้องไปหาลูกค้าใน Facebook
นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว
เพราะ Facebook คือเครื่องมือสื่อสาร ที่คนชอบดูชอบแชร์
เพราะจะเจออะไรใหม่ๆเข้ามาใน platform นี้เสมอ
ฉันจะมีเครื่องมือในการทำโฆษณาเยอะแยะมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือวีดีโอหรือแม้แต่ลิงค์เข้าไปในเว็บไซต์ก็ตาม
รวมทั้งวัตถุประสงค์ในการทำโฆษณาก็มีมากมายถึง 13 วัตถุประสงค์ด้วยกัน
แต่เมื่อได้มาเป็นลูกค้ากันแล้ว
ส่วนใหญ่เวลาจะกลับมาซื้อมักจะทักทาง LINE@ ที่เราได้ส่งไปให้เสมอ
ลูกค้าที่อยู่ใน Facebook inbox จะมีกลับมาบ้างแต่ไม่เยอะเท่ากับ LINE@
แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้
เคล็ดลับของมันอยู่ตรงนี้ครับ
ทุกครั้งที่ลูกค้ามีการทัก inbox มา
แสดงว่าเขามีความสนใจหรืออยากได้สินค้าเรามากๆอยู่แล้ว
(ยกเว้นว่ามือลั่นนะครับ)
ผมเลือกที่จะใส่ลิงค์ LINE@ ไปไว้ในข้อความต้อนรับอยู่เสมอ
ซึ่งถ้าลูกค้ายอมกดลิ้ง LINE@ เพื่อมาคุย
แสดงว่าเขามีความต้องการสินค้าหรือบริการขึ้นไปอีก 1 Step
นี่คือการคัดกรองลูกค้าคุณภาพโดยไม่ต้องใช้กำลังภายในเลย!!
และลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าหรือบริการของเราผ่านทาง LINE@
เมื่อประทับใจก็จะกลับมาสั่งสินค้าของเราอีกครั้งผ่านช่องทางนี้อยู่เป็นประจำ
เพราะมันง่ายอยู่ใกล้มือ
ข้อสังเกตหนึ่งของผมนั่นก็คือ รายชื่อของร้านค้าที่ปรากฏอยู่บน Line
มัน มันหาง่ายกว่า Facebook
นี่คือหัวใจที่ลูกค้าติดต่อเรา ผ่าน LINE@ มาได้ง่ายกว่า
สรุปนะครับ
ถ้าเราต้องการหาลูกค้าใหม่ให้ใช้ Facebook
แต่ถ้าต้องการสื่อสารกับลูกค้าเก่าให้เลือกใช้ Line@
แต่ว่าตอนนี้ LINE@ จะเปลี่ยนเป็น LINE official account แล้วนะจ๊ะ
มกราคม 2563 นี้ได้ย้ายกันทุกคน
ยังมีเวลาเรียนรู้ก่อนในช่วงท้ายปี ไปโหลดมาลองทำให้คุ้นชินคุณมือ
เพราะว่าหน้าตาต่างกันไปหมด ไม่เหมือนของเดิมเลยจ้า
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะให้ระลึกเอาไว้
การเปลี่ยนแปลงใดๆที่เราไม่สามารถต้านทานได้
เราจะต้องปรับตัวเองให้เข้ากับมันได้อย่างรวดเร็วที่สุด
ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะถูกทิ้งไว้ภายหลัง
ชีวิตต้อง Move On นะครับ!!
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
อยากได้ยอดขายทางออนไลน์ ต้องเข้าใจ 2 สิ่งนี้ก่อน (สำหรับมือใหม่)
อยากได้ยอดขายทางออนไลน์ ต้องเข้าใจ 2 สิ่งนี้ก่อน (สำหรับมือใหม่)
มีคนเคยถามว่า อยากสร้างยอดขายด้วยช่องทางออนไลน์
ต้องทำยังไงดี ต้องใช้เครื่องมืออะไร
ที่จะทำให้เกิดยอดขายและรายได้ตามมา
ก่อนที่จะไปรู้จักกับเครื่องมือต่างๆ
ผมอยากจะแชร์แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างยอดขายโดยช่องทางออนไลน์
ให้เข้าใจแบบง่ายๆ
ได้เขียนบทความนี้ขึ้นมาให้อ่านกันนะ
“อยากได้ยอดขายทางออนไลน์ต้องรู้จัก 2 สิ่งนี้ก่อน”
ค่อยๆที่กระโดดเข้ามาบนช่องทางออนไลน์
น่าจะเกิดจากความคิดที่ว่า ตอนนี้ขายของบนโลกออนไลน์เริ่มแผ่วแล้ว
มาทางออนไลน์น่าจะง่ายกว่า
เพราะว่าใครๆก็มาขายกัน
อันนี้ เป็นความคิดที่ถูกต้องครับ
แต่จะถูกเมื่อประมาณสัก 7 8 ปีก่อน
เพราะว่าสมัยนั้นคนยังลงมาแข่งขันในตลาดนี้ไม่เยอะเท่าไหร่
ดูแล้วเป็นสิ่งที่ใหม่ ตื่นตาตื่นใจแบบสุดๆ
ตัดรอบต่อไปนี้ หันมองไปทางไหน ทุกคนก็ขายของออนไลน์
ทุกคนก็ลงมาแข่งในสนามเดียวกันหมดเลย
การลงออนไลน์เป็นเรื่องดี แต่คู่แข่งก็มากขึ้นตามลำดับ
การสร้างยอดขาย ก็ต้องใช้ความพยายามสูงขึ้นเงาตามตัว
แต่ก่อนที่จะไปหาเครื่องมืออะไรมาช่วยผ่อนแรง
ต้องเข้าใจก่อนว่า ยอดขายบนโลกออนไลน์นั้นมาจากอะไร
ยอดขาย เท่ากับ Traffic คูณกับ Conversation
อธิบายให้ฟังง่ายๆเกี่ยวกับเรื่องของคำว่า Traffic และ conversion
ถ้าสมัยก่อนเราจะทำธุรกิจสัก
เราก็ต้องเลือกทำเล หาพื้นที่ที่คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะๆ
ที่ไหนรถไม่ผ่าน คนไม่เดิน แบบนี้เราก็คงไม่เลือก
เราจะเลือกสถานที่ที่คนเดินเยอะๆ และที่สำคัญจะต้องเป็นกลุ่มลูกค้า ที่จะใช้สินค้าหรือบริการของเราด้วย
วิธีการคิดแบบนี้ก็คือ การหา Traffic นั่นเอง
แต่หากเรามีเฉพาะแค่ Traffic คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะแยะ
แต่ไม่มีการเชื้อเชิญลูกค้าเข้า หรือว่าลูกค้าเข้ามาในร้าน ก็ไม่ได้สนใจ ปล่อยลูกค้าดูของไป
หรือพอเข้ามาถามก็ตอบแบบขอไปที
หรือไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลอะไรจนลูกค้าพอใจ เชื่อใจ
หรือให้ข้อมูลมากเกินไปและไม่ได้ไปถึง ช่วงสำคัญ นั่นคือปิดการขาย
แบบนี้ยอดขายก็ไม่เกิดแน่นอน
กระบวนการที่เกิดขึ้นหลังจากคนเข้ามาในร้านของเราแล้ว
เปลี่ยนจากคนเยี่ยมชม ให้กลายเป็นคนซื้อของ หรือลูกค้าของเรา
สิ่งนั้นคือความหมายของคำว่า Conversion
คราวนี้ลองมามองในมุมของโลกออนไลน์กัน
บอลโลกออนไลน์นั้นทุกคนไม่จำเป็นจะต้องไปหาทำเล
เพราะเราสามารถที่จะเสิร์ฟสินค้าหรือบริการของเรา ไปถึงหน้าจอของลูกค้าทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คหรือโทรศัพท์มือถือก็ตาม
ในเมื่อทำเลกว้างขวางขนาดนี้
สิ่งที่ต้องเข้าใจก็คือการหากลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
วิธีการคิดหากลุ่มเป้าหมายก็คือ
สินค้าของเราแก้ปัญหาให้ใครได้บ้าง ให้นึกภาพออกมาเป็นเหมือนกับคนคนนึง ที่เขาเห็นสินค้าหรือบริการของเราแล้วอยากจะซื้อใช้ทันที
อายุ เพศ การศึกษา ความชอบ พฤติกรรมต่างๆ
สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะใช้ในการหากลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะ Facebook
หากกลุ่มคนเหล่านี้สนใจ
แล้วทักมาหาเราไม่ว่าจะเป็นการ inbox หรือ Line มาถาม
สิ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนคนทักให้กลายเป็นลูกค้า
นั่นคือ ทักษะในการตอบคำถาม ให้ข้อมูล สร้างบรรยากาศ ให้เกิดความอยากได้
แล้วสรุปเพื่อปิดการขายให้ได้
บางคนทำโฆษณาได้ดีมีคนทักมาแล้ว
แต่บรรยากาศในการซื้อการขาย แสนจะวังเวง ถามคำตอบคำ
หรือมุ่งมั่นเอาแต่จะขายของอย่างเดียวโดยไม่สนใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า
หรือเห็นบทสนทนาแล้วอยากจะกดปิดหน้าจอ แล้วไปหาร้านอื่นแทน
แบบนี้ยอดขายก็ไม่บังเกิดอย่างแน่นอน
สรุปนะครับ
ถ้าต้องการที่จะมียอดขายที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์
สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการเรียนรู้เทคนิคให้คนเข้ามาในร้านของเราเยอะๆ
นั่นคือเทคนิคในการเปลี่ยน คนทัก ให้กลาย ลูกค้าของเรา
สำคัญจริงๆนะครับ
ฝากเอาไปด้วย
ลองไปปรับปรุงกันนะครับว่าตอนนี้เราพลาดที่จุดไหน
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt