5 เหตุผลที่ ที่คนกดโฆษณา มาใน salepage แล้วไม่ซื้อ
5 เหตุผลที่ ที่คนกดโฆษณา มาใน salepage แล้วไม่ซื้อ
ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้
กระแสการใช้ salepage ในบ้านเรานั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
เพราะ ช่วยลดเวลา ในการอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจไปได้มาก
ลดเวลาการตอบเกี่ยวกับสินค้าและบริการไปได้มาก
(แม้ความจริง ลูกค้าบางส่วน จะยังไม่อ่าน แล้วเข้ามาถามใน inbox ก็ตาม)
แต่หลายคนก็ยังเจอปัญหาว่า
ลูกค้ากดโฆษณามา ใน salepage แต่ทำไม ยังไม่กดถาม กดทักซื้อ?
ลองมาอ่านแนวคิด การแก้ปัญหานี้ แล้วลองไปทำกันดู
เพื่อปรับปรุงให้ salepage ของคุณ ทำงานได้ดีขึ้น
1.สื่อสารเร้าใจ และเข้าใจดี หรือยัง
เรื่องราวที่น่าอ่าน คือ หัวข้อเรื่องที่เกี่ยวกับคนอ่าน ไม่ใช่นำด้วยเรื่องของสินค้าของคุณ
พยายามโยงให้เห็นเป็นลำดับขั้นต่อไปนี้
- ทำให้เห็นปัญหา หรือ pain point ของเค้ามากพอหรือเปล่า
- พูดถึงความเจ็บปวดที่เขามีหรือยัง
- มีผลลัพธ์โชว์ให้ดูหรือเปล่า
- มีรีวิว testimonial ให้ดูหรือเปล่า
2.ราคาเหมาะสมหรือเปล่า
ลองสำรวจราคา ว่าเหมาะสมหรือเปล่า เร้าใจหรือไม่ ถ้าเป็นเรา เราจะซื้อสินค้าในราคานี้มั้ย? (แบบไม่ลำเอียงตัวเอง)
- หากเป็นเรา จะซื้อสินค้า ในราคานี้มั้ย
- ถ้าเหมือนคู่แข่ง เรามีอะไรที่เหนือกว่า
- พยายามลองจัด Set สินค้า ประเภท 3 ชิ้น 5 ชิ้น หรือ 3 แถม 2 เพื่อทำให้ยอดขายของเราเพิ่มขึ้น จากการคลิกแอดเข้ามา 1 ครั้ง
3.ข้อเสนอดีพอหรือเปล่า
เรื่องเล็กๆ บางเรื่อง กลายเป็นปัจจัย ที่ทำให้คนเลือกซื้อ หรือ ไม่เลือกซื้อเช่นกัน ลองปรับดูนะครับ ว่าตอนนี้ สินค้าของคุณขายแบบไหน?
- มีเก็บเงินปลายทางมั้ย : คนไทยซื้อของครั้งแรก จะไม่มั่นใจกับร้านใหม่ๆ ที่เลือกซื้อ เพราะกลัวโดนโกง ดังนั้นเก็บเงินปลายทางจะทำให้คนกล้าสั่ง
- ค่าส่งฟรี : ค่าส่งเหมือนยาขมในบทสนทนา พอได้ยินค่าส่ง แล้วไม่เอา ให้ลองปรับกลยุทธ รวมค่าส่งไปกับสินค้า / แล้วคำนวณกันดีๆ นะครับ
4. สร้างความขาดแคลน เร่งด่วนไว้หรือยัง?
การสร้างขอบเขต หรือ ข้อจำกัด ให้รู้สึกต้องซื้อตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ยังใช้งานได้ดีเสมอ ซึ่งมักจะมาในคำพูดของ
- มีเวลาจำกัด ข้อจำกัดเฉพาะ
- 20 คนแรกทีสั่งซื้อเท่านั้น / ภายในวันที่…
ถ้านึกไม่ออก ลองไปหาดูรายการ ควอนตัมเทเลวิชัน ทีวีไดเร็กต์ หรือ ช่อง 8
5.ติดต่อ ยากไปหรือเปล่า
บางที สินค้าดี คนเห็นแล้วชอบ แต่กดสั่งยังไงเนี่ย!! มองหาไม่เจอ ลองไปดูสิว่าใน salepage ของเรา ขาดสิ่งเหล่านี้ไปมั้ย?
- คำพูดในปุ่มติดต่อ สื่อสารดีหรือยัง : อย่าใช้ปุ่ม LINE หรือ Mesenger เฉยๆ คนงง ให้สื่อสารว่า “กดปุ่มนี้ติดต่อเรา” “ปรึกษาเรากดปุ่มนี้” “ทักไลน์กดเลย” แบบนี้คนเข้าใจง่ายกว่ามาก
- ปรับตำแหน่ง กดติดต่อ ให้มากขึ้น : อย่าเอาไว้ล่างสุด อย่างเดียว ให้ติดตั้งถี่มากขึ้น จะด้านบน สำหรับคนใจร้อน ตรงกลางสำหรับคนที่อ่านเพลิน ด้านล่าง สำหรับคนที่ชอบอ่านถ้วนถี่ หาก salepage ไหนมีปุ่มลอย ก็ถือว่าดีมาก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
เลือกใช้ Google หรือ Facebook ทำการตลาด ตอนไหนดี? คำถามนี้ มีคำตอบให้
เลือกใช้ Google หรือ Facebook ทำการตลาด ตอนไหนดี? คำถามนี้ มีคำตอบให้
มีเจ้าของกิจการหลายท่าน
เคยถามผมว่า
“เราควรเลือกใช้ Google หรือ Facebook สำหรับทำการตลาดออนไลน์”
ผมขอตอบคำถามนี้ โดยแยกออกมาตามพฤติกรรมของลูกค้านะครับ
แบ่งง่ายๆ แบบนี้
“ถ้าสินค้า เป็นสิ่งที่คนมองหา เพื่อแก้ปัญหา ใช้ Google”
“ถ้าสินค้า เป็นสิ่งที่คนเห็นแล้ว รู้สึก อยากได้ ใช้ Facebook”
ฝั่ง Google ผมมองเครื่องมือออนไลน์ เป็นพวก youtube / website / google business
เวลาคนจะแก้ปัญหาอะไรที่เร่งด่วน จำเป็น บริการของ google ช่วยได้ดีมากๆ
- จะตัดสินใจซื้อของ ขอดูรีวิว จะไปดูใน Youtube ก่อน แล้วไปซื้อ บางทีก็ซื้อสินค้าจากลิงค์ในคำบรรยาของ Youtube นั่นแหละ
- จะเดินทางไปที่ไหน ประหยัดเวลา ค่าน้ำมัน ไม่หลง โทรไปหาก่อนด้วย Google Maps (พิกัดร้าน จัดการด้วย Google Business) ที่สำคัญ ร้านไหน หรือ ธุรกิจไหนอยู่บนแผนที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนซื้อได้อีกเยอะ
- หาข้อมูลแก้ปัญหาบางอย่างให้ตัว หาเจอได้จาก Google Search แล้วเจอได้ทั้งข้อมูล และภาพ ที่ต้องการ / ถ้าเว็บเรามีคำตอบให้คนที่กำลังมองหา / เค้าจะมองเห็นเราเป็นหนึ่งในทางแก้ปัญหาให้เขา
ฝั่ง Facebook ผมมองเครื่องมือออนไลน์ เป็น Facebook group / Facebook live / fanpage
- คนเราชอบหาข้อมูล หรือ สอบถามเพื่อให้ได้คำตอบเร็วๆ จาก Facebook Group หรือ ได้ข้อมูล insight ที่ไม่อิงแบรนด์ อิงยี่ห้อ เป็นคำตอบจากคนใช้งานจริงๆ / คนเราชอบใช้ Facebook group แบบนี้
- ของบางอย่าง อาจจะยังไม่รู้สึกอยากได้ จนกระทั่งมี Live เกิดขึ้นมา / เห็นคนอื่นเขากด F สินค้า (สั่งจอง) กันสนั่นหวั่นไหว หัวใจของเรา มันก็อยากได้ขึ้นมาสินะ
- Fanpage คือ สื่อตัวเดียวของ Facebook ที่สามารถ ทำโฆษณาได้ เรียกว่าครบครันที่สุด / สามารถส่ง Content ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้ม สนใจสิ่ง สินค้าและบริการของเรา
แต่จะดีไปยิ่งกว่า หากเรานำทั้งสองสิ่งนี้ มาผสมผสานกัน
เพราะว่า ช่วยกัน ย่อมดีกว่าเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น
- ทำคลิปใน Youtube แล้วให้คนลิงค์ มาสอบถามทาง inbox ในเพจได้
- คนที่ search เจอเว็บไซต์เราหน้าไหน ก็กลับไป Remarketing ผ่าน Facebook ได้ด้วย Pixel
- คนที่หากิจการเราเจอใน แผนที่ ก็ใส่ลิงค์ไปยัง Facebook ได้ เพื่อให้เขามีข้อมูลเพิ่ม และติดต่อเรามาได้ง่ายขึ้น
นี่คือตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น
ลองไปประยุกต์ใช้กันดูนะครับ
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
เพิ่มยอดขาย ธุรกิจขายประกัน ด้วยช่องทางออนไลน์ ทำได้แบบนี้
เพิ่มยอดขาย ธุรกิจขายประกัน ด้วยช่องทางออนไลน์ ทำได้แบบนี้
มีคนเคย ถามผมมาทาง inbox อยู่บ่อยๆ ว่า
ธุรกิจประกัน จะทำให้คนรู้จัก ในช่องทางออนไลน์ ยังไงได้บ้าง
เมื่อก่อน ผมเคยเป็นคนหนึ่ง
ที่ไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องการทำประกัน
อาจจะเป็นเพราะ ไม่เข้าใจ หรือ มีความเข้าใจผิดๆ
แต่เมื่อได้ฟังการแนะนำ การวางแผน
หรือ เกิดเคสที่ต้องใช้จ่ายเยอะๆเกี่ยวกับสุขภาพ
จึงเห็นความสำคัญของประกัน
และการที่ผมซื้อประกันได้ ก็มาจาก การได้รับข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
จนเห็นความสำคัญ นั่นเอง ซึ่ง ใช้เวลาพอสมควร
(ยกเว้นเรื่องที่จำเป็นจริงๆ เราก็ต้องทำประกันทันที)
ดังนั้น ผมเลยอยากแชร์ เทคนิค ที่จำเป็นสำหรับคนทำประกัน
หากต้องการเพิ่มยอด ให้กับธุรกิจของตัวเอง ด้วยออนไลน์ ด้วยช่องทางต่างๆ
แนะนำให้ทำแบบนี้ครับ
1.เปิดด้วย Facebook
เปิดเร็วที่สุด ใช้งานสะดวกที่สุด และทำโฆษณาได้ง่ายมีแหล่งข้อมูลให้ศึกษาได้เยอะ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ก่อนจะทำโฆษณา ต้องให้คุณค่ากับคนอื่นๆ ก่อน
- ให้คุณค่ากับคนทั่วไป โดยเนื้อหาที่ย่อยง่าย
- เอาเรื่องที่คนสงสัย ก่อนจะทำประกันมาเป็น Content
- สร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยการยกเคสที่เรา ช่วยให้ลูกค้าแก้ปัญหาได้ หรือ ประทับใจมาบอกเล่า
- พยายามสร้างความแตกต่าง ด้วยประสบการณ์ เพราะรูปแบบของการให้บริการ นั้นต่างกันไม่มากนัก
2.สร้างฐานทัพด้วย Website
การมีเว็บไซต์ คือการสร้างฐานทัพให้กับตัวเอง ข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็น ที่ให้คนเชื่อมั่นในธุรกิจของคุณ รวมทั้งการติดต่อ ต้องง่ายและชัดเจน
- เว็บต้องเป็นแบบที่เปิดดูได้ทุกหน้าจอ มือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ ต้องดูได้ง่าย
- มีปุ่มกดติดต่อได้สะดวก กดแล้วต้องโทรออกได้ หรือ LINE ได้
- สร้างความน่าเชื่อถือด้วย การใช้ภาพบุคคล อย่าใช้ภาพ stock
- ติดตั้ง Google Anlytics และ Facebook Pixel เพื่อนำไปวิเคราะห์ หรือ ทำโฆษณาภายหลัง
- เก็บข้อมูลอีเมล์ลูกค้า ด้วยการแลกเปลี่ยนกับความรู้ หรือ ข้อเสนออะไรบางอย่างไว้ เพื่อติดต่อหาลูกค้าในอนาคต
3.สร้างตัวตนใน Youtube
คนส่วนใหญ่ จะหาคำตอบที่ตัวเองสงสัย ใน youtube เพราะได้คำตอบที่อธิบายได้อย่างละเอียด สามารถทำตามได้ youtube คือช่องทาง ที่คนขายประกัน สามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าให้กับ ลูกค้าในอนาคตได้ ถ้าเนื้อหาเป็นแบบนี้
- การตอบคำถามที่คนสงสัย แต่ไม่ค่อยอยากถาม
- การเอาสิ่งที่ลูกค้าตัวเองถามบ่อยๆ มาเป็นหัวข้อเรื่อง
- การเลือกซื้อประกัน เลือกจากอะไรดี
- เร่งให้คนรู้จักเราได้เร็วขึ้น ด้วยการทำ Youtube Ads โดยเฉพาะ Keyword ที่เกี่ยวข้อง จะเห็นผลเร็วขึ้น
- แนบลิงค์ ที่สามารถติดต่อเราได้ทุกช่องทาง ลงไปในเนื้อหาของ youtube ด้วย
4.เก็บลูกค้าไว้ LINE OA
ลูกค้าบางคน มักจะชอบขอข้อมูลก่อนซื้อสินค้า และถามเพื่อความมั่นใจ แต่ไม่อยากโทร การสร้าง LINE OA เอาไว้ เก็บฐานลูกค้าไว้ก่อน จึงเป็นไอเดียที่ดี
- เก็บคนที่สนใจ เอาไว้เป็นกลุ่มด้วยการติด TAG เพื่อสื่อสารแยกกันภายหลัง
- ทำ Rich Menu เอาไว้ เพื่อให้ลูกค้าได้ศึกษาข้อมูล เบื้องต้นก่อนด้วยตัวเอง
- บรอดแคสต์เนื้อหาที่น่าสนใจ แบบชัดๆ ใหญ่ๆ ด้วย Rich Message
- อย่าลืมทำ Content ใน Timeline เพราะถ้าเข้ามา แล้วไม่เห็น content อะไรเลย ความน่าเชื่อถือจะลดลงไปมาก
5.สร้างตัวตนให้เร็วที่สุดใน TikTok
TikTok คือแพลตฟอร์มใหม่ ที่จะดันให้คุณเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปได้ง่าย หากลงมือทำตอนนี้ เพราะอีก 2-3 ปี อาจจะช้าเกินเข้ามาอยู่
นี่คือ วิธีการสร้างตัวตนให้คนรู้จักใน TikTok สำหรับสายประกัน
- เน้นให้ความรู้ ยังไม่เน้นขาย
- สร้างคุณค่าที่ให้คนเข้าถึงได้ง่าย อย่าอธิบายเรื่องซับซ้อน
- แนะนำคนไปที่ social Media อื่นๆ ด้วยการปรับแต่ง Profile
- ยิงแอดบ้าง เพื่อส่งคนไปหน้า salepage แล้วเก็บเอาไว้ ด้วยการเก็บ list อีเมล์ หรือ Ratarget ด้วย Facebook
6. ขึ้นอันดับหน้าแรก Google เร็วขึ้นด้วย Google Business
หลายคน มักคิดว่า แผนที่ใน Google มีแต่หน้าร้านเท่านั้น ที่ทำได้
จริงๆ บริการธุรกิจประกัน ก็สามารถทำได้ ถ้าคุณปรับแต่ง Google Business ได้ดีมากพอ
แต่คุณจะปรับแต่ง Google Business ได้ ต้อง ยืนยันตัวตนกับทาง Google เสียก่อน
- นี่คือการทำ SEO ที่ง่ายและเร็วที่สุด เพราะถ้าคำค้นหาตรง โอกาสที่ลูกค้าจะติดต่อ ก็มีสูงกว่าปกติ
- ขอให้มีสถานที่ติดต่อ ได้ง่าย และยืนยันตัวตน กับทาง Google ก่อน
- พยายามโพสต์ข้อมูลใน Google Business ให้บ่อยที่สุด
- สร้างเว็บไซต์จาก Google Business ได้ฟรี 1 หน้า ซึ่งเนื้อหา จะมาจากโพสต์ต่างๆ ของเราที่ทำขึ้นไป รวมทั้งรีวิวจากลูกค้าด้วย
สรุป
นี่คือเคล็ดลับ เพิ่มยอดขาย ให้กับธุรกิจประกันของคุณ ด้วยการใช้ช่องทางออนไลน์ หลากรูปแบบ
เริ่มต้นลงมือทำก่อน ได้เปรียบเสมอ
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
แจกเคล็ดลับ เพิ่มยอดขายผ่านออนไลน์ สำหรับเจ้าของธุรกิจ รถมือสอง รู้แล้ว เอาไปทำตามได้เลย
แจกเคล็ดลับ เพิ่มยอดขายผ่านออนไลน์
สำหรับเจ้าของธุรกิจ รถมือสอง
รู้แล้ว เอาไปทำตามได้เลย
หลังจากที่ได้แชร์ เนื้อหาเรื่องการใช้ LINE OA เพื่อเพิ่มยอดขายให้เจ้าของธุรกิจ
ไปแล้ว มีคน inbox ถามมาว่า
แล้วถ้าเป็น ธุรกิจขายรถมือสองบ้าง
จะได้อย่างไร
เลยขอเพิ่มช่องทางอื่นๆ ที่ธุรกิจ รถมือสองทำได้ด้วย
เพื่อเป็นไอเดีย เพิ่มยอดขาย ผ่านออนไลน์
ดังนี้ครับ
1.เปิดเพจ Facebook เพื่อเก็บคนที่สนใจ เข้ามาให้มากที่สุด
นี่คือช่องทางออนไลน์ ที่เปิดได้เร็วที่สุด และ ทำโฆษณาง่ายที่สุด
- เปิดเพจ คือจุดเริ่มที่ง่ายที่สุด
- เพิ่มคนติดตามให้มากที่สุด ด้วยเนื้อหาที่คนชอบ อย่างสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่คือ รีวิวรถ
- ทำคลิปรีวิวลงทุกวัน ไม่ต้องนาน 3-4 นาที ก็พอ ต่อคัน เน้นเรื่องเสียง เสียงชัดคนชอบ
- Live สด ใน Facebook แล้วให้คนทักถามผ่าน LINE (เพื่อเพิ่มยอดคนติดตามที่มีคุณภาพใน LINE OA)
- ยิงแอดเพื่อหาคนใหม่ๆ เข้ามา ด้วยคลิปรีวิวรถ หรือ โฆษณา Live
2.สร้าง LINE OA ไว้เก็บคนที่สนใจ
LINE OA คือเครื่องมือที่ดี ที่เราใช้ในการสื่อสารกับผู้ติดตาม ได้ 100% / ถ้าคนติดตามคุณคือคนที่สนใจรถมือสอง ทุกครั้งที่ยิงข้อความออกไป จะมีคนทักถามเยอะ แน่นอน
- เวลาคนมาที่ร้านให้สแกน QR code ไว้เพื่อติดตาม Live หรือ โปรใหม่ๆ ของร้าน
- ให้ลูกค้าทักเพื่อติด TAG ไปด้วย จะทำให้แยกประเภทลูกค้าได้
- บรอดแคสต์ทีละเยอะๆ ด้วย card message
- บรอดแคสต์แยกตาม ยี่ห้อที่สนใจ
- บรอดแคสต์ให้คนมาดู Live สด
3.สร้าง Myshopเพื่อเป็นแคตาล็อก
อันนี้คือ feature ที่ควรนำมาใช้ เพราะมันคือ แคตาลอกสินค้า ที่ได้ง่าย และฟรี!
- สร้างง่าย หน้าตาเหมือนกับเว็บไซต์เลย
- ใส่ราคา และใส่ส่วนลด ใส่รายละเอียดได้เต็มที่
- ชอบรถรุ่นไหน สามารถแชร์ ออกไปยัง social media ต่างๆ ได้ด้วย
4.สร้างช่อง Youtube ของตัวเอง
Youtube คืออีกช่องทาง ที่คนตัดสินใจซื้อชอบดู
- คนชอบดูรีวิว ด้วยชื่อรุ่น และ การเปรียบเทียบ
- ทำให้คนเห็นมากขึ้น ด้วย google ads แบบ
- รถคันไหน ขายไปแล้ว ไม่ต้องลบ / ให้ลูกค้าทักมาถามได้ เพื่อเสนอขายรุ่นอื่นๆ แทน
5.สร้างช่อง TikTok
นี่คือ แพลตฟอร์มที่มาแรง แม้บางคนจะบอกว่า มีแต่เด็กๆ แต่เท่าที่เห็น ก็มีหลายราย ขายรถมือสองผ่านช่องทางนี้กันเยอะแล้ว ซึ่งต้องอาศัยวิธีดังต่อไปนี้
- เน้น hashtag สำคัญ
- ทำให้บ่อยที่สุด เท่าที่จะทำได้
- มีความเร้าใจ สนุกสนาน น่าสนใจ
- อาจจะไม่สามารถปิดการขายใน TikTok แต่สามารถสร้างการรับรู้ และนำไปสู่สื่ออื่นๆ ของเราได้อีก
6.Google Business ก็เป็นเรื่องสำคัญ
พูดง่ายๆ คือ พิกัดแผนที่ใน Google นั่นเอง ถ้าไม่มี เรียกว่าไม่มีตัวตน ก็ว่าได้ อยากมีตัวตน ต้องทำครับ
- ปรับชื่อ ให้มี keyword สำคัญ อาทิ รถมือสอง + พื้นที่ให้บริการของคุณ
- เพิ่มรีวิว ดีๆ จากผู้ซื้อ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
- สร้างเว็บฟรี จาก Google Business ได้อีกต่างหาก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
เริ่มต้น ขายออนไลน์ เลือกทำช่องทางไหนก่อนดี?
เริ่มต้น ขายออนไลน์
เลือกทำช่องทางไหนก่อนดี?
มีคำถามที่ถามมาทาง inbox บ่อยๆว่า
ตอนนี้ กำลังจะเริ่มต้นทำออนไลน์ แล้วควรเลือกใช้เครื่องมือไหนดี
รวมทั้งผู้ประกอบการหลายท่าน ก็ถามเหมือนกัน
ว่าควรจะเลือกทำอะไรก่อนหลังดี
ผมเลยไปหาคำตอบมาให้ดังนี้ครับ
“เริ่มต้น ขายออนไลน์ เลือกทำช่องทางไหนก่อนดี?”
1.เฟสบุ๊ค
ถ้าเรากำลัง จะเปิดตลาดไปหาคนใหม่ๆ ให้รู้จักเราได้เร็วที่สุด
เครื่องมือที่จะนำคนใหม่ๆมาเจอเราได้เร็วที่สุด นั่นคือ เฟสบุ๊ค
เพราะการเปิดเพจนั้นง่ายที่สุด เพราะเปิดฟรี ยังไม่ต้องจ่ายอะไร คุณก็ทำได้แล้ว
จะโพสต์ content แบบเขียน โพสต์ภาพ หรือจะ Live ก็ทำได้โดยอิสระ
ถ้าทำดีๆ ไม่ต้องยิงแอดทำโฆษณา คนก็จะตามติดเพจคุณอย่างเหนียวแน่น
ถ้าอยากให้คนเห็นมากขึ้น ก็ใช้การทำโฆษณาเป็นเครื่องทุ่นแรง ประหยัดเวลา
และเครื่องมือของเฟสบุ๊ค คนใช้กันแพร่หลาย ดังนั้นจึงมีแหล่งข้อมูลให้ศึกษาเยอะ
ไม่ต้องห่วง
2.Line OA
เมื่อเรามีลูกค้า มาแล้ว การเก็บลูกค้าเดิม เอาไว้ในมือ เป็นเรื่องที่หลายคนมักลืม
เครื่องมือทุ่นแรง ที่ใช้งานได้ดี ณ ตอนนี้ คือ LINE
เพราะคนไทยใช้ LINE ในการสื่อสาร จนเป็นเรื่องปกติแล้ว
แต่ถ้าจะทำธุรกิจจริงจัง ติดต่อคนเยอะๆ และ สื่อสารทีละมากๆ
แนะนำให้ใช้ LINE OA
ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเสียเงิน
เพราะคุณเปิดได้ฟรี และใช้งาน feature ต่างๆ ได้ฟรีแม้ยังไม่ได้จ่ายเงิน
สะสมคนไปเยอะๆ ในช่องทางนี้ พอถึงเวลาที่คุณอยากทำการตลาดกับคนติดตาม
ตอนนั้นค่อยไปเสียเงินค่าแพคเกจรายเดือน
3.youtube
อีกช่องทาง ที่ช่วยสร้างตัวตนให้กับเรา คือ Youtube
เพราะเวลาคนมีปัญหา มักจะเปิด Google หาทางออกก่อน
เนื่องจาก Youtube และ Google เป็นบริษัทเดียวกัน
ดังนั้น โอกาสที่ content จะได้พบเห็น จึงมากกว่า
แต่หมายถึงคุณต้องวิเคราะห์ แล้วทำการบ้านมาเป็นอย่างดี
ว่าลูกค้าของคุณมองหาอะไร ก่อนนำเอาสิ่งนั้นมาทำ Content เพื่อให้อยู่ภายในช่อง youtube ของเรา
บางครั้ง อาจจะให้คนที่เป็น Youtuber มาช่วยพูดแทนตัวคุณเองก็ได้
เวลาคนรู้จักแบรนด์ของคุณผ่านสื่ออื่นๆ แล้วเขามาค้นหาข้อมูลเพิ่มใน google และ youtube
จะสร้างความเชื่อถือให้กับแบรนด์อีกเยอะเลย
4.website
ถ้า Social Media อย่าง เฟสบุ๊ค คือบ้านเช่า ที่มีกฏระเบียบ
website ก็คือ บ้านหลังใหญ่ของคุณ
บ้านที่คุณดูแลความเรียบร้อยได้เอง
กฏระเบียบต่างๆ คุณเป็นผู้สร้างด้วยตัวเอง
เพียงแต่การทำเว็บนั้น ต้องวางแผน และใช้เวลาพอสมควร กว่าจะทำให้มีประสิทธิภาพ
การมีเว็บไซต์ ทำให้คนรู้ว่า คุณมีตัวตน และ ติดต่อมาหาคุณได้อย่างไร
และหากคุณใช้งานเว็บไซต์ร่วมกับการทำ โฆษณาในเฟสบุ๊ค
มีการเก็บสถิติ จะทำให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของเราได้ดีขึ้น
คนชอบสินค้าตัวไหนมากที่สุด
คนใช้เวลากับเราในหน้าเว็บไหนมากที่สุด
เป็นใคร เพศอะไร วัยไหน มาจากพื้นที่ใด
สถิติเหล่านี้จะช่วยคุณวางแผนทำการตลาด และ ธุรกิจได้ดี
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เรื่องต้องสังเกต เซลเพจ กับ เว็บไซต์ เลือกใช้อะไร มาโฆษณาดี
4 เรื่องต้องสังเกต
เซลเพจ กับ เว็บไซต์
เลือกใช้อะไร มาโฆษณาดี
สำหรับคนที่ลงโฆษณาในเฟสบุ๊คมาสักพัก
อาจจะกำลังจดๆจ้องๆ ที่จะใช้วัตถุประสงค์ คอนเวอร์ชั่น (Conversion) หรือ การเยี่ยมชม (Traffic)
แต่สิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มก็คือ
มันต้องมีหน้ารวมข้อมูล สินค้า หรือบริการ
หรือแม้กระทั่ง โฆษณาใน TikTok เอง
ก็จำเป็นต้องใช้หน้ารวมข้อมูลแบบนี้เช่นกัน!
บางคนก็ให้วิ่งไปเว็บไซต์ บางคนก็ให้วิ่งเข้า salepage
แล้วจะเลือกอะไรดีล่ะ
ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจดี เพราะจากประสบการณ์ที่ได้ใช้ ทั้งเว็บไซต์ และ salepage
จึงอยากแชร์เรื่องนี้ ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ ใน
“4 เรื่องต้องสังเกต
เซลเพจ กับ เว็บไซต์
เลือกใช้อะไร มาโฆษณาดี”
1.การใช้งาน
ตั้งแต่ที่เข้ามาทำงานในโลกออนไลน์ สิ่งแรกที่ผมได้เจอ ตั้งแต่ 20 ปีก่อน ก็คือเว็บไซต์
หลายครั้งที่มีคนบอกว่า เว็บจะตาย
แต่สุดท้าย มันไม่เคยตาย เพียงแต่คนมีทางเลือกอื่นๆ ให้ใช้มากกว่าเดิม เท่านั้นเอง
ถ้าเราเข้าเว็บไซต์ สิ่งที่ตามมา ก็คือ เมนูไปยังหน้าต่างๆ หน้าอื่นๆ
ถ้าจะซื้อของผ่านเว็บไซต์ ในรูปแบบที่รู้จักกัน ก็ต้องสมัคร สมาชิก / เข้าไปเลือกสินค้า
เข้าไปกดลงตะกร้าสินค้า / แล้วใส่ข้อมูล / แล้วก็จ่ายเงิน / ก่อนจะได้คำสั่งซื้อ แล้วรอรับของ
ขั้นตอนเหล่านี้ หากเป็นคนรุ่นใหม่ คงไม่ใช่เรื่องลำบาก
แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ ที่เพิ่งใช้งาน หากต้องทำเรื่องพวกนี้ อาจจะใช้เวลามาก จนไม่อยากสั่ง
ดังนั้นเพื่อลดเวลาการทำงาน Salepage จึงได้กำเนิดมา เพื่อลดความยุ่งยากเหล่านี้ไป
เพราะเปิดมาปุ๊บ ก็จะเห็นสินค้า ทันที มีคำบรรยาย มีรีวิว มีข้อเสนอ แล้ว จะมีปุ่มไม่กี่แบบ นั่นคือ
สั่งซื้อ หรือ ติดต่อไลน์ ให้เบอร์โทรได้เลย
อะไรก็ได้ ขอให้ง่ายที่สุด
เพราะหน้าที่ของมันคือ การขาย
ถ้าจุดประสงค์ของคุณคือการขาย อย่างเดียว เลือกใช้ salepage
2.ความชำนาญในการใช้เครื่องมือ
ถ้าเราจะสร้างเว็บขึ้นมาด้วยตัวเอง สิ่งที่ต้องเข้าใจ เบื้องต้นคือ
การจด Domain / การเลือก hosting / การทำเว็บ ง่ายสุดคือ wordpress / การเขียนให้ถูกหลัก SEO เพื่อติดอันดับ Google / การปรับปรุงให้แสดงผลเร็ว / การใช้ภาพที่คุณภาพคมชัด แต่ยังแสดงผลเร็ว
แค่เบื้องต้น ก็เยอะแล้ว ยังไม่นับรวมถึงรายละเอียดปลีกย่อย ถ้าจะทำเว็บขายของนะครับ
หากคุณมีทีมงานมากพอ และ มีเป้าหมายระยะยาว การเลือกทำเว็บ เป็นสิ่งที่สมควรลงทุนครับ
แต่หากยังเป็นจุดเริ่มต้น
การเลือกใช้ salepage อาจจะง่ายกว่า
เพราะเครื่องมือใช้งานนั้น สะดวกกว่า
ขอแค่เตรียมข้อมูล ภาพ video ให้พร้อม ก็สามารถเริ่มต้นทำ salepage ออกมาได้แล้ว
โดยไม่ต้องไปเรียนเขียนโค้ดใดๆ เลย
3.ระยะเวลาในการทำ
ถ้าจะทำเว็บไซต์ขึ้นมา เวลาที่คุณจะหมดไป ก็คือ
การคิด concept การออกแบบ การวางโครงสร้างให้ดี
ถ้าคุณมีทีมเยอะ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ก็สามารถ ลงมือทำได้เลยครับ
เพราะในระยะยาว ผมก็มองว่าเว็บไซต์ยังมีความน่าเชื่อถือสูง
แต่ถ้าเริ่มต้น
การทำ salepage ขึ้นมาขายของ หรือ บริการสัก 1 หน้า ถือว่าเร็วมาก
ขนาดผมทำ worpdress เป็น ก็ยังเลือกใช้ salepage ในการทำครับ
เพราะใช้เวลาแค่ 20-30 นาที ก็ได้หน้า salepage ที่พร้อมขายของแล้ว
(รวมติดตั้ง code ต่างๆ อย่าง pixels ทั้งฝั่ง เฟสบุ๊ค และ TikTok /google analytics แล้ว)
4.เงินลงทุน
ถ้าคุณเป็นสายพัฒนา มีความชำนาญในการทำเว็บ มีเวลามากพอ
การทำเอง ถือว่าประหยัด มากครับ เพราะสมัยนี้ hosting ที่ดี ราคาถูกลงมามากแล้ว
การจด domain ไม่แพง
ถ้าคุณไม่ถนัดเรื่องเหล่านี้
การใช้ salepage จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่แล้วครับ
ค่าบริการ มากน้อยขึ้นกับสิ่งที่คุณจะได้
แต่จะเลือกใช้ของเจ้าไหน ให้ดูลูกค้าที่ใช้บริการของเจ้านั้นๆ มาก่อนครับ
ดูว่าคุณชอบมั้ย หรือ หากเป็นไปได้ มีให้ทดลองใช้ก่อน 7-14 วันก็น่าจะดี
ถ้าชอบก็ซื้อใช้ต่อไป
มองเป็นการลงทุนครับ ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย
เพราะถ้าทำดีๆ กำไรจากการขาย ก็เอามาจ่ายค่าบริการเหล่านี้ได้หมดครับ
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
สูตรลับเรียกลูกค้า แม้ว่า ไม่ได้ยิงแอด! รู้แล้วเอาไปทำตามได้เลย!
สูตรลับเรียกลูกค้า แม้ว่า ไม่ได้ยิงแอด!
รู้แล้วเอาไปทำตามได้เลย!
เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เหนือยิงแอด คือ ไม่ต้องยิงแอด
ฟังแล้วก็เหมือนโม้นะครับ
แต่ก็เป็นความจริงไปแล้ว!!
สูตรลับนี้ ผมใช้มาแล้ว กับหลายธุรกิจ
ซึ่งได้ผลดี มีลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา แม้ว่า ไม่ได้ยิงแอด ทำโฆษณาเลยก็ตาม
- คนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
- คนตัดสินใจซื้อได้เร็วกว่ายิงแอด
อยากรู้หรือยังครับ
ถ้าอยากรู้แล้วตามมาได้เลย
ในบทความนี้!!
“สูตรลับเรียกลูกค้า แม้ว่า ไม่ได้ยิงแอด!
รู้แล้วเอาไปทำตามได้เลย!”
ก่อนที่จะเข้าไปอ่านบทความนี้
- ถ้าใครทำธุรกิจแบบมีหน้าร้าน ร้านอาหาร คาเฟ่ งานบริการ เทคนิคนี้ จะช่วยให้คุณมียอดขายเห็นผลมากขึ้นครับ
- ถ้าใครทำธุรกิจ ที่เป็นสินค้า เป็นชิ้นๆ เทคนิคนี้ อาจจะให้ผลช้า แนะนำให้ใช้เป็นเทคนิคเสริมครับ
ไม่ให้เสียเวลา ก็มาเลยครับ
1.สร้างธุรกิจบนแผนที่ Google
สูตรลับของเรา ครั้งนี้ มาจากแนวคิดของลูกค้า หรือ คนที่กำลังแก้ปัญหา
ส่วนใหญ่เขาจะใช้ Google ในการตอบคำถามให้ตัวเอง
ถ้าเราติดอันดับการค้นหาในลำดับต้นๆ โอกาส
ก็จะมากกว่าใช่มั้ยครับ
บางคนเพื่อความเร็ว ก็ไปซื้อโฆษณา Google ให้ติดเร็วๆ แบบนั้นก็ดี
บางคนทำ content ลงในเว็บ แบบนี้ มั่นคง แต่ช้าหน่อย
แต่สำหรับสูตรนี้ แนะนำให้ทำข้อมูลของคุณลง ใน แผนที่ Google Maps ครับ
ซึ่งทำได้เร็ว และ ติดง่ายมาก!!
ลงข้อมูลอย่างเดียว ไม่พอ จะต้องทำการยืนยันธุรกิจด้วยการทำ Google Mybusiness ครับ
เพราะหากคุณยืนยันแล้ว เราจะสามารถ ไปสู่ขั้นตอนต่อไป ของการทำสูตรลับนี้ได้
จากประสบการณ์ การทำ Google Mybuisness
แนะนำให้สร้าง ธุรกิจบนแผนที่ แล้วค่อยไปยืนยัน ใน Google My Business นะครับ
เพื่อให้ลูกค้าเห็นธุรกิจของเราในแผนที่เสียก่อน
ขั้นตอน การยืนยันธุรกิจ ใช้เวลาพอสมควรนะครับ
เพราะทาง Google จะส่งรหัสไปรษณีย์จากอเมริกา มาให้เรา
แต่บางคน ก็สามารถยืนยันได้เลย จากเบอร์โทรศัพท์ ถ้าแบบนี้ ก็ง่ายเลยครับ
2.การตั้งชื่อ ธุรกิจด้วย คำค้นหา และ ชื่อแบรนด์
เมื่อเราทำการยืนยันธุรกิจใน Google Business
ความสามารถในการ จัดการข้อมูลจะเพิ่มมากขึ้น
สิ่งแรกที่ควรปรับก็คือ ชื่อ Business นั่นเอง
ชื่อที่ดีนั้น ควรมาจาก “คำค้นหา” ยอดนิยมเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ
คำที่ดี ควรเจาะจง ถึงประเภทกิจการ หรือ บริการที่เขากำลังหา
หากเป็นอู่รถยนต์ คำค้นหาคือ “ซ่อมรถ” “อู่รถ”
หากเป็นร้านอาหาร คำค้นหาคือ “ร้านก๋วยเตี๋ยว” “ร้านกาแฟ”
อาจจะมี ชื่อสถานที่ ทำให้คนตัดสินใจง่ายขึ้น ในการไปใช้บริการ
หลังจากนั้น เสริมไปด้วยชื่อแบรนด์ของคุณเช่น
“ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ นายแดง โชคชัยสี่”
คนมองหาก๋วยเตี๋ยวเนื้อ แถว โชคชัยสี่ ก็มีโอกาสเจอเราได้มากขึ้น
3.การอัพเดทข้อมูล ให้ครบถ้วน
เมื่อเรามีข้อมูลใน Google Business แล้ว ต้องปรับปรุงข้อมูลให้ครบถ้วน
เพราะข้อมูลที่ละเอียด จะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ตัดสินใจ หรือ เดินทางมาใช้บริการเราได้ง่ายขึ้น
เช่น เวลาเปิดปิด / บริการของเราที่มีอยู่ / พิกัดของของสถานประกอบการ / ข้อมูลการเดินทางไป
สำคัญที่สุด คือ เบอร์โทรติดต่อ ควรง่าย
มีเว็บไซต์ต้อง ใส่ url ให้ถูกต้องชัดเจน
4.การโพสต์อย่างสม่ำเสมอ
เมื่ออัพเดทข้อมูลต่างๆ ภายใน Google Business ไปหมดแล้ว
หน้าที่ต่อไป ก็คือ การโพสต์อย่างสม่ำเสมอ
เพราะคนมักตัดสินว่าธุรกิจนั้น ยังเปิดอยู่ปกติ จากการ update เสมอ
ถ้าทำ Google Business แล้วให้คนมาอ่าน มา search อย่างเดียว
หากคุณเป็นร้านดังๆ ที่ไม่แคร์ใคร ก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอยากให้แบรนด์ของเรา เป็นที่จดจำ และสดใหม่เสมอ
การโพสต์ ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ลูกค้าใหม่ ตัดสินใจมาใช้บริการที่ร้านของเราได้ง่ายขึ้น
สรุป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์ ให้ทำแบบนี้
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์
ให้ทำแบบนี้
1 คำถามที่มักเจอเสมอก็คือ
ขายอะไรดีในออนไลน์
.
อาจจะมีหลายคำตอบ หลายแบบที่คุณเจอ
บางครั้ง อาจจะเป็นเรื่องของสินค้าขายดี ยอดนิยม แดงเดือด ก็ไม่ผิด
บางครั้ง อาจจะเป็นสินค้าที่ยังไม่มีคนขายเลย แล้วมีความต้องการสูง ก็ไม่ผิดครับ
.
ผมเลยอยากแชร์ อีกแนวคิดหนึ่ง
เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้กันครับ
(ได้แนวคิดการจากอ่าน การเรียนรู้ และ ลองทำจริง
เลยอยากให้ลองนำไปทำกันดูครับ)
.
แนวคิดนี้ ให้มอง ที่ปัญหา ของคนแทนก่อนนะครับ
.
นั่นคือ ให้ดูจากสิ่งที่เราชอบ เราถนัด
และเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้คนอื่นๆ ได้
.
ถ้าเราเริ่มจากตรงนี้ เราจะคิดต่อได้
เช่น คนเราอยากน้ำหนักตัวลดลง ทำยังไงได้บ้าง
- ออกไปวิ่งมาราธอน
- ออกไปฟิตเนส
- กระโดดเชือก
- กินอาหารคลีน
- กินผลิตภัณฑ์…
- ดูดไขมัน
- ผ่าตัดกระเพาะ
- เข้าคอร์ส กินอาหารแบบสุขภาพดี
เห็นมั้ยครับ ทางเลือกมีมากมาย
ถ้าคิดเรื่องสินค้า บางครั้ง เราอาจจะตัน
แต่ถ้าเริ่มจากปัญหา ทางแก้ไขมันเยอะ
แล้วทางเลือก จะมีมากขึ้นกว่าเดิม
ทางไหนที่เราชอบ หรือ แฮปปี้ จะเดินไป
มันจะทำให้เราอิน และ หลงรักกับการแก้ปัญหานั้น
พอเราหลงรัก และ ชอบวิธีการแก้ปัญหา
เวลามีใครมาขอความช่วยเหลือ หรือ ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
วิธีการพูดของเรา มันจะคล่องแคล่ว ตอบได้ทั้งวัน เป็นฉากๆ
มีความน่าเชื่อถือ
ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ สินค้า หรือบริการจากคุณได้
ดีกว่าเดิมมั้ยครับ แนวคิดนี้?
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เทคนิค ตั้งราคายังไง ให้คนควักตังค์จ่ายเร็วๆ
4 เทคนิค ตั้งราคายังไง ให้คนควักตังค์จ่ายเร็วๆ
การทำการตลาดออนไลน์
นอกจากจะ ทำ content / สินค้าดี
ราคาของสินค้า ก็เป็นอีก 1 ปัจจัย
ที่ทำให้ลูกค้า ตัดสินใจได้เร็วขึ้น หรือ ช้าลง
หรือไม่ซื้อเลย
วันนี้ ขอมาแชร์ แนวคิดการตั้งราคา
จากประสบการณ์จริง
เพื่อให้ทุกคนได้ลองไปใช้กันครับ..
(จริงๆ มีมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ เอาเท่านี้ก่อน 😉
1.ลงท้ายด้วยเลข 9
ราคายอดนิยม มหาชน มันมีที่มา
แม้จะดูตลก ว่าทำไม ลดแค่ 1 บาท ก็ขายกันได้แล้ว
แต่ 1 บาทนี่แหละ ที่ทำให้คนรู้สึกว่า มันถูก
เช่น 200 บาท เหลือ 199
ตัวเลขข้างหน้า ที่เป็นเลขหนึ่ง มันดูเย้ายวนใจจริงๆ 100 กว่าๆ นี่เอง
ซื้อเลย
2.ขายเป็น set แล้วทำให้ดูว่าซื้อเยอะคุ้มกว่า
ถ้าสินค้าของคุณ ราคาไม่เยอะมาก บางครั้ง การลองเสนอขายเป็น set
นอกจากจะทำให้เราคุ้มค่าแอดมากขึ้น
บางครั้งก็ทำให้ลูกค้า รู้สึกว่า คุ้มค่ากว่า ยกตัวอย่างเช่น
ซื้อ 1 ชิ้น ราคา 490
ซื้อ 2 ชิ้น ราคา 900
อาจจะกำไรน้อยลง แต่ขายได้มากขึ้นในครั้งเดียว
ต้นทุนยิงแอด ถือว่าคุ้มค่าครับ
ปล. ผมเคยใช้ประโยคชวนซื้อง่ายๆ ว่า
“ส่วนใหญ่ คนซื้อไปกินกัน 4 ชิ้น”
แล้วลูกค้า ก็จะลองซื้อ 4 ชิ้นเหมือนกัน
ตามประโยคที่เรากล่าว
แต่ควรเป็นจำนวนที่ไม่มากไม่น้อยเกินไปนะครับ
3.ตั้งราคา ที่ทำให้รู้สึกว่า มีหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่า
ถ้าเราเคยไปโรงหนัง แล้ว ซื้อ Popcorn กิน
จะเห็นว่า ราคาแพคเล็กสุด มันดูเล็กจัง ไม่ค่อยคุ้ม / ขนาดกลาง ก็กลางๆดี ดูคุ้ม / แต่ขนาดใหญ่สุดนี่ ดูแพงไปหน่อย กลัวกินไม่หมด
เราเลยตัดสินใจ ซื้อขนาดกลาง เพราะดูแล้วว่ามันดูคุ้มดี
ลองคิดกลับกันนะครับ
ถ้ามี popcorn แค่ไซส์เดียว
โอกาสการขาย ก็จะเหลือแค่ ซื้อ หรือ ไม่ซื้อ
แต่ถ้าเรามี ตัวเลือกแบบนี้ ยังไง ก็ขายได้ จะใหญ่ กลางเล็ก ก็ถือว่าขายได้
และถ้าวางราคากลาง ให้เหมาะสม
นี่คือ ราคาสินค้าที่เราจะขายได้บ่อยที่สุดล่ะครับ
4.รวมค่าส่งไปเลย
ถ้าขายของออนไลน์
ตอนนี้ ฟังจากหลายเสียงของ หลายประสบการณ์ ของคนที่ขายของด้วยกัน
พบว่า
ถ้ารวมค่าส่งไปกับสินค้าเลย
จะทำให้คนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เวลาซื้อของ
เพราะรู้สึกว่า ไม่มีค่าส่งนินา
รู้สึกคุ้มเลย
แต่ถ้าแยกค่าส่ง ออกมา
บางครั้ง จะมีคำถามประเภทที่ว่า ทำไมต้องมีค่าส่งคะ?
หรือบางครั้ง มาเร็วๆ ก็ให้รวมราคาส่งไปเลย
จะได้ไม่ต้องคิดเยอะ
หากเป็นไปได้ ถ้านำเสนอราคาในครั้งต่อไป
ถ้ารวมค่าส่งแล้ว คุ้มค่า ได้กำไร ก็รวมไปเลยนะครับ
ลูกค้าจะได้ไม่ต้องคิดเยอะ
สั่งเลย
เสริม
หากสินค้าเราสามารถ ทำให้เก็บเงินปลายทางได้ โอกาสการขายจะง่ายมากขึ้น
ไม่ใช่ ว่า ลูกค้าโอนเงินไม่เป็นนะ
แต่ถ้าซื้อของครั้งแรก ความน่าเชื่อถือ ของเราในสายตาลูกค้า
จะยังต่ำเสมอ
ถ้าโอนเงิน แล้วไม่ได้ของ จะเรียกร้องจากใคร
อันนี้ล่ะครับ คือ ปัจจัยสำคัญ ที่อยากให้คิด สำหรับการซื้อขายของคนไทย
แต่การเก็บปลายทาง ก็จะมีค่าธรรมเนียม จากค่าสินค้าด้วย
ดังนั้น คำนวณให้ดีๆ ด้วยนะครับ
สรุป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
สิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์ 90% ลืมทำ ทั้งๆ ที่ช่วยลดค่าแอดไปได้เยอะมาก!
สิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์ 90% ลืมทำ
ทั้งๆ ที่ช่วยลดค่าแอดไปได้เยอะมาก!
ทุกวันนี้ เวลาใครจะทำออนไลน์
ขายของ หรือ ขายบริการ
ก็จะนึกถึงการทำโฆษณาไว้ก่อน ทั้งยิงแอดเฟสบุ๊ค หรือ จะยิงแอด google
ไม่ใช่เรื่องผิดเลยครับ
ดีมากๆ ที่เราทำการตลาดหาคนใหม่ เพื่อให้รู้จักสินค้าของเรา
แต่สิ่งที่ผิดพลาดไป และไม่ค่อยมีใครมาบอกให้ทำ
ทั้งๆ ที่มันช่วยให้เราลดค่าแอดไปได้เยอะมาก
อยากรู้ว่าคืออะไร
มาอ่านต่อกันเลยครับในบทความนี้
“สิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์ 90% ลืมทำ
ทั้งๆ ที่ช่วยลดค่าแอดไปได้เยอะมาก!”
นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยครับ
แต่เป็นเรื่องที่เรานึกไม่ถึง
โดยเฉพาะคนที่ลงมาทำการตลาดออนไลน์ ในช่วงแรกๆ
ผมเองก็ยอมรับครับ ว่าเป็นมาก่อน
นั่นคือการทำโฆษณา หาลูกค้าใหม่ตลอดเวลา
โดยไม่ได้สนใจลูกค้าเก่า หรือ ฐานแฟนเลย!!
ถ้าคุณกำลังเป็นแบบนี้ ไม่ต้องกังวลครับ
ใครๆ ก็เป็นกัน
ผมเลยอยากให้ทุกคน ปรับวิธีคิดเล็กน้อย เพื่อทำให้ธุรกิจของคุณไปได้ไกลมากกว่าเดิม
นั่นคือ การเก็บรายชื่อลูกค้าครับ
รายชื่อลูกค้า สำคัญอย่างไร?
1.ไม่ต้องปวดหัวเวลา เฟสบุ๊ค เปลี่ยนอัลกอริทึม
ตั้งแต่ยิงแอดมา เราเจอ ความเปลี่ยนแปลงของ เฟสบุ๊ค และ google ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
และทุกครั้งที่ปรับ ค่าโฆษณามักแพงขึ้นเสมอ และจะแพงไปเรื่อยๆ
ถ้าคุณไม่เคยสร้างฐานข้อมูลลูกค้าเก่า
คุณจะหาลูกค้าใหม่แพงขึ้นกว่าเดิม ตลอดเวลา ไปเรื่อยๆ
2.ลูกค้าเก่าซื้อง่ายกว่าลูกค้าใหม่
ลูกค้าเก่า ที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการของเราแล้ว
ถ้าสินค้าของเราดี เขาจะกลับมาซื้อกับเราตลอด จนกว่าเขาคิดว่า อิ่มตัวแล้ว พอแล้ว จนหยุดไปเอง
จะเปิดการขายด้วยสินค้าใหม่ ก็ง่ายกว่า เพราะเขามั่นใจ และชอบสินค้าของเราแล้ว
ดังนั้น เมื่อมีของชิ้นใหม่มา ก็มั่นใจว่า ไม่ผิดหวัง
3.รายได้ของธุรกิจมาจากการซื้อซ้ำ
การกลับมาซื้อซ้ำ ของลูกค้าเก่านั้น ทำให้เราไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลย
เขาประทับใจ ชอบใจ ก็มาซื้อตลอด
ดังนั้น ให้รักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ เพราะต้นทุนทำการตลาดกับลูกค้าเก่านั้นประหยัดกว่าการหาคนใหม่มาก
แล้วจะเก็บฐานข้อมูลยังไงดี?
ถ้าเป็นสมัยก่อน เราจะจดไว้ในสมุด กันใช่มั้ย?
หรือ ดีขึ้นมาหน่อย ก็เป็น excel file เพื่อนำมาประมวลผลได้
ดีขึ้นมาอีกนิด ก็คือ google sheets เพราะเปิดที่ไหนก็ได้
แต่ถ้าต้องการบริหารให้เป็นระบบ ลองไปเลือกใช้ บริการที่เราสามารถบริหารข้อมูลลูกค้าได้
มีหลายเจ้าเลยครับ ถ้าเห็นชัดๆ ก็มี xcommerce ที่น่าสนใจ ใช้งานไม่ยาก (มีค่าบริการรายเดือน)
หรือเอาง่ายๆ อย่าง myshop ระบบหน้าร้านออนไลน์ ที่ใช้ร่วมกับ LINE OA ก็มีฟีเจอร์ ดึงข้อมูล เบอร์โทร ลูกค้าที่เคยซื้อของกับเรา
ออกมาได้ด้วย (ได้ออกมาเป็น file excel)
และฐานแฟนที่อยู่ใน inbox เฟสบุ๊ค / LINE OA อันนี้ก็สำคัญเช่นกัน
เวลาเราต้องการนำเสนออะไรใหม่ๆ ให้กับเขา ก็สามารถ ทำได้เลย (ตามกฏเกณฑ์ ที่เขาวางเอาไว้)
สรุป
สิ่งที่หลายคน ลืมทำ นั่นคือ การเก็บฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อนำไปสร้างการซื้อซ้ำ อยู่ตลอดเวลา
ถ้ามีแนวคิดแบบนี้เกิดขึ้น และไม่ลืมทำ
มันจะช่วยลดค่าโฆษณาของเราลงไปมาก!!
ไม่ต้องกระหน่ำยิงแอดแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป!!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook