เจอวิกฤติ ให้ ทำออนไลน์ เพราะนี่คือทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก
เจอวิกฤติ ให้ ทำออนไลน์
เพราะนี่คือทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก
เพราะคนสมัยนี้ เขารู้แล้วว่า ออนไลน์ คือ ทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก
เพราะ ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
เทคโนโลยี เป็นตัวเร่งที่ทำให้ เราใช้ platform ต่างๆ ทำให้ชีวิตเราสบายขึ้น
แต่วิกฤติไวรัส กลายเป็นตัวเร่งทำให้ ทุกอย่างมันเร็วขึ้นมากกว่าเดิม
- ทุกคนเห็นความสำคัญของออนไลน์ แบบไม่ต้องมาบังคับกันแล้ว
- คนตกงานมากขึ้น แต่ ความต้องการคนวิ่งของ Delivery สูงขึ้นเป็นหลักหมื่น
- ถนนหนทาง รถราน้อยลง แต่การขนส่ง logistic ทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม
- ร้านอาหารที่ไม่มี Delivery ต้องปิดตัวไป แต่ร้านที่มี Delivery รับออเดอร์หนักกว่าปกติ
- โรงเรียน สถาบัน การสอน ถูกปิด ครูอาจารย์ ต้องหันมาสอนผ่าน live หรือทำคอร์สออนไลน์
- ฟิตเนส โยคะ ต้องปิดทำการ ทางออกคือ การไลฟ์ให้สมาชิกออกมาออกกำลังที่บ้าน
ใครที่ทำออนไลน์ไปแล้ว ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ
ใครที่ยังไม่ได้ทำออนไลน์
ไม่อยากบอกว่าสาย ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้เสมอ
แต่อาจจะต้องใส่ความเร็ว ใส่พลังมากกว่าคนที่เคยทำมาก่อนหน้า
platform ไหน ที่ยังไม่ได้ทำ ให้ไปศึกษาก่อนเลย
ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
ผมขอแนะนำ ดังนี้ครับ
- เฟสบุ๊ค : ง่ายที่สุด สำหรับคนเริ่มต้น มีให้เลือกใช้ทั้งเฟสบุ๊คส่วนตัว ถ้าเรามีเพื่อนเยอะ จะโพสต์ขายของ ก็ยังมีคนสนใจเลย (ถ้าสินค้านั้น เขาต้องการจริงๆ) / เฟสบุ๊คกรุ๊ป ที่รวมกลุ่มคนที่มีความสนใจเหมือนกัน / marketplace ที่ให้เราเปิดขายของได้ง่ายๆ / fanpage ที่สามารถต่อยอด ทำธุรกิจได้ และสามารถจะใช้เงิน ทำการโฆณาได้
- LINE OA : เหมาะกับการแชท และ ปิดการขาย เพราะคนไทยชอบใช้แชท ที่สำคัญ ตอนนี้มีระบบ e-commerce ให้ใช้งานฟรีๆ เรียกว่า LINE MY SHOP
- instagram : เหมาะกับกิจการ ธุรกิจความสวยความงาม และที่สำคัญ คนใช้งาน instagram มักจะมีทั้งไลฟ์สไตล์ และ ไลฟ์สตางค์ (เงิน)
- twitter : เหมาะกับการ หาเทรนด์ กระแสสังคมที่รวดเร็ว เอาไว้ตามข่าว และสร้างกระแสรีวิว ซึ่งเคยมียาสีฟันบางยี่ห้อ ได้รับกระแสรีวิวที่ดีผ่าน twitter จนของหมดสต๊อกอย่างรวดเร็ว
- website : นี่คือ platform คลาสสิกสุดๆ ที่ไม่เคยตาย แม้คนจะบอกว่าเว็บตายไปนานแล้ว แต่ทุกวันนี้ เราก็ยังใช้งานกันทุกวัน แบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เหมาะกับกิจการ ที่ต้องการสร้างแบรนด์ สร้างความน่าเชื่อถือ รวมทั้ง
- youtube : นี่คือความบันเทิงที่คนไทยนิยมชมชอบ เพราะดูง่าย เพลิน ไม่ต้องคิดเยอะ บางคนอยากหารายได้ผ่าน youtube ก็สามารถทำได้ เรียกว่า youtuber หรือใครจะขายของ ก็สามารถทำรีวิว แล้วให้คนได้เห็น ถ้าสนใจก็กดลิงค์ไปซื้อต่อได้ / จึงเหมาะกับการสร้างแบรนด์ ให้คนรู้จัก เชื่อถือ
ได้เวลาแล้วครับ
ที่จะตื่นมาทำ ออนไลน์
หยุดเศร้าซึม แล้วลุกมาสู้ด้วยออนไลน์!
ทำร้านอาหาร ให้อยู่รอด ด้วยออนไลน์ ในยุควิกฤติ ให้ทำแบบนี้
ทำร้านอาหาร ให้อยู่รอด ด้วยออนไลน์ ในยุควิกฤติ ให้ทำแบบนี้
นี่เป็นครั้งแรก
ที่ผมได้เจอกับเหตุการณ์ ที่บรรยายไม่ถูก
คุณ น่าจะรู้สึกเหมือนกันกับผม
เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยได้เจอมาก่อนในชีวิต
ใครเล่าจะคิดว่า ทุกคนต้องอยู่กับบ้าน
ใส่หน้ากากเข้าหากัน เหมือนหนังวิทยาศาสตร์
เราอยู่ในภาวะปิดเมือง
และต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวการณ์ใหม่ๆ ที่เข้ามา
ทุกธุรกิจต้องปรับตัว
โดยเฉพาะ ธุรกิจร้านอาหาร
คนมานั่งกินที่ร้านไม่ได้ แต่สั่งกลับบ้านได้
ยอดขายหดกว่าเดิมทันที
แต่อย่างไรก็ตาม คนขายอาหาร ยังมีทางรอด ในสถานการณ์แบบนี้ได้
หากเราใช้ แนวคิดทางการตลาด มาปรับใช้
ผมจึงอยากแชร์ สิ่งที่จะช่วยทำให้ คนทำร้านอาหารทั้งหลาย ได้ลองนำไปใช้กันครับ
ซึ่งเกิดจากการสังเกตุ หาข้อมูล และการลงมือทำ
ลองมาดูกันครับ
1. ทำโปรโมชั่น ขายคู่กัน แล้วลดราคา
สถานการณ์แบบนี้ คนจะเริ่มคิดเยอะขึ้นเกี่ยวกับการกิน การอยู่ ถ้าคุณยอมลดกำไรลง แต่ยังมีรายได้เข้ามา น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ดังนั้น หากลองทำโปรโมชั่นที่ ไม่เคยทำมาก่อน ลดราคา เพื่อช่วยกันในสถานการณ์แบบนี้ จึงดูเป็นทางออกที่ดี ในการสร้างยอดขาย ดีกว่าหยุด แล้วรายได้หดหาย!
2.ทำ Delivery
คนไทย กับ app สั่งอาหาร กลายเป็นเรื่องปกติ ไปแล้วในตอนนี้ ถ้าใครมีรายชื่อร้าน อยู่ใน app และคนใช้ประจำบ่อยๆ ก็ถือว่ามีโอกาส ได้รับยอดขายอยู่ตลอดเวลาครับ
แต่ถ้าคุณลองศึกษามาแล้ว แล้วเจอค่า GP ค่าส่วนแบ่งแพง จนรับไม่ได้ อันนี้ขึ้นกับการพิจารณาของเราแล้วครับ ว่าจะปรับอย่างไร
จะเลือกมีรายได้ เข้ามา หรือ ปิดเส้นทางรายได้ แล้วไม่มียอดขายเลย?
หรือถ้าคุณเป็นร้านในหมู่บ้าน อาจจะไม่ต้องไปใช้บริการ เหล่านี้ ก็ได้ พิมพ์โบรชัวร์ หรือ ไปถ่ายเอกสาร เขียนราคาข้าว แล้วเอาไปแจกให้กับคนในหมู่บ้าน ให้เขาได้โทร แล้วใช้มอเตอร์ไซค์ตัวเองไปส่ง เดินไปส่ง หรือ คุยกับพี่วินที่ อยากหารายได้เพิ่ม ก็เป็นไปได้นะครับ
3.ลองคิดทำประเภทอาหารแห้ง หรือ อาหารที่เก็บได้นาน
คนเราออกจากบ้านน้อยลง และ มีแนวโน้มทำอาหารกินเอง ดังนั้น อาหารที่เก็บไว้ได้นานๆ จึงมีความสำคัญมากขึ้น เบื่อๆ ก็เอามาทำกินเอง
หากร้านอาหาร สามารถผลิตอาหาร ที่เก็บไว้ได้นานๆ ออกมาขายได้ นี่คือโอกาสทำเงินของคุณแล้ว
เช่น แหนม กุนเชียง หมูกรอบ หมูหยอง หมูแผ่น กล้วยตาก กล้วยกวน
ลองพิจารณากันครับ
4.ผูกปิ่นโต ไว้ยาวๆ
อีกแนวคิด ที่หากลูกค้าของคุณ ชอบอาหารของคุณ กินอยู่เป็นประจำ ลองเสนอทางเลือก เป็นการผูกปิ่นโตเอาไว้ แล้วให้ส่วนลด แบบการสั่งระยาว
ถูกกว่าการกินเป็นครั้งๆ แต่ขอแลกเปลี่ยนกับการจ่ายเงินล่วงหน้ายาวๆ
5.โปรโมตโพสต์ ในเฟสบุ๊คง่ายๆ ให้คนในระยะใกล้ๆ เห็น
การใช้ social media ที่คนใช้เยอะที่สุด อย่างเฟสบุ๊ค คือทางออกที่ดี และง่าย สำหรับการประชาสัมพันธ์ร้านของเรา หากคุณคือเจ้าของร้าน การกดโปรโมทโฆษณา ให้คนที่อยู่รอบๆ ร้าน 5-10 กิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องยากนัก
เพียงแต่ content ที่ควรจะนำเสนอ ไม่ใช่โฆษณาโต้งๆ แต่มันควรเป็น video ที่เห็นแล้วเกิดอารมณ์อยากกิน เห็นแล้วหิว จนอยากสั่ง (เคยเขียนถึงหลายครั้งนะครับ ไปย้อนดูกันได้)
6.ให้ลูกค้าแอดไลน์ ไว้สั่งอาหาร
ทุกครั้ง ที่ลูกค้าติดต่อมาหาเรา จะโทรหา หรือจะทักเฟสบุ๊ค หรือ มาที่ร้าน คนเหล่านี้คือคนคุณภาพ ที่จะซื้อซ้ำเราได้ในอนาคต ดังนั้น ช่องทางติดต่อที่ง่ายที่สุด คือ ไลน์นั่นเอง
แต่ถ้าคุณทำธุรกิจ อย่าแอดไลน์ส่วนตัวนะครับ ให้ทำ LINE Official Account เพราะว่า เราสามารถ ยิงข้อความกลับไปหาคนเหล่านี้ได้เสมอ หรือ มีแอดมินร่วมมาช่วยตอบ ช่วยดูเวลาที่ลูกค้าทักมา รวมทั้ง วิธีการเชื่อม Delivery lineman เพื่อให้คนสามารถสั่งอาหาร ง่ายๆ ผ่าน LINE ของเรา (ผมจะสอนเทคนิค การเชื่อม LINE MAN กับ LINE Official account ในลำดับต่อไปครับ)
7.ไปขายในเฟสบุ๊คกลุ่ม หรือ LINE OPEN CHAT
อีกหนึ่งที่ ที่คุณสามารถไปโปรโมต ฝากร้านได้ ก็คือ กลุ่มร้านอาหาร ทั้งในเฟสบุ๊คกลุ่ม หรืออย่างในไลน์ ก็คือ พวก LINE OPEN CHAT ที่เราสามารถ เข้าไปร่วม join และโพสต์แนะนำ ร้านของเราได้
แต่ให้ศึกษากฏ กติกา มารยาทของแต่ละกลุ่มให้ดี เพราะว่า ถ้านำเสนอมากเกินไป คุณอาจจะโดนเด้งออกมาได้
ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของแนวคิด การปรับตัวของร้านอาหาร
ซึ่งหากใคร ทำร้านอาหารอยู่
แนะนำ ให้ทำครับ ดีกว่าปล่อยให้สถานการณ์มาครอบงำเรา
แล้วไปต่อไม่ได้
สู้ไปด้วยกันครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
ยกระดับ Up Skill ออนไลน์ ปรับตัวยังไงให้อยู่รอด ช่วงปิดเมือง
ในภาวะที่ทุกประเทศ ต้องปิดเมือง
นั่งทำงานที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อ
.
ทุกคนต้องใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม
หลายๆอาชีพ ไม่มีงานทันที ด้วยสิ่งที่ไม่คาดฝัน
แต่หลายๆคนยังอยู่ได้ ในวิกฤตินี้
เพราะมีวิถีทางบนโลกออนไลน์ รองรับอยู่
.
ทุกคนจึงหันหน้ามาทางออนไลน์
เพราะมันสามารถ ตอบโจทย์ได้
การสอน งานสอน ก็ผ่านระบออนไลน์
ซื้อของ ก็ผ่านออนไลน์
ซื้ออาหาร ก็ผ่านออนไลน์
ออกกำลังกาย ฟิตเนส ปิด ก็ดู live ผ่านออนไลน์
.
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดี ที่เราจะใช้เวลาที่ว่างมากขึ้นนี้ มาใช้ในการ Upgrade ตัวเอง
.
ผมเลยมองออกเป็นสองมุมครับ
มุมแรกคือ สำหรับมือใหม่ กับ มือเก่า
ดังนี้ครับ
.
Up skill สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยทำออนไลน์
1. มองให้ออก ว่าเรามีความถนัดเรื่องอะไร
ถ้าวันนี้ จะเริ่มต้นทำออนไลน์ อาจจะยังรู้สึกสับสน และพร้อมไปตามที่คนอื่นๆ บอกให้ทำ ไปขายอันนั้น อันนู้นสิ ดี รวย ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ชอบ
ถ้าแบบนี้ คุณจะทำได้แป๊บเดียว แล้วก็ หยุด แล้วก็เลิกทันที เพราะคุณไม่ชอบ ไม่ถนัด มันฝืน
ดังนั้นควรคิดให้ออกว่า เราชอบอะไร ทำอะไร
เราจะทำได้แบบ คล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ
เวลานำเสนออะไร หรือขายอะไรไปแล้ว คนจะเชื่อคุณเพราะความเป็นธรรมชาติของคุณ
2.มองให้ออกว่าใครมีปัญหาและต้องการการแก้ปัญหาจากเรา
มีคนจำนวนมากที่มีปัญหา และรอการแก้ปัญหาจากสิ่งที่เราถนัดเสมอ
แต่ต้องมองให้ออกว่า คนเหล่านั้นคือใคร อยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตอย่างไร
เพราะหากเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้
คุณจะสามารถ ถ่ายทอดสิ่งที่เขาต้องการ ได้อย่างแท้จริง
เพราะหากเข้าใจปัญหาของเขา
คุณจะถ่ายทอดในเรื่องที่เขาอยากรู้ ได้เสมอ
3.จะสื่อสารยังไง ให้คนเหล่านั้นรู้ว่าเราแก้ปัญหาให้เขาได้
หลังจากที่เรารู้ว่า เขาต้องการอะไร ขั้นตอนต่อไป คือการหาเครื่องมือสื่อสาร ไปยังกลุ่มคนเหล่านี้
เพราะคนแต่ละกลุ่ม ไม่ได้ใช้ facebook แค่อย่างเดียว
แต่เลือกใช้สื่อหลายแบบ
คนส่วนใหญ่ทั่วไป ยังใช้ facebook
ถ้าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น ตอนนี้จะใช้ twitter instagram เป็นหลัก
คนที่พยายามแก้ปัญหา จะดูผ่าน google youtube
ลูกค้าที่เคยซื้อของเราแล้ว มักจะกลับมาซื้อผ่านช่องทาง LINE OA
เครื่องมือสื่อสาร ที่เราเลือกใช้ ในโลกออนไลน์ มีมากกว่า facebook
เพียงแต่จะเลือกใช้ตอนไหน
Up skill สำหรับมือใหม่ที่ทำออนไลน์มาแล้ว
1. ทำความเข้าใจเรื่องของ funnel ให้แน่นขึ้น
สำหรับคนที่ทำออนไลน์มาแล้วระยะหนึ่ง อยากให้ทำความเข้าใจ เรื่องของ funnel มากขึ้น เพราะจะทำให้เรา เข้าใจเรื่องการขายมากขึ้น
คนไม่ตัดสินใจซื้อตั้งแต่ครั้งแรก
แต่ต้องผ่านขั้นตอนเปลี่ยน จากคนแปลกหน้า มาเป็นลูกค้า หรือสาวก อันนี้ เราเรียกกันว่า sale funnel
ซึ่งการเปลี่ยนแต่ละขั้นตอนนั้น จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป
ไปอ่านแบบละเอียดได้นะครับที่ >> https://www.digitalnook.co/590/
2.มาทำความเข้าใจการยิง ads ให้แน่นกว่าเดิม
สำหรับการยิงแอด ที่เข้าใจง่ายที่สุด ณ ตอนนี้ ก็ยังต้องยกให้ เฟสบุ๊คเสมอ
บางครั้ง เราอาจจะใจร้อน และรีบทำแอด ยิงแอด
จนไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะรีบขาย
.
ตอนนี้ มีเวลาแล้ว ลองย้อนกลับมาดู เกี่ยวกับโครงสร้าง
เกี่ยวกับพื้นฐาน ให้แน่นอีกครั้ง เพื่อให้รู้ถึงที่มา ที่ไป ของจุดประสงค์ต่างๆ
.
วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่เราไม่ค่อยได้ใช้ ก็ถึงเวลาแล้ว ที่จะลองใช้
เช่น
- reach ที่อาจจะละเลยไป ก็สามารถใช้ได้ เพื่อทำให้คนไม่ลืมเรา ในราคาที่ประหยัด
- conversion ถ้าไม่เคยทำ ก็ให้ไปลองทำ
- audience insight ตัวเช็ค interest ที่ดี ลองกลับมานั่งดู ว่าใช้งานยังไง
3. ทำหน้าบ้านดีแล้ว หลังบ้านต้องดีด้วย
บางคนที่ทำหน้าบ้าน ยิงแอด ได้ดีแล้วก็ควรจะมาใส่ใจ เรื่องของ ตัวเพจ ให้ดี
เพราะยิงแอดไป แล้วเข้ามาในเพจ ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเชื่อถือได้
- ขายอย่างเดียว ไม่ได้ให้ความรู้ ไม่ได้ให้คุณค่า
- ไม่มีตัวอย่าง ไม่มีรีวิว ที่สร้างความมั่นใจ
- ไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความ เชี่ยวชาญ ของเราในสายงาน
และนี่คือ แนวคิดหลักๆ ที่อยากให้ได้ลองปรับใช้กัน
ถ้าวันนี้ ยังไม่ได้ปรับปรุง ได้เวลาแล้วครับ ที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น
ไม่สายเกินไป สำหรับคำว่า การพัฒนาให้ตัวเองดีขึ้น
เป็นกำลังใจให้กัน ในวันที่ต้องอยู่บ้าน
ด่วน! เฟสบุ๊ค ลงดาบแบน โฆษณาทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับไวรัส โคโรน่า
ข่าวด่วน เฟสบุ๊คเตรียมลงดาบ แบนโฆษณาทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับไวรัส
ไม่ว่าจะเป็น ยาฆ่าเชื้อ เจล ชุดทดสอบต่างๆ เพื่อสกัดกั้นการโก่งราคาสินค้าเหล่านี้ ในเฟสบุ๊ค
จากประสบการณ์จริง ที่เจอมา ผ่านการบอกเล่า และ บางเคสที่ผมช่วยดูแลอยู่
มีการ Ban เกิดขึ้นจริง ตั้งแต่ระดับ ads account ลามไปจนถึง Business account
ที่ร้ายที่สุดคือ เฟสบุ๊คเพจ ปลิวไปเลย
ดังนั้น ใครที่กำลังทำธุรกิจเหล่านี้
จะต้องระวังให้มาก เกี่ยวกับการนำเสนอ
เพราะเฟสบุ๊คใช้ AI ในการตรวจจับ
ไม่ได้ใช้คนตรวจ ดังนั้น โอกาสเสี่ยง จึงมากขึ้นเป็นพิเศษ
ที่สำคัญ อย่าพยายามเลี่ยง แหกกฏเลยครับ
เพราะว่า ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ
ยิงแอดแล้วลูกค้าไม่ซื้อ เพราะแบบนี้หรือเปล่า?
ยิงแอดแล้วลูกค้าไม่ซื้อ เพราะแบบนี้หรือเปล่า?
ยิงแอดไปแล้ว คนไม่ซื้อเลย
ทำไงดีครับ
คำถามนี้คือ คำถามคลาสสิกมากครับ
ที่เจอมาตั้งแต่เริ่มเปิดเพจมา และคำถามนี้ ก็ยังมีเรื่อยๆ
วันนี้เลยอยากจะแชร์ แนวคิด
เพื่อลองเอาไปแก้ปัญหากันครับ
แนวคิดนี้ จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เราอาจจะลืมกันไปเท่านั้นเองครับ
บางคนจะเคยได้ยินคำว่า customer jouney
บางคนอาจจะได้ยินคำว่า sale funnel หรือ กรวยการขาย
บางคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า cold market warket และ hot market
เดี๋ยวเรามาทำความเข้าใจกันอีกครั้งนะครับ
แนวคิดนี้ ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ เลย
ก็คือ ทำยังไง ให้คนแปลกหน้า กลายมาเป็นสาวก นั่นเอง
การจะยิงแอดให้คนแปลกหน้ามาซื้อของตั้งแต่ครั้งแรก
ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขนาดเรา ยังต้องเห็น โฆษณาไม่รู้กี่ครั้ง กว่าจะตัดสินใจซื้อ
บทความนี้ จะทำให้เห็นว่า ลูกค้าแต่ละขั้นตอนนั้น
เป็นอย่างไร และเราจะเปลี่ยนพวกเขา ให้ไปสู่ขั้นกว่า ได้อย่างไร
มาดูกันครับ
คนแปลกหน้า
กลุ่มคนเหล่านี้ คือ คนที่ไม่รู้จักเรามาก่อนเลย ปกติ คนแปลกหน้า เราจะต้องใช้พละกำลัง ทุ่มเทมากๆเพื่อทำให้เขาสนใจ
สิ่งที่จะทำให้เขาสนใจเราได้นั่นคือ พูดในสิ่งที่เขาอยากฟัง สิ่งที่เขากำลังอยากแก้ปัญหา โดยใช้ ภาพสะดุดตา คำพูดสะดุดใจ นั่นเอง
ซึ่งขั้นตอนนี้ ถ้าเขาสนใจ ก็จะเปลี่ยนสถานะ จากคนไม่รู้จัก กลายเป็นคนที่สนใจเรา (แต่ยังไม่ซื้อของนะ)
คนที่สนใจ
คนที่สนใจเรา คือกลุ่มคน ที่เล็งๆ เอาไว้แล้วว่า อยากจะถามเรา มีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับสินค้า หรือบริการของเรา แต่อาจจะยังไม่ได้เกิดความรู้สึก ลึกซึ้งมากเท่าไร
สิ่งที่จะเปลี่ยนให้คนเหล่านี้ เปลี่ยนไปอีกขั้น ก็คือ การให้ข้อมูล การนำส่งเนื้อหาที่มีคุณค่า ที่ทำให้เขาเห็นว่าเราคือคนที่สามารถช่วยเขาได้ ในเรื่องที่เขาสนใจ เชี่ยวชาญพอ น่าเชื่อถือพอ
เมื่อถึงระดับหนึ่ง ที่เขาติดตามมานานมากพอ เขาจะเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าเราได้ต่อเมื่อ ได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ มากพอ เช่น ลดราคา โปรโมชั่น ส่งฟรี
ลูกค้า
เมื่อเขาได้กลายมาเป็นลูกค้าของเราแล้ว
นี่คือ กลุ่มคนที่เราจะต้องทำดี กับเขาให้นานที่สุด
เพราะหากดูแล ได้ดี ไปนานๆ กลุ่มคนเหล่านี้ จะทำให้เกิดการซื้อซ้ำมากที่สุด
และหากเราดูแลได้ดีมากพอ
กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ จะกลายมาเป็นสาวก ของเรา
สาวก
สาวก ก็คือ กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบ ชื่นชม และพร้อมบอกต่อให้คนอื่นๆ มาเป็นลูกค้าเราเพิ่มได้
กลุ่มคนเหล่านี้ เราควรมอบอะไรที่เหนือความคาดหมาย
บางครั้ง อาจจะให้ของเล็กๆน้อยๆ ที่เป็นคุณค่าทางใจ ไปได้
กลุ่มสาวก พร้อมให้ความร่วมมือกับเรา ง่ายที่สุด แม้จะเป็นกิจกรรม ที่ดูยากลำบาก แต่ก็พร้อมจะทำให้เราได้เสมอ ดังนั้น ควรดูแลพวกเขาเหล่านี้ให้ดี
สรุป
หวังว่า เมื่อทุกคนได้อ่านบทความนี้แล้ว
จะทำให้เข้าใจ แนวคิด ของลูกค้าทั้งสี่ขั้นตอน
เพื่อตอบปัญหา คลาสสิกว่า
“ยิงแอดแล้ว ลูกค้าไม่ซื้อ เพราะอะไร?”
ปรับตัวใช้ออนไลน์ เพิ่มยอดขายยังไง แบบเร่งรัด ในยุคไวรัสครองเมือง
ปรับตัวใช้ออนไลน์
เพิ่มยอดขายยังไง
แบบเร่งรัด ในยุคไวรัสครองเมือง
ใครจะไปนึกว่า วันหนึ่ง
หนังฮอลลีวู้ดที่ว่าด้วยเรื่อง ซอมบี้ ไวรัส
ที่เราดูกันอย่างตื่นเต้นในโรงหนัง
จะกลายเป็นเหตุการณ์จริงบนโลกเรา
และสร้างความวิตก วุ่นวายกันขึ้นมาขนาดนี้
เมื่อเกิดวิกฤติ ไวรัสขึ้นมาจริงๆ
คนเราก็ต้องปรับตัวกันมากขึ้น
เมื่อออฟไลน์ อย่างเดียวเอาไม่อยู่
คนเราเลยต้องหันมาใช้ออนไลน์ ในการดำรงชีวิตมากขึ้น
มากจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ตอนนี้ เมื่อหลายๆ อย่างมันเงียบ
การให้เวลาตัวเองได้ศึกษา หรือ ซุ่มซ้อมด้านออนไลน์
จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
แล้วเราควรรู้อะไรบ้างล่ะ เพื่อจะปรับใช้กันได้อย่างถูกทาง
บทความนี้ เขียนเอาไว้ เพื่อให้แนวทางสำหรับทุกคนที่กำลังมองหาเครื่องมือ
เพื่อปรับตัวให้เข้ากับโลกใบใหม่ ที่กำลังคอนเฟิร์มว่า ออนไลน์คือคำตอบ
1 เปิดเพจ
faccebook คือชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้ว การันตีได้จากจำนวนคนใช้งาน 45 ล้านบัญชี เราใช้เวลากับการดูชีวิตเพื่อน ดูคลิป ตามข่าว แชร์ content กันเป็นว่าเล่น
ดังนั้น เมื่อคนอยู่ตรงนี้เยอะ การสร้างช่องทางให้ตัวเองใน facebook ก็คือ การเปิดเพจ
ไม่ว่าจะขายของ สร้างตัวตน
การเปิดเพจคือช่องทางที่ง่ายที่สุด
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าการเปิดเพจ ก็คือ
เราจะนำเสนออะไร ในนั้น สิ่งนี้สำคัญกว่า
เพราะเปิดเพจ จะต่างจากเปิดเว็บไซต์
เว็บไซต์ทำมา ไม่ได้ update ยังพอเข้าใจได้ เพราะว่าเอาไว้สำหรับ ให้ข้อมูล หรือติดต่อ
แต่หากเปิดเพจมา แต่ไม่ได้ update เนื้อหา คนจะเข้าใจไปได้ทางเดียว ก็คือ
คุณไม่ทำธุรกิจนี้แล้ว
ดังนั้น สิ่งจำเป็นคือความขยันในการโพสต์ และต้องโพสต์ในสิ่งที่คนอยากอ่านด้วย
เราเรียกกันคำว่า การทำ content
แต่ content ที่ดีควรจะต้องขายตัวเราเองได้ด้วย ซึ่งต้องผสม เทคนิคทางการตลาดลงไปด้วย
สรุปง่ายๆ ก็คือ จะโพสต์อะไร คนต้องอ่าน และ ขายของได้ด้วย!
อันนี้ ยังไม่รวมถึงการทำโฆษณา facebook หรือที่เราเรียกกันว่ายิงแอดนะครับ 😉
อันนั้น ก็เป็นอีกศาสตร์ ที่ต้องทำความเข้าใจ!
2.ใช้ LINE Official Account
ไลน์ คือ เครื่องมือการสื่อสาร ของคนไทยตั้งแต่วัยรุ่น ยันวัยเกษียณ
มันกลายเป็นเรื่องปกติ ไปแล้ว เหมือนเราใช้โทรศัพท์มือถือ กันเป็นนิจสิน
ความน่าเชื่อถือ จึงสูงมาก
หลายคนบอกว่า ใช้ไลน์ขายของเหรอ เออ ไลน์ส่วนตัวก็พอแล้วมั้ง
ถ้าธุรกิจของคุณ ไม่ต้องใช้คนเยอะ หรือ ทำงานคนเดียว ได้ ไลน์ส่วนตัวก็น่าจะพอ
แต่ถ้า ธุรกิจของคุณ ติดต่อกับคนเยอะมาก
และ มีรายการธุรกรรมมากมาย ต้องใช้ แอดมิน หรือ ทีมงานมาช่วยตอบ
Line Official account คือคำตอบ (ขอเขียนสั้นๆ ว่า LINE OA)
เพราะ LINE OA ให้คนมาช่วยตอบได้
LINE OA สามารถยิงข้อความไปถึงคนเยอะๆได้ ภายในครั้งเดียว
LINE OA มีระบบคูปอง ระบบสะสมแต้ม
LINE OA สามารถเชื่อมกับระบบ LINE MY SHOP ระบบที่ทำให้คุณมีหน้าร้าน เหมือน shopee lazada ที่คุณเอาไว้ขายของเอง แต่เงินเข้ากระเป๋าทันที
นี่คือลูกเล่นบางส่วน ที่บอกเลยว่า น่าสนใจ
และเหมาะกับคนไทย ที่ชอบแชทก่อนซื้อ 😉
ปลคนทักผ่านไลน์ ส่วนใหญ่ความตั้งใจ ในการซื้อสูงกว่าทาง inbox facebook
3.ใช้ WordPress ทำเว็บ
สมัยก่อนจะมี social media
คนไทยคุ้นเคยกับการใช้เว็บ หากทำเว็บดีๆ ติดหน้าแรก Google คนก็จะตามมา ตลอด
เมื่อก่อนการทำเว็บ ดูเป็นเรื่องวุ่นวาย ใช้เงินเยอะ
วันนี้ ก็ยังเหมือนเดิม แต่งบประมาณ จะลดลงมา เพราะมีทางเลือกให้เรามากขึ้น
ตั้งเว็บสำเร็จรูป หรือ แม้กระทั่งจะทำเว็บเอง ก็มีเครื่องมือทรงพลังที่คนใช้กันอย่างแพร่หลาย
นั่นคือ WordPress
ทำไมต้องเลือกใช้ wordpress นั่นเป็นเพราะ
พอคนใช้เยอะ เวลามีปัญหา เราก็สามารถ หาทางออกได้เร็วกว่า
มีศาสตร์ มีคลิป สอนมากมาย ที่สามารถ search ได้
หรือจะ update ในระบบหลังบ้านสมัยนี้ ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่
เพราะหน้าตา เหมือนกับการใช้ Program word ธรรมดา นี่เอง
ที่สำคัญ WordPress สามารถเชื่อมต่อกับ Woo-commerce ระบบ shopping cart ที่มีให้ใช้งานได้ฟรี
ปลการใช้ wordpress อาจจะมีความจุกจิก เพราะเป็นเรื่องเชิงเทคนิค ถ้าไม่อยากเสียเวลา ให้จ้างคนทำแต่ถ้าเรามีเว็บ ข้อดีคือ เราจะใช้งานร่วมกับการยิงแอด facebook ได้ดียิ่งขึ้น เราเรียกว่า Converion ads (ฟังให้รู้ก่อนนะครับ หากสนใจ ค่อยศึกษากันแบบลึกๆ อีกที)
4. ใช้ Google My Business
แม้ว่าคนจะออกบ้าน น้อยลง
แต่พิกัดหมุด หรือ สถานที่ต่างๆ ก็ยังมีความสำคัญ ต่อชีวิตประจำวัน
หากมีธุรกิจ แล้วอยากให้คน search ชื่อของเราเจอในอันดับต้นๆ และ ดูยิ่งใหญ่ สว่างสไว การทำ Google My business คือทางออกเลย
ข้อดีของ Google My Business คือ
- คนติดต่อหาเราได้ง่ายขึ้น
- ลูกค้าเก่า search ชื่อ แล้วกดแผนที่ สามารถเดินทางมาหา ธุรกิจของเราได้ / สามารถโทรหาเราได้
- ลูกค้าใหม่ สามารถทำให้เจอได้ หากใช้เทคนิค การใส่ keyword ที่คนค้นหาเกี่ยวกับธุรกิจของเรา ไปอยู่ในหมุดของเรา
- รู้ข้อมูลว่า ใคร search มาหาเรา มาจากไหน มาด้วย keyword อะไร?
แต่ทั้งหมดนี้ต้องเกิดการยืนยัน ธุรกิจผ่าน Google เสียก่อน
จะยังไม่ลงลึกวิธีนี้นะครับ (เพราะละเอียดพอสมควร)
5.ใช้ Market place อย่าง shopee หรือ Lazada
การซื้อขายสินค้า ในปัจจุบัน
หากเป็นของที่ไม่ต้องคิดมาก เช่น ขนม อาหาร แป้ง ของใช้ ที่ดูว่า คนใช้กันเยอะๆ
ไม่ต้องโฆษณามาก ก็กดสั่งซื้อแล้ว
คนไทยเราใช้ shopee กับ lazada เป็นหลักเลย
ดังนั้นหากสินค้าของคุณ ไม่ต้องใช้วิจารณญาณ ในการเลือกซื้อเยอะ
จึงแนะนำให้ศึกษาการ ขายของผ่าน market place เหล่านี้ครับ
ไม่ต้องไปศึกษาเรื่องการยิงแอด แต่เน้นที่ ทำยังไง ให้คนมาให้คะแนนสินค้าของเราเยอะๆ ทำยังไง ให้ภาพน่าซื้อ เขียนยังไง ให้อยากสั่ง ทำยังไงให้ลูกค้าประทับใจ สนใจเรื่องการส่ง การบริการหลังการขาย รวมถึงทริคต่างๆ ที่ทำให้ร้านของเรา เป็นที่รู้จักใน platform มากที่สุด
6.instagram
ถ้าอยากขายของที่ราคาแพงขึ้น หรือ ต้องการลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น
เราจะขายไลฟ์สไตล์มากกว่าสินค้า
ซึ่งสื่อที่กลุ่มคนเหล่านี้ นิยมใช้กัน ก็คือ instagram นั่นเอง
ดังนั้น หากจะเข้าใจคนกลุ่มนี้ได้ ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในโลกของ instagram
ดูเยอะๆ ทั้งการโพสต์ การเขียน การใช้ hashtag รวมไปถึงการใช้ stories ที่พลาดไม่ได้เลย
รวมทั้งเวลาการโพสต์ ว่าช่วงไหนที่คน ว่างๆ แล้วหยิบมือถือมาดู อันนี้ก็สำคัญ
สำหรับการใช้ instagram กับธุรกิจ บัญชีที่เลือกใช้ ต้องเป็นบัญชีแบบ Business เพราะจะสามารถดูสถิติต่างๆ ที่จำเป็นในการพัฒนาเนื้อหาของตัวเราให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ
ปลตอนนี้ instagram สามารถตั้งเวลาโพสต์ได้เหมือน facebook เลยนะ แต่ต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่า facebook creator เข้ามาช่วย (รายละเอียดเยอะพอสมควร เขียนตรงนี้ไม่จบแน่นอน แต่ให้รู้ไว้ก่อนว่าทำได้ครับ)
7.twitter
นี่คือ social media ที่ถือว่า กระจายข่าวสาร และ ติดตามข่าวสารได้เร็วมาก แทบจะ real time เลยทีเดียว ส่วนใหญ่เราใช้ twitter ในการติดตามเทรนด์ใหญ่ๆ ในสังคม
ดังนั้น ส่วนใหญ่ จึงมักเป็นเรื่อง ข่าวใหญ่ ข่าวร้อนแรง การเมือง เรื่องดราม่า รถติด ไฟไหม้ น้ำท่วม
twitter จะมีรายงานอย่างรวดเร็วมากๆ
แต่ twitter ก็ขายของได้เช่นกัน แต่ต้องนำเสนอให้ถูกต้อง ถูกกลุ่ม
เพราะคนที่ใช้ twitter ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม gen Y
ที่เห็นขายแล้วประสบความสำเร็จ ก็คือ เครื่องสำอาง ขนม ของกินเล่น cafe ร้านกาแฟ ร้านอาหาร
ปลtwitter ก็ยิงแอดได้นะครับ แต่ผลตอบรับ จะขึ้นกับ content เป็นหลัก ถ้าทำได้ดี ยอดขายจะตามมา แต่ถ้า content ไม่ดี ทำให้ตาย ก็ไม่ขึ้นอย่างแน่นอน
และทั้งหมดนี้คือ แนวคิดบางส่วน
ของการปรับตัวใช้ออนไลน์ ยังไง แบบเร่งรัด ในยุคไวรัสครองเมือง!
จะเลือกใช้ facebook หรือ LINE ทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขายดี!! คำถามนี้ มีคำตอบ
จะเลือกใช้ facebook หรือ LINE
ทำการตลาดออนไลน์
เพิ่มยอดขายดี!!
คำถามนี้ มีคำตอบ
มี inbox หนึ่ง ได้สอบถามผม เกี่ยวกับเรื่องการตลาดออนไลน์ว่า
“จะใช้ facebook หรือ line oa ดีนะ จะเริ่มยังไงดี สับสน!”
.
คำถามนี้ ผมว่าคลาสสิก และ น่าจะเป็นประโยชน์
เพราะผมเองใช้ทั้งสองตัวนี้ ในการทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขาย
ให้กับตัวเอง และ เจ้าของกิจการหลากหลายแบบ
.
หากใคร สับสนอยู่ ให้คิดแบบนี้ครับ
.
1.หาลูกค้าใหม่ ให้ใช้ facebook
.
การหาลูกค้าใหม่ ให้กับธุรกิจของเรา
ต้องยอมรับว่า เครื่องมือของ facebook นั้น ยังทำได้ดี และยิงแอดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากๆ เพราะ facebook เก่งในเรื่องการเก็บข้อมูลแบบ BIG DATA จากคนทั้งโลก
.
ดังนั้นกลุ่มความสนใจที่มีให้เรามาเลือกใช้งาน จึงถือว่าแม่นมาก
(แต่คุณต้องเข้าใจ พฤติกรรมผู้บริโภคด้วยนะครับ)
.
คนใช้ facebook เพื่อเข้าไปอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ ต่างๆ มากมาย ผ่านสมาร์ทโฟนของตัวเอง
และโฆษณาที่ปรากฏในหน้า feed ของลูกค้า ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้า ยอมรับได้ ไม่เบื่อ
.
แต่จะสนใจหรือไม่ ขึ้นกับการเขียน Content
ซึ่งต้องประกอบด้วย
A. ภาพที่ฮุก สะดุดสายตา
B. caption ที่โดดเด่น และ ดึงให้คนที่มีปัญหา หรือกลุ่มเป้าหมายของเรา ต้องอ่าน
.
ประกอบกับการส่งโพสต์นี้ไปหาลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
จะทำให้โฆษณาประสบความสำเร็จ!!
.
- เก็บลูกค้าเก่า เอาไว้ใน LINE Official
.
ต่อเนื่องจากการหาลูกค้าใหม่ ผ่าน facebook
เมื่อได้ลูกค้าเข้ามาทัก ผ่าน facebook แล้ว คุณต้องเก็บข้อมูล
ลูกค้าเอาไว้กับตัว ให้มากที่สุด
.
เพราะการทำธุรกิจ ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น
- รายชื่อลูกค้า
- เบอร์โทรลูกค้า
- อีเมล์ลูกค้า
- ไลน์ของลูกค้า
.
นี่คือ asset หรือสินทรัพย์ ในการดำเนินธุรกิจเลยครับ
.
รายได้ที่มั่นคง และ ต่อเนื่อง มักจะมาจากลูกค้าเก่าเสมอ ไม่เชื่อลองไปเช็คดูได้
.
อย่ามองหาแต่คนใหม่ๆ แต่ต้องรักษาและคุยกับคนเก่าให้ได้นานที่สุด
.
การเก็บข้อมูลเหล่านี้ ทำได้หลายแบบ
ไม่ว่าจะเป็น
A.จดใส่กระดาษ
B.เก็บไว้ใน excel file
C.เก็บไว้ใน Google Sheet
.
แต่สำหรับผมแนะนำ Google Sheet ครับ เนื่องจาก ข้อมูลจะถูกเก็บเอาไว้บนระบบ cloud ไม่หายไปไหน. สามารถแชร์ให้คนอื่นๆ เข้ามาช่วยแก้ไข หรือ ดูข้อมูลได้ เหมาะมาก สำหรับการทำธุรกิจ
.
อีกทางหนึ่งในการเก็บข้อมูลลูกค้า ที่สำคัญ ก็คือ LINE Official Account ครับ
เพราะ คนไทยใช้ LINE ในการสื่อสาร ใกล้เคียงกับโทรศัพท์มือถือไปแล้ว
.
ข้อดีของการใช้ LINE Official Account ติดต่อกับลูกค้าเก่า คือ
- หาได้ง่าย คุยกันสะดวก เร็วๆ
- ติดป้ายกำกับ ลูกค้าแต่ละคนได้ ว่าเป็นลูกค้าที่เคยคุยกันแบบไหน
- เขียนโน้ตกำกับแยกแต่ละคนได้ ช่วยให้ หาข้อมูลได้สะดวก เอาง่ายๆ เช่นเบอร์มือถือ วันเกิด แบบนี้ หาได้เร็วมาก ไม่ต้องมานั่งไล่ดูจากช่องแชท
- การบรอดแคสท์ไปหาลูกค้าเก่า ทุกคนสามารถ ทำได้ และทั่วถึง มี 100 ส่งครบ 100 มี 10,000 ส่งครบ 10,000 ซึ่งต่างจาก facebook ที่มี ติดตาม 10,000 จะเข้าถึงประมาณ 1 % เท่านั้น
. - เคล็ดลับหาลูกค้าคุณภาพ จาก facebook ไปเก็บใน LINE
.
อันนี้คือเทคนิค ที่ผมใช้งานจริง แล้วได้ผลจริง
มีคนคุณภาพ เข้ามาเพิ่มใน LINE Official Account แล้วขายของต่อได้เรื่อยๆ
.
ให้ใช้เทคนิคนี้ครับ
.
ติดลิงค์ LINE Official Account ไว้ที่ greeting message ของ inbox เพจ อยู่เสมอ เพราะหากคนที่สนใจ เวลาทักมาใน inbox แล้ว ต้องการใช้งาน หรือ อยากได้สินค้าเราจริงๆ จะ แอดไลน์มาทันที นี่แหละ คนที่เราต้องการจริงๆ
แถมให้
สำหรับกิจการออฟไลน์ แนะนำ ให้ติดตั้ง QRcode ไว้ในร้านของตัวเอง แบบนี้ก็จะเพิ่มคนได้ เช่นกัน แต่ที่เด็ดกว่า ก็คือ คนที่สะสมแต้ม หรือ รับคูปอง อันนี้น่าสนใจกว่า เพราะคนเหล่านี้ คือคนที่เอาเงินใช้จ่าย ซื้อสินค้าของเรา คนเหล่านี้ คือกลุ่มคนที่มีศักยภาพจริงๆ
.
ซึ่งหากใครขายของออนไลน์ ก็ใช้เทคนิคนี้ได้ ด้วยการแปะ qrcode เพิ่มเพื่อนไปใน กล่องสินค้า เพื่อให้ลูกค้าที่ยังไม่เคยแอดไลน์เรา ได้แอดไลน์ เพื่อแลกกับคูปองส่วนลดซื้อของในราคาพิเศษ อันนี้ก็จะได้คนคุณภาพจริงๆ ครับ
.
และทั้งหมดนี้ ก็คือ แนวทางเบื้องต้น เป็นน้ำจิ้ม สำหรับทุกคนที่สงสัยว่า
จะเลือกใช้ facebook หรือ line ในการทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขายดี!
3 เรื่องที่ พนักงานประจำ นึกไม่ออก จนกว่าจะถึงวันที่ต้องออกจากงาน เพราะวิกฤติ
3 เรื่องที่ พนักงานประจำ นึกไม่ออก
จนกว่าจะถึงวันที่ต้องออกจากงาน เพราะวิกฤติ
งานประจำมั่นคง
งานประจำนั้นดี มีรายได้แน่นอน
คำพูดเหล่านี้ ไม่ผิดเลยครับ
เพราะผมก็เคยเป็นพนักงานประจำมาก่อนเหมือนกัน
ตื่นเช้าไปทำงาน ไปประชุม คุยงานกับน้องๆในทีม
ทำงานแบบทุ่มเท กลับบ้านดึกดื่น
เวลาจะให้กับครอบครัวนั้น เหลือเป็นศูนย์
แต่มีรายได้เลี้ยงชีพ ให้ตัวเองกับครอบครัว ไม่ขัดสน
แต่ว่ายังไม่มีเงินเก็บ
ที่เขียนมาทั้งหมด นี้ ไม่ได้จะบอกว่า ให้ทุกคนออกมาจากงานประจำ อย่าไปทำเลย
ไม่มั่นคง ไม่ดี กระโดดออกมาทำงานของตัวเอง เป็นนายตัวเองกันเถอะ
“ไม่ได้บอกแบบนั้นนะครับ”
ทุกวันนี้ มีงานประจำนั้นดี แน่นอน เพราะรายได้สม่ำเสมอแน่นอน
หากมีงานทำ ให้ทำงานนั้นไป
แต่สำหรับสภาพเศรษฐกิจที่ ทุกคนต้องเอาตัวรอดกันให้มากกว่านี้
รายได้ทางเดียว ไม่น่าจะใช่คำตอบ อีกต่อไปแล้ว
หลายคนรู้คำตอบนี้ดี แต่คิดไป คิดมา สุดท้าย ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี
แล้วก็กลับไปตั้งมั่น ตั้งใจกับการทำงานประจำ 100% ดังเดิม
ในฐานะที่ผมเคยเป็นคนมุ่งมั่น ทุ่มเทให้กับงานแบบเกิน 100
ขอแชร์ประสบการณ์ ให้ฟังแบบนี้ครับ
การทุ่มเทให้องค์กรแบบเต็มที่นั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะจะทำให้องค์กรเติบโตต่อเนื่อง
แต่คุณควรต้องให้เวลา กับการเติบโตของตัวเองด้วย
เพราะเราไม่ได้อยู่กับบริษัทไปตลอดชีวิต ถึงจะนานจนถึงเกษียณ แต่นั่นก็เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก
ผมไม่ได้อยู่ถึงวัยเกษียณครับ
เพราะบริษัทมีการปรับองค์กร ให้ไปต่อได้
บริษัทให้ผมออก พร้อมค่าชดเชย ที่เหมาะสม เพราะหลังจากที่ แจ้งให้ผมรู้
อีก 1 วัน ผมก็ไม่ต้องมาทำงานอีกต่อไป
สายฟ้าแลบสุดๆครับ
ใจมันนึกถึง ตอนที่พ่อจะเกษียณ ยังรู้ว่าอีกกี่วัน กี่เดือนจะ ไม่ได้ทำงานแบบนี้อีกแล้ว
ของผมเร็วกว่ามาก เพราะพรุ่งนี้ ไม่ต้องมาทำงานแล้ว
หากเป็นคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันกับผม ก็คงจะตกใจ
จิตหลุด ลอยๆ นึกอะไรไม่ออกแล้ว
เพราะไม่รู้จะไปสมัครงานต่อที่ไหน แล้วใครจะรับเราเข้าทำงานมั้ย ฐานเงินเดือนแบบนี้ อายุแบบนี้ บริษัทที่ไหนจะรับ
แต่ผมรู้สึกแตกต่างไป
เพราะอะไรหรือ?
นั่นเป็นเพราะผมเตรียมตัวเอาไว้แล้ว ล่วงหน้ามา 2-3 ปี
และนี่คือที่มาของ
3 เรื่องที่ พนักงานประจำ นึกไม่ออก
จนกว่าจะถึงวันที่ต้องออกจากงาน
ลองอ่านกันนะครับ จากประสบการณ์ ของคนเคยทำงานประจำ และต้องออกจากงาน
- ปรับ mindset
ถ้าไม่มีข้อนี้ ข้ออื่นๆ ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ
เพราะคุณจะต่อต้าน ทุกอย่างที่ คุณไม่เคยมาก่อนเลย
คุณจะต้องมี growth mindset ไม่ใช้ fixed mindset
กล่าวเป็นภาษาไทยง่ายๆ ก็คือ ต้องคิดบวก มองทุกเรื่องว่ามันเป็นไปได้
อันนี้ ผมก็ต้องปรับใจอยู่นานพอสมควร เพราะผมคิด มองหากรณีที่เลวร้ายที่สุดมาก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต จนไม่สนใจ ไม่เปิดรับแนวคิดใหม่ๆ เลย แบบนี้เราเรียกว่า fixed mindset
วิธีคิดง่ายๆ ก่อนเลยก็คือ ให้มองว่า ทุกปัญหามีทางออก มากกว่า 1 เสมอ / ถ้าล้มเหลว ก็คือการได้เรียนรู้ข้อผิดพลาด และจะไม่ทำมันอีก / ให้อภัยตัวเอง แล้วไปทำสิ่งที่ดีกว่าเดิม / หยุดจมกับความเจ็บปวดจากการทำผิดพลาด
คิด และ ทำเรื่องนี้พวกนี้บ่อยๆ จนกลายเป็นธรรมชาติ
2.พัฒนาตัวเอง
ไม่มีใครแก่เกินเรียน
คำนี้ยังดีเสมอ เพราะการเรียน ไม่จำเป็นต้องหยุด หลังจากที่คุณรับปริญญามาแล้ว
ศึกษาในเรื่องที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น หรือ มีความเชียวชาญมากขึ้นในด้านที่คุณชอบ
ชอบพูด ไปเรียนพูดเลย
ชอบ digital marketing ไปเรียนเลย
ชอบทำอาหาร ไปเรียนทำอาหารเลย
การลงทุนที่ดีที่สุด
คือการลงทุนเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง
แต่ทุกการลงทุน ในการเรียน ควรจะต้องคืนอะไรกลับมาให้กับตัวเรา
อย่างน้อยๆ ก็ขอให้เก่งกว่าเมื่อวาน ไป 1 ขั้น เท่านี้ก็พอใจแล้ว
การพัฒนาตัวเอง ที่ดีนั้น
ควรจะต้องเป็นเรื่องที่ คนหมู่มากต้องการแก้ปัญหา หรือมีคนที่รอให้เราไปช่วยเหลือ
โอกาสทำเงิน สร้างรายได้ จะมาหาเราได้ไม่ยาก
3.ลงมือทำ
การเรียนรู้ในข้อ 2 จะมีค่าเท่าเดิม หากคุณไม่ได้ลงมือทำอย่างตั้งใจ
จะเรียนไปสักแสน สักล้านบาท
จะไปเรียนกับสุดยอดอาจารย์ หรือ สุดยอดเคล็ดวิชาใดๆ
แต่ไม่ได้ลงมือทำ
ก็มีค่าเท่ากับก่อนไปเรียนแน่นอน
ดังนั้นเมื่อเรียนแล้ว ลงมือทำ จะผิดพลาดไปบ้าง อย่างน้อยก็จะได้จำเป็นประสบการณ์
แล้วครั้งต่อไป จะผิดพลาดน้อยลง
การลงมือทำบ่อยๆ จะทำให้คุณทำเรื่องนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่ได้เคอะเขิน หรือ เป็นเรื่องประหลาด ความตื่นเต้นในการทำ จะเข้าใกล้ศูนย์ทันที
ดังนั้น เรียนรู้แล้ว ต้องลงมือทำครับ
จะขายของออนไลน์
จะถ่ายภาพ ลง shutter stock
จะลงทุนในหุ้น อสังหา หรือ เทรด forex
จะทำคอร์สออนไลน์
ทำได้เลย ตั้งแต่ตอนทำงานประจำ
อย่ารอให้ไม่มีงานประจำ แล้วลุกขึ้นมาทำ
คุณต้องหาเงิน ตั้งแต่วันที่มีเงินอยู่
ไม่ใช่ไปทำตอนไม่มีเงิน วันนั้นคุณจะคิดไม่ออกเลย!!
ถ้าไม่อยากตกใจแบบสุดขีด ในวันที่คุณถูกบอกเลิกจ้างงาน
ในภาะที่เศรษฐกิจ ต้องเอาตัวรอดกันแบบสุดๆ ในวันนี้
ให้นึกถึง 3 สิ่งนี้เอาไว้ดีๆนะครับ
และทั้งหมดนี้คือ
3 เรื่องที่ พนักงานประจำ นึกไม่ออก
จนกว่าจะถึงวันที่ต้องออกจากงาน
เปิดร้านอาหาร อยากทำออนไลน์ เพิ่มยอดขาย! เริ่มต้นยังไงดี
แม้เศรษฐกิจ จะเป็นยังไง
แต่เรื่องการกิน มันต้องมี อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
ดังนั้น ต่อให้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
อาหารการกิน ก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นอยู่ดี
ถ้าใครทำร้านอาหารอยู่ มาฟังแนวคิด การตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มยอดขายกันทางนี้เลยครับ
(ใช้ได้ทั้งแบบ มีหน้าร้าน หรือไม่มีหน้าร้านนะครับ เลือกใช้ตามความเหมาะสม)
google my business
หรือแผนที่สำหรับร้านคุณ ใน Google maps
เวลาคนเราจะหาอะไรกินแล้วต่างถิ่นต่างที่ สิ่งที่ควรจะเปิดหาก่อนเลยก็คือ Google Map เพราะนอกเหนือจากการบอกเส้นทางไปร้านอย่างถูกต้องแล้ว มันสามารถจะบอกได้ว่าร้านอาหารไหนที่น่าสนใจมีคนไปกินมากน้อยแค่ไหน มีภาพให้เห็น มีข้อมูลเบอร์โทรให้เราได้ติดต่อไปสอบถามว่าเปิดหรือเปล่า
สิ่งที่จะทำให้คนตัดสินใจว่าจะไปกินหรือไม่ นั่นคือจำนวนรีวิวและจำนวนดาวที่แสดงไว้ ถ้าคนชมเยอะๆก็พร้อมจะไปกินทันที แต่ในทางกลับกันถ้าดาวน้อยๆก็ไม่อยากจะไป
ดังนั้นเจ้าของร้าน ต้องเอาใจใส่ให้ดีนะครับหากใครมีพิกัดอยู่ใน Google Map และจะดีไปมากยิ่งขึ้นหากคุณทำการยืนยันความเป็นเจ้าของ ให้เรียบร้อย (เรียกว่า verify google my business)
เพราะคุณจะเห็นว่าคนมาที่ร้านเวลาไหน แล้วค้นหาคำว่าอะไรถึงจะเจอร้านคุณ
location based application : wongnai / trip advisor
นอกเหนือจาก Google My Business แล้ว Application ที่คนใช้หาร้านอาหารก็คือ wongnai แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวแล้ว จะเชื่อ tripadvisor มากกว่า
ดังนั้น การมีเนื้อหาที่ update การเข้าไปพุดคุยกับคนที่มารีวิวร้านผ่าน app wongnai จึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าอยากจะปรับเปลี่ยนข้อมูลของร้านคุณภายในนั้นด้วยตัวเอง จะต้องจัดการผ่านระบบ rms หรือ Restaurant management system ซึ่งเป็นของ wongnai เอง
ข้อดีก็คือ คุณสามารถปรับเปลี่ยนเมนู เพื่อใช้ร่วมกับ line man delivery ได้ด้วย
Delivery Application :
นี่คือทางรอดของร้านอาหารทุกร้าน เว้นแต่ว่าร้านคุณขายดีมากๆจนทำไม่ทัน
แต่อย่างไรก็ตามแม้แต่ร้านขายดีเขาก็ยังต้องใช้บริการเดลิเวอรี่อยู่เสมอ
เพราะลูกค้าไม่อยากมานั่งรอที่ร้าน ขอสั่งผ่าน App ดีกว่า
ขนาดร้านที่ขายดีๆเขายังใช้ แล้วร้านคุณทำไมถึงจะไม่ใช้บ้างล่ะ
ในบ้านเรามีเดลิเวอรี่อยู่มากมายหลายเจ้า แต่ละรายก็จะมีเงื่อนไขในการใช้งานแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น LINE MAN / get / food panda / grab food
แต่ถ้าพูดถึงความง่าย และ ความสะดวก ผมก็ยังยกให้ LINE MAN มาเป็นเจ้าแรก สำหรับ GET ตอนนี้ กำลังวุ่นวาย ยังไม่สามารถรับร้านค้าเข้าไปร่วมได้ ทั้งหมด ให้เวลาเค้าหน่อย / grab food ก็จะมีการเก็บค่า % ที่มากขึ้น แต่ข้อดีก็คือ ลูกค้าที่ไม่มีเงินสดเลย สามารถใช้ grab pay ที่ตัดเงินผ่านบัตรเครดิตสั่งอาหารได้ / ส่วน foodpanda นั้น คลาสสิกสุดๆ ต่างจังหวัดโดนยึดพื้นที่ไปเยอะแล้ว
ยังไม่นับรวมเจ้า delivery ท้องถิ่นในจังหวัดใหญ่ๆ อย่าง นครปฐม ชลบุรี หรือ ฉะเชิงเทรา (เท่าที่ทราบนะครับ) ก็น่าสนใจ น่าเข้าร่วมครับ
Line OA : Line Official Account
สำหรับร้านอาหารกรณีของการยิงบรอดแคสท์ อาจจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไปแล้ว เลยอยากให้มาโฟกัสฟังก์ชั่นที่เพิ่มยอดขายได้เต็มที่นั่นคือ
- บัตรสะสมแต้ม
สมัยนี้ ลูกค้าประจำ คือคนที่สร้างรายได้ให้กับเราอย่างสม่ำเสมอ อีกหนึ่งเทคนิคก็คือ การทำบัตรสะสมแต้ม จะทำให้ลูกค้าได้สนุกกับการสะสมคะแนน แล้วได้รับรางวัลกลับไป จะเล็กน้อย ก็ถือว่าได้มีส่วนร่วมกับร้านมากขึ้น คิดถึงร้านมากขึ้น ที่สำคัญไม่เปลืองกระดาษ เจ๋งตรงนี้ - คูปอง
หากต้องการหาลูกค้าใหม่เข้าร้าน การให้ promotion หรือส่วนลด เพื่อมากินครั้งแรก ถือว่าเป็นไอเดียที่น่าทำ ขอให้แค่มาลอง ถ้าชอบก็กินต่อได้ กลายเป็นลูกค้าประจำกันต่อไป ดังนั้น
หรือจะใช้ต่อยอดกับลูกค้าเก่าก็ได้ เช่นให้สิทธิ์ซื้ออาหารเพิ่มในราคาพิเศษ หากกินครบ xxx บาท สำหรับคนที่มีคูปองนี้ ถามว่า จะแจกในร้านก็ทำได้นะครับ แต่ถ้ามีคูปอง เราก็จะสามารถเรียกลูกค้า ที่อยู่ไกลๆ เดินทางมารับสิทธิ์ ที่ร้านเราได้ นี่แหละ คือความสำคัญของคูปอง
Facebook group
สมัยนี้ ถ้าคนจะคุยกัน ส่วนใหญ่ จะไม่ได้เข้า pantip แต่จะเลือกใช้ facebook group เพื่อคุยกันมากกว่า เพราะถูกจัดหมวด จัดกลุ่ม ได้ยิบย่อยตามความต้องการ
และกลุ่มอาหารการกิน เครื่องดื่ม ก็เป็นชุมชน ที่เราสามารถเอาร้านอาหารไปแนะนำ หรือ นำเสนอได้ แต่ต้องระวังเรื่องกฏในการโพสต์ให้ดีๆ โพสต์ถี่ นอกจากคนจะเบื่อ ก็ระวังจะโดนข้อหา spam เอาได้ง่ายๆ
Fanpage + Facebook ads
เครื่องมือที่ทรงพลัง และใช้งานง่ายที่สุด ในสมัยนี้ ก็คือ การเปิดเพจ เพราะ update ได้ง่ายผ่านมือถือ ถ่ายรูป ถ่ายคลิป โพสต์ข้อความ ทำกันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
แต่ถ้าจะให้คนเห็นได้มากขึ้น ก็ต้องยิงแอด หรือ ทำโฆษณาโปรโมตโพสต์ นั่นเอง
สำหรับร้านอาหาร ถ้าทำง่ายๆ ก็คือ โปรโมตให้คนรอบๆ ร้านของเรา ได้เห็นว่าร้านเราอยู่ตรงไหน ขายอะไร แล้วอยากมากินนั่นเอง (ถือว่าง่ายที่สุดแล้ว)
twitter
สำหรับสายคาเฟ่ เครื่องมือที่ทรงพลังในการทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักมากที่สุด ก็คือ twitter นั่นเอง แต่ส่วนใหญ่พลังนี้จะไปอยู่กับ blogger และ influencer สาย twitter เพราะจะเข้าใจการสื่อสารกับคนวัยเดียวกันมากกว่า เพราะการพูด จะแตกต่างไปจาก facebook โดยสิ้นเชิง / แต่คำสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ภายใน 1 นาทีนี้แหละ ที่จะดึงให้คนมาหาร้านเราได้มากขึ้น
การใช้ twitter ทำให้คนรู้จัก จะต้องไปผูกสัมพันธ์ กับเหล่า influencer ไว้เยอะๆ เชิญมากิน หรือ จะจ้างมาถ่ายทำ ก็แล้วแต่พิจารณา
Instagram
สื่อที่สร้างอารมณ์ ให้คนเห็นแล้วอยากไปใช้บริการ ก็คือ Instagram นั่นเอง สื่อนี้ ถ้าร้านอาหาร มีความสามารถในการถ่ายทอดภาพ ก็ใช้เครื่องมือนี้ได้เลย
ถ้าภาพสื่ออารมณ์ให้คนอยากกิน อยากไปสัมผัส ก็จะทำให้คนมาใช้บริการมากขึ้นอย่างแน่นอน
TikTok
เครื่องมือใหม่ ที่เข้าใจง่ายๆ เพราะใช้เวลาไม่นาน เพลงประกอบก็สนุกสนาน และล้วนแต่เป็นเพลงดังๆ ยิ่งประกอบกับ ไอเดียของเหล่าคนสร้างเนื้อหาใน tiktok ยิ่งสนุกมากขึ้น
ถ้าร้านไหน เก่งเรื่องแบบนี้ จะลองสร้าง account tiktok แล้วถ่ายทอดความน่ากินของอาหารตัวเองได้ครับ แต่ถ้าไม่ถนัด ก็เชิญ influencer สาย twitter มากินอาหารที่ร้านได้
นี่คือไอเดียบางส่วน ของการใช้ Online Marketing มาช่วยทำให้ยอดขายร้านอาหารของคุณเพิ่มมากขึ้น
ลองนำไปใช้งานกันได้นะครับ
ถ้าใครอยากรู้ลึกๆ หรือละเอียดมากขึ้นกว่านี้
ผมจะนำเสนอในโอกาสต่อไป
อยากขายของกินทั่วไทย ทำการตลาดออนไลน์ ยังไงดี
อยากขายของกินทั่วไทย ทำการตลาดออนไลน์ ยังไงดี
สภาพเศรษฐกิจ ที่มีแต่คนบอกว่าแย่ๆ ในทุกปี
ข่าวของโรงงานยักษ์ใหญ่ที่ถูกปิด
ข่าวที่พนักงานเป็นจำนวนมาก ไปรอหน้าโรงงานแล้วเจอกระดาษแปะว่า ไม่ต้องมาทำงานแล้ว
ภาพข่าวเรื่องไวรัส ที่ทำให้คนเจ็บป่วยระบาดรุนแรง
ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบในวงกว้าง ไปเรื่อยๆ
ถ้าเป็นคุณเอง จะเลือกทำอะไร ระหว่าง
รอให้เศรษฐกิจแย่ไปเรื่อยๆ แล้วไม่ทำอะไร อ่านข่าวแล้วใจฝ่อไปทุกวัน
หรือ มองหาทางเลือกอื่นๆ ที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น หลายทาง ไม่รอความหวังจากแหล่งเดียว
เมื่อไม่นานมานี้ มีข้อความใน inbox จากน้องคนหนึ่ง ได้มาปรึกษาผมครับ
ว่าอยากขายของกินออนไลน์ และอยากขายไปทั่วประเทศ
จะต้องทำอย่างไรดี
ผมว่าเรื่องนี้ น่าสนใจดี
เพราะส่วนใหญ่ คนมักจะเลือกไปขายครีม ขายยา ขายอาหารเสริมกันซะมาก
จนลืมไปว่า ของกินเนี่ย เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายๆ
เพราะทุกคนเกิดมาต้องกินอยู่แล้ว
มีมื้อหลัก ก็ยังมีมื้อย่อยๆ ได้
แล้วถ้าเป็นอาหารที่กินกับข้าวได้ อันนี้ ก็ยิ่งดีไปกันใหญ่
เพราะว่ามันจะหมดเร็ว และซื้อซ้ำได้ (ถ้าอร่อยจริง อันนี้สบายไปเลย)
เลยอยากจะแชร์ แนวคิดการทำการตลาดออนไลน์ สำหรับของกิน ที่ส่งได้ทั่วประเทศ
ขอแบ่งเป็นแบบนี้ครับ
ไปรับมาขาย
แบบนี้ เหมาะสำหรับคนที่จะลองเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ก่อน ไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไรมาก คนที่มีงานประจำก็สามารถทำได้ เครื่องมือที่เราจะใช้ทำการตลาด ก็คือ เฟสบุ๊คส่วนตัว ของเรานี่แหละครับ แต่คุณควรจะต้องเป็นคนที่ สื่อสารกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลานะครับ
ไม่ใช่เฟสบุ๊คอวตาร ที่มีท้องฟ้า การ์ตูน แล้วเอาแต่บ่นๆๆ เรื่องชีวิต รอคนมากดไลค์ หรือ ให้กำลังเพียงอย่างเดียว
ถ้าเฟสบุ๊คคุณมี ภาพการใช้ชีวิตประจำวัน ไปไหนมาไหน มีเพื่อนฝูง comment ติดตาม แบบนี้ ก็พอไปรอดอยู่ครับ เอา
ยังไม่ต้องยิงแอดอะไรเลย ใช้ตัวเรา และต้นทุนของเราซื่อๆเลย
แต่ต้องมั่นใจว่า ของนี้ มันน่ากินจริงๆ แค่โพสต์ ก็มีคนอยากกินแล้ว
ถ้ากลัวว่าจะไม่มีเงินไปลงทุน
ก็ให้ใช้วิธีการแบบ preorder เอ้า ใครอยากกินอันนี้ บอกมา เดี๋ยววันจันทร์ จะเอามาขาย
ถ้าทำแบบนี้ เราไม่จำเป็นต้อง ออกเงินไปซื้อของมาก่อน เพราะรู้จำนวนที่แท้จริงว่า เท่าไร
ถ้าไม่มีใครสั่ง ก็ไม่ต้องเอามาขาย จบ
ลองทำแบบนี้นะครับ
เริ่มจากเพื่อนใกล้ตัว ที่ทำงาน ก่อนก็ได้
หรือจะไปโพสต์ลงในเฟสบุ๊คกลุ่ม ที่เขาอนุญาต ก็ได้ แต่เราจะต้องมีความน่าเชื่อถือมากพอ และไม่ทำตัวเหลวไหล เนื่องจากในกลุ่ม จะมีกฏระเบียบข้อบังคับ หลายอย่าง ต้องทำตัวให้ดีๆ
หรือจะไปลงใน Market place ก็ได้ แถมยังสามารถทำโฆษณาได้แบบง่ายๆ ตามพื้นที่ได้ด้วย เพื่อเพิ่มการมองเห็น อันนี้ เหมาะสำหรับมือใหม่มากๆ ครับ ลองดูไม่เสียหาย
แต่ถ้าเราชำนาญมากขึ้น มีส่วนต่างมากพอ จะไปเปิดเพจ เพื่อขายเป็นเรื่องเป็นราวก็ได้ แต่ต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นมาอีก เพราะต้องไปลงทุนเรื่องการทำ content เนื้อหา และการยิงแอดเพิ่มเติม
หากไม่ถนัดเรื่องการยิงแอด ก็สามารถไปสมัครขายใน shopee ได้ แต่จะมีค่าธรรมเนียมขายของเมื่อมีคนมาซื้อ สิ่งที่ควรศึกษาหากจะลงมือทำ shopee ก็คือ การเตรียม stock สินค้า และค่าขนส่ง ซึ่งต้องคำนวณให้ดี ไม่งั้นเข้าเนื้อตัวเอง
ทำขายเอง
ถ้าเป็นคนที่ทำธุรกิจของกิน ก็มักจะมีการลงทุน ลงแรง เพื่อสร้างผลกำไรอยู่แล้ว
ดังนั้น ประสบการณ์ของคุณ น่าจะผ่านจุดที่ไปรับของมาขายไปเยอะแล้ว
อันดับแรก ให้เช็คเรื่องกำไรสินค้า ว่ามีส่วนต่างมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ประมาณการณ์ ได้ว่า เราควรมีต้นทุนเท่าไร ในการทำโฆษณา ขนส่งสินค้า
ส่วนเครื่องมือที่จะใช้ แนะนำว่า ถ้าถนัดเรื่องการทำเนื้อหา การยิงแอด ก็ให้เลือกใช้เพจในการทำการตลาดครับ
เนื้อหาที่ใช้ในการขายของ จะต้องทำให้คนเกิดความอยาก ที่จะซื้อสินค้าของเรา
ถ้าจะมาจัดห่อสวยงาม วางสวยๆ แบบนี้ เหมือนโฆษณาเกินไป
สิ่งที่ควรทำ คือ ให้นึกถึงตอน ที่เราทำกับข้าว หรือ กินข้าว ภาพแบบไหน เสียงแบบไหน ที่ทำให้เรารู้สึกอยากกินจนน้ำลายสอ
ให้เอาประสบการณ์นั้น มาถ่ายทอด ให้คนดูโฆษณาของเรา อยาก แล้วมาสั่งของกินกับเรา
ลองดูทั้งแบบภาพ และ video
แต่ถ้าอยากรู้ว่า video ที่ทำออกมาแล้ว น่ากินเป็นยังไง ให้ไปเปิด tiktok แล้ว search คำว่า อร่อย น่ากิน คุณจะเจอไอเดีย ทำ content น่ากินเพียบ ส่วนใหญ่ ทำออกมาแล้วน่ากิน คือคลิปคนจีนกินอาหารครับ
และถ้าอยากสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าประเภทของกิน ที่ดูจะเหมือนกันไปหมด
การสร้างแบรนด์ คือสิ่งสำคัญ
การให้ Blogger มาช่วยรีวิว ก็จะสร้างกระแสให้คนจำได้ว่า ถ้าอยากกินของแบบนี้ ต้องเลือกกินยี่ห้อ นี้ เพราะว่า มันอร่อย กำลังดี พิเศษกว่าคนอื่นๆ อย่างไร
ถ้าดีที่สุด มีงบ ก็ควรจ้าง Blogger ประเภท youtuber หรือคนที่มีเว็บไซต์ด้วย เพราะเวลาคนหาชื่อแบรนด์ของเรา รีวิวในนี้จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเราในระยะยาว
แต่ถ้าสินค้าเข้าใจง่าย จนแทบไม่ต้องบอกอะไรมาก การใช้ shopee ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะคนส่วนใหญ่สมัยนี้ จิ้มซื้อของผ่านแอพนี้กันเป็นเรื่องปกติ เพราะมีระบบ แจ้งสถานะ ชัดเจน ว่าส่งถึงเมื่อไร
สิ่งสำคัญในการขายผ่าน shopee ก็คือคะแนนดาว รีวิวจาก User ดังนั้น ซึ่งหากอยากทำคะแนนนี้ ให้ได้สูงๆ ตัวสินค้า และบริการจะต้องประทับใจมากๆ
และทั้งหมดนี้คือ ไอเดียโดยรวม ที่ทำให้คุณเห็นภาพของการขายของกินทั่วไทย ผ่านออนไลน์
หากวันนี้ อยากเริ่ม
ลองดูสักตั้งครับ
ดีกว่านั่งรอดูสัญญาณเศรษฐกิจพังไปทุกวัน ให้ใจห่อเหี่ยวไปเปล่าๆ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt