ยิงแอด Facebook แล้วไม่ดู Report เหมือนเอาเงินไปโยนทิ้ง! รวมตัวชี้วัด ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้จัก ถ้าไม่อยากยิงแอดขาดทุน
การดู Report Facebook เป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่เราคิด!!
การทำโฆษณา หรือ การยิงแอดนั้น คือการนำพา Content ที่เราพูดถึงสินค้า และบริการ ออกไปหากลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง
.
การยิงแอด คือต้นทุนในธุรกิจของเรา ถ้าเราลงมือทำอย่างเดียว แต่ไม่ดู Report Facebook เลย ก็เหมือนกับการเอาเงินไปโยนทิ้ง ไม่มีประโยชน์อะไร
.
พี่นุกเลย ขอแชร์ ความหมายของตัวชี้วัด ในการยิงแอด Facebook มาให้ครับ
เพื่อนำไปปรับปรุงในการยิงแอด ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
1.CPM
ย่อมาจาก Cost per mille หรือ ค่าใช้จ่ายต่อการแสดงผล 1000 ครั้ง ขึ้นอยู่กับ การแข่งขันของอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน เช่น skincare มีการแข่งขันสูง CPM ก็สูงตาม
กับอีกแบบหนึ่ง ก็คือ วัตถุประสงค์ไหนที่คนใช้กันเยอะ ก็ต้องไปแข่งกันเยอะ จึงทำให้ค่าแอดแพง ยกตัวอย่างเช่น คนไทย ยิงแอดทักข้อความ ด้วยภาพนิ่ง เยอะ ดังนั้น ราคาจึงสูง
.
แต่ถ้าทางใช้ Reels ในการยิงแอด มันจะได้ CPM ที่ถูกกว่า เพราะคนทำน้อย
.
พอเห็นภาพหรือยังครับ?
2. Impression
การแสดงผลของโฆษณา อันนี้ เป็นตัวชี้วัดที่ง่าย ที่สุด การมองเห็นจะเกิดขึ้นต่อเมื่อ โฆษณาของเราทำงานปกติ ถ้าไม่มี Impression แสดงว่า กลุ่มเป้าหมายของเรา อาจจะแคบเกินไป หรือ โฆษณาไม่ผ่านการอนุมัติ นั่นเอง
3.CTR
ปกติ เวลาเราทำโฆษณา ก็ต้องมีการกดคลิก Banner หรือ Content อยู่แล้ว แต่ถ้าเอาแต่จำนวนคลิก มาวัดผล เปรียบเทียบกัน ก็อาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์
.
ดังนั้น ตัวชี้วัด แบบ CTR จึงเข้ามาช่วยตัดสิน เพราะ CTR ย่อมาจาก Click Through Rate (อัตราส่วนการคลิกผ่าน) มันคือการเอา จำนวนคลิก หารด้วยการแสดงผลของโฆษณา
.
ถ้า CTR สูง แสดงว่า โฆษณานั้นน่าสนใจจนคนคลิก แต่ถ้า CTR ต่ำ แสดงว่า โฆษณาไม่น่าสนใจเลย ต้องไปปรับปรุงนะครับ
.
4. ต้นทุนต่อการซื้อ Cost per Purchase
หากเป็นเมื่อก่อน เวลายิงแอด เรามักจะมาโชว์ ต้นทุนต่อการทักแชท ที่ถูกแบบสุดๆ ใครทำได้ราคาถูก ก็จะภูมิใจ แต่จริงๆแล้ว เราควรจะวัด ต้นทุนต่อการซื้อดีกว่า
เพราะมันบ่งบอกว่า มีคนซื้อสินค้าของเราจริงๆ
.
5. ค่า Conversion การซื้อ
นี่คือตัวชี้วัด ที่เราควรคิดถึงมากที่สุด เพราะมันคือ ยอดขายที่ลูกค้าชำระเงินให้กับเรามา ถ้าอยากจะเห็น ค่า Conversion การซื้อใน Report
.
ทุกครั้งที่เรารับยอดจากลูกค้าผ่านทาง inbox ต้องทำการ ใส่ยอดเงินให้ถูกต้องตามจำนวนที่ลูกค้าโอนมา แล้วกด Mark As paid ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันการชำระเงิน
.
6.ROAS
ค่านี้ คือตัวชี้วัดว่า เราโฆษณาของเรานั้น ผ่านจุดคุ้มทุนหรือยัง? คำว่า ROAS นั้นย่อมาจาก Return on Ads Spend หรือ ผลตอบแทนต่อการทำโฆษณานั่นเอง
.
ไม่มีค่าตายตัวว่า ต้องเป็นเท่าไร แต่ยิ่งมาก คือ ยิ่งดี
สูตรของมันก็คือ เอายอดขาย หารด้วยค่าโฆษณา นั่นเอง
.
แต่ถ้าใครอยากรู้ว่า ROAS เท่าไหร ถึงจะเป็นจุดที่คุ้มทุน พี่นุก แนะนำให้ทำแบบนี้ครับ
.
เอา ราคาขาย-(ต้นทุนสินค้า+ค่ากล่อง+ค่าขนส่ง) ได้เท่าไร ให้เอามา หาร 2 จะได้ เป็นต้นทุนต่อการซื้อ ที่เรายังได้กำไรอยู่
.
ยกตัวอย่างเช่น
ราคาขาย = 290
ต้นทุน = 60
ค่ากล่อง = 5
ค่าขนส่ง = 30
.
ต้นทุนต่อการซื้อที่เหมาะสม = ((290)-(60+5+30) / 2) = 97.5 บาท
.
ดังนั้น ROAS = 290/97.5 = 2.97
หากเรายิงแอด แล้ว ROAS มากกว่า 2.97 ก็แสดงว่าผ่านเกณฑ์ที่น่าพอใจ
.
เป็นยังไงบ้างครับ กับการอ่านค่า Report Facebook ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ
.
แต่.. ถ้าใครอ่านแล้ว อยากจะรู้เพิ่มมากกว่านี้อีก
พี่นุก มีคอร์สออนไลน์ Facebook Masterclass 2024
.
คอร์สเดียวจบ ทั้งเรื่อง Content + การยิงแอด Update 2024
.
สนใจอยากเรียน ทักไลน์ @digitalnookacademy ได้เลยนะครับ
เย้! Instagram คนติดตามไม่ถึง 10,000 ก็ใส่ลิงก์ใน Story ได้แล้ว
เย้! Instagram คนติดตามไม่ถึง 10,000 ก็ใส่ลิงก์ใน Story ได้แล้ว
ข่าวดี สำหรับคน Instagram มาแล้วครับ
กับ feature ที่หลายๆ อยากได้ อยากใช้มานานแล้ว นั่นคือ การใส่ Link ให้คนไปต่อได้ ใน Story เพราะว่านี่คือช่องทาง ส่งคนไปซื้อของ หรือ เข้าเว็บไซต์ได้ตามที่คุณต้องการ
ถ้าใครอยากใส่ Link แบบนี้ได้ คุณต้องมีผู้ติดตาม 10,000 คนเสียก่อน จึงทำให้หลายๆ คนอยากจะ ปั๊มคนติดตามเร็วๆ เพื่อให้ใส่ลิงก์ได้ใน Story
แต่ตอนนี้ Update ล่าสุด ทาง Instagram อนุญาตให้ ผู้ใช้งาน Instagram ใส่ลิงก์ไปใน Story ได้แล้วทุกคน
ประโยชน์ของการใส่ลิงก์ใน Story คืออะไร?
ก่อนหน้านี้ เวลาเราอยากจะให้คนทักไปในช่องทาง Social Media อื่นๆผ่านทาง Instagram เราจะต้องไปใส่ใน Bio เท่านั้น
แต่พฤติกรรมส่วนใหญ่ของผู้ใช้งาน InStagram สมัยนี้ ชอบเข้าไปดู Story มากกว่า ซึ่งหากสนใจ ชอบใจสิ่งไหน ก็จะทักทาย สอบถามกันโดยตรง และจะดีแค่ไหน หากเราสามารถใส่ลิงก์ เพื่อส่งคนไปยังลิงก์ขายของ หรือ ลิงก์ LINE ลิงก์ salepage
(ยิ่งเป็น Salepage หรือ website ที่มีการติด Pixel ต่างๆ ก็สามารถ ไปทำการ Retarget หาลูกค้าได้)
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดี แล้วล่ะครับ ที่เราจะได้ไป ลองใช้งาน feature นี้กันแล้ว!!
“แล้วเราจะใส่ลิงก์ใน Story ได้อย่างไร?”
ไม่ยากครับ
1.อันดับแรก ให้กดไปที่ ภาพ Profile ของเราใน Instagram จะเป็นปุ่มบวก (+) ให้กดลงไป ตรงนี้จะเป็นการให้เราเลือกทำ Story ขึ้นไปในระบบ
- เลือกภาพ หรือ วิดีโอ ที่ต้องการสร้าง Story ขึ้นมา ก่อน
- ดูที่ด้านขวาบน มองหา เครื่องหมาย สติกเกอร์ แล้ว ค้นหาด้วยคำว่า “link” เมื่อเจอแล้ว ให้กดไปที่ สัญลักษณ์คำว่า “link”
- ใส่ url ที่เราต้องการ Promote ลงไปในนี้ แล้วหลังจากนั้น ในหน้า Story จะขึ้นเป็นปุ่มให้ทำการลิงก์ไปยัง URL นั้นได้
ok รู้แล้ว ลองไปทำกันนะคร้าบ ได้ผลลัพธ์ อย่างไร มาคอมเมนต์บอกกันได้ ในโพสต์นี้นะครับ 😉
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnookacademy
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
.
digitalnook #instagram
6 เทรนด์ Digital Marketing ในปี 2022
6 เทรนด์ Digital Marketing ในปี 2022
ในภาวะโรคระบาดที่คนทั้งโลกต้องเจอกันอยู่ในทุกวันนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จนแทบจะตามไม่ทัน นักการตลาดก็ต้องทำงานกันเหนื่อยไปเลยทีเดียว เพราะมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาให้ท้าทายความคิด และความสามารถอยู่ตลอดเวลา
เพื่อให้เราได้เท่าทันสถานการณ์ จึงควรต้องศึกษาเทรนด์ของ Digital Marketing ในปีหน้า ที่ใกล้จะมาถึง
นี่คือ 6 เทรนด์ Digital Marketing ในปี 2022 หรือ เทรนด์ การตลาด 2022 ที่คุณควรรู้ครับ
1.AI เติบโตขึ้นมาก
บริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก ธนาคาร หรือ การดูแลสุขภาพ นั้นเริ่มต้นใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการทำการตลาดแล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่จะใช้ใน Marketing Automation อย่างพวก การรายงานยอดคนเข้าเว็บไซต์ หรือ การแนะนำ Keyword คำค้นหาหลักๆ ที่จะทำให้ลูกค้ามาเจอกับธุรกิจของเราใน Search Engine แบบ Organic
ตอนนี้นักการตลาด ก็กำลังมองหา AI ที่จะทำหน้าที่ทำนาย ทายใจว่าลูกค้ามีแนวจะซื้ออะไรในอนาคต โดยอ้างอิงมาจากประวัติการเข้าชม และ การซื้อที่่ผ่านมาแล้ว!
และในปี 2022 นี้จะมีการใช้ AI ร่วมกับกลยุทธ SEO และกลยุทธทางการตลาดอื่นๆ อีกมากมายที่คุณจะต้องแปลกใจว่า ทำไม AI มันทำแบบนี้ได้!
2. Influencer Marketing จะมี AI มาช่วย
การทำการตลาดด้วย Influencer นั้นยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และนักการตลาดก็แบ่งงบตลาดมา 20% เพื่อนำมาใช้จ้าง Influencer
แต่ประเด็นก็คือ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า Influencer คนไหนที่เหมาะสมกับงานของคุณ?
ระบบ AI จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ ว่า Influencer คนไหนที่จะเหมาะสม กับงานของคุณ นั่นหมายความว่า ต่อไปนี้ คุณไม่ต้องมาปวดหัวกับการจ่ายเงินแบบเสียเปล่าให้กับ “คนที่ไม่ใช่” คุณจะจ่ายเฉพาะกับ influencer ที่สร้างยอดขายให้กับคุณเท่านั้น
จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันดู!!
3. ผู้ช่วยเสมือน
มีการประเมินกันว่า มูลค่าตลาดของการซื้อของด้วยการค้นหาด้วยเสียงนั้นจะถึง 4 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2022 ในขณะที่การค้นหาด้วยเสียงนั้นจะเพิ่มขึ้น 18%
ซึ่งตอนนี้หลายๆ ธุรกิจก็ได้ใช้ ผู้ช่วยเสมือนในการให้บริการลูกค้าแบบอัตโนมัติไปแล้ว ผ่านช่องทาง Social Media ต่างๆ Email Marketing และแพลตฟอร์มต่างๆ
ถ้าให้เห็นภาพง่ายขึ้นมากกว่า เดิม ในบ้านเราเองตอนนี้ ก็คือการใช้ “แชทบอท” นั่นเอง และ AI จะทำให้การตอบคำถามลูกค้านั้นดีขึ้น ลื่นไหล มีความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม
4. Hybrid Events
จากสถานการณ์โรคระบาดที่คนทั้งโลกได้เผชิญอยู่นี้ ทำให้เกิด New Normal ขึ้นมาหลายอย่าง การจัด Event ที่มีคนเยอะๆ ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นการถ่ายทอดสดผ่าน Zoom หรือผ่าน Live บ้างเพื่อรักษาระยะห่าง
แต่ตอนนี้คนส่วนใหญ่ เริ่มคลายความกังวลไปแล้ว นักการตลาดจึงต้องเผชิญหน้ากับการเลือกว่า จะจัด Event ในสถานที่จริงที่มีความสุ่มเสี่ยง หรือ จัด Event เสมือนให้คนเข้ามาดูแบบสบายๆ และปลอดภัย จากที่บ้านกันดีแน่?
ดังนั้นเพื่อให้ประสบการณ์ของ Event ในยุค New Normal นั้นดีขึ้น จะต้องมีการประยุกต์เอา เทคโนโลยี AR (augmented reality) และ VR (Virtual Reality) มาประยุกต์ใช้ร่วมด้วย
5. Content Marketing
หากต้องการให้ธุรกิจของคุณนั้นโดดเด่นขึ้นมา เหนือกว่าคนอื่น สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ จะต้องใส่ใจในเรื่องของการทำ PR ความเป็นผู้นำเทรนด์ และ การทำ SEO ให้มากขึ้น
อันดับแรก คุณต้องสร้าง Content ภายในสื่อที่คุณควบคุมได้เอง ถ้าดีที่สุด ขอแนะนำให้เป็นเว็บไซต์ เพราะสามารถทำ SEO ได้ (โดยเฉพาะ WordPress จะมีโครงสร้างที่เหมาะกับการทำ SEO)
อย่าลืมการทำ PR ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ มากยิ่งขึ้น จะเป็นสำนักพิมพ์ เว็บไซต์ต่างๆ บทความ สิ่งเหล่านี้ (เวลาคนจะตัดสินใจจ่ายเงิน มักดูรีวิว หาข้อมูลก่อนเสมอ ถ้ายิ่งเจอชื่อของคุณในสื่อมากเท่าไร ก็ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้นเท่านั้น)
และท้ายที่สุด ต้องทำให้คนสามารถลิงก์ไปหายัง Content ที่คุณสร้างเตรียมเอาไว้ในสื่อของคุณเอง หรือทำอย่างไรก็ได้ให้คน search แล้วเจอเว็บของคุณในหน้าแรก Google
6. Mobile First Marketing
ทุกวันนี้ คนใช้เวลาส่วนมากในชีวิตไปกับการจ้องหน้าจอมือถือ อยู่ตลอดเวลา สอดคล้องกับสถิติ การใช้งานเว็บผ่านสมาร์ทโฟน นั้นสูงถึง 80-90% เลยทีเดียว
ดังนั้น ประสบการณ์เข้าชมเว็บไซต์ของคุณนั้น จะต้องคำนึงเรื่องการออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายผ่านสมาร์ทโฟน หรือ แทบเล็ต เป็นอันดับแรกเลย ที่สำคัญยิ่งโหลดเร็ว ก็ยิ่งได้ใจลูกค้ามากขึ้นเท่านั้น
สรุป
หลายเรื่องที่เป็น เทรนด์ การตลาด 2022 หรือในปีหน้า ก็เป็นต่อยอดจากความรู้เดิมที่เราเคยศึกษามาก่อน อย่างเรื่อง Content Marketing SEO และ Mobile First Marketing
ดังนั้นปีหน้า SEO จะกลายเป็นเรื่องที่พูดถึงกันมากขึ้นในบ้านเรา เตรียมตัวกันให้พร้อมนะครับ เหลือเวลาอีกไม่เท่าไรแล้ว สำหรับปีหน้า!!
สำหรับคนที่สนใจเรื่อง SEO ผมจะมาแชร์ความรู้ และ เทคนิคต่างๆ มากขึ้น ผ่านช่องของผมดังต่อไปนี้นะครับ
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
แหล่งที่มาของบทความ
https://www.inc.com/john-hall/6-marketing-trends-to-prepare-for-in-2022.html
4 เทคนิคง่ายๆ เพิ่มยอดขายให้ร้านอาหาร ในช่วงกักตัว ด้วย LINE OA
4 เทคนิคง่ายๆ เพิ่มยอดขายให้ร้านอาหาร ในช่วงกักตัว ด้วย LINE OA
ช่วงกักตัวเพื่อความปลอดภัย ทำให้ธุรกิจร้านอาหารนั้น ต้องปรับตัวอีกครั้ง
เปิดให้นั่งกินที่ร้านไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีการ Delivery หรือ สั่งก่อนแล้วมารับ
ผมจึงขอแชร์ไอเดีย ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งหลาย
ได้เอาเทคนิคนี้ ไปใช้กัน
เมื่อคุณอ่านจนจบแล้ว จะได้วิธีใช้ LINE OA ในการเพิ่มยอดขาย
ให้ร้านตัวเอง ในสถานการณ์แบบนี้
มาดูกันเลยครับ
1. ปิดการขาย สร้างยอดได้ตั้งแต่ เพิ่มเพื่อน
90% ของคนที่ เปิดใช้งาน LINE OA มักจะเผลอลืมไปเสมอ
ก็คือ การปรับแต่งข้อความต้อนรับเพื่อนใหม่
มักจะใช้ข้อความพื้นฐานที่เค้าให้มา
คุณกำลังเสียโอกาสไปครับ
เหมือนลูกค้ามาถึงร้านเราแล้ว ไม่มีใครออกมาต้อนรับ
ไม่มีใครแนะนำเมนู ก็เสียโอกาส การขายไป
ดังนั้น เรามาปรับข้อความต้อนรับนี้กันครับ
เราใส่ข้อมูลตรงนี้ได้ถึง 5 บอลลูนด้วยกัน
ปรับข้อความต้อนรับ
ทักทายด้วยคำพูด ในแบบของร้านเราเอง อย่างน้อยๆ ก็คือ ร้านอะไร อยู่ตรงไหน เปิดปิดกี่โมง ลูกสั่งได้เลยนะ ในช่องทางนี้
ใส่ การ์ดเมสเสจ แนะนำเมนูอาหาร ได้แปลกตา
คนที่เมนูเยอะๆ อยากจะแนะนำให้ลูกค้าได้เห็น อยากให้ใช้ การ์ดเมสเสจ ครับ เพราะว่าลูกค้าที่เห็น จะชอบเลื่อนไปมา ดูแล้วละลานตา น่าสนใจมากกว่าปกติ ลองทำกันดูครับ
ใส่คลิปทำอาหาร เรียกน้ำลายลูกค้า
เสียงทำอาหาร ผัด ทอด สับ กับ ภาพเคลื่อนไหว ตอนทำอาหาร จะชวนหิวได้ ถ้าใครทำคลิปได้ดี ก็มีโอกาสมากขึ้น
2. บรอดแคสต์ บอกลูกค้าเก่า
ข้อดีของการ มีลูกค้าอยู่ใน LINE ก็คือ การ บรอดแคสต์ ส่งข้อความกลับไปหาเค้านั่นเอง
การจะมีคนมาติดตาม LINE นั้น หากใครมีลูกค้า เพิ่มเพื่อน มาก่อนหน้า ก็ถือว่าสะสมบุญเก่ามาก่อน
แต่ช่วงที่กักตัวนี้ ก็สามารถ ทำได้เช่นกัน
โดยปรินท์ QRcode เพิ่มเพื่อน ของ LINE OA ใส่ไปกับถุงอาหาร
แล้วพิมพ์มาบอกว่า ใช้ Delivery ของเจ้าไหน เวลาร้านจัดโปรโมชั่นกับ Delivery เจ้านั้นๆ จะได้แจ้งข่าวไปให้รู้
ลองทำดูนะครับ
ส่วนเนื้อหาที่จะบรอดแคสต์ไป ควรเป็นแบบนี้ครับ
เมนูใหม่ๆ ในช่วงนี้
เวลามีอะไรใหม่ๆ มาให้เลือกกิน ลูกค้าจะรู้สึกตื่นเต้น และ อยากลองสั่ง ลองทำเมนูใหม่ๆ แล้วส่งไปให้ลูกค้าเลือก ก็มีโอกาสขายได้มากกว่าเดิม
ลิงก์ Delivery ของร้านให้กดสั่งได้เลย
เพื่ออำนวยความสะดวก ลูกค้า ก็ส่งลิงก์ LINE MAN ของร้าน ไปให้ลูกค้าเลือกได้เลย
โปรโมชั่นต่างๆ เพื่อให้อยากสั่งกับเรา
แรงจูงใจ ให้ลูกค้าสั่งซื้ออาหารกับเรา ในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้น โปรโมชั่น ดังนั้นลองพิจารณา เอาไปใช้กันครับ ดังนี้
โปรโมชั่น ส่งฟรี / โปรโมชั่น 1 แถม 1 ในบางเมนู มีโอกาสเพิ่มยอดได้ในช่วงนี้ หรือ จะเป็นส่งฟรี เมื่อสั่งเกินกี่บาท
3.ใส่ ลิงก์ LINE MAN ที่ริชเมนู
สมัยนี้ Delivery คือเรื่องปกติ ไปแล้ว ถ้าร้านเราทำ Delivery กับ LINE MAN ก็จะดีมากๆ อย่าให้เสียโอกาสไปครับ
แนะนำให้ ติดไว้ใน Rich Menu เพราะ เวลาบรอดแคสต์ คนจะกดริชเมนู ไปด้วย
สำหรับร้านไหน อยากรู้วิธีทำ ไปตามดูกันได้เลยนะครับ ในลิงก์นี้
https://www.youtube.com/watch?v=Qm8_3mxhfNk
4. ทำบัตรสะสมแต้ม ให้ลูกค้ามาซื้อซ้ำ
เวลาคนสั่ง อาหารกับร้านไหน สิ่งที่จะมัดใจ ได้นอกเหนือจากรสชาติ และ งานบริการ ก็คือ บัตรสะสมแต้ม
เพราะหากสั่งบ่อยๆ เป็นประจำอยู่แล้ว
ถ้าได้อะไรเป็นรางวัล เมื่อสะสมถึงเป้าแล้ว ก็จะทำให้เราเป็นตัวเลือกแรกๆ ในใจเสมอ
คือ ซื้อร้านนี้ ได้สะสมแต้ม ได้รางวัล ยังไง ฉันก็จะมาร้านเธอ
และส่วนใหญ่ ก็จะมักจะรวม order จากกลุ่มเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัว เพื่อให้ถึงเป้าเร็วๆ และตัวเองจะได้สิทธิพิเศษ นั้นไป
ลองทำกันครับ ไม่ยากเลย ทำได้ง่ายๆ ครับ
และทั้งหมดนี้ คือ เทคนิคง่ายๆ ที่ผมตั้งใจมอบให้กับ เจ้าของร้านอาหารทุกท่าน
ไปทำตามกัน เพื่อผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้
โอกาส มีเสมอ ให้กับคนที่ตั้งใจ และ มุ่งมั่น ครับ
สู้ๆ นะครับ
digitalnook #lineoa #ร้านอาหาร
เริ่มต้น ยิงแอด LINE Ads Platform เลือกวัตถุประสงค์อะไรดีนะ?
เริ่มต้น #ยิงแอด LINE Ads Platform
เลือกวัตถุประสงค์อะไรดีนะ?
.
สิ่งที่คนทำโฆษณา มักจะพลาดกันบ่อยๆ อยู่เสมอ เวลายิงแอด
แล้วมักบ่นว่า…
.
“ยิงไปแล้ว จ่ายเงินไปแล้ว ทำไมไม่มียอดขายเลย”
“ยิงแล้วเงียบ”
.
ส่วนใหญ่ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนแรก ที่เราอาจละเลยไป
นั่นคือ การเลือกวัตถุประสงค์
ถ้าเลือกถูก เราก็จะได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ
เลือกผิด เราก็จะเข้าวงจรเดิม คือ “ยิงแล้วเงียบ”
.
จะดีกว่ามั้ย หากเราติดกระดุมเม็ดแรกได้ถูกต้อง
.
กับเรื่องนี้
ยิงแอด LINE Ads Platform เลือกวัตถุประสงค์อะไรดีนะ?
.
LINE Ads Platform คืออะไร?
มันก็คือ ระบบโฆษณา ที่สร้างขึ้นมาให้ใช้ ภายใน LINE นั่นเอง
วันนี้ คุณมี LINE OA ก็สมัครเพื่อยิงแอดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่าน Agency
.
มาดูกันครับว่า มีวัตถุประสงค์ อะไร แล้วควรเลือกแบบไหนดี?
ใน LINE จะแบ่งตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจครับ
.
1.สร้างการรับรู้
- ความถี่**
- การเข้าเว็บไซต์
- ดู วิดีโอ
ถ้าสินค้าของคุณ ไม่ใช่สินค้าที่ตัดสินใจได้ง่าย
เวลาเสนอขายครั้งแรก
จะมีคนเพียง 3% เท่านั้น ที่อยากได้สินค้าของเรา
ส่วนที่เหลือ คือ รู้ว่ามีปัญหา แต่ยังไม่เลือกซื้อของเรา
กับคนที่ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอยู่
.
ดังนั้น เราต้องสร้างการรับรู้ ให้เกิดขึ้น ให้รู้จักสินค้าของเรา
ด้วยการทำโฆษณาวัตถุ ประสงค์ การเข้าเว็บไซต์ ให้เขาได้ข้อมูลเพิ่ม
ดูวิดีโอ เพื่อให้เรียนรู้ ว่าสินค้าของเรา คืออะไร เป็นอย่างไร
.
เมื่อเขารู้จักเราแล้ว เวลามาเจอครั้งต่อไป ก็จะคุยกันได้ง่ายขึ้น เปิดใจได้มากขึ้นนั่นเอง
.
(วัตถุประสงค์ความถี่ จะมีให้ใช้ สำหรับ LINE Agency นะครับ)
.
- เพิ่มฐานลูกค้า
- เพิ่มเพื่อน
- ติดตั้งแอป
.
เมื่อรู้จักกันแล้ว อันดับต่อไป ให้ชวนเขาเข้ามาทำความรู้จักกับเรามากขึ้น
ใน LINE เราจะใช้วัตถุประสงค์ การเพิ่มเพื่อน นั่นเอง
.
เป็นขั้นตอนเปลี่ยนคนสนใจ ให้มาเป็นคนติดตาม
เราต้องทำโฆษณา ดึงดูดใจ ให้เขาเลือกเพิ่มเพื่อนกับเรา
อาจจะเป็น ข้อเสนอพิเศษ ครั้งแรก เมื่อเพิ่มเพื่อน
.
“ส่วนลด xxx บาท สำหรับคนที่ซื้อครั้งแรก”
“ส่งฟรี ทั่วไทย สำหรับลูกค้าใหม่”
.
เคยมีเจ้าของร้านใน LINE OA บางท่าน สร้างข้อเสนอได้ดีตอบโจทย์ลูกค้า
คนทักมารัวๆ ระดับนาที ก็มีมาแล้ว
.
หรือใครที่ทำแอป ก็ให้คนมาดาวน์โหลดแอป เอาไว้ เพื่อสื่อสารกับลูกค้าในภายหลัง
.
- เพิ่มยอดขาย
- เว็บไซต์ คอนเวอร์ชั่น
- การมีส่วนร่วมในแอป
เมื่อยิงแอด ในสองวัตุประสงค์ แรกไประยะหนึ่งแล้ว
เราจะเริ่มเข้าใจ ว่า ลูกค้าต้องการอะไร แล้ว content แบบไหน ที่เขาตัดสินใจซื้อ
.
ที่สำคัญ หากเรามีการเก็บ ข้อมูลคนที่เข้าเว็บไซต์ คนที่เคยซื้อ
เมื่อมีข้อมูลเหล่านี้ มากพอ
.
เราก็สามารถ ใช้วัตถุประสงค์ เว็บไซต์ คอนเวอร์ชั่น
มาช่วยเพิ่มยอดขาย ด้วยการ Retarget ในอนาคตได้
.
- รักษาฐานลูกค้า
- การขายสินค้าแบบ ไดนามิก**
.
เป็นการขายสินค้า ให้กับลูกค้ากลุ่มเดิม แบบเฉพาะเจาะจง
สำหรับลูกค้าคนนั้น
.
(วัตถุประสงค์นี้ จะมีใช้สำหรับ Agency)
.
วัตถุประสงค์ทั้งหมดนี้
จะเป็นลำดับ เป็นสเต็ป ตาม sale funnel หรือกรวยการขายนั่นเอง
ลองใจเย็นๆ แล้วเริ่มตั้งแต่ 1-2-3-4
.
รับรองว่า การยิงแอดใน LINE Ads Platform จะเป็นระบบมากขึ้น แน่นอนครับ
.
ใครมีคำถาม หรือ ข้อสงสัยเกี่ยวกับ LINE Ads Platform
สามารถสอบถาม ทักไลน์ หรือ inbox มาได้นะครับ
ติดตาม ผม Digitalnook ได้ในช่องทางต่อไปนี้ได้เลยนะครับ 😉
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
รีวิว Clubhouse จากประสบการณ์จริง และ 8 สิ่งที่ได้เรียนรู้จากแอพนี้
Clubhouse เล่นมาแล้ว เลยขอ รีวิว จากประสบการณ์จริง และ 8 สิ่งที่ได้เรียนรู้จากแอพนี้
กลายเป็นเรื่องร้อนแรง สำหรับคนในวงการ Digital
กับ Application Social Media ตัวใหม่ ที่ทำให้คนออกมาสนทนาด้วยเสียง
ในห้อง ตามหัวข้อที่ตัวเองสนใจ
Application นี้คือ Club House นั่นเอง
ผมเอง ได้รับ Invite ไป จากคุณ Ning Waleetip
เมื่อ 2 วันก่อนและได้ลองใช้งานแล้ว เลยอยากรีวิว การใช้งาน Application นี้ให้ฟังกัน
ความเห็นส่วนตัว
ผมว่า ดีมาก เพราะตัว Application ถามเราตั้งแต่ต้นว่า มีความสนใจเรื่องอะไร
แล้วจะนำเสนอคนที่มีความสนใจ เรื่องเดียวกับเรา
ทำให้หัวข้อ ห้องสนทนา ที่เราอยากฟัง มันขึ้นมาตามความสนใจจริงๆ
มีทั้ง Moderator / speaker และ listener
ผมเอง ใช้เวลาไปฟังในห้องเรื่องการตลาดออนไลน์ การทำ Content เครื่องมือวิเคราะห์ออนไลน์ การใช้ TikTok เพื่อทำธุรกิจ
ได้ไอเดียใหม่ เรื่องใหม่ๆ จากคนทำงาน คนวงในมากขึ้น
ถือว่า ok เลยทีเดียว
จึงจับประเด็นออกมาได้ 8 ข้อ เกี่ยวกับ Club House ดังนี้ครับ
1.เล่นเพราะ FOMO
สิ่งแรกสุด ที่ผม(และอีกหลายๆคน) อยากเข้าไป อยากใช้งาน
อยากรู้ ว่ามันทำงานยังไง ดีอย่างไร จะได้คุยกับคนอื่นรู้เรื่อง
เอาง่ายๆ กลัวที่จะหลุดเทรนด์ หลุดกระแส (ยอมรับเลย)
แต่ก็คอนเฟิร์มว่า มันเป็นเทรนด์ที่ดี หากฟัง แล้ว หยิบเอาประเด็นเจ๋งๆ ไปใช้งานต่อ
2.ฟังไอเดียจาก จากคนวงใน insight มาก
บรรยากาศในห้องที่ผมเข้าไปนั่งฟังด้วย เป็นกันเองมากๆ
แต่ละคน ออกมาแชร์เรื่องราว ลึกๆ แนวคิดใหม่ๆ หรือเรื่องที่เราอาจจะไม่เคยเจอมาก่อน
ถือเป็นการ เรียนรู้ ได้ข้อมูลใหม่ ในเวลาสั้นๆ
3.กระทบไหล่คนดังแบบง่ายๆ
ในชีวิตจริง การจะได้ฟังคนดังๆ มาแชร์ทัศนคติ หรือ ประสบการณ์ แบบลึกๆ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้น้อย
แต่ในห้องสนทนา club house นั้น พูดได้เลยว่า
มันเกิดขึ้นได้ง่าย และ เร็วมาก
เมื่อวานเข้าห้อง TikTok กับการทำธุรกิจ ก็ได้เจอแนวคิดดีๆ จาก…
- คุณอาตี๋รีวิว เจ้าของช่อง TikTok 2 ล้าน กับเทคนิคการปั้นช่อง
- คุณวูดดี้ ที่เข้ามาแชร์ความสุขในการทำช่อง TikTok
- คุณคิว คยต. ออกมาแชร์ประสบการณ์ขายของใน TikTok
คำบอกเล่า 2-3 นาที ที่มาแชร์ให้เราฟัง เกิดจากการลงมือจริงหลายเดือน
ถือว่าคุ้มเวลามาฟังแล้วล่ะครับ
4. กระตุ้นให้ตั้งใจฟังมาก
เนื่องจาก ห้องสนทนา ClubHouse จะไม่มีการบันทึก ให้ฟังแบบย้อนหลัง อารมณ์เหมือนไลฟ์จบลบเลย
นอกจากจะใช้เครื่องบันทึก อื่นๆ มาอัดแยกต่างหาก
เลยต้องตั้งใจฟัง และจับประเด็นดีๆ
เพื่อจะเอาความรู้มาใช้งานได้จริง
5. ทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ด้วย
หลายคนชอบฟังพอดแคสต์ เพราะทำกิจกรรมอย่างอื่นไปได้ ไม่ต้องดู ฟังแต่เสียงอย่างเดียว
ClubHoue ก็เหมือนกัน
เราเลือกห้องที่สนใจ แล้วเปิดฟัง แล้วออกกำลังกาย หรือ นั่งรถ ไปด้วย
(ผมเอง ฟังตอนนวด ก็เพลินดีนะ)
ถึงเวลาอยากแชร์ ก็กดไมค์เปิดมาพูด
เป็นการใช้เวลาใช้เวลาในแต่ละวันได้อย่างมีคุณค่า
6. ทุกคนทรหดมาก
มีห้องหนึ่ง เมื่อวาน คุยกันลากยาว ตั้งแต่ตี 1 ยัน 4 ทุ่ม ไม่มีทีท่าจะจบง่ายๆ
เพราะแบ่งหน้าที่กัน เลยไม่เหนื่อย
มีคนมาพูด มาคุย มาฟัง ผลัดกันไปมา
เวลาเปิดห้องจึงลากยาวต่อเนื่องได้
7.อยากมีตัวตน อย่าฟังอย่างเดียว
ลองนึกถึงตอน เราไปสัมมนา ในห้องประชุมใหญ่ๆ
คนที่โดดเด่น รองลงมาจาก วิทยากร ก็คือ ผู้ตั้งคำถาม
แต่เราจะจำคนที่ฟังสัมมนาด้วยกัน ได้น้อยมาก
ถ้าอยากมีตัวตน ให้คนจดจำได้
การเป็น Speaker สักครั้ง เป็นเรื่องควรลอง
ตื่นเต้นน้อยกว่า Facebook Live เพราะไม่ต้องกังวล เรื่องเสื้อผ้าหน้าผม
ไม่ต้องจัดแสง
อยากพูด พูดเลย ในสิ่งที่เราอยากแชร์
8. แนะนำให้ shortnote ไว้ด้วย จะได้ประโยชน์มาก
เพื่อประโยชน์ สูงสุด ในการใช้เวลาไปกับ ClubHouse
ถ้าสนใจหัวข้อไหนจริงๆ แนะนำ
จดโน้ตบันทึกโน้ตไว้ด้วย เพื่อกลับมาอ่านวันหลัง
ถือเป็นการทบทวนสาระที่เราได้รับมาไปในตัว
ถึงตาคุณแล้ว
วันนี้ ใครได้ใช้ ClubHouse แล้ว
มาคุยกันหน่อยนะครับ ว่า ชอบตรงไหน มีห้องอะไรน่าสนใจ
มีใครน่าติดตาม
เขียนมาในคอมเมนต์ใต้โพสต์เลยนะครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
6 ข้อแตกต่าง ยิงแอด TikTok เทียบกับ ยิงแอด Facebook (Update ปี 2021)
6 ข้อแตกต่าง
ยิงแอด TikTok
เทียบกับ ยิงแอด Facebook
(Update ปี 2021)
ทุกวันนี้ TikTok ได้กลายเป็น Social Media น้องใหม่ ที่มาแรงสุดๆ
มีการพูดถึงอย่างมากมาย คลิปดังๆ เพลงฮิตๆ ข่าวสารใหม่ๆ ทุกคนก็มักจะบอกว่า
“เห็นใน TikTok” อยู่เสมอ
แต่มีอีกเรื่องที่หลายคนรู้แล้ว แต่หลายคน อาจจะยังไม่รู้คือ
TikTok สามารถทำโฆษณาได้ และ ทำได้ด้วยตัวเอง
ไม่ต้องผ่าน Agency ใดๆ เริ่มต้นได้ที่วันละ 200 บาท
หลายคนที่ยิงแอด Facebook มานาน เมื่อลองไปยิงแอด TikTok แรกๆ
อาจจะงง เพราะต้องปรับใจ ปรับระบบความคิด พอสมควร
ดังนั้น ผมเลยขอเปรียบเทียบ ความแตกตาง ระหว่าง การยิงแอดใน Facebook กับการยิงแอดใน TikTok 6 ข้อที่สังเกตได้ ให้ทุกคนได้อ่านกันดังนี้ครับ
1. ยิงแอด Facebook เป็นแบบใช้ก่อน จ่ายทีหลัง TikTok เติมเงินก่อน แล้วใช้
หากทำโฆษณาในเฟสบุ๊ค เราทำโฆษณาออกไปก่อน แล้วเมื่อถึงเวลา
ระบบจะมาหักเงินที่เชื่อมบัตรเครดิตเอาไว้ เสมอ
จะเรียกว่า ระบบ Post Paid ก็ได้
แต่สำหรับ TikTok ถ้าจะโฆษณา
เราต้องเอาเงินไปเข้าระบบ ก่อน เพื่อให้ระบบ ตัดเงินไปตามงบที่เรามีอยู่
จะเรียกว่าเป็นแบบ Prepaid ก็ได้ครับ
2. ยิงแอด Facebook จะยิงแอดกับเพจไหนก็ได้ / ยิงแอด TikTok จะยิงแอดเข้า Salepage
ปกติ เวลาเราทำโฆษณาใน เฟสบุ๊ค สิ่งที่คุ้นเคยก็คือ
เราสร้างเพจ ขึ้นมา และโฆษณาโดยใช้โพสต์ในเพจนั้น หรือ ทำจากระบบโฆษณาในเฟสบุ๊ค แล้วเชื่อมโยงกันได้
เวลาคนถาม หรือ inbox ก็คุยกันได้เลย ในเพจนั้น
แต่สำหรับ TikTok บัญชีที่เราโพสต์เนื้อหา กับ การโฆษณา จะแยกส่วนกันทำงาน
ตัวที่ทำทำโฆษณา ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง แล้วโยนไปยังเว็บไซต์ หรือ Salepage ซึ่งต้องมีจุดเชื่อมโยงมาหา ธุรกิจของเรา ไม่ว่าจะเป็น Line Messenger หรือ เบอร์โทร
3. วัตถุประสงค์ Facebook มีมากกว่า / วัตถุประสงค์ TikTok มีน้อยกว่า
หากใครยิงแอด Facebook มาโดยตลอด จะพบว่า มีวัตถุประสงค์ให้เลือกใช้เยอะมาก เยอะแบบสุดๆ ตั้งแต่ความสนใจ พฤติกรรม หรือ แม้กระทั่ง อาชีพ การศึกษา โทรศัพท์มือถือที่ใช้ ใช้ทั้งชาตินี้ ก็คงไม่หมด
ส่วน TikTok ตอนนี้ ความสนใจจะมีให้เลือกน้อยกว่ามาก ดังนั้น จึงไปแข่งขันกันในเรื่อง Content ใครทำได้น่าสนใจกว่า ก็มีโอกาสขายได้ มากกว่า
4. ยิงแอด Facebook เลือก Location ลึกถึงระดับรัศมี 1 ไมล์ / ยิงแอด TikTok ลึกสุดที่ระดับจังหวัด
ถ้ายิงแอดใน Facebook เราสามารถโปรโมตกิจการให้คนที่อยู่ใกล้ๆ รู้จัก แล้วมาใช้บริการของเราได้ เพราะระบุรัศมี ยิงแอดในรัศมี 1 ไมล์ได้
สำหรับ TikTok เราเลือก Location ในการทำโฆษณา ได้แคบสุดคือระดับจังหวัด ดังนั้น
5. ยิงแอด Facebook ใช้ Content ทั้งแบบ ภาพ วิดีโอ ลิงค์ / ยิงแอด TikTok เน้น วิดีโอ แล้วเข้า Salepage
การยิงแอดใน Facebook มีเพียงภาพถ่าย หลายๆ ภาพ หรือ ภาพเดียว โพสต์ลงเพจ ก็พร้อมทำโฆษณาได้แล้ว
สำหรับ TikTok การใช้วิดีโอ ในการสื่อสารกับลูกค้าคือสิ่งที่จำเป็นที่สุด เพราะยิ่งเหมือน Content ที่เราดูกันสนุกๆใน TikTok ยิ่งดี เพราะ TikTok ชอบโฆษณาที่มีความสร้างสรรค์
และโฆษณาสร้างสรรค์ กระตุกอารมณ์คนดู จะปังเป็นพิเศษ
6. สินค้าที่ยิงแอดใน Facebook สามารถขายได้ทุกระดับ / สินค้าใน TikTok ที่ขายได้ดี คือ สินค้าราคาไม่สูง
สินค้าที่ขายใน Facebook ขายได้ ตั้งแต่ของชิ้นเล็กหลักร้อย ไปจนถึง ของชิ้นใหญ่ หลักล้าน เพราะคนใช้งานทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ฐานข้อมูลจึงใหญ่ตาม โอกาสก็เพิ่มขึ้นมากไปด้วย
ส่วน TikTok นั้น สินค้าที่ได้รับความนิยม ณ ตอนนี้ ยังเป็นสินค้าสำหรับกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และ เกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม ราคาไม่แพง แบบนี้จะเหมาะกับ TikTok
ถ้าเป็นของราคาแพง ที่้ใช้เวลาตัดสินใจนานให้มอง TikTok เป็นเครื่องมือสร้างการรับรู้ที่ดี จ่ายเงินเท่าเดิม แต่การเข้าถึงมากขึ้นกว่าหลายเท่า
Update ปี 2021
ล่าสุด ยิงแอด TikTok ผ่านสมาร์ทโฟน มีให้ใช้งานแล้ว ซึ่งใช้การ เพิ่มยอดวิวของช่อง TikTok เป็นหลัก เหมาะกับคนที่อยากเพิ่มยอดคนติดตาม TikTok เพราะถ้าคลิปของคุณดี คนจะติดตามเพิ่มขึ้นอัตโนมัติ
ยิ่งมีการใช้เงินโปรโมท ทำให้คนเห็นมากขึ้น จะเพิ่มโอกาสให้คนมาตามได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
Update! ฟังก์ชั่นใหม่! เพิ่มยอดขายใน LINE OA ด้วย “รหัสส่วนลด” ใน Myshop
Update! ฟังก์ชั่นใหม่!
เพิ่มยอดขายใน LINE OA ด้วย “รหัสส่วนลด” ใน Myshop
มาแล้วจ้า มาแล้ว!
ในที่สุด ระบบหน้าร้านออนไลน์ ใน Myshop
ก็ทำระบบ รหัสส่วนลด ให้เรามาใช้กันแล้ว
นี่เป็นฟังก์ชั่นใหม่ที่จะทำให้คุณขายดียิ่งขึ้นใน LINE OA
ถ้าคุณเคยซื้อของใน Shopee มาก่อน น่าจะเคยเห็น
บัตรส่วนลดที่เค้าแถม ให้อยู่เป็นประจำ
รูปแบบการใช้งานไม่ต่างกันเลยครับ
สามารถสรุปให้ฟังได้ดังนี้ครับ
- ส่วนลดที่สามารถทำได้ จะเป็นส่วนลดแบบเหมารวมต่อยอดขาย
- สามารถตั้งได้เป็น เปอร์เซ็นต์ และ กำหนดให้ลดสูงสุด ได้กี่บาท
- กำหนดจำนวนสิทธิในการได้ส่วนลดได้ ไม่เกิน 10,000 สิทธิ์
- กำหนด 1 คนได้กี่สิทธิ์
- กำหนดระยะเวลา ในการแจกสิทธิ์ ได้ด้วยตัวเอง
ใครอยากทำ ก็ให้เข้าไปที่ หน้า Myshop ของร้านคุณเอง แล้วไปที่ เมนู “รหัสส่วนลด” ตรงด้านซ้ายมือ แล้วกำหนดค่าต่างๆ ได้เลยครับ 😉
เยี่ยมสุดๆ ไปเลย สำหรับฟังก์ชั่นนี้ ลองไปใช้งานกันได้แล้วจ้า
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
เทคนิคเพิ่มคนไลค์เพจให้เยอะ แบบขายของได้ เขาทำแบบนี้
สมัยนี้ การเปิดเพจขายของใหม่ๆ
เรื่องที่เจ้าของธุรกิจ มักจะคิดก่อนเป็นลำดับต้นๆ ก็คือ
จะหาคนมาตามเพจเยอะๆ ได้ยังไง
.
จึงมักจะไปเปิดหาทางแก้ไข ในเพจหรือ Google
จนไปพบบริการเพิ่มคนติดตามเพจ หรือหนักๆ เลย ก็คือปั๊มเพจ
.
ถามว่าได้คนจริงมั้ย ได้นะ แต่ใครก็ไม่รู้
.
ถ้ามองหาวิธีการเพิ่มคนติดตามแบบมีคุณภาพ
และตามมาซื้อของ ซื้อบริการของเราจริงๆ
.
จัดเลยกับสิ่งนี้!
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
custom audience กลุ่มเป้าหมาย กำหนดเอง ตามความพอใจ ทำได้แบบนี้นี่เอง
custom audience กลุ่มเป้าหมาย กำหนดเอง ตามความพอใจ ทำได้แบบนี้นี่เอง
หลังจากที่เราได้เรียนรู้ ทำความรู้จัก กับกลุ่มเป้าหมายหลักของ Facebook หรือ Core Audience ที่ได้กล่าวไปเมื่อวาน
ถ้าสนใจอยากเรียนรู้ ก็เข้าไปอ่านย้อนหลังกันได้นะครับ
เพราะเขียนให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ
หากกลุ่มเป้าหมายหลัก หรือ core audience คือสิ่งที่ facebook จัดสรรมาให้ จากพฤติกรรมของคนใช้งาน facebook
กลุ่มเป้าหมายที่เรากำลังพูดถึงตอนนี้ ก็คือ
Custom Audience หรือกลุ่มลูกค้าที่ เราสร้างขึ้นมาเอง จากข้อมูลของลูกค้า
กำหนดเอง อยากทำอะไร ก็จัดไปเอง
ข้อมูลลูกค้า มีอะไรบ้าง ที่เราเอามาทำ Custom Audience ได้?
ข้อมูลที่เรานำมาทำ Custom Audience นั้นมีหลายแบบ ตั้งแต่
– การมีส่วนร่วมกับเพจของเรา
ไม่ว่าคนติตดามเพจของเรา จะทำอะไร จะคลิก จะดู จะกดอะไรก็ตามในเพจของเรา หรือแม้แต่การ inbox มาพูดคุยกับเรา
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรม ที่ทำให้รู้ว่าเขาชื่นชอบเรา หรือ มี engagement ร่วมกับเรา
หากใครมีกิจกรรมแบบนี้ ถือว่าเขาคือ Warm Market ที่สามารถ เปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ไม่ยากแล้วจ้า!!
– อีเมล์ : อีเมล์ลูกค้า
จะดีแค่ไหน ถ้าเราเอาอีเมล์ของลูกค้ามาเป็นทำเป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อยิงโฆษณาไปหาเขาได้
เพราะเรารู้แล้วว่า เขาชื่นชอบเรา การยื่นข้อเสนอ หรือ ทำให้เขาเห็นเราบ่อยๆ จึงทำให้มีโอกาส จะปิดการขายได้ง่ายขึ้น
เหมือนเพลง “น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันกร่อน”
เห็นบ่อยๆ เจอบ่อยๆ ถ้าไม่รำคาญกันไปเสียก่อน ก็จะ ซื้อเราเข้าสักวันแน่ๆ
แล้วทำไมอีเมล์ถึง ทำได้ล่ะ?
นั่นเป็นเพราะว่า การสมัครใช้ facebook ทุกคนจะต้องมี อีเมล์ หรือ เบอร์โทร อยู่เสมอ นั่นเอง
ถ้าข้อมูลอีเมล์ลูกค้า ตรงกับ facebook ละก็
เราก็จะได้กลุ่มเป้าหมายจากอีเมล์นั้นมาเลยจ้า!
(ถ้าเป็นเมล์องค์กร ไม่น่าจะทำได้นะ เพราะไม่ค่อยจะเห็นใครเอาเมล์องค์กรมาสมัครเล่น facebook!!)
– เบอร์โทร
เบอร์โทร ก็เป็นหลักการเดียวกับ อีเมล์ครับ ดังนั้นจึงเข้าใจได้ไม่ยาก
– การรับชม video
วิธีนี้ เป็นการไปรวบรวม เอาคนที่เคยดู video ของเรา ซึ่งยังแบ่งไปอีกว่า ดู 3 วินาที 5 วินาที หรือ 10% 20% ของเวลาทั้งหมดออกมาด้วย / คนที่ดู video ของเรานานๆ แสดงว่าเขาชอบ สิ่งที่เรานำเสนอ ดังนั้น จึงถือว่า เป็นการทำกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำมากขึ้น
ลองจินตนาการว่า ถ้าเราทำคลิปไก่ชนขึ้นมา คนที่ดูคลิปไก่ชนนานๆ แสดงว่าเขาต้องชอบมันจริงๆ
ถ้าเราทำโฆษณา ยาชูกำลังไก่ชน หรือ อะไรที่เกี่ยวข้องกับไก่ชน ไปหาคนกลุ่มนี้
เขาย่อมตอบรับสิ่งที่เราส่งไปให้ มากกว่าคนอื่นๆ
เห็นภาพมั้ยครับ?
– คนที่ inbox มาหาเรา
ถ้าเรามีคน inbox มาสักพันคน แล้วเราทำโฆษณาไปหาคนเหล่านี้อีกครั้งได้
เขาก็ย่อมมีโอกาส ที่จะซื้อของๆ เรามากขึ้นกว่าคนอื่นๆ จริงมั้ยครับ
แต่เด็ดกว่านั้น หากเพจของใคร ฟังก์ชันบรอดแคสท์ หรือยิงข้อความไปหาลูกเพจได้ละก็
ทำเลยจ้า!! อันนี้ ตรงๆ เนื้อๆ เน้นๆ
แต่อาจจะรำคาญได้ ถ้าคุณส่งแต่การขายของ
ดังนั้น เขาจึงมักส่งเนื้อหา ดีๆ ทีน่าสนใจไปแทน
ถ้าเป็นเรา มีแต่คนส่งโฆษณามาให้ เราจะยังกดไลค์ กดติดตามเพจนั้นหรือเปล่า?
จริงๆ ยังมีเรื่องของคนดู canvas แต่บ้านเราไม่ค่อยนิยมเท่าไร จึงขอไม่กล่าวไว้ ณ ที่นี้นะครับ
เพราะหลักการจะเหมือนกันหมดเลยจ้า
คนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของเรา
– อันนี้ เป็นการสร้างกลุ่มเป้าหมายใน ขั้นสูงขึ้นมา ซึ่งคุณต้องมีเว็บ และต้องใช้งานร่วมกับสิ่งที่เรียกว่า pixel code ด้วย
จำเอาไว้ว่า มันเป็นเหมือนสปาย ที่จะเข้าไปเกาะติด คนที่เข้าเว็บคุณ
เข้ามา 1 คน ก็คือเกาะติดไป
เข้ามาอีก 1 คนก็เกาะติดไป
พอได้เวลาก็ส่งโฆษณาไปหาคนเหล่านั้นได้เลย
เหมือนตอนเราเข้า agoda booking lazada พอออกมา
ก็มีโฆษณาห้องพัก หรือสินค้าที่เราเพิ่งดู ใน facebook!!
และเด็ดสุดๆ เร็วๆนี้ facebook จะให้เราสร้าง custom audience จาก facebook group แล้ว
โดยมีข้อแม้ว่า คุณต้องเป็น admin ของ group นั้นนะ
แต่ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลออกมามากนัก ผมเลยไม่สามารถจะเอาตัวอย่าง หรือ กล่าวได้มากกว่านี้ครับ
(หากทำได้จริงๆ มันจะเจ๋งมากๆ เลยนะครับ รอๆๆๆ เฝ้ารอกันไป May 2019)
พอเราได้กลุ่มเป้าหมายที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ นานๆ ของลูกค้ามาแล้ว หน้าที่ของเราก็คือ
การยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายนี้
ซึ่งสามารถเลือกได้จาก saved audience ใน Ad Set นะคร้าบ
เขียนมายืดยาวแบบนี้
ถ้าเข้าใจง่าย หรือ ไม่ค่อยเข้าใจ
สามารถ comment กันมาได้นะครับ
และที่สำคัญที่สุด
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์
แล้วจะมา update เรื่องของกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ นั่นคือ
look a like audience จ้า
แล้วเจอกันครั้งต่อไป นะ 😉
.
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
.
Youtube
https://www.youtube.com/channel/UCyQ_MC0JA3CYoA1bgkDpFow?sub_confirmation=1