ถ้าวันนี้ไม่มี Facebook แล้วใช้อะไรแทนดี?
ถ้าวันนี้ไม่มี Facebook แล้วใช้อะไรแทนดี?
ลองคิดกันเล่นๆ ว่าหากวันนี้ ไม่มี Facebook ให้ใช้แล้ว
เราจะใช้อะไรแทนกันดี?
ถ้าไม่มีให้ใช้จริงๆ ก็แอบหวั่นใจเหมือนกันนะครับ
เพราะเราลงทุนสร้างตัวตน สร้างคน สร้างฐานแฟนไว้ใน Facebook กันเยอะมาก
เป็น Social Media ที่เติบโตด้วยการแชร์เรื่องราวต่างๆ
เป็น Social Media ที่เราใช้ในการสื่อสารพูดคุยกับลูกค้า และดึงให้เข้ามาใช้บริการเราได้
แม้เราจะบ่นว่า ทุกวันนี้ ค่าโฆษณาแพงเหลือเกินก็ตาม
แต่หากวันไหน Facebook ล่ม แล้วธุรกิจของคุณสะดุด
แสดงว่า เราเอาทุกอย่างไปอยู่ใน Facebook หมดจริงๆ
จะดีกว่ามั้ย หากเราได้สร้างฐานข้อมูลในบ้านหลังอื่นๆ เอาไว้ด้วย
เราลองมาศึกษา เครื่องมือออนไลน์ ตัวอื่นๆ กันดูบ้าง
ปล. ถ้า Facebook ไม่มีจริงๆ
สิ่งที่จะหายไปด้วย ก็คือ Instagram Whatsapp เพราะเป็นบริษัทเดียวกัน
ลองมาดูกันมะ
1.LINE
คนใช้งานในไทย 45 ล้านบัญชี
เครื่องมือ สื่อสารที่คนไทย ใช้งานเป็นเรื่องปกติ ไปแล้ว ทั้งพิมพ์ ทั้งโทร ทุกวันนี้
หากจะใช้ LINE ในการสื่อสาร แนะนำให้ใช้ LINE Official Account หรือ LINE OA เพราะมีฟังก์ชั่นที่อำนวยความสะดวก ให้เจ้าของกิจการ สื่อสารกับ ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นการบรอดแคสต์ข้อความที่ส่งไปถึงผู้ติดตามได้ครบ 100% หรือการทำระบบสะสมแต้ม ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องไปซื้อโปรแกรมเสริมอื่นๆ
เมื่อเทียบค่าส่งบรอดแคสต์ กับค่าโฆษณาหาลูกค้าใหม่ ถือว่าคุ้มค่ามากครับ
2.Youtube
คนใช้งานในไทย 40 ล้านบัญชี
นี่คือช่องทางคลาสสิกที่คนไทย ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้เฉพาะความบันเทิงเพียงอย่างเดียว หลายธุรกิจ สร้างตัวตนและยอดขายได้มากมาย จากการลงใน Youtube
ส่วนใหญ่มาในรูปแบบของการรีวิว การเอามาบอกเล่า ให้ความรู้ ให้คุณค่า
และ รายได้จะตามมาหลังจากนั้น
3.TikTok
คนใช้งานในไทย 18 ล้านบัญชี
นี่คือแพลตฟอร์ม ที่กำลังมาแรงในบ้านเรา แม้ช่วงแรก คนจะมองว่ามีแต่เด็กๆ เล่น เต้นๆ คงไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ทุกวันนี้ คนขายสินค้า สร้างตัวตนกันมากมาย และเติบโตอย่างรวดเร็วใน แพลตฟอร์มนี้
มันเหมือนกับ Facebook หรือ Instgram เมื่อ 5-6 ปีก่อน ที่ทำยังไง ก็ขึ้นง่าย
ดังนั้น จึงไม่ควรพลาดกระแสนี้
เพียงแต่ให้เข้ามาในมุมของการทำธุรกิจอย่างมีรูปแบบ ที่คน TikTok รู้สึกว่าไม่ยัดเยียด
ดังนั้นคุณต้องเล่น TikTok ให้เข้าใจพฤติกรรมของคนในนี้เสียก่อน จะไปลงมือทำโฆษณา
4.Twitter
คนใช้งานในไทย 7.15 ล้านบัญชี
แม้คนจะไม่เยอะมาก แต่นี่คือสื่อสังคมออนไลน์ ที่ทรงอิทธิพล
เพราะเร็ว แรง อย่างไม่น่าเชื่อ
ถ้าจับทางได้ถูก แบรนด์ของคุณจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ส่วนใหญ่ จะเป็นสินค้า หรือ บริการที่เหมาะกับคนในวัย 20-45 หรือ คนรุ่นใหม่ๆ
เครื่องสำอาง ขนม Bakery ร้านกาแฟ สินค้าเหล่านี้ คือสิ่งที่ได้รับความนิยมสูง
5.Website
มีคนพูดว่าเว็บไซต์จะตาย เมื่อ 20 ปีก่อน
แต่ทุกวันนี้ เว็บไซต์ ก็ยังอยู่ดีเสมอ และมีการพัฒนารูปแบบการแสดงผลที่ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่จะดีกว่า หากคุณมีเว็บไซต์ของตัวเอง และคนรู้จัก จดจำได้
นี่คือบ้านหลังใหญ่ของตัวคุณเอง ที่สามารถ สร้างกฏเกณฑ์ขึ้นมาได้เอง
ไม่มีระเบียบใดๆ ที่ใครจะมาห้ามคุณ (แต่ต้องถูกกฏหมายนะ)
ดังนั้น คุณจึงต้องมีเว็บไซต์ เอาไว้เป็นฐานบัญชาการ ของคุณเอาไว้ด้วย
6.Google
ต่อเนื่องจากเรื่องของเว็บไซต์
คนจะรู้จักเว็บของคุณได้เร็วขึ้น หากคุณเข้าใจเรื่องการทำ SEO และ SEM
SEO = Search Engine Optimization คือ ทำยังไง ก็ได้ให้ติดหน้าแรก Google แบบไม่เสียเงิน
SEM = Serach Engine Marketing คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ติดหน้าแรก Google ด้วยการเสียเงิน
ศาสตร์การทำโฆษณาแนวนี้ นี้ อาจจะซับซ้อนกว่า Facebook มากพอสมควร
แต่ถ้าตั้งใจทำ หรือทำได้ เราจะเจอลูกค้าที่พร้อมซื้อ อย่างแน่นอน
เพราะเวลาคนมีปัญหา จะ search Google ก่อนเสมอ
ปล. ถ้าธุรกิจของคุณเป็นหน้าร้าน แนะนำให้สร้าง Google Business
อันนี้้ คือ การทำการตลาดให้ติดหน้าแรก ได้เร็ว และง่ายที่สุดแล้ว
ผมเคยแนะนำเอาไว้ ลองไปหาอ่านกันได้ครับ
7. Email
แม้หลายคนจะบอกว่า คนไทย ไม่ได้ใช้ อีเมล์แล้ว
แต่หลายๆ ธุรกิจ ก็ยังเติบโตได้ด้วยการใช้อีเมล์
อีเมล์ เหมาะกับสินค้าและบริการประเภทองค์กร และ สินค้าประเภท Digital product
แต่ผมก็เชื่อว่า มีสินค้าที่จับต้องได้ หลายรายการ เขาทำกำไรในการขายผ่าน Email
สิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือ การบริหาร List Email ให้เป็นขั้นเป็นตอน
8.Marketplace
คนไทย คุ้นชินกับการสั่งซื้อของผ่านแอพ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น ความต้องการสินค้า จึงมีเพียบในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น Shopee Lazada หรือ JD Central
หลายกิจการ ขายสินค้าแบบไม่ต้องยิงแอด ใน Marketplace เหล่านี้มานานแล้ว
บางคนอาจจะบอกว่า มีแต่ คนมองหาของถูกที่สุดในแอพเหล่านี้
แต่คุณสามารถขายราคาสูงได้ ถ้ารีวิว และ มีบริการที่รวดเร็ว และ ดีเยี่ยมกับลูกค้า
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
Facebook Desktop เวอร์ชั่นใหม่ เตรียมตัวใช้ กันยายนนี้
Facebook Desktop เวอร์ชั่นใหม่ เตรียมตัวใช้ กันยายนนี้
ข่าวด่วน สำหรับคนที่ใช้ Facebook เป็นประจำใน
Version Desktop (ใช้ผ่าน PC หรือ Notebook หรือเครื่อง Mac นั่นแหละครับ)
ตอนนี้ Facebook ได้ประกาศออกมาอีกครั้งอย่างจริงจังแล้วว่า
จะปรับ User Interface ของทุกคน ให้กลายเป็นแบบใหม่แล้ว ภายในเดือน กันยายนนี้
ใครที่ปรับมาใช้ของใหม่จนชิน แล้วก็แสดงความยินดีด้วย
ส่วนใครที่ใช้ของเก่า แล้วไม่ชอบของใหม่… อันนี้ คงต้องทำใจ และยอมรับมันนะจ๊ะ
ที่สำคัญ ตอนนี้ ads manager ของ Facebook ก็ปรับปรุงใหม่ อีกเช่นกัน
ซึ่่งอันนั้น สำคัญกว่า เพราะหาก เราพลาดรายละเอียด เล็กๆน้อยๆ ไป
อาจจะทำให้ งบประมาณ ที่ใช้ลงโฆษณา ผิดพลาดได้!
ไปแคร์ตรงนั้นดีกว่า
สรุป
คิดเสียว่า แพลตฟอร์มไหน ที่มีการปรับปรุงบ่อยๆ แสดงว่า ปรับปรุงเพื่อให้คนใช้งานได้ดีขึ้นในทุกๆวัน ดีกว่า จะได้สบายใจ
แต่อย่างน้อยๆ ข้อดีก็คือ ใช้งานพวกวิดีโอ แล้วชัดกว่าเดิมนะ 😉
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 วิธี หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ในเฟสบุ๊ค จากลูกค้าเก่า ทำได้แบบนี้นี่เอง
4 วิธี หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ในเฟสบุ๊ค
จากลูกค้าเก่า ทำได้แบบนี้นี่เอง
มีปัญหาจากทาง inbox ถามมาบ่อยๆว่า
เราจะยิงแอดในเฟสบุ๊ค ให้ตรงกว่าเดิม
ต้องใช้กลุ่มเป้าหมายอะไร?
เคยฟัง คนบอกว่าเอาเบอร์โทร ลูกค้ามาใช้ อันนี้จริงมั้ย?
เพื่อให้คำถามนี้ มีคำตอบ
ผมเลยขอยกมาบอกในหน้าเพจนี้ เพื่อให้ได้อ่านทั่วกันนะครับ
ในบทความนี้
“4 วิธี หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ในเฟสบุ๊ค
จากลูกค้าเก่า ทำได้แบบนี้นี่เอง”
ปล. คัดและเน้นเฉพาะวิธีการที่ทำได้เลย
วิธีการเหล่านี้ มีชื่อเรียกว่า การทำ Custom Audience นะครับ
หรือชื่อไทย คือ กลุ่มเป้าหมาย กำหนดเอง
1.เบอร์โทร ลูกค้า
ทุกวันนี้ ถ้าขายของ แล้วไม่ได้จัดเก็บข้อมูลลูกค้า
ถือว่า คุณพลาดเก็บข้อมูลที่ดี ไว้ใช้ในวันข้างหน้าแล้ว
ข้อมูลเบอร์โทรนี้ สามารถนำมาสร้างเป็นกลุ่มเป้าหมายได้
เพราะเฟสบุ๊ค จะนำไป จับคู่กับข้อมูล ของลูกค้าในเฟสบุ๊คให้โดยอัตโนมัติ
(คนเราใช้งาน facebook ได้ต้องมี เบอร์โทรศัพท์ เสมอ)
และควรจะระบุไว้ด้วยว่า ลูกค้าแต่ละราย เคยซื้อสินค้าจากเราด้วยเงินเท่าไร?
จากประสบการณ์ การใส่เบอร์โทร แต่ละครั้ง ให้ใส่ครั้งละ 1000-2000 เบอร์ครับ
หรือจะเริ่มจาก 500 เบอร์ขึ้นไป ก็ได้
2.การมีส่วนร่วมกับเพจ
คนที่เข้ามาในเพจของเรา เข้ามากดไลค์ กดแชร์ อินบ๊อกซ์มา หรือ comment กลุ่มคนเหล่านี้ คือคนที่มีโอกาสสูงกว่าคนอื่นๆ
เราเรียกว่าการมีส่วนร่วม หรือ มี engagement กับเพจของเรา
ดึงคนเหล่านี้มาสร้างกลุ่มเป้าหมายได้ครับ
เพียงแต่อาจจะต้องระบุระยะเวลาที่เขา เข้ามามีส่วนร่วมด้วยนะครับ
ถ้าสินค้าที่ต้องพิจารณานานๆ ใช้เวลา ประมาณ 45-60 วัน
ถ้าสินค้า ที่ไม่ต้องคิดนาน ใช้ประมาณ 30 วัน
3.การดู video ของเพจ
ในเฟสบุ๊ค ถ้าเราดูคลิปไหนนานๆ ได้ แสดงว่า เราชอบสิ่งที่อยู่ในคลิป
ถ้าเราไม่ชอบ แค่เห็นก็ปัดทิ้งไปแล้ว
ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงทำให้เราคัดคนที่ชอบสินค้าของเราได้ จากการดูคลิปวิดีโอ
เฟสบุ๊คจะเก็บข้อมูล คนดูวิดีโอ ได้หมด
ถ้าเรามีวิดีโอ โฆษณา ยาว 15 วินาที ถ้าคนดูไปเกินครึ่ง หรือ มากกว่า 75%
แสดงว่าสนใจสินค้าตัวนั้นๆ
เราสามารถดึงคนกลุ่มนี้ เอามาไว้ทำการตลาดได้อีกครั้งครับ
4. การเข้ามาในเว็บไซต์
ถ้าคุณมีเว็บไซต์ คนที่เข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ
เราสามารถนำมาสร้างเป็นกลุ่มเป้าหมายได้
เพราะคนเหล่านี้ ต้องสนใจ เนื้อหาในเว็บจริงๆ
การจะเก็บข้อมูลคนที่เข้าเว็บไซต์ของเรา ต้องติดตั้ง Pixel เข้าไปด้วย
Pixel คือโค้ดภาษา HTML ที่ใช้จับพฤติกรรมคนเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา
ถ้าไม่ติดตั้ง Pixel ในเว็บ เราจะเก็บข้อมูลไม่ได้
ถ้ายังไม่มี ให้ไปติดนะครับ (ขอโปรแกรมเมอร์ช่วย)
ถ้ายังไม่มีเว็บ ไปทำเว็บก่อนครับ 55
พอมีข้อมูลแล้ว เราจะสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมาย ของคนเข้าเว็บไซต์เรา
เพื่อไปทำการตลาดต่ออีกครั้งได้
ทั้งหมดนี้ คือ 4 วิธี หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ในเฟสบุ๊ค
จากข้อมูลลูกค้าเก่า ได้ครับ
สรุป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 ไอเดีย ทำกำไรมากขึ้น จากการยิงแอดเฟสบุ๊คแบบเดิม ที่คุณก็ทำได้
5 ไอเดีย ทำกำไรมากขึ้น
จากการยิงแอดเฟสบุ๊คแบบเดิม
ที่คุณก็ทำได้
.
วันนี้ ไม่ได้มีเทคนิคยิงแอดเทพๆ มาฝาก
แต่มีเทคนิคทำกำไรมากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งถ้าอ่านแล้ว จะรู้สึกว่า เออ ไม่ได้พิสดารอะไร
เพียงแต่เราไม่ได้คิดทำ เท่านั้น
.
เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
มาเข้าเรื่องกันเลย!!
.
เทคนิคนี้ หากใคร ที่มีสินค้าประเภทเดียวกันหลายๆแบบ จะดีมาก
1.ตัวไหนขายดี ยิงแอดตัวนั้นเป็นตัวเปิด
ตอนคุณขายสินค้า จะมีสินค้าประมาณ 20% ที่ทำกำไรได้ดี คนชอบซื้อ
ให้เอาสินค้านั้น มาเป็นตัวเปิด ไปให้คนทักเข้ามาซื้อก่อน
เป็นการเรียกแขกเข้ามาในร้าน
เรียกคนเข้ามาก่อน เป็นหลัก!!
2.upsell ด้วยการขายแบบ set
เมื่อเข้ามาแล้ว ลองเสนอขายสินค้า ไปเป็น set เพื่อทำให้ต้นทุนในการปิดการขายนั้นคุ้มค่า
ยกตัวอย่างเช่น ยิงแอด 1 ครั้ง เสียค่าแอด 30 บาท ขายได้ชิ้นเดียว 300 บาท ก็จบไป
แต่ถ้าเรานำเสนอ ไปว่า รับไป 2-3 ชิ้นมั้ย แล้วลูกค้าซื้อ รายได้ ก็เพิ่มมากขึ้น จากค่าแอดตัวเดิม ถ้าลูกค้าไม่เอา เราก็ยังขายได้ 1 ชิ้น เหมือนเดิม
ดีกว่ามั้ยครับ แค่นำเสนอขาย?
3.มีของแถม ส่วนลด ลูกค้ารู้สึกดี
ถ้าลูกค้าซื้อเยอะๆ แล้วเรามีของแถมให้ ลูกค้าจะมีความพยายาม ในการทำให้ยอดได้ตามที่เรากำหนด เพื่อได้ของแถมหรือส่วนลด
เช่น ตอนนี้ซื้อแล้ว 840 ถ้าพี่ซื้อเพิ่มครบ 1000 เดี๋ยวจะแถมอีกตัวไปเลย หรือ ฟรีค่าส่งไปเลย ถ้าลูกค้าไม่เอา ก็แค่ปิดการขายที่ 840 บาท
เพียงเอ่ยปากนำเสนอ ก็มีโอกาสแล้ว ดีมั้ยครับ?
4.เก็บเงินปลายทาง
การซื้อขายผ่านออนไลน์ระหว่างเรากับลูกค้าครั้งแรก
การโอนเงิน ดูเป็นเรื่องยากลำบาก เหลือเกิน
ดังนั้น ถ้าให้เก็บเงินปลายทาง โอกาสปิดการขายจะเพิ่มมากขึ้น
เพราะลูกค้าสบายใจ ว่าจะไม่โดนโกง
เพียงแต่คุณต้องคำนวณค่าธรรมเนียมมของการเก็บเงินปลายทางด้วย เพราะเขาจะคิดเป็น % จากราคาสินค้า
5.ทักทายไปหาลูกค้าเป็นระยะ เมื่อเวลาเหมาะสม
การขายที่ดีที่สุด คือการขายให้ลูกค้าเก่า
การกลับไปทักทายเป็นระยะ ในเวลาที่เหมาะสมกับลูกค้า
มักจะเกิดยอดขายเสมอ
เช่นเรารู้ว่า เขาใช้สินค้าตัวนี้ แล้วจะหมดภายใน 1 เดือน
อีก 1 เดือน เราก็เข้าไปทักทาย สอบถาม ว่าสินค้าดีมั้ย ใช้เป็นไงบ้าง
แบบทักทายกันปกติ
ถ้าลูกค้าประทับใจสินค้าของคุณ
โอกาสแบบนี้ สามารถนำพาไปสู่การปิดการขายได้ง่ายๆ
ดีมั้ยครับ ไม่ต้องยิงแอดด้วย!!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้! (เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
การทำโฆษณาเฟสบุ๊ค สำหรับมือใหม่
สิ่งที่หลายคนกลัว ก็คือ เรื่องค่าใช้จ่าย
กลัวไปหมด ว่า ถ้าเริ่มยิงแอดไปแล้ว
จะโดนหักเงินไปแล้วมั้ย
ผมเองก็เป็นครับ
จำได้เลยว่า ครั้งแรกของการทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมทำให้กับบริษัทเก่า
มือไม้สั่นไปหมด ผิดพลาดไปนี่
ความบรรลัยมันเกิดขึ้นกับตัวเราแน่นอน
ต้องเอาเงินไปคืนบริษัทแหงๆ
ก็เลยต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
โชคดี ที่เราค่อยๆ ทำโฆษณา
ใช้เงินแบบพอดีๆ พอเริ่มรู้มากขึ้น คราวนี้จะหลักหมื่น หลักแสน ก็สบายๆ
แต่แม้จะผ่านการทำโฆษณามามากมายแค่ไหน
ถ้าเราประมาท หรือ ดูไม่ดี
ก็มีวันพลาดได้ ดังนั้น เลยขอนำประสบการณ์ มาเล่าสู่กันฟัง ในบทความนี้ครับ
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
1.ดูวัตถุประสงค์ ให้ถูกต้อง
หน้าแรก ของการเริ่มทำโฆษณา มันคือ วัตถุประสงค์ นั่นเอง
หน้านี้ เลือกให้ดีๆ นะครับ ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่
บางคนอยากให้เกิดการทัก แต่ดันไปเลือก การเข้าถึง
ก็ได้แต่สงสัยว่า ทำไมคนไม่ทักมาสักที
หรืออยากให้คนดู video เยอะๆ แต่ก็ไปเลือก Engagement แทน
ยอด view ก็ขึ้นน้อยกว่าที่เป็น
ดังนั้น ควรหยุดนิ่ง แล้วพิจารณาดีๆ ว่าเราเลือก วัตถุประสงค์ ถูกต้องมั้ย
ก่อนไปสู่กระบวนการต่อไป
2.เลข 0 ใครว่าไม่สำคัญ
เลขศูนย์ ใครๆ ก็มองว่าไร้ค่า
ยกเว้นว่า มันมาเรียงกัน อยู่หลังตัวเลข ในช่องงบประมาณ
เรื่องการใส่เงินทำโฆษณาเฟสบุ๊ค ก็เป็นอีกเรื่องที่พลาดกันบ่อย
เพราะ เราสามารถเลือกได้ว่า จะทำเป็นแบบ งบประมาณรายวัน หรือ ตลอดช่วงเวลาการทำโฆษณา
หลายครั้งที่เราอาจจะใส่ตัวเลขเพลินๆ แล้วเติมเลขศูนย์ เกินไป 1-2 ตัว
เช่นงบประมาณ วันละ 300 บาท แต่ใส่เป็น 30,000 บาท
ไม่ทันดู โฆษณาวิ่ง เออ ทำไมวันนี้ มันวิ่งดีจัง
หารู้ไม่ว่า เงินโดนกินไปแล้ว มากกว่า 300 บาท
พลาดแบบนี้ มันน่าเจ็บใจตัวเองครับ
ดังนั้น ต้องระวังการใส่เลข 0 ในช่องงบประมาณครับ
3.กำหนดวันเวลาเริ่มต้นสิ้นสุด
เคยคุยกับน้องคนนึง ขายของออนไลน์
ขายดีมาก จนของหมด
แต่ดันลืมกำหนด วันสุดท้าย ของการโฆษณา
ไปใส่งบประมาณโฆษณาต่อเนื่อง
มารู้อีกที ในวันที่บัตรเครดิตแจ้งเตือนตัดเงิน
อ้าว เงินค่าเฟสบุ๊คแอดนี่หว่า!!
ตกใจ รีบมาปิดโฆษณาแทบไม่ทัน
ดังนั้น ในหน้างบประมาณ ให้เราพิจารณา และตรวจหลายๆรอบว่า
งบประมาณทั้งหมด ของโฆษณาเรานั้น อยู่ภายใต้งบ ที่เราควบคุมอยู่
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
6 เทคนิคลับ สร้าง”อับดุล” ให้ Content โฆษณา เน้นหยุดสายตา ด้วย กลุ่มเป้าหมายใน Facebook รู้แล้ว เอาไปทำได้เลย!!
6 เทคนิคลับ สร้าง”อับดุล” ให้ Content โฆษณา
เน้นหยุดสายตา ด้วย กลุ่มเป้าหมายใน Facebook
รู้แล้ว เอาไปทำได้เลย!!
.
ทุกวันนี้ บนเฟสบุ๊ค
มีเนื้อหามากมาย ให้อ่านมากมาย
แต่ละโพสต์ที่ได้รับความสนใจ ต้องสร้างแรงดึงดูดให้เข้าไปดูแบบสุดๆ
.
ต้องน่าสนใจจริงๆ
เกี่ยวกับรื่องที่เขาสนใจจริงๆ
เท่านั้น
คนถึงจะกดเข้าไปอ่าน
.
ยิ่งเป็นโพสต์ขายของ
โพสต์โฆษณา
ยิ่งต้องคิดเยอะๆ ว่า จะทำยังไง ให้คนมาซื้อ!
.
นอกจาก ภาพที่กระแทกตา
คำพูดโดนใจ ไปถึงปัญหาของคนอ่าน
.
จะดีกว่ามั้ย หากเนื้อหา ของโพสต์นั้น
เป็นเสมือน อัลดุล ที่รู้ไปหมด
ชายรู้จัก หญิงรู้จัก
.
สามารถบอกได้ว่า คนที่กำลังอ่านนั้น
เป็นชาย เป็นหญิง อายุเท่าไร
ใช้มือถืออะไร?
.
โอ ดูแล้ว มันหยุดสายตาจริงๆนะ
เพราะ เหมือนกับโดนเวทมนต์ออนไลน์ ร่ายคาถาใส่อยู่
แต่จริงๆ เคล็ดลับนี้ คุณเองก็ทำได้!
.
โดยใช้ การระบุ กลุ่มเป้าหมายใน Facebook นั่นเอง
ส่วนจะมีอะไรบ้าง มาดูกันลยครับ
.
1.อายุ
อันนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายมาตรฐานมาก ถือว่าเป็นขั้นเริ่มต้น
ในการทำโฆษณา
ถ้าโฆษณา ที่คุณเห็นมันบ่งบอกอายุ ของคนอ่านได้
อย่างน้อยๆ เขาก็จะสะดุด แล้วเช่น
เลือกช่วงกลุ่มเป้าหมาย เป็น 30-40 แล้วเขียน caption ว่า
- โปรพิเศษ สำหรับวัย (30+)
- สินค้าพิเศษ โดนใจ สำหรับชายวัยฉกรรรจ์ (30+)
2.เพศ
อันนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายมาตรฐานมาก ถือว่าเป็นขั้นเริ่มต้น
ในเมื่อเฟสบุ๊ค สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายโฆษณา เป็นเพศชายหญิงได้
เราก็ใช้ลูกเล่นนี้ ไว้ใช้สื่อสารกับ คนที่เห็นโฆษณานี้ได้
อย่างน้อยๆ ก็สร้างความสงสัยให้คนดูได้
ยกตัวอย่างเช่น
- สินค้าพิเศษ สำหรับสาวสวยอย่างคุณ
- เกิดมาเพื่อ ชายหล่อล่ำอย่างคุณ
- หล่อเหมือน 20 ปีก่อน น้ำยาละอ่อนที่คุณปรารถนา
3.วันเกิด
ข้อมูลนี้ สามารถนำไปทำการตลาดได้สนุกดีครับ
เพราะ facebook ดูจากวันเกิดของเราได้
และมักจะเตือนเราเสมอ เวลามีใครเกิดในเดือนนี้ หรือ วันนี้
เคยเจอมั้ย
เราสามารถเลือกได้ในแบบ
- คนที่มีวันเกิดในเดือนใดๆ เพื่อทำโปรโมชั่น ประจำราศี
- เพื่อนของคนที่เกิดในเดือนนี้ เพื่อให้เขามาซื้อสินค้าของเราไปฝากเพื่อนได้
- คนที่มีวันเกิดเดือนนี้ เพื่อ Promote โปรโมชั่นวันเกิด
4.สมาร์ทโฟน
ถ้าอยู่ดีๆ คุณสไลด์มือถือไป แล้วมีเคสที่ตรงกับรุ่น ของคุณใช้โผล่ขึ้นมา
ก็ดูน่าสนใจไม่ใช่น้อย
หรือใน content สามารถบอกได้ว่าสมาร์ทโฟนของคุณคือ Android หรือ iOS
ก็จะทำให้คุณสงสัย และหยุดอ่านโฆษณานั้นอีก
- เคส iPhone ที่คุณรอคอยมาถึงแล้ว!
- หน้ากากกันรอย ตระกูล Note มาแล้ว!!
5.Desktop
อีกกลุ่มเป้าหมาย ที่เราเลือกได้ ก็คือ
Device ซึ่ง Facebook มีให้เราเลือกได้สองแบบ คือ Mobile กับ Desktop
ถ้าเราเลือกให้เป็น Desktop อย่างเดียว
การแสดงผลของโฆษณา จะขึ้นที่ Computer อย่างเดียว
คราวนี้ ลองเอาไอเดียนี้ไปใช้ดู เช่น
- computer ที่ใช้อยู่ตอนนี้ แรงพอมั้ย
- มอง Comp นานๆ ตาลาย พักหน่อยมั้ย?
6.การอ่าน content ในหน้าเว็บ
กลุ่มเป้าหมายนี้ จะใช้เทคนิคมากขึ้นสักหน่อย
ไม่สามารถทำได้ทันที เพราะต้องมีการเก็บข้อมูลเพิ่มไปให้
ข้อมูลที่ว่านี้ ก็คือ ข้อมูลพฤติกรรม การเข้าดูเว็บไซต์ของเรา
ต้องติดตั้ง pixel ลงในเว็บของเราด้วย
ซึ่งพฤติกรรมที่น่าสนใจ ก็คือ
- คนเข้ามาในหน้าเว็บ
- อ่านบทความในหน้าเว็บนั้นไปแล้ว กี่ %
- เข้ามาอ่านในนั้นนานกี่วินาที
ถ้าเรารู้แบบนี้ สิ่งที่เราจะทำได้ก็คือ
ผมรู้นะ คุณแอบเข้ามาดู โฆษณาของผม ถ้าสนใจ อย่าดูอย่างเดียว ลองเลย
อ่านมานาน อยากรู้มากกว่านี้ ทักมาได้เลย!
รู้นะว่าแอบอ่านมาสักพัก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น
ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ทุกวันนี้ คนทำธุรกิจออนไลน์
ล้วนแต่ทำโฆษณา หาลูกค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา
มียอดขาย มีรายได้เข้ามาเยอะๆ
เป็นสิ่งที่ดีครับ
แต่ถ้าวันใด วันหนึ่ง
โฆษณาโดนปิด บัญชีโดนปิด
รายได้จบทันที
ถ้านี่คือสถานการณ์ที่คุณกำลังเจออยู่
นี่คือความน่ากลัวครับ
จะดีกว่ามั้ย หากเราวางแผนเอาไว้
ให้ดี ก่อนจะยิงแอดครั้งต่อไป
“อย่ายิงแอด เพื่อหาคนใหม่ตลอดเวลา
แต่ให้เก็บฐานลูกค้าเก่าไว้ด้วย”
สิ่งที่ ผมถาม คนขายของออนไลน์เกือบทุกคน
แล้วได้คำตอบมาเหมือนกัน ก็คือ
“ไม่ได้เก็บ เบอร์โทร ที่อยู่ ข้อมูลลูกค้าไว้เลย”
โอ น่าเสียดายครับ
ดังนั้น เลยอยากบอกกับทุกคนที่กำลังขายของออนไลน์
หรือ ขายอยู่แล้ว
ควรเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ ให้ดีๆ นะครับ
ทำเป็นระบบ
ถ้ายังไม่อยากลงทุนมาก ก็ใช้ excel หรือ ถ้าจะแชร์ข้อมูลร่วมกันในกลุ่ม ในองค์กร ก็ใช้ google sheet
หรือหากต้องการทำให้เป็นระบบ
ก็จะมี software ที่เข้ามาช่วยจัดการ พวก order เหล่านี้ ได้
นอกจากจะจัดระบบได้แล้วยังสามารถ export ข้อมูลลูกค้ามาได้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่ว่าจะเป็น x-commerce / ZORT เป็นต้น
(ใครอยากลองใช้ ก็สามารถไปสมัคร ใช้งานได้ฟรี ครับ 15 วัน)
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ทำไม ต้องทำ Business Facebook มีไว้ ทำไม? กับคำตอบ 5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมัน
ทำไม ต้องทำ Business Facebook มีไว้ ทำไม?
กับคำตอบ 5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมัน
เมื่อ 5-6 ปีก่อน คนที่เข้ามาขายของบนเฟสบุ๊ค
สิ่งที่ต้องทำ ก็คือ การเปิดเพจ และ ยิงแอด
ซึ่งใช้บัตรเครดิตของตัวเองในการทำงาน
ถ้าทำกิจการคนเดียว ก็ไม่มีปัญหาอะไร
เพราะเราดำเนินการได้เพียงลำพัง
แต่หากธุรกิจของเรา ใหญ่ขึ้น ต้องมีคนมาช่วยมากขึ้น
ตั้งแต่คนตอบคำถาม ไปกระทั่งคนมาช่วยยิงแอด
เฟสบุ๊คเลยพัฒนาระบบการทำงานร่วมกัน ที่เรียกว่า Business Facebook
ถึงแม้จะเปิดมานานแล้ว
หลายๆ คน ก็ยังไม่เคยใช้ หรือ ยังไม่รู้ว่าจะใช้ไปทำไม
เพราะ facebook profile ก็ ทำงานได้ดีอยู่แล้ว
ดังนั้น ผมเลยขอเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้อ่านกันอีกครั้งครับ
เน้นเอาที่ ใช้งานเอง แล้วเห็นข้อดี เลยขอแชร์ครับ
(ปล. ในบทความ จะมีเนื้อหาเชิงเทคนิคพอสมควร หากสงสัยตรงไหน สามารถ comment มาถามได้นะครับ)
1.เพิ่มคนเข้ามาร่วมทำงานใน Business เดียวกันได้
ก่อนหน้าที่จะรู้จัก Business Facebook เราคุ้นเคยกับการทำงานร่วมกันหลายๆ คนในเพจ
ถ้าจะทำโฆษณาในเพจ เราก็ต้องใช้บัตรเครดิตของใครของมัน เข้ามาทำการโฆษณาด้วยตัวเอง
เรียกว่าบัญชีโฆษณา ส่วนตัว
ถ้าสร้างเพจใหม่ ก็จะต้องเชิญใหม่ ทุกครั้งตลอดเวลา
แต่สำหรับ Business Facebook เราสามารถให้คนเข้ามาร่วมใน Business แค่ครั้งแรก แล้วใช้งานเพจร่วมกัน ใช้บัญชีโฆษณาร่วมกัน ได้เลยทันที ไม่ต้องเชิญมาหลายๆ ครั้ง
2.มีบัตรเครดิตใบเดียว ก็ใช้งานร่วมกันได้หลายคน
สมัยก่อน ถ้ายิงแอด Facebook ก็จะใช้บัตรเครดิตส่วนตัวในการยิงแอด
ถ้าใครทำงานบริษัท อาจจะต้องเจอกับปัญหา วันไหน ที่คนยิงแอด ไม่มา งานอาจจะไม่เดิน
เพราะต้อง login เฟสบุ๊คของคนยิงแอด
แก้ปัญหามาได้อีกหน่อย ก็ทำ เฟสบุ๊คส่วนตัว เป็นส่วนกลางของบริษัทเอาไว้ เพื่อเป็นตัวแทนของคนทั้งกลุ่ม แต่ก็ต้องสลับ account ไปมาอยู่ดี
แต่สำหรับ Business ทุกคน ที่เชิญเข้ามาทำงาน
ก็จะสามารถใช้บัตรเครดิตกลาง ของบริษัท ใบเดียวกันได้ เห็นรายงานโฆษณาเหมือนกันได้ โดยไม่ต้องสลับบัญชีไปมา
ลดปัญหา การเบิกค่ายิงแอดซ้ำซ้อน หรือ บางบริษัทคิดมาก ก็จะคิดว่า พนักงานพยายามรูดบัตรเพื่อเอาแต้มในบัตรไปแลกของใช้เองส่วนตัว (เรื่องจริง)
3.มีบัญชีโฆษณา ได้ 5 ตัว
โดยปกติแล้ว การทำบัญชีโฆษณาเฟสบุ๊ค 1 คนจะสร้างได้แค่ 1 ตัวเท่านั้น
แต่ถ้าเป็น Business Facebook เราสามารถ ทำเพิ่มได้มากสุดถึง 5 ตัวด้วยกัน
ทำไมต้องมี 5 ตัว
นั่นเป็นเพราะบัญชีโฆษณาแต่ละตัว ควรได้เรียนรู้ หรือ ทำโฆษณาในธุรกิจแบบเดียวกัน หรือ ประเภทเดียวกัน ไม่ควรแตกต่างกัน
เช่น ธุรกิจอาหาร ก็ควรใช้กับบัญชีโฆษณา ที่เป็นเรื่องอาหารเท่านั้น
ธุรกิจ อาหารเสริม ก็ควรใช้แต่บัญชีโฆษณา ที่เป็นเรื่องอาหารเสริมเท่านั้น
ไม่ควรนำมาปนกัน
4.แชร์ audience ภายใน business เดียวกันได้
เมื่อเรามี บัญชีโฆษณาหลายๆ ตัวใน Business เดียวกัน แล้ว
ข้อดีอีอย่างก็คือ เราสามารถ แชร์ Audience ของแต่ละ บัญชีโฆษณา ให้กันและกัน ไปใช้งานได้
Audience ที่ว่านี้ Custom Audience และ Look A like Audience
ประโยชน์ของการทำแบบนี้ ก็คือ
เวลาจะขยายงบโฆษณา ตัวที่สร้างรายได้ให้กับเราเยอะๆ
เราจะไม่เพิ่มเงินในลง โฆษณาตัวเดิมโดยตรง แต่จะ สร้างใหม่ แล้วให้มันทำงานไปพร้อมกับของเดิม ในบัญชีโฆษณาเดิม หรือ ไปสร้างใหม่ในบัญชีโฆษณาตัวใหม่
5.1 คนสร้างได้แค่ 2 Business
ข้อเท็จจริง อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ 1 Facebook Profile สร้าง Business Facebook ได้เพียงคนละ 2 Business เท่านั้น
ทำมากกว่านั้น ไม่ได้ (แม้ใจอยากจะทำ)
ถ้าอยากได้มากกว่านั้น ก็ต้องมี Facebook Profile เอาไว้มากกว่า 1 ตัวละครับ
อยากได้มากเท่าไร ก็คูณ 2 เข้าไป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์
ส่วนใหญ่ ถ้าไม่มีเวลาได้มานั่งทำโฆษณาด้วยตัวเอง
ก็มักจะจ้างเอเจนซี่ในการยิงแอดให้
ซึ่งส่วนใหญ่ จะดูผลลัพธ์สุดท้าย ปลายทางว่า
ลงเงินไปแล้ว คุ้มค่ามั้ย?
นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ
แต่มีอีก 4 เรื่องที่ คนจ้างยิงแอดส่วนใหญ่จะลืม เพราะคิดไม่ถึง
หรือไม่คิดว่าจำเป็น
จากประสบการณ์ของผม ที่ได้พูดคุยกับ SME หลายๆ รายที่จ้างคนมาทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมขอสรุปให้ฟังดังนี้ครับ
1.Business เฟสบุ๊ค อยู่กับใคร
ปกติ การจ้างทำโฆษณา คุณอาจไม่ได้สนใจว่า เขาจะทำผ่านอะไร แต่ถ้าให้ดี คุณควรจะสร้าง Business ขึ้นมา แล้วอนุญาติ ให้คนที่คุณจ้าง มาเป็น Advertiser
เพราะคุณจะได้เห็นว่า ผลลัพธ์ของการทำโฆษณานั้น เป็นอย่างไร มีการใช้เงินไปเท่าไรแล้ว
Report เหล่านี้ มันจะ Update แทบจะ Real Time แล้ว
ที่สำคัญ คุณจะได้เห็นกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งข้อมูลกลุ่ม Audience ต่างๆ เพื่อใช้งานได้ในอนาคตได้ เป็น asset ของเรา
เพราะหากเราทำโฆษณาผ่าน Business อื่น พอเราเลิกจ้างแล้ว ข้อมูลต่างๆที่เคยมีอยู่
เราก็จะไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เลย
ปล.ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายของการทำงานร่วมกันกับคนที่เราจ้างด้วยนะครับ แต่ถ้าให้ดี ควรมี Business ของตัวเอง
2.ใครเป็น Admin Business บ้าง
หาก Business นั้นคุณเป็นเจ้าของ ต้องดูให้ดีๆ ว่า คุณได้รับสิทธิ์ เป็นใคร เป็น admin ที่ดูแลได้ทั้งหมด ใช่หรือไม่
การจะนำคนเข้าออกใน business การเพิ่มเพจ การสร้างบัญชีโฆษณา
คุณต้องมีสิทธ์นั้น
แม้คุณจะใช้เครื่องมือในนั้นเองไม่เป็นเลย!
และหากใครจะเข้ามาใน Business ของคุณ จะต้องมั่นใจแบบสุดๆ แล้วว่า เขาคนนั้นคือคนที่คุณเชื่อใจได้มากที่สุด
ถ้าวันนี้ คุณไม่ได้มีสิทธิ์อะไรเลยใน Business Facebook ของคุณเอง
ก็น่าเป็นห่วงมากๆ เลยนะครับ
3.Report ads เฟสบุ๊ค ควรเห็นอะไรบ้าง
เมื่อจ้างยิงแล้ว สิ่งจำเป็นอีกข้อ ก็คือ การดูรายงานโฆษณาของเฟสบุ๊ค
อาจจะมี รายงานระดับที่ผู้ประกอบการเข้าใจง่ายๆ อันนั้น ก็ถือว่าดีแล้ว
แต่ขอให้มีการวิเคราะห์ให้ฟังหน่อยว่า ตัวไหนดี หรือ ไม่ดี เพราะอะไร
ถ้าไม่ดี ควรทำยังไงให้ดี
ถ้าดี เพราะอะไรถึงดี
และหากการยิงแอดของคุณ คือการยิงเพื่อหวังยอดขาย สิ่งที่ต้องดูมากๆ ไม่ใช่ค่าแอดถูก หรือ ค่าต่อการทักถูกเท่านั้น
ต้องดูว่า Purchase หรือ การซื้อ ในการทักแต่ละครั้งนั้นเป็นเท่าไร
เพราะมันมีความหมายมาก ในการขยายผลตัวโฆษณาที่ดี ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
และถ้าตัวไหนไม่ดี ก็ไม่ต้องทำโฆษณาต่อ
4.กำไรต่อการโฆษณา และการขยายผล
ต่อจากข้อ 3 ถ้าเรารู้ว่า โฆษณาตัวไหนขายดี มีผลลัพธ์การซื้อที่ดี
ให้สังเกตุว่า ดีเพราะอะไร แล้วนำมาเป็นแนวทางการทำโฆษณาต่อไป
และขยายโฆษณาตัวที่ทำงานได้ดี ด้วยการสร้าง campaign ใหม่ที่ใช้ content เดิม แล้วทำออกไปหากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่ใกล้เคียง เช่น
อายุ : เจาะจงให้แคบลงมาอีก > เช่น 25-45 อาจจะเป็น 30-34 ก็ได้
พื้นที่ : เจาะจงให้แคบลงไป จากทั่วไทย > ภาค > จังหวัด ก็ได้
สรุป
และทั้งหมดนี้คือ
4 เรื่องที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
สิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์ 90% ลืมทำ ทั้งๆ ที่ช่วยลดค่าแอดไปได้เยอะมาก!
สิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์ 90% ลืมทำ
ทั้งๆ ที่ช่วยลดค่าแอดไปได้เยอะมาก!
ทุกวันนี้ เวลาใครจะทำออนไลน์
ขายของ หรือ ขายบริการ
ก็จะนึกถึงการทำโฆษณาไว้ก่อน ทั้งยิงแอดเฟสบุ๊ค หรือ จะยิงแอด google
ไม่ใช่เรื่องผิดเลยครับ
ดีมากๆ ที่เราทำการตลาดหาคนใหม่ เพื่อให้รู้จักสินค้าของเรา
แต่สิ่งที่ผิดพลาดไป และไม่ค่อยมีใครมาบอกให้ทำ
ทั้งๆ ที่มันช่วยให้เราลดค่าแอดไปได้เยอะมาก
อยากรู้ว่าคืออะไร
มาอ่านต่อกันเลยครับในบทความนี้
“สิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์ 90% ลืมทำ
ทั้งๆ ที่ช่วยลดค่าแอดไปได้เยอะมาก!”
นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยครับ
แต่เป็นเรื่องที่เรานึกไม่ถึง
โดยเฉพาะคนที่ลงมาทำการตลาดออนไลน์ ในช่วงแรกๆ
ผมเองก็ยอมรับครับ ว่าเป็นมาก่อน
นั่นคือการทำโฆษณา หาลูกค้าใหม่ตลอดเวลา
โดยไม่ได้สนใจลูกค้าเก่า หรือ ฐานแฟนเลย!!
ถ้าคุณกำลังเป็นแบบนี้ ไม่ต้องกังวลครับ
ใครๆ ก็เป็นกัน
ผมเลยอยากให้ทุกคน ปรับวิธีคิดเล็กน้อย เพื่อทำให้ธุรกิจของคุณไปได้ไกลมากกว่าเดิม
นั่นคือ การเก็บรายชื่อลูกค้าครับ
รายชื่อลูกค้า สำคัญอย่างไร?
1.ไม่ต้องปวดหัวเวลา เฟสบุ๊ค เปลี่ยนอัลกอริทึม
ตั้งแต่ยิงแอดมา เราเจอ ความเปลี่ยนแปลงของ เฟสบุ๊ค และ google ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
และทุกครั้งที่ปรับ ค่าโฆษณามักแพงขึ้นเสมอ และจะแพงไปเรื่อยๆ
ถ้าคุณไม่เคยสร้างฐานข้อมูลลูกค้าเก่า
คุณจะหาลูกค้าใหม่แพงขึ้นกว่าเดิม ตลอดเวลา ไปเรื่อยๆ
2.ลูกค้าเก่าซื้อง่ายกว่าลูกค้าใหม่
ลูกค้าเก่า ที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการของเราแล้ว
ถ้าสินค้าของเราดี เขาจะกลับมาซื้อกับเราตลอด จนกว่าเขาคิดว่า อิ่มตัวแล้ว พอแล้ว จนหยุดไปเอง
จะเปิดการขายด้วยสินค้าใหม่ ก็ง่ายกว่า เพราะเขามั่นใจ และชอบสินค้าของเราแล้ว
ดังนั้น เมื่อมีของชิ้นใหม่มา ก็มั่นใจว่า ไม่ผิดหวัง
3.รายได้ของธุรกิจมาจากการซื้อซ้ำ
การกลับมาซื้อซ้ำ ของลูกค้าเก่านั้น ทำให้เราไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลย
เขาประทับใจ ชอบใจ ก็มาซื้อตลอด
ดังนั้น ให้รักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ เพราะต้นทุนทำการตลาดกับลูกค้าเก่านั้นประหยัดกว่าการหาคนใหม่มาก
แล้วจะเก็บฐานข้อมูลยังไงดี?
ถ้าเป็นสมัยก่อน เราจะจดไว้ในสมุด กันใช่มั้ย?
หรือ ดีขึ้นมาหน่อย ก็เป็น excel file เพื่อนำมาประมวลผลได้
ดีขึ้นมาอีกนิด ก็คือ google sheets เพราะเปิดที่ไหนก็ได้
แต่ถ้าต้องการบริหารให้เป็นระบบ ลองไปเลือกใช้ บริการที่เราสามารถบริหารข้อมูลลูกค้าได้
มีหลายเจ้าเลยครับ ถ้าเห็นชัดๆ ก็มี xcommerce ที่น่าสนใจ ใช้งานไม่ยาก (มีค่าบริการรายเดือน)
หรือเอาง่ายๆ อย่าง myshop ระบบหน้าร้านออนไลน์ ที่ใช้ร่วมกับ LINE OA ก็มีฟีเจอร์ ดึงข้อมูล เบอร์โทร ลูกค้าที่เคยซื้อของกับเรา
ออกมาได้ด้วย (ได้ออกมาเป็น file excel)
และฐานแฟนที่อยู่ใน inbox เฟสบุ๊ค / LINE OA อันนี้ก็สำคัญเช่นกัน
เวลาเราต้องการนำเสนออะไรใหม่ๆ ให้กับเขา ก็สามารถ ทำได้เลย (ตามกฏเกณฑ์ ที่เขาวางเอาไว้)
สรุป
สิ่งที่หลายคน ลืมทำ นั่นคือ การเก็บฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อนำไปสร้างการซื้อซ้ำ อยู่ตลอดเวลา
ถ้ามีแนวคิดแบบนี้เกิดขึ้น และไม่ลืมทำ
มันจะช่วยลดค่าโฆษณาของเราลงไปมาก!!
ไม่ต้องกระหน่ำยิงแอดแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป!!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook