6 ความลับ ที่ซ่อนอยู่ ใน INBOX เฟสบุ๊ค ประหยัดเวลา เพิ่มยอดขาย เอาไปใช้ได้เลย!
6 ความลับ ที่ซ่อนอยู่ ใน INBOX เฟสบุ๊ค
ประหยัดเวลา เพิ่มยอดขาย เอาไปใช้ได้เลย!
เครื่องการมือการตลาดที่หาลูกค้าใหม่ ที่ใช้งานง่ายที่สุด
เข้าใจง่ายสุด
จ่ายเงินง่ายสุด ณ ตอนนี้
ผมก็ยังยกให้เฟสบุ๊ค เป็นอันดับต้นๆ ครับ
เพราะคนไทย ชอบซื้อขายด้วยการแชท
ดังนั้น นอกจากการโพสต์ content แล้ว
การใช้เวลากับการแชท เพื่อตกลงธุรกิจกัน
เป็นหน้าจอเฟสบุ๊คที่เราใช้กันมากที่สุด
ทุกคนใช้งานเป็น กันจนชิน
จนคิดว่า ไม่ต้องรู้อะไรอีกแล้ว
แต่ผมไปหามาให้แล้วครับ ว่าอีกหลายๆ feature ที่ส่วนใหญ่ ยังไม่เคยใช้งานมาก่อนเลย
และทั้งหมดนี้คือ
6 ความลับ ที่ซ่อนอยู่ ใน INBOX เฟสบุ๊ค
ประหยัดเวลา เพิ่มยอดขาย เอาไปใช้ได้เลย!
1.Save reply
นี่คือ feature ประหยัดเวลา แบบสุดๆ ผมเรียกว่า ข้อความตอบกลับด่วนครับ
เพราะเวลาเราคุยกับลูกค้าพร้อมกันเยอะๆ
ถ้าพิมพ์ตามปกติ ก็คงไม่ทัน
จะ copy จาก text file อื่นๆมาใส่
แล้วถ้าเราเปลี่ยนเครื่องไปมา ข้อมูล ไม่ได้ save ไว้ ก็หาไม่ได้อีก
จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราเตรียมคำตอบให้คำถามที่มีมาบ่อยๆ
เอาไว้ในนี้ ใครถามอะไรมา ก็ตอบเลย
นี่คือประโยชน์ของ save reply หรือ ข้อความตอบกลับ ด่วนๆ ที่ช่วยประหยัดเวลา การตอบในแชทไปได้เยอะเลยครับ!!
2.Payment
เครื่องหมายสัญลักษณ์ รูปเงินบาท ที่ซ่อนตัวในแถบแชท
นี่คือ เครื่องมือ ที่เราใช้เกี่ยวกับเรื่อง การชำระเงินของลูกค้า มีใช้อยู่สองแบบครับ
2.1. เป็นการ ระบุว่า ลูกค้าโอนเงินมาให้เราแล้ว กี่บาท
มีประโยชน์ ในแง่การประเมินผลว่า เพจเราสร้างรายได้ ไปแล้วเท่าไร
และสามารถนำไป วัดได้อีกว่า โฆษณาตัวไหน ทำรายได้ ได้ดีที่สุดด้วย!! (สำหรับโฆษณาแบบข้อความ)
2.2. สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้ เราเรียกกันว่า Facebook Payement
ข้อดีคือ ลูกค้าสามารถโอนเงินจากแอพได้เลย ไม่ต้อง กระโดดไปที่ app ธนาคารเพื่อโอนเงินใดๆ เลย
เร็ว สะดวก เจ้าของเพจก็สบายเลยครับ งานนี้
(ผมใช้แล้วนะครับ ให้ลูกค้าจ่ายผ่านบัตรเครดิต อีก 1 วันเงินเลย เสียค่าธรรมเนียม 2.5% แต่ถ้าเป็นการโอนเงิน ไม่เสียค่าธรรมเนียมจ้า)
3.Instagram
ปัญหาของคนที่มี Account Instagram และ Facebook คือการต้องสลับหน้าจอแชทไปมา
แต่ตอนนี้ เราสามารถคุยกับลูกค้าที่ Direct Message มาจาก Instagram ได้เลยทันที ผ่านเพจครับ
ทำให้ประหยัดเวลาไปได้เยอะมาก
สิ่งสำคัญคือ ต้องไป setup account Instagram กับเพจของคุณให้ได้เสียก่อน จึงจะเปิดใช้งาน feature นี้ได้ครับ
4.Send product
ปุ่มนี้ จะมีให้เห็นในช่องแชท หากคุณเปิดฟิเจอร์ shop แล้วใส่สินค้าลงไปในนั้น
ข้อดีคือ คุณสามารถส่งภาพสินค้า และ รายละเอียด ที่มีขนาดใหญ่ ชัดเจน พร้อมราคาไปให้ลูกค้าได้ง่ายๆ
ลองทำดูครับ แล้วมันจะเป็นสีสันใหม่ ของการแชทผ่าน inbox
อะไรแปลกๆมันจะดึงความสนใจ ได้ดีครับ 😉
5.Greeting message
ข้อความต้อนรับ เมื่อมีคนทักเข้ามาใน Inbox ของเรา
ทำไมต้องทำ ทั้งๆ ที่เราก็มี admin คอยดูแลอยู่เสมอ
เหตุผลก็คือคนเราสมัยนี้ ใจร้อนครับ การตอบรับที่รวดเร็ว ย่อมดีกว่า ดึงให้เขาได้อยู่กับเราได้นานกว่า
อย่างน้อยข้อความ ที่ทำให้เขารู้ว่าเราได้รับข้อความแล้ว รอการตอบกลับ หรือ มีช่องทางติดต่อเร่งด่วน
จะทำให้ลูกค้าไม่หนีไปทันที (เว้นแต่เร่งรีบจริงๆ)
และเคล็ดลับที่ผมใช้บ่อยๆ กับ Greeting Message ก็คือ การหาคนติดตามใน LINE OA
เพราะถ้าคนที่อยากได้สินค้า หรือบริการเร็วๆ เขามักจะติดต่อไปทาง LINE OA ครับ
6.Facebook Label
เวลาเจอลูกค้าเยอะๆ เราจะแบ่ง ประเภทของลูกค้าได้อย่างไร
Facebook Label นี่แหละครับ จะเป็นตัวคัดแยกลูกค้าให้
การคัดแยกแบบนี้ ก็คือ การติดป้ายให้กับ ลูกค้าแต่ละคนเอาไว้ เช่น VIP ลูกค้าเก่า / โอนเงินแล้ว / เก็บเงินปลายทาง
ซึ่งป้ายเหล่านี้ เราสามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง
ประโยชน์ของมันคืออะไร
เวลาเราอยากเช็คว่า ตอนนี้ ใครติดค้าง ไม่ได้โอนเงิน
สรุป
และทั้งหมดนั้นก็คือ
6 ความลับ ที่ซ่อนอยู่ ใน INBOX เฟสบุ๊ค
ประหยัดเวลา เพิ่มยอดขาย เอาไปใช้ได้เลย!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 ทักษะ ที่ควรเตรียมตัวไว้ ก่อน Facebook Shops เปิดตัวในไทย
5 ทักษะ ที่ควรเตรียมตัวไว้
ก่อน Facebook Shops เปิดตัวในไทย
ข่าวใหญ่ ในวงการดิจิตัลบ้านเรา เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา
คงหนีไม่พ้น เรื่องของ Facebook Shops
.
ผมเองก็ได้ติดตาม เรื่องนี้เช่นกัน
น่าสนใจนะครับ เพราะว่า
บางเรื่อง เป็นสิ่งที่คนไทย เห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
บางอย่าง เรายังไม่เคยได้สัมผัส
.
ถ้าสรุปโดยรวมแล้ว สามารถเขียนให้อ่านง่ายๆ แบบนี้ครับ
.
A. Faceobook Shops เป็น feature ที่ทำขึ้นมาให้ SME เจ้าของกิจการ ทั้งเล็กใหญ่ ได้ขายของกัน
B. ขายได้ทั้ง Facebook อินสตาแกรม และ whatsapp
C. จ่ายเงินผ่านระบบ Facebook Payment ได้เลย
D. มี Live ขายของได้ แต่ทำ catalog มาโชว์ที่หน้าจอได้เลย
E. มีระบบสะสมแต้ม เพื่อให้ร้านค้าได้ใช้ดึงดูดใจลูกค้า
F. สามารถเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ ecommerce หลากหลาย
.
ที่สำคัญ คือ มันฟรี!!!
.
นั่นคือเรื่องราวหลักๆ ของ Facebook Shops
.
เปิดใช้ก่อนที่อเมริกา
และประเทศอื่นๆ ในอนาคต (ไทยรอก่อนนะครับ)
.
เมื่อยังมาไม่ถึงเมืองไทย แสดงว่าเรามีเวลา เตรียมตัว
เพื่อรับมือกับ feature นี้พอสมควร
.
ผมเลยอยากขอเสนอ หัวข้อเรื่อง ที่ควรไปศึกษาเพิ่ม
พอเวลา Facebook Shops มาแล้ว เราจะได้ลุยกันเต็มที่เลย
ในหัวข้อ
“5 ทักษะ ที่ควรเตรียมตัวไว้
ก่อน Facebook Shops เปิดตัวในไทย”
1.การถ่ายภาพ แต่งภาพ ถ่าย+ตัดต่อวิดีโอ
สิ่งแรกที่เตะตา คนมากที่สุด จนทำให้ตัดสินใจ อ่าน และซื้อในที่สุด คือ ภาพ หรือ วิดีโอ
จะดีกว่ามั้ย หากเรามีมุมมอง การถ่ายภาพ หรือ การตัดต่อวิดีโอได้ดี
แม้จะไม่ได้ทำเอง แต่ถ้ามีความรู้เรื่องนี้ เราจะบอกความต้องการ
หรือ สื่อสารกับคนที่ทำให้ ได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นทักษะ การถ่ายภาพ แต่งภาพ หรือ ถ่ายวิดีโอ ตัดต่อต่างๆ คือสิ่งที่น่าสนใจศึกษาไว้
เพื่อนำมาใช้กับงานขาย
2.ถ้าไม่เคยเล่น IG ไปเล่น IG ได้แล้ว
อินสตาแกรม คือ สถานที่รวมตัวของคนมีไลฟ์สไตล์
จ่ายง่าย โอนไว ไม่ค่อยมีคำถาม
อินสตาแกรมเคยมีข่าวของการทำ อินสตาแกรมช้อปปิ้ง มาเมื่อปีก่อน แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เปิดให้ทำอย่างแพร่หลาย
แต่ตอนนี้ มีลิงค์ให้ได้เห็นกันเลย ใน อินสตาแกรม Business account
ไปลองเล่น ลองพยายามเปิดบัญชีกันได้
รวมทั้งศึกษาว่า คนเล่น อินสตาแกรมเขาชอบอะไรกัน!!
3.ทักษะการ live ต้องมา
ต้องบอกว่า เฟสบุ๊คทึ่งมากที่คนไทย สามารถใช้ feature live มาขายของได้
นี่คือเรื่องปกติ ที่คนไทยรู้จักดี ซึ่งต่อไป จะมีการเปิด feature live แล้ว มีของมาโชว์ เพื่อให้คนดูกดเลือกซื้อได้
สิ่งที่ต้องเตรียมตัว คือ การฝึกพูดหน้ากล้อง ความมั่นใจ บุคลิกภาพ
รวมทั้ง อุปกรณ์ที่ทำให้ Live ออกมาสวยๆ เช่น กล้อง DSLR ไฟส่องหน้า โคมไฟ ไฟตู้ ต่างๆมากมาย
4.การใช้ Facebook Payment
เนื่องจาก เฟสบุ๊คชอบให้คนอยู่ใน platform ของเขาอยู่ตลอดเวลา
เฟสบุ๊คเพย์เมนต์ จึงเกิดขึ้นใน inbox เพราะว่า คนแชทกัน
ส่วนใหญ่คือการซื้อของ
จะดีกว่ามั้ย หากวันนี้สามารถจ่ายเงินผ่าน inbox โดยไม่ต้องออกไปโอนในแอพธนาคาร!
นี่แหละ คือความสามารถของ เฟสบุ๊คเพย์เมนต์!!
5.ถ้าจะโปร ให้ศึกษา platform ecommerce
ถ้าต้องการจะให้โปรมากกว่าเดิม มี platform ecommerce หลากลายที่เปิดให้ใช้งานร่วมกับ Facebook Shops ได้
ชื่อที่คุ้นหูคนไทยมากๆ ตอนนี้คือ
- shopify เริ่มทำการตลาดในไทยแล้ว และ มีคนเริ่มใช้งานแล้ว (มีค่าบริการรายเดือน)
- woocommerce ส่วนใหญ่ใช้คู่กับ wordpress คนรู้จักกันแพร่หลาย (ไม่เสียเงิน แต่ต้องไปพัฒนาระบบเอง)
ลองจับ ลองแตะ ลองศึกษาไว้เลยนะครับ
(แต่สุดท้าย ถ้าลูกค้าไม่อยากใช้งาน จะ capture ถามราคา แล้วโอนเงิน ก็ไม่ต้องไปขัดใจลูกค้า นะครับ)
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ข้อผิดพลาดของการยิงแอดเฟสบุ๊ค ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
ข้อผิดพลาดของการยิงแอดเฟสบุ๊ค ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
.
สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ หรือ ยิงแอดมานานแล้ว
ทุกวันนี้ มองโฆษณาเฟสบุ๊คกันแบบไหนอยู่
.
ถามใครๆ ก็ต้องบอกว่า
ก็มองเป็นการโฆษณาสิ เออ ถามแปลกๆ
.
ใช่ครับ ก็เป็นการโฆษณา
ผมเองก็คิดแบบนั้นมาก่อน จนกระทั่ง ได้มาฟัง แนวคิด จาก อ.อั๋น เชิดพงศ์
เกี่ยวกับเรื่องการยิงแอดเฟสบุ๊ค ซึ่งประทับใจมาก จนอยากขอมาแชร์ให้กับทุกคนได้ฟังอีกครั้ง
ณ ที่นี้ครับ
.
อ.อั๋นเล่าให้ฟังว่า
ช่วงที่ทำเพจใหม่ๆ นั้น มีการยิงแอด เพื่อขายสินค้า
ยิงแอด 10,000 ได้ยอด เกือบล้าน
ก็รู้สึกแฮปปี้ ที่สามารถ ทำยอดขายได้เยอะ แต่ใช้เงินไม่เยอะ
.
และเมื่อไรที่ยิงแอดได้แล้วใช้เงินเยอะๆ
รู้สึกไม่แฮปปี้เลย เพราะเหมือนเราเอง ทำไม่ถูก หรือเปล่านะ
จะทำยังไง ให้มันกำไรเยอะๆ เหมือนเดิม
.
จนกระทั่ง ได้ไปสัมมนา ที่่ต่างประเทศ
และมีการได้คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนชาวต่างชาติ
ซึ่งได้คุยถึงประเด็นนี้เช่นกัน
.
เมื่อฝรั่งรู้ว่า อ.อั๋นยิงแอดหลักหมื่น แต่สร้างรายได้หลักล้าน
ก็ตกใจ และถามว่า
“ถ้ายิงหลักหมื่นได้หลักล้าน ทำไมไม่ยิง สัก ห้าหมื่น หรือ แสนไปเลยล่ะ จะได้เงินเยอะกว่านี้”
.
อ.อั๋น ก็ถึงกับอึ้ง
และคิดย้อนไปในอดีตที่ยิงแอดมา
.
แล้วคิดในใจว่า
“ที่ผ่านมา ทำเงินหล่นหายไปเท่าไรกันเนี่ย!!”
.
เรื่องนี้ประทับใจผมมาก
เพราะเป็นเรื่องที่ผมคิดไม่ถึงเหมือนกัน
.
ผมก็ยอมรับว่า ผมก็เคยเป็นแบบนั้น
ทำยังไงก็ได้ ให้น้อยแต่ได้มากที่สุด
.
และคนอื่นๆ ก็น่าจะเป็นแบบนี้เช่นกัน
.
ทุกครั้งที่ยิงแอด ถ้ายิงแอด 300 บาท ได้ 400 บาท ก็ถือว่ากำไรแล้ว
เพราะหากสินค้า หรือบริการของเราดีจริง
.
สุดท้าย เขาจะกลับมาสั่งซื้อ ใช้บริการเราเองอย่างต่อเนื่อง
เรียกว่า customer value lifetime
.
ดังนั้น ให้มองว่า การยิงแอด
คือการลงทุน ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย
.
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 เรื่องต้องเช็ค หลังทำโฆษณาเฟสบุ๊คไปแล้ว ไม่อยากจ่ายค่าแอดฟรี ต้องอ่าน
3 เรื่องต้องเช็ค หลังทำโฆษณาเฟสบุ๊คไปแล้ว ไม่อยากจ่ายค่าแอดฟรี ต้องอ่าน
คนทำธุรกิจ ขายของ ขายบริการ
บนเฟสบุ๊ค
เมื่อทำโฆษณาแล้ว หรือ ที่เข้าใจกันในคำว่า ยิงแอด
หลังจากกดให้โฆษณาขึ้นไปโผล่สู่สายตากลุ่มเป้าหมายแล้ว ปั๊บ
เรื่องจะไม่จบแค่นั้น!!
เพราะมีเรื่องที่เราต้อง ตรวจสอบ หรือ เช็คสุขภาพโฆษณาของเรา
หลักๆ 3 ข้อด้วยกัน
อันนี้เขียนจากประสบการณ์ แล้วกันนะครับ ที่ทำมาเป็นแบบนี้
1. โฆษณาไม่วิ่งเลย!!
เอ้า พอกดให้โฆษณาทำงาน แต่ทำไม มันไม่ทำงานล่ะครับ
อันนี้ ให้เช็คว่าสถานะของมันอยู่ตรงไหน บางครั้ง ถ้าคนที่เปิดบัญชีโฆษณามาใหม่ โฆษณาจะอนุมัติช้า
ให้รออการอนุมัติไปครับ
ถ้าอนุมัติแล้ว ก็ต้องเช็คว่า มันขึ้นแสดงว่าทำงานอยู่ หรือ Active
ถ้าทำงานอยู่ ก็แล้วไปครับ แต่บางครั้ง ทำงานไปแล้ว ก็หยุด และบางที ก็หาไม่เจอด้วย
อันนี้ อาจจะเป็นไปได้ ว่า โฆษณาถูก reject คือ ไปผิดกฏอะไรสักอย่างของ เฟสบุ๊คครับ แบบนี้ ให้เช็คละเอียดหน่อย
เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว
ถ้าผิดบ่อยๆ จะโดนปิดบัญชีได้
2.โฆษณาวิ่ง แต่คนไม่ทักเลย!
เอาล่ะ โฆษณาวิ่งแล้ว มี Reach มีการเข้าถึง แต่ว่า ไม่มีคนคลิก คนทักมาเลย
ทำไงดีแก!!
ถ้าเป็นแบบนี้ แนะนำว่า ให้ไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้
2.1. ไปแก้ภาพ : ภาพดึงดูดใจมากพอหรือเปล่า สะดุดตามั้ย หรือขนาดเรายังไม่มองเลย แบบนี้ ให้เปลี่ยน
2.2. แก้ caption : คำพูดที่เราเขียน อ่านแล้ว อยากหยุดตั้งแต่ครั้งแรกเลยมั้ย ถ้าไม่ ไปเขียนใหม่ หาอะไรที่มัน เข้าประเด็นเร็วๆ หรือ เออ คำนี้ โดนเลย
2.3. เช็ค call to action : ส่วนใหญ่ อยู่ด้านท้ายของคำพูดทั้งหมดเสมอ เรามาดูกันว่า ได้บอกให้คนทำอะไร หลังจากอ่าน มาทั้งหมดหรือเปล่า เช่น ทักแชท โทร กดคลิกลิงค์นี้ ได้ทำมั้ย ถ้ายัง ให้ไปทำซะนะครับ
3.คนทักมา แต่ไม่ซื้อ!
อะ ทักมา แต่ไม่ซื้อ มีอยู่หลายสถานการณ์ นะครับ
3.1 ทักมาอย่างเดียว ส่งข้อมูลไป ไม่อ่าน : อันนี้ กดพลาด เป็นเรื่องปกติของ facebook
3.2 ทักมาถาม ส่งข้อมูล อ่าน แต่ถามไปก็ไม่ตอบ : อาจจะเป็นการระดมส่งข้อมูลอย่างเดียว จนไม่ได้เปิดช่องให้คุยกัน ลองหาตัวเปิดบทสนทนา ที่จะเข้าถึงตัวเค้ามากขึ้น เช่น เคยใช้สินค้าแบรนด์ไหนมาก่อน / อยู่จังหวัดอะไร / ปกติกินแบบไหน ส่วนใหญ่ ถ้าเจอคำถามนี้ มักจะคุยกันต่อไปได้
3.3. ทักมา ถาม ขอข้อมูล นิดๆหน่อยๆ แล้ว เหมือนจะซื้อ แต่ ไม่ซื้อ : อาจจะเป็นเพราะ เขายังไม่เล็งเห็นถึงประโยชน์ หรือ ความคุ้มค่าที่จะได้จากเร
3.4. ทักถามทุกอย่าง ถามจนเหนื่อย แต่ไม่ซื้อ : ถ้าแบบนี้ ให้ทำใจ ครับ ปล่อยผ่าน แล้วเดินหน้าต่อ
สรุป
และนี่คือ
3 เรื่องต้องเช็ค หลังทำโฆษณาเฟสบุ๊คไปแล้ว
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
.
อยากทำยอด
อยากมีคนทัก
.
ก่อนคิดจะยิงแอดครั้งต่อไป
อยากให้เช็ค 3 สิ่งนี้ก่อนเสมอ
.
1.เพจคุณสมบูรณ์หรือยัง
เมื่อเราตัดสินใจทำโฆษณาไปแล้ว คนไม่ได้สนใจแค่โฆษณาอย่างเดียว
เพราะเขาจะเข้ามาดูในเพจของคุณก่อน ว่าทำอะไรมาบ้าง
ภาพลักษณ์เป็นอย่างไร
เปิดมานานแล้วหรือยัง
หรือถ้าเปิดไม่นาน อะไรที่จะบอกเขาได้ว่า
ถ้าทำธุรกิจกับเรา หรือซื้อของกับเรา แล้วจะไม่โดนโกง
สิ่งนี้จำเป็นต้องเช็ค ไม่ว่าจะเป็น
- about
- story
- เบอร์ติดต่อต่างๆ
- แผนที่
- ภาพ Profile
- ภาพ Cover
เหล่านี้คือ หลักฐานที่จะทำให้คนเชื่อมั่นว่า เราตั้งใจทำธุรกิจจริง
2. content ที่นำเสนอมีประโยชน์มากพอหรือยัง
นอกจาก ตัวเพจที่น่าเชื่อถือแล้ว content หรือสิ่งที่เราโพสต์ ล้วนเป็นสิ่งที่คนอ่านเสมอ
สิ่งที่เราเขียนไปในเพจ
คือสิ่งที่เราเขียน คือคุณค่า ที่เราส่งมอบให้กับคนอื่นๆ
ถ้าเราเขียนดี
คนจะยิ่งเชื่อมั่นในเพจ ในธุรกิจของเรา
แต่บางครั้ง หลายๆ คนอาจจะมีเผลอใส่อารมณ์ส่วนตัว
หรือความไม่พอใจ ลงไปในโพสต์
ทำให้ดูแล้วต้องชะงัก หรือ ถอยออกมาก่อน
แล้วตัดสินใจอีกครั้งว่า จะซื้อขาย หรือ ทำธุรกิจกับเพจนี้ดีหรือไม่
นอกจากนั้น content ที่เราทำต้องให้ประโยชน์ กับคนที่เรามุ่งหวังอยากให้เขาติดตาม
เช่น
ทำเพจอาหาร ก็ควรเป็น ความรู้ ประโยชน์ ที่ดึงคนทำอาหารมารวมกัน
ทำเพจขายของให้ช่าง ก็ควร มีความรู้ เทคนิค ประโยชน์ ที่ดึงเอาคนสายช่างมารวมกัน
และดีที่สุด คือ การพูดด้วยตัวเราเอง เป็นสำนวนของเราเอง
ไม่ได้แชร์มาจากที่อื่นๆ
3. มีรีวิว มีผลลัพธ์หรือยัง
สำหรับคนเปิดเพจใหม่ๆ หากไม่มีรีวิวจากลูกค้า ก็ยังไม่เป็นไร
แต่ถ้า คุณมีผลลัพธ์ จากสิ่งที่นำเสนอ ในเพจ
ก็ควรนำมาใส่
เช่น มีคน สุขภาพดีขึ้น หลังจากได้ใช้ สินค้าของคุณ
คนที่ ตัดต่อ video ได้เร็วขึ้น หลังจากได้เรียนคอร์สตัดต่อของคุณ
คนที่กินแล้วอร่อย จนต้องชื่นชม หลังจากได้กินขนมหรืออาหารของคุณ
วิธีการนำเสนอเรื่องแบบนี้ ทำได้หลายแบบ ด้วยเครื่องมือของ เฟสบุ๊ค ไม่ว่าจะเป็น
- โพสต์ภาพลูกค้าที่ใช้แล้วดี (ไม่ใช่ capture จาก inbox ของเฟสบุ๊คนะครับ เพราะผิดกฏเฟสบุ๊ค)
- รีวิว ให้ดาวในเพจ จากลูกค้าที่ชื่นชอบเรา
สิ่งเหล่านี้แม้จะเล็กน้อย แต่ทำให้คนมั่นใจในตัวเรายิ่งขึ้น เมื่อมาส่องเพจของเราแบบละเอียดๆ
สรุป
และทั้งหมดนี้คือ
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
Headline Placeholder ใน inbox facebook คืออะไร?
Headline Placeholder ใน inbox facebook คืออะไร?
ช่วงนี้ หลายๆ คนน่าจะเจอกับ ปริศนาของ คำว่า
“Headline Placeholder”
ถ้าคนทั่วไป คงไม่เห็นหรอกครับ
แต่คนที่ ทำงานออนไลน์ ต้องตอบลูกค้าบ่อยๆ
เพราะคำพูดนี้ มันอยู่ใน ช่อง Inbox ของเฟสบุ๊คเพจ เท่านั้น
ด้วยความสงสัยส่วนตัว และมีเพื่อนๆหลายคน inbox มาถาม ว่ามันคืออะไร
ผมเลยอาสา ติดต่อเจ้าหน้าที่เฟสบุ๊ค เพื่อทำให้หายสงสัยว่า
มันคืออะไรกันเนี่ย!!
แล้วเอาไว้ใช้ทำอะไร
แน่นอนครับ
คำตอบที่ได้วันนี้ 11 พฤษภาคม 2563
เจ้าหน้าที่ เฟสบุ๊ค ขอรับเรื่องไว้ก่อน
เพื่อไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญ ด้านการใช้งาน อีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่า เราจะได้รับคำตอบที่ละเอียด
ชัดเจน แจ่มแจ้งที่สุด
ซึ่งจะตอบกลับมาทางอีเมล์ครับ
ดังนั้น ใครอ่านวันนี้ อย่าเพิ่งเสียใจ
ขอผมไปหาข้อมูลเพิ่มได้แล้ว จะกลับมาบอกกันนะครับ
ยกระดับ Up Skill ออนไลน์ ปรับตัวยังไงให้อยู่รอด ช่วงปิดเมือง
ในภาวะที่ทุกประเทศ ต้องปิดเมือง
นั่งทำงานที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อ
.
ทุกคนต้องใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม
หลายๆอาชีพ ไม่มีงานทันที ด้วยสิ่งที่ไม่คาดฝัน
แต่หลายๆคนยังอยู่ได้ ในวิกฤตินี้
เพราะมีวิถีทางบนโลกออนไลน์ รองรับอยู่
.
ทุกคนจึงหันหน้ามาทางออนไลน์
เพราะมันสามารถ ตอบโจทย์ได้
การสอน งานสอน ก็ผ่านระบออนไลน์
ซื้อของ ก็ผ่านออนไลน์
ซื้ออาหาร ก็ผ่านออนไลน์
ออกกำลังกาย ฟิตเนส ปิด ก็ดู live ผ่านออนไลน์
.
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดี ที่เราจะใช้เวลาที่ว่างมากขึ้นนี้ มาใช้ในการ Upgrade ตัวเอง
.
ผมเลยมองออกเป็นสองมุมครับ
มุมแรกคือ สำหรับมือใหม่ กับ มือเก่า
ดังนี้ครับ
.
Up skill สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยทำออนไลน์
1. มองให้ออก ว่าเรามีความถนัดเรื่องอะไร
ถ้าวันนี้ จะเริ่มต้นทำออนไลน์ อาจจะยังรู้สึกสับสน และพร้อมไปตามที่คนอื่นๆ บอกให้ทำ ไปขายอันนั้น อันนู้นสิ ดี รวย ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ชอบ
ถ้าแบบนี้ คุณจะทำได้แป๊บเดียว แล้วก็ หยุด แล้วก็เลิกทันที เพราะคุณไม่ชอบ ไม่ถนัด มันฝืน
ดังนั้นควรคิดให้ออกว่า เราชอบอะไร ทำอะไร
เราจะทำได้แบบ คล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ
เวลานำเสนออะไร หรือขายอะไรไปแล้ว คนจะเชื่อคุณเพราะความเป็นธรรมชาติของคุณ
2.มองให้ออกว่าใครมีปัญหาและต้องการการแก้ปัญหาจากเรา
มีคนจำนวนมากที่มีปัญหา และรอการแก้ปัญหาจากสิ่งที่เราถนัดเสมอ
แต่ต้องมองให้ออกว่า คนเหล่านั้นคือใคร อยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตอย่างไร
เพราะหากเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้
คุณจะสามารถ ถ่ายทอดสิ่งที่เขาต้องการ ได้อย่างแท้จริง
เพราะหากเข้าใจปัญหาของเขา
คุณจะถ่ายทอดในเรื่องที่เขาอยากรู้ ได้เสมอ
3.จะสื่อสารยังไง ให้คนเหล่านั้นรู้ว่าเราแก้ปัญหาให้เขาได้
หลังจากที่เรารู้ว่า เขาต้องการอะไร ขั้นตอนต่อไป คือการหาเครื่องมือสื่อสาร ไปยังกลุ่มคนเหล่านี้
เพราะคนแต่ละกลุ่ม ไม่ได้ใช้ facebook แค่อย่างเดียว
แต่เลือกใช้สื่อหลายแบบ
คนส่วนใหญ่ทั่วไป ยังใช้ facebook
ถ้าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น ตอนนี้จะใช้ twitter instagram เป็นหลัก
คนที่พยายามแก้ปัญหา จะดูผ่าน google youtube
ลูกค้าที่เคยซื้อของเราแล้ว มักจะกลับมาซื้อผ่านช่องทาง LINE OA
เครื่องมือสื่อสาร ที่เราเลือกใช้ ในโลกออนไลน์ มีมากกว่า facebook
เพียงแต่จะเลือกใช้ตอนไหน
Up skill สำหรับมือใหม่ที่ทำออนไลน์มาแล้ว
1. ทำความเข้าใจเรื่องของ funnel ให้แน่นขึ้น
สำหรับคนที่ทำออนไลน์มาแล้วระยะหนึ่ง อยากให้ทำความเข้าใจ เรื่องของ funnel มากขึ้น เพราะจะทำให้เรา เข้าใจเรื่องการขายมากขึ้น
คนไม่ตัดสินใจซื้อตั้งแต่ครั้งแรก
แต่ต้องผ่านขั้นตอนเปลี่ยน จากคนแปลกหน้า มาเป็นลูกค้า หรือสาวก อันนี้ เราเรียกกันว่า sale funnel
ซึ่งการเปลี่ยนแต่ละขั้นตอนนั้น จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป
ไปอ่านแบบละเอียดได้นะครับที่ >> https://www.digitalnook.co/590/
2.มาทำความเข้าใจการยิง ads ให้แน่นกว่าเดิม
สำหรับการยิงแอด ที่เข้าใจง่ายที่สุด ณ ตอนนี้ ก็ยังต้องยกให้ เฟสบุ๊คเสมอ
บางครั้ง เราอาจจะใจร้อน และรีบทำแอด ยิงแอด
จนไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะรีบขาย
.
ตอนนี้ มีเวลาแล้ว ลองย้อนกลับมาดู เกี่ยวกับโครงสร้าง
เกี่ยวกับพื้นฐาน ให้แน่นอีกครั้ง เพื่อให้รู้ถึงที่มา ที่ไป ของจุดประสงค์ต่างๆ
.
วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่เราไม่ค่อยได้ใช้ ก็ถึงเวลาแล้ว ที่จะลองใช้
เช่น
- reach ที่อาจจะละเลยไป ก็สามารถใช้ได้ เพื่อทำให้คนไม่ลืมเรา ในราคาที่ประหยัด
- conversion ถ้าไม่เคยทำ ก็ให้ไปลองทำ
- audience insight ตัวเช็ค interest ที่ดี ลองกลับมานั่งดู ว่าใช้งานยังไง
3. ทำหน้าบ้านดีแล้ว หลังบ้านต้องดีด้วย
บางคนที่ทำหน้าบ้าน ยิงแอด ได้ดีแล้วก็ควรจะมาใส่ใจ เรื่องของ ตัวเพจ ให้ดี
เพราะยิงแอดไป แล้วเข้ามาในเพจ ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเชื่อถือได้
- ขายอย่างเดียว ไม่ได้ให้ความรู้ ไม่ได้ให้คุณค่า
- ไม่มีตัวอย่าง ไม่มีรีวิว ที่สร้างความมั่นใจ
- ไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความ เชี่ยวชาญ ของเราในสายงาน
และนี่คือ แนวคิดหลักๆ ที่อยากให้ได้ลองปรับใช้กัน
ถ้าวันนี้ ยังไม่ได้ปรับปรุง ได้เวลาแล้วครับ ที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น
ไม่สายเกินไป สำหรับคำว่า การพัฒนาให้ตัวเองดีขึ้น
เป็นกำลังใจให้กัน ในวันที่ต้องอยู่บ้าน
ยิงแอดแล้วลูกค้าไม่ซื้อ เพราะแบบนี้หรือเปล่า?
ยิงแอดแล้วลูกค้าไม่ซื้อ เพราะแบบนี้หรือเปล่า?
ยิงแอดไปแล้ว คนไม่ซื้อเลย
ทำไงดีครับ
คำถามนี้คือ คำถามคลาสสิกมากครับ
ที่เจอมาตั้งแต่เริ่มเปิดเพจมา และคำถามนี้ ก็ยังมีเรื่อยๆ
วันนี้เลยอยากจะแชร์ แนวคิด
เพื่อลองเอาไปแก้ปัญหากันครับ
แนวคิดนี้ จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เราอาจจะลืมกันไปเท่านั้นเองครับ
บางคนจะเคยได้ยินคำว่า customer jouney
บางคนอาจจะได้ยินคำว่า sale funnel หรือ กรวยการขาย
บางคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า cold market warket และ hot market
เดี๋ยวเรามาทำความเข้าใจกันอีกครั้งนะครับ
แนวคิดนี้ ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ เลย
ก็คือ ทำยังไง ให้คนแปลกหน้า กลายมาเป็นสาวก นั่นเอง
การจะยิงแอดให้คนแปลกหน้ามาซื้อของตั้งแต่ครั้งแรก
ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขนาดเรา ยังต้องเห็น โฆษณาไม่รู้กี่ครั้ง กว่าจะตัดสินใจซื้อ
บทความนี้ จะทำให้เห็นว่า ลูกค้าแต่ละขั้นตอนนั้น
เป็นอย่างไร และเราจะเปลี่ยนพวกเขา ให้ไปสู่ขั้นกว่า ได้อย่างไร
มาดูกันครับ
คนแปลกหน้า
กลุ่มคนเหล่านี้ คือ คนที่ไม่รู้จักเรามาก่อนเลย ปกติ คนแปลกหน้า เราจะต้องใช้พละกำลัง ทุ่มเทมากๆเพื่อทำให้เขาสนใจ
สิ่งที่จะทำให้เขาสนใจเราได้นั่นคือ พูดในสิ่งที่เขาอยากฟัง สิ่งที่เขากำลังอยากแก้ปัญหา โดยใช้ ภาพสะดุดตา คำพูดสะดุดใจ นั่นเอง
ซึ่งขั้นตอนนี้ ถ้าเขาสนใจ ก็จะเปลี่ยนสถานะ จากคนไม่รู้จัก กลายเป็นคนที่สนใจเรา (แต่ยังไม่ซื้อของนะ)
คนที่สนใจ
คนที่สนใจเรา คือกลุ่มคน ที่เล็งๆ เอาไว้แล้วว่า อยากจะถามเรา มีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับสินค้า หรือบริการของเรา แต่อาจจะยังไม่ได้เกิดความรู้สึก ลึกซึ้งมากเท่าไร
สิ่งที่จะเปลี่ยนให้คนเหล่านี้ เปลี่ยนไปอีกขั้น ก็คือ การให้ข้อมูล การนำส่งเนื้อหาที่มีคุณค่า ที่ทำให้เขาเห็นว่าเราคือคนที่สามารถช่วยเขาได้ ในเรื่องที่เขาสนใจ เชี่ยวชาญพอ น่าเชื่อถือพอ
เมื่อถึงระดับหนึ่ง ที่เขาติดตามมานานมากพอ เขาจะเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าเราได้ต่อเมื่อ ได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ มากพอ เช่น ลดราคา โปรโมชั่น ส่งฟรี
ลูกค้า
เมื่อเขาได้กลายมาเป็นลูกค้าของเราแล้ว
นี่คือ กลุ่มคนที่เราจะต้องทำดี กับเขาให้นานที่สุด
เพราะหากดูแล ได้ดี ไปนานๆ กลุ่มคนเหล่านี้ จะทำให้เกิดการซื้อซ้ำมากที่สุด
และหากเราดูแลได้ดีมากพอ
กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ จะกลายมาเป็นสาวก ของเรา
สาวก
สาวก ก็คือ กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบ ชื่นชม และพร้อมบอกต่อให้คนอื่นๆ มาเป็นลูกค้าเราเพิ่มได้
กลุ่มคนเหล่านี้ เราควรมอบอะไรที่เหนือความคาดหมาย
บางครั้ง อาจจะให้ของเล็กๆน้อยๆ ที่เป็นคุณค่าทางใจ ไปได้
กลุ่มสาวก พร้อมให้ความร่วมมือกับเรา ง่ายที่สุด แม้จะเป็นกิจกรรม ที่ดูยากลำบาก แต่ก็พร้อมจะทำให้เราได้เสมอ ดังนั้น ควรดูแลพวกเขาเหล่านี้ให้ดี
สรุป
หวังว่า เมื่อทุกคนได้อ่านบทความนี้แล้ว
จะทำให้เข้าใจ แนวคิด ของลูกค้าทั้งสี่ขั้นตอน
เพื่อตอบปัญหา คลาสสิกว่า
“ยิงแอดแล้ว ลูกค้าไม่ซื้อ เพราะอะไร?”
จะเลือกใช้ facebook หรือ LINE ทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขายดี!! คำถามนี้ มีคำตอบ
จะเลือกใช้ facebook หรือ LINE
ทำการตลาดออนไลน์
เพิ่มยอดขายดี!!
คำถามนี้ มีคำตอบ
มี inbox หนึ่ง ได้สอบถามผม เกี่ยวกับเรื่องการตลาดออนไลน์ว่า
“จะใช้ facebook หรือ line oa ดีนะ จะเริ่มยังไงดี สับสน!”
.
คำถามนี้ ผมว่าคลาสสิก และ น่าจะเป็นประโยชน์
เพราะผมเองใช้ทั้งสองตัวนี้ ในการทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขาย
ให้กับตัวเอง และ เจ้าของกิจการหลากหลายแบบ
.
หากใคร สับสนอยู่ ให้คิดแบบนี้ครับ
.
1.หาลูกค้าใหม่ ให้ใช้ facebook
.
การหาลูกค้าใหม่ ให้กับธุรกิจของเรา
ต้องยอมรับว่า เครื่องมือของ facebook นั้น ยังทำได้ดี และยิงแอดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากๆ เพราะ facebook เก่งในเรื่องการเก็บข้อมูลแบบ BIG DATA จากคนทั้งโลก
.
ดังนั้นกลุ่มความสนใจที่มีให้เรามาเลือกใช้งาน จึงถือว่าแม่นมาก
(แต่คุณต้องเข้าใจ พฤติกรรมผู้บริโภคด้วยนะครับ)
.
คนใช้ facebook เพื่อเข้าไปอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ ต่างๆ มากมาย ผ่านสมาร์ทโฟนของตัวเอง
และโฆษณาที่ปรากฏในหน้า feed ของลูกค้า ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้า ยอมรับได้ ไม่เบื่อ
.
แต่จะสนใจหรือไม่ ขึ้นกับการเขียน Content
ซึ่งต้องประกอบด้วย
A. ภาพที่ฮุก สะดุดสายตา
B. caption ที่โดดเด่น และ ดึงให้คนที่มีปัญหา หรือกลุ่มเป้าหมายของเรา ต้องอ่าน
.
ประกอบกับการส่งโพสต์นี้ไปหาลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
จะทำให้โฆษณาประสบความสำเร็จ!!
.
- เก็บลูกค้าเก่า เอาไว้ใน LINE Official
.
ต่อเนื่องจากการหาลูกค้าใหม่ ผ่าน facebook
เมื่อได้ลูกค้าเข้ามาทัก ผ่าน facebook แล้ว คุณต้องเก็บข้อมูล
ลูกค้าเอาไว้กับตัว ให้มากที่สุด
.
เพราะการทำธุรกิจ ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น
- รายชื่อลูกค้า
- เบอร์โทรลูกค้า
- อีเมล์ลูกค้า
- ไลน์ของลูกค้า
.
นี่คือ asset หรือสินทรัพย์ ในการดำเนินธุรกิจเลยครับ
.
รายได้ที่มั่นคง และ ต่อเนื่อง มักจะมาจากลูกค้าเก่าเสมอ ไม่เชื่อลองไปเช็คดูได้
.
อย่ามองหาแต่คนใหม่ๆ แต่ต้องรักษาและคุยกับคนเก่าให้ได้นานที่สุด
.
การเก็บข้อมูลเหล่านี้ ทำได้หลายแบบ
ไม่ว่าจะเป็น
A.จดใส่กระดาษ
B.เก็บไว้ใน excel file
C.เก็บไว้ใน Google Sheet
.
แต่สำหรับผมแนะนำ Google Sheet ครับ เนื่องจาก ข้อมูลจะถูกเก็บเอาไว้บนระบบ cloud ไม่หายไปไหน. สามารถแชร์ให้คนอื่นๆ เข้ามาช่วยแก้ไข หรือ ดูข้อมูลได้ เหมาะมาก สำหรับการทำธุรกิจ
.
อีกทางหนึ่งในการเก็บข้อมูลลูกค้า ที่สำคัญ ก็คือ LINE Official Account ครับ
เพราะ คนไทยใช้ LINE ในการสื่อสาร ใกล้เคียงกับโทรศัพท์มือถือไปแล้ว
.
ข้อดีของการใช้ LINE Official Account ติดต่อกับลูกค้าเก่า คือ
- หาได้ง่าย คุยกันสะดวก เร็วๆ
- ติดป้ายกำกับ ลูกค้าแต่ละคนได้ ว่าเป็นลูกค้าที่เคยคุยกันแบบไหน
- เขียนโน้ตกำกับแยกแต่ละคนได้ ช่วยให้ หาข้อมูลได้สะดวก เอาง่ายๆ เช่นเบอร์มือถือ วันเกิด แบบนี้ หาได้เร็วมาก ไม่ต้องมานั่งไล่ดูจากช่องแชท
- การบรอดแคสท์ไปหาลูกค้าเก่า ทุกคนสามารถ ทำได้ และทั่วถึง มี 100 ส่งครบ 100 มี 10,000 ส่งครบ 10,000 ซึ่งต่างจาก facebook ที่มี ติดตาม 10,000 จะเข้าถึงประมาณ 1 % เท่านั้น
. - เคล็ดลับหาลูกค้าคุณภาพ จาก facebook ไปเก็บใน LINE
.
อันนี้คือเทคนิค ที่ผมใช้งานจริง แล้วได้ผลจริง
มีคนคุณภาพ เข้ามาเพิ่มใน LINE Official Account แล้วขายของต่อได้เรื่อยๆ
.
ให้ใช้เทคนิคนี้ครับ
.
ติดลิงค์ LINE Official Account ไว้ที่ greeting message ของ inbox เพจ อยู่เสมอ เพราะหากคนที่สนใจ เวลาทักมาใน inbox แล้ว ต้องการใช้งาน หรือ อยากได้สินค้าเราจริงๆ จะ แอดไลน์มาทันที นี่แหละ คนที่เราต้องการจริงๆ
แถมให้
สำหรับกิจการออฟไลน์ แนะนำ ให้ติดตั้ง QRcode ไว้ในร้านของตัวเอง แบบนี้ก็จะเพิ่มคนได้ เช่นกัน แต่ที่เด็ดกว่า ก็คือ คนที่สะสมแต้ม หรือ รับคูปอง อันนี้น่าสนใจกว่า เพราะคนเหล่านี้ คือคนที่เอาเงินใช้จ่าย ซื้อสินค้าของเรา คนเหล่านี้ คือกลุ่มคนที่มีศักยภาพจริงๆ
.
ซึ่งหากใครขายของออนไลน์ ก็ใช้เทคนิคนี้ได้ ด้วยการแปะ qrcode เพิ่มเพื่อนไปใน กล่องสินค้า เพื่อให้ลูกค้าที่ยังไม่เคยแอดไลน์เรา ได้แอดไลน์ เพื่อแลกกับคูปองส่วนลดซื้อของในราคาพิเศษ อันนี้ก็จะได้คนคุณภาพจริงๆ ครับ
.
และทั้งหมดนี้ ก็คือ แนวทางเบื้องต้น เป็นน้ำจิ้ม สำหรับทุกคนที่สงสัยว่า
จะเลือกใช้ facebook หรือ line ในการทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขายดี!
เพิ่มยอดขายร้านอาหาร 3 เท่า แบบไม่ยิงแอด ทำได้แบบนี้
ยุคนี้ ธุรกิจกับการทำโฆษณา ทำการตลาด ถือเป็นเรื่องปกติ ไปแล้ว
การทำโฆษณา มันไม่ใช่ค่าจ่าย แต่คือการลงทุน
เพราะทุกครั้งที่จ่ายไป เราจะได้กลับคืนมา
ไม่ใช่ยอดขาย ก็คือ การรู้จัก
แต่วันนี้ สิ่งที่จะมาแนะนำ คือ อีกหนึ่งวิธี ที่ทำให้เราเพิ่มยอดขาย ด้วยการทำให้ลูกค้าใหม่ๆ มาเจอเรา
แม้ไม่ได้ยิงแอด ทำโฆษณาเลยก็ตาม
วิธีนี้ เป็นวิธีที่ผมใช้ได้ผลมาแล้วกับร้านเค้ก ที่ผมช่วยทำการตลาดให้
ทำให้ได้ลูกค้าใหม่ๆเข้ามาที่ร้านอยู่เสมอ หรือ สั่งเค้กแบบ Delivery เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม! 2 เท่า
อยากรู้ใช่มั้ยครับ
มา มาเลย รับรองว่า คุ้มค่าน่าทำแน่นอน
1. wongnai
นี่คือ application ที่คนไทย ใช้หาข้าวกินเสมอ การที่มีข้อมูลใน wongnai เพิ่มโอกาส ให้ลูกค้าใหม่ๆ ที่มองหาร้านอาหาร มาเจอเราได้ง่ายๆ
ข้อมูลร้านอาหาร นั้น User ใน wongnai มีสิทธิ์เพิ่มเข้าไปได้ทุกคน แต่สำหรับร้านอาหารที่ต้องการเอาจริงเรื่องนี้ แนะนำ ให้ไปอ้างสิทธิ์ เพื่อเข้าไปจัดการ ข้อมูลภายในร้านด้วยตัวเอง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ ในการดูแลเรื่อง คนรีวิว เมนูอาหาร รวมทั้งการทำ Delivery กับ line man ในลำดับต่อไป
รวมทั้งเราสามารถจะ ติดต่อ บรรดาคนดังใน app wongnai ที่เรียกว่า wongni elite มารีวิวร้านของเราได้ (แล้วแต่เทคนิคในการติดต่อ)
ที่สำคัญ search ติดอันดับง่ายๆ ใน google มากที่สุด
2. Google my Business
อันนี้คือของฟรี ที่ถือว่าคลาสสิกที่สุด เพราะว่าคนไทย เน้นการหาร้านอาหารใหม่ ด้วยการ search อยู่เสมอ
ที่สำคัญ คนคนหาร้านอาหารจาก Google Maps ดังนั้น ถ้าเรามีข้อมูลในนี้ คนจะตามมาที่ร้านได้ง่ายมาก
การเพิ่มข้อมูลลงใน Maps ของ Google หรือที่เราเรียกง่ายๆว่าการปักหมุด สามารถทำได้ทุกคน แต่สิ่งที่เจ้าของร้านอาหารควรจะทำ นั่นคือการยืนยันธุรกิจบน Google Map
ผมจะไม่ลงรายละเอียดการยืนยันธุรกิจแต่ขอบอกว่า ถ้ายืนยันแล้ว
คุณจะสามารถจัดการ ชื่อร้าน ได้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะหาลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเจอเรา ด้วย keyword ง่ายๆ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านเค้ก ร้านกาแฟ แล้วตามด้วย ชื่อสถานที่ ที่ร้านเราตั้งอยู่
เท่านี้ ก็หาคนใหม่ๆ มาเข้าร้านได้แล้ว
3. TripAdvisor
สำหรับคนไทย มักจะใช้ google กับ wognnai ในการหาร้านอาหารอยู่เป็นประจำ แต่สำหรับคนต่างประเทศบางส่วน จะนิยมใช้ tripadvisor ในการหาร้านอาหารใหม่ๆ
เพราะเชื่อรีวิว ที่พูดถึงร้าน เนื่องจากเป็นนักท่องเที่ยวด้วยกันเอง จึงให้ความเชื่อใจมากกว่า
เจ้าของร้าน สามารถสร้างหมุดได้เอง และยืนยันการเป็นเจ้าของธุรกิจได้ง่ายๆ ด้วยเบอร์โทรศัพท์ของร้าน
รีบทำเลยครับ เพราะว่าร้านไหน ได้ดาวเยอะ คนรีวิวเยอะ ต่างชาติ จะตามมากินกันเพียบ
4. Food Delivery Application
วิธีนี้ เป็นวิธีที่แตกต่างไปจาก สามแบบก่อนหน้า แต่ว่า เหมาะสำหรับคนที่อยากเพิ่มยอดขาย ด้วยการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างในเชิงธุรกิจ
นั่นคือการลงข้อมูล เป็นพันธมิตรกับ Food Delivery application เอาง่ายๆ เลยก็ประเภท line man / food panda / get / grabfood
เงื่อนไขค่า commission ในแต่ละที่นั้น จะแตกต่างกันไป แต่ข้อดีของการเป็น Partner หรือพันธมิตร ก็คือ สามารถร่วมโปรโมชั่น ค่าส่งถูกชนิดที่ คนกิน กดออเดอร์แบบไม่ต้องคิด
เจ้าของร้านบางคน อาจจะมองว่า โดนหักส่วนแบ่ง แล้วจะดียังไง
ให้คิดแบบนี้ครับ ถ้าคนได้ลองกินอาหารของร้านเราแล้ว เขาชอบ เขาติดใจ ก็จะสั่งอีก แม้ไม่ต้องเดินทางมาที่ร้าน ก็กินอาหารของเราได้ กำไรอาจจะน้อยลงไป แต่ได้คนรู้จักเรามากขึ้น
จะรอแต่คนมากินที่ร้าน ก็อาจจะ ไม่ไหวแล้ว เพราะยุคนี้
นอกจาก ที่จอดรถ การเดินทาง เรื่องฝุ่น หรือเรื่อง ไข้หวัด ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านสักเท่าไร
ลองพิจารณากันนะครับ
แถมท้ายให้นิดๆ แล้วการวัดผลล่ะ?
วิธีการตรวจสอบว่า ลูกค้าใหม่เข้าร้านได้บ่อยแค่ไหน
มันง่ายมากเลยครับ
ใครที่ถามว่า ห้องน้ำไปทางไหน อันนั้นแหละคือลูกค้าใหม๋
เพราะว่า ถ้าขาประจำ เขาไม่ถามแล้ว รู้ทางไปอยู่แล้ว!
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt