หากลุ่มเป้าหมาย บน facebook ให้แม่นทำยังไง? คำถามยอดฮิต เฉลยแล้วที่นี่!!
หากลุ่มเป้าหมาย บน facebook ให้แม่นทำยังไง?
มาเลย! ตรงนี้ มีคำตอบ!
ถ้าวันนี้ยังหาไม่เจอต้องอ่าน!
สำหรับวันนี้ การทำโฆษณา facebook เริม่จะกลายเป็นเรื่องปกติ สามัญชน คนแบบเราๆท่านๆ ก็สามารถทำได้แล้ว
เพราะเป็นประชาสัมพันธ์ ขายของ ขายสินค้า บริการที่เร็วที่สุด
กินเงินง่ายที่สุด
ถูกที่สุด
แต่ปัญหาหลักๆ ของคนยิงแอด ที่จะพบบ่อยๆ นั่นคือ
หากลุ่มเป้าหมายไม่แม่น หรือ หาไม่เจอ
แล้วเขาเหล่านั้นไปอยู่ไหนกันล่ะ?
ถ้าอยากหา กลุ่มเป้าหมาย บน facebook ให้เจอ
อันดับแรก คือ เราต้องเข้าใจว่า สินค้าหรือบริการของเรานั้น
แก้ปัญหาให้กับใคร?
เพราะสินค้าแต่ละแบบ จะแก้ปัญหาได้ดีสุดๆให้คนบางกลุ่มเท่านั้น
มีดโกนหนวด ก็มีไว้สำหรับ ผู้ชาย
ผ้าอนามัย มีไว้สำหรับแก้ปัญหาให้ผู้หญิงที่มีประจำเดือน
แล้วสินค้าของเรานั้น ตอบโจทย์ให้กับใคร
เขาอยู่ที่ไหน ของประเทศ
เขาเป็นชายหรือว่าหญิง
อายุเท่าไร
ชอบทำอะไรเป็นพิเศษ
มีลูกหรือยังไม่มี
พฤติกรรมในชีวิต ของพวกเขาเป็นยังไง?
การที่เรานึกภาพออก จะทำให้เอามาระบุในสิ่งที่เรียกว่า adset ได้ถูกต้อง
adset คือกลุ่มตัวอย่างของคนที่เราจะส่งโฆษณาไปหาเขานั่นเอง
- เพราะ adset มีการระบุ location ของกลุ่มเป้าหมาย เป็นพื้นที่ ถนน ตึก ประเทศ
- เพราะ adset มีการระบุความสนใจพิเศษของเขาเหล่านั้น มีทุกแบบ ไม่ว่าจะรุ่นรถ มือถือ เพลง หนัง งานอดิเรกต่างๆนาๆ กินข้าว กาแฟ ชอบความสวย ความงาม
- ผิวพรรณ ความอ้วน ความงาม เพียบ!
- เพราะ adset มีเรื่องของอายุ มาเกี่ยวข้อง เราเลยเลือกช่วงวัยของกลุ่มเป้าหมายได้
- เพรา adset มีเรื่องของเพศ เราจึงเลือกที่จะส่งโฆษณาไปให้ ชาย หรือ หญิง หรือทั้งสองก็ได้
- เพราะ adset มีเรื่องของพฤติกรรม อย่าง ชอบไปเที่ยวบ่อยๆ ชอบช้อปปิ้ง ชอบซื้อของออนไลน์
- เพราะ adset มีเรื่องของช่วงชีวิต คนแต่งงาน ได้งานใหม่ เรียนจบ กำลังหมั้น หรือกำลังจะถึงวันเกิด
พวกนี้มีหมดเลยครับ เรียกว่า adset
ซึ่ง facebook จะเรียนรู้จากสิ่งที่เราหยุดดู สิ่งที่เรากดดู คลิกไปหา ใน facebook นั่นเอง
ไม่ต้องมาเขียนบอกว่า BigBike แค่กดรูปภาพ Bigbike เข้าเพจ Bigbike สักเว็บ
facebook ก็จะส่งสิ่งเหล่านี้มาให้เราตลอดๆ เพราะเข้าใจว่าเราชอบ!!
ดังนั้นจึงตรงกลุ่มความสนใจ อย่างแน่่นอน
นั่นคือ กลุ่มเป้าหมาย บน facebook เบื้องต้น ที่ facebook ช่วยเรา หามาให้
เราเรียกกันว่า “Core Audience”
แต่ะผลตอบรับจะดีมากน้อย แค่ไหน
มันขึ้นกับเนื้อหาที่เราส่งมอบไปให้ กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ด้วยนะ
ถ้าเราเขียน Content ได้ดี น่าสนใจ และถูกจริตกับพวกเขา
มันก็ทำให้เกิด engagement ที่ดีขึ้น มากขึ้น เพราะมันเกี่ยวกับเขานี่ ทำไมจะไม่หยุดดูล่ะ!!
ซึ่ง Content ที่ดี จำไว้เลยว่า
มันคือ เนื้อหาที่ส่งมอบประโยชน์ พูดถึงคุณค่าที่เขาจะได้รับ
มากกว่า ประโยชน์ ที่เราจะได้จากเขา!
บางคนเขียนแต่ คุณสมบัติ ประสิทธิภาพของสินค้า หรือบริการ
โดยไม่ได้อิงอ้างถึง ประโยชน์ที่เขาจะได้รับ
ก็ไม่ต่างจากกระดาษ อธิบายสรรพคุณสินค้า
ที่เราไม่ค่อยสนใจนัก
ดังนั้น ถ้าอยากหากลุ่มเป้าหมายให้แม่น กว่าเดิม
สิ่งที่จะต้องทำคือ ควรรู้ว่า
- สิ่งที่เราขาย สิ่งที่เราทำ มันแก้ปัญหาให้ใคร?
- ใครที่มีปัญหานี้อยู่?
- คนเหล่านี้ มีการใช้ชีวิต เพศ วัย อะไร ชอบอะไร มีจังหวะชีวิตแบบไหน?
หากเรารู้ทั้งหมดแล้ว
ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทำโฆษณาของเรา!!
นี่คือ การหากลุ่มเป้าหมาย แบบ Core Audience
ซึ่งยังมี
– Custom Audience
– Look A Like
ที่มีความแตกต่างออกไป แต่น่าสนใจ และควรเรียนรู้ เอาไว้
หากจะมุ่งมั่นและ ใช้ชีวิตกับเส้นทางสายโฆษณา facebook!!
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์!! เพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะครับผม 😉
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
.
Youtube
https://www.youtube.com/channel/UCyQ_MC0JA3CYoA1bgkDpFow?sub_confirmation=1
สร้างยอดขายหลักแสน แม้ไม่ต้องเสียเงินค่าแอดแม้แต่บาทเดียว ทำได้แบบนี้นี่เอง
สร้างยอดขายหลักแสน แม้ไม่ต้องเสียเงินค่าแอดแม้แต่บาทเดียว
เปลี่ยนแนวคิด ยิงแอดใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
ไม่ว่าจะขายของผ่านออนไลน์
สร้างแบรนด์ร้านค้าผ่านออนไลน์
ขายสินค้า digital ผ่านออนไลน์
ทุกวันนี้ เราล้วนแต่นึกถึงการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ที่คนใช้อยู่
ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊ค ไลน์ adwords
ต่างๆนาๆ ที่ต้องเสียเงิน
ถูกครับ ที่ทำไป คือถูกต้อง ไม่ผิดเลย
เพราะว่าลงทุนไป ก็คือได้ยอดขายกลับมาเสมอ
แต่จะดีกว่ามั้ยครับ หากวันนี้
เราสามารถจะสร้างยอดขายได้ แม้ไม่ต้องจ่ายเงินค่าแอดแม้แต่บาทเดียว
วิธีการไปถึงฝั่งฝันนี้ ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของคนมีความมุ่งมั่นอย่างเราๆท่านๆ
แนวคิดนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่
แต่เป็นการเปลี่ยนมุมคิดเล็กน้อยครับ
สิ่งนั้นก็คือ การเปลี่ยนลูกค้า จาก cold market ไปเป็น Hot Market
และ การเก็บฐานข้อมูลลูกค้าเอาไว้ให้มากที่สุด
cold Market และ Hot Market คืออะไร?
ไม่เกี่ยวกับตลาดสด กับ ตลาดในห้างที่เปิดแอร์เย็นๆ นะครับ 555
แต่เป็นเรื่องแบ่งประเภทลูกค้า ตามความสนใจ ความมีส่วนร่วมกับสินค้า หรือบริการของเรา
ถ้าเปรียบไป ก็เหมือนเวลามีคนแปลกหน้ามาเจอกันครั้งแรกล่ะครับ
แน่นอน ไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่มีข้อมูล ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง
ความสนใจอยากจะมอง ยังไม่มีด้วยซ้ำ
อันนี้ คือ cold market ครับ
การจะทำให้คนแปลกหน้า สนใจ หรือว่า เข้าใจเราได้ดีกว่าเดิม
ก็คือ ต้องมีท่าที ในการเจรจาพูดคุย หรือ มีมิตรภาพที่ดีให้แก่กัน
ไม่ว่าจะเป็นการ พูดเรื่องเดียวกัน พูดเรื่องที่เข้ากันได้ มีความเกี่ยวเนื่องกัน
งานอดิเรกเหมือนกันมั้ย เรียนสาขาเดียวกันมั้ย ชอบแนวเพลง ชอบออกกำลังกายเหมือนกันมั้ย
ถ้าจริตตรงกัน มันก็ไปกันได้
ก็จะค่อยๆ เปลี่ยน cold market ให้เป็น warm market
ซึ่งแน่นอน เมื่อเป็น Warm Market แล้ว รู้จักกันดีขึ้นแล้ว
โอกาสที่จะนำเสนอ ตัวเองในมุมอื่นๆ ก็จะเริ่มขึ้น
เริ่มเปิดใจรับฟังมากขึ้นกว่าเดิม และเชื่อไปในแนวทางเดียวกัน
พร้อมเปิดรับที่จะทำกิจกรรมอะไรร่วมกันได้
ถ้าไปทำกิจกรรมร่วมกันได้ขนาดนั้น ก็เข้าสู่ขั้นของ Hot Market แล้วครับ
เรียกว่า พร้อมไปเที่ยว ไปกิน ที่ไหนก็ได้
กอดคอกันไป พูดจากันตรงไป ตรงมา มองตาก็รู้ใจแล้ว
อันนั้นคือเรื่องของความสัมพันธ์ จากคนแปลกหน้า จนกลายมาเป็นเพื่อนสนิท
จาก cold market มาเป็น hot market
เห็นภาพมั้ยครับ?
ทีนี้ เรามาพูดถึงเรื่องการทำธุรกิจดีกว่า
cold market ก็หมายถึงวันแรก ที่สินค้าเรา เข้าหูคนซื้อ
เขาจะซื้อเราตั้งแต่วันแรกมั้ยครับ?
น้อยมาก ที่จะซื้อ เพราะไม่รู้จักเลย ความน่าเชื่อถือ ยังเป็นศูนย์
คนที่จะซื้อในขั้นตอนนี้ ได้ อาจจะมาจากราคา หรือ อยากทดสอบ อยากลอง ก็เป็นได้
แล้วเราจะทำให้ cold market เหล่านี้ ชอบเรามากกว่าเดิมได้ยังไง
สิ่งที่เราจะต้องระดมทำ ก็คือ
- สร้าง engagement ที่ดี ต่อเขาครับ
- ทำให้เขาเห็นว่าสินค้าหรือบริการของเรา ดีกับเขาอย่างไร แก้ปัญหาให้เขาอย่างไรขั้นตอนนี้ อย่าไปพูดแต่เรื่องของตัวเองนะครับ นึกถึงลูกค้าให้เยอะๆ ว่าเขาจะได้อะไร ก่อนจะไปเอาอะไรจากเขามา!!
- พอเห็นมากขึ้น เห็นว่า มีประโยชน์กับเขามากพอเขาก็จะหันมาสนใจเรา
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะขาย ครีมกันแดด
แทนที่จะเล่าให้เห็นว่ากันแดด ได้ดี มี SPF600++ มากมาย อธิบายไม่หมด
ป้องกัน UV ได้ 38 เท่าจากครีมปกติ
(อะไรของแกวะ)
แต่เราบอกว่า
ใช้ทุกครั้งก่อนออกแดด
หน้าจะเด็กลง ใสตลอดเวลา ใสจนสามีหลง แบบนึกว่าได้เมียใหม่อยู่ตลอดเวลา!
ครีมกันแดด นั้น ก็จะมีคุณค่าสำหรับเธอๆ เหล่านั้นมากพอ จนเหลียวมามองหน่อยซิ
ก็จะเปลี่ยนจาก cold market มาเป็น Warm Market ได้แล้ว
ซึ่ง Warm Market โดนกระตุ้นด้วยสิ่งนี้บ่อยๆ เห็นรีวิว เห็นคนใช้หลายๆคน คนใช้ได้ผล
มีผลลัพธ์ ก็พร้อมกระโจนมาหาเรา ด้วยการ inbox
นี่แหละครับ hot market ที่พร้อมจะซื้อแล้ว
เหลือแต่การปิดการขายของเรา ที่จะทำให้เขาไปต่อมั้ย?
ท้้งหมด นั่นคือ เรื่องของการเปลี่ยน cold market ไปเป็น hot market ครับ
ที่ต้องการให้แยกเป็นเพราะว่า
การสื่อสารไปยังลูกค้าแต่ละประเภท เราจะทำแตกต่างกันเสมอ
คนที่เป็นลูกค้าอยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่งฟังอะไรมาก
เขาพร้อมซื้อซ้ำได้อยู่แล้ว เมื่อของหมด
สิ่งที่เขาอยากฟังคือ มีโปรมั้ย มีส่วนลดมั้ย
ไม่ได้ต้องการฟัง ความดีงามของสินค้าเราอีกรอบ
เห็นภาพชัดขึ้นมั้ยครับผม
และตอนนี้ ก็มาถึง step ที่จะบอกให้ฟังถึง การสร้างยอดขายหลักแสน แม้ไม่ต้องเสียค่าแอด แม้แต่บาทเดียว
เป็นไปได้ครับ แต่อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เราลงมือทำ
แนวคิดนี้ คือ การที่เราต้องเริ่มสะสมลูก รายชื่อ
หรือเอาง่ายๆ ก็คือ รายชื่อลูกค้า เบอร์โทร อีเมล์ นั่นเอง
ทำอย่างไรก็ได้ ให้มีฐานข้อมูลเหล่านี้ มาไว้มากที่สุด
แล้วก็จัดแบ่งประเภทของกลุ่มคนเหล่านี้ เอาไว้
ลูกค้าใหม่ที่ยังไม่ซื้อตอนนี้
ลูกค้าที่ซื้อแล้ว
ลูกค้าเก่าที่มีการซื้อซ้ำหลายๆครั้ง
วิธีการก็คือ
– การเก็บอีเมล์ เบอร์โทร
เพื่อแลกกับของอะไรบางอย่าง เช่น เป็นร้านเช่าเสื้อกันหนาว ก็แจก แผนที่เที่ยวญี่ปุ่น โดยแลกกับการลงทะเบียนลูกค้า
ร้านขายของสุขภาพ ก็แจก e-book อาหารสุขภาพลด 1 กิโล ใน 30 วัน
– การเก็บลูกค้าเข้า inbox facebook
สามารถเพิ่มคนเข้า inbox ด้วยการแลกเปลี่ยนเหมือนเมื่อกี้ แต่ว่า ให้ comment ใต้โพสต์ แล้วดึงเข้า inbox ด้วยเครื่องมือ growth tools ของ Chatbot ต่างๆ
อย่าง Manychat ที่เคยสอนไปใน Live ก่อนหน้า คลิกไปดูได้เลย
คัดแยกลูกค้าทั้งหมดให้เป็น cold market / warm market / hot market
ถ้าง่ายๆ ก็ไม่ต้องไปคิดอะไรครับ จดเข้าสมุดนี่แหละ แยกด้วยตัวเอง เป็นตารางก็ได้
หรือว่าจะ แยกด้วย excel แบบนั้น ก็เข้าที ทำง่ายๆ คัดแยกได้ดี
ถ้าเป็น Facebook inbox
ก็ใช้การ TAG ลูกค้าครับ ที่สามารถ ทำได้ง่ายๆ อิสระ อยากตั้งไรตั้งเลย ภาษาอะไรก็ได้ ที่เราเข้าใจเป็นพอ
หากเป็น Manychat ก็สามารถจะแยกได้ด้วยระบบ Tag ลูกค้า ทำง่ายครับ ดีมากๆ
เอาล่ะ พอเก็บข้อมูลได้มากพอแล้ว
วิธีการจัดการสร้างยอดขาย แบบไม่ต้องยิงแอดกันล่ะครับ
พอเรามีคนที่ซื้อของ ซื้อบริการของเราแล้ว
หากของเราดีจริง เราก็สามารถติดต่อไปหาลูกค้าได้เลยทันที
มีอีเมล์ ส่งอีเมล์
มีเบอร์โทร โทรไปหาได้
มีไลน์ ไลน์ไปหา
หากเป็น inbox ก็ส่งข้อความไปหาเลยจ้า
แต่ถ้าเพจใครไม่มี เครื่องมือส่งข้อความ ที่เรียกว่า broadcast ที่เป็นภาพโทรโข่ง ก็ต้องไปพึ่ง manychat นี่แหละครับ
เพราะส่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเลย!!
ซึ่งส่งได้ทั้งข้อความ ภาพนิ่ง หรือ video ก็ได้
เจ๋งไปเลย!!
แต่ตอนส่ง พยายามส่ง เนื้อหาที่เขาอยากอ่านนะครับ
อย่าไปส่งโฆษณาอย่างเดียว
เพราะ facebook ไม่ชอบ เดี๋ยวเขาจะ block เรา
ซึ่งการส่งข้อความ ไปหาลูกค้าที่ได้ผล ควรนึกถึงอัตราส่วน การซื้อของลูกค้าด้วยนะ
เช่น 100 คนส่งไปหา จะมีเปิดอ่าน คลิกอ่าน แล้วซื้อ กี่ %
อาจจะ 5-10 % ที่ซื้อ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
เพราะว่าเราไม่ต้องเสียเงินค่าแอด
แล้วถ้ารายชื่อมี 1,000 คน 10,000 คนล่ะ
จะมีคนซื้อเท่าไร?
แน่นอนครับว่า ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก
และก็ไม่ได้บอกว่า การจะสะสมข้อมูลลูกค้าเป็นจำนวนมากๆ ไม่ใช้เงิน
ทุกอย่างใช้เงินครับ
แต่การที่เราเปลี่ยนมุมคิด การยิงแอดให้เป็นแบบนี้
จะทำให้ระยะยาว เรามียอดขายด้วยการไม่ยิงแอดได้
อย่างแน่นอน
ใครอยากฟังแบบคลิป ก็จัดเลยจ้า ณ จุดนี้!!
กดติดตาม เพื่อเอาสาระไปทำจริงกันได้ในช่องทางนี้จ้า
Facebook
facebookcom/digitalnook
line @digitalnook
inbox
https://mme/digitalnook
youtube
https://wwwyoutubecom/channel/UCyQ_MC0JA3CYoA1bgkDpFow?sub_confirmation=1
สัญลักษณ์ ลูกโลก เห็นฟันเฟือง ในโพสต์ของเฟสบุ๊ค มีความหมายแบบนี้นี่เอง!!
สัญลักษณ์ ลูกโลก เห็นฟันเฟือง ในโพสต์ของเฟสบุ๊ค มีความหมายแบบนี้นี่เอง!!
วันนี้ครับ มีนักเรียนในกลุ่มปิดคอร์ส Digital Nook ของผม ได้มาปรึกษาว่า
“ตอนนี้ ผมมีปัญหาอยากปรึกษาครับ”
“อะไรครับผม”
“ตอนนี้ ผมโพสต์เข้าไปในหน้าเพจ แล้วปรากฏว่า มันขึ้นสัญลักษณ์ รูปฟันเฟือง ไม่เป็นรูปลูกโลกเหมือนคนอื่นๆ แล้วแบบนี้ คนอื่นๆ เค้าจะเห็นผมมั้ยครับ”
“….”
หรือว่าเพจ visibility เป็น unpublish หว่า
ไปตรวจดู ก็เป็น publish นี่นา..
ผมก็นิ่งไปนิดๆ แล้วคิดว่า เออ หรือว่า แอดมินเพจ ที่ทำการโพสต์ ไปทำอะไรมาแปลกๆ จน facebook บล็อคการโพสต์หรือเปล่า
ผมเลยขอเข้าไปเป็น admin ในเพจนั้น แล้วลองโพสต์ทดสอบดูว่า
“ถ้าใครเห็น ให้พิมพ์ 1 เข้ามา”
สักพัก มีคนพิมพ์เข้ามา 10 คน
เห็น Reach เกิดขึ้นประมาณ 20% ของเพจ
แสดงว่ามันทำงานปกติ ทั้งๆ ที่เป็นรูปฟันเฟือง
ลองไปค้นหาคำตอบจากใน Google ใน Pantip ในเว็บฝรั่ง ก็ไม่เจอวุ้ย!!
ก็เลยกลับไปรื้อหลังบ้านของ facebook ตัวเอง กับ facebook ของนักเรียน แล้วเทียบความแตกต่าง
ก็พบว่า…
เป็นเรื่องของการเปิดสิทธิ์การมองเห็นครับ
ของผมเป็นการเปิดให้พลเมือง facebook เห็นหมดเลย
แต่ว่าของนักเรียน เป็นการเปิดเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น!!
ผมก็เลยปรับใหม่ ให้เป็นการเปิดสิทธิ์ให้คนทั้งโลกดู ซึ่งอยู่ในเมนู
settings > General > Country Restrictions
เราแค่ปรับให้เป็น ปกติ ไม่ต้องเลือกประเทศ..
แล้วทำไม Facebook ถึงทำสิ่งนีขึ้นมาล่ะ!!!
ก็เพราะว่า บางคนไม่ต้องการให้ข้อมูลในเพจตัวเอง ไปให้ในประเทศที่เราไม่ต้องการนั่นเอง ซึ่งเหตุผลที่ไม่ต้องการให้เห็น จะด้วยเหตุใด อันนั้นก็แล้วแต่วัตถุประสงค์ ของเจ้าของเพจ
แต่สำหรับใครที่ไม่อยากให้เป็นฟันเฟืองนะ..
set ให้เป็นแบบทุกๆคน เห็น ดีที่สุด
จบครับ
ใครที่ search google มาแล้วเจอ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ที่คุณได้แนวทางแก้ไข โดยไม่ต้องไปหา google หรือ youtube ดูเองจ้า
ติดตามเรื่องราวเทคนิค ออนไลน์ Marketing ดีๆ ได้ทาง
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
Line : @digitalnook
webiste : https://www.digitalnook.co
3 วิธีเปิดเพจ facebook อย่างไร ให้กลุ่มเป้าหมายจริงๆ มาติดตาม
หลายคนที่เริ่ม เปิดเพจ facebook ของตัวเอง คงอยากจะรู้ว่า ทำอย่างไรให้มีคนติดตาม
หลายคนคงบอกว่า
เรื่องการจะทำให้คนติดตาม ก็ทำได้ง่ายๆนิ ก็ให้เพื่อนมากดไลค์ไง
ถามว่าถูกมั้ย ก็ ถูกนะ แต่คนที่ได้มา ก็คือเพื่อนเรา ที่เขารู้อยู่แล้ว
ว่าเราทำอะไร แต่อาจจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย ที่เราต้องการ ทั้งหมด
วันนี้ เราเลยจะมาพูดกันถึงเรื่องของ เปิดเพจ facebook อย่างไรให้กลุ่มเป้าหมายมาติดตาม
1. ตั้งชื่อด้วยคำค้นหา ที่คนจะเจอธุรกิจของเรา
นี่คือจุดเริ่มต้นง่ายๆ ที่หลายคนมองข้ามไป
เพราะเมื่อตอนเราเปิดเพจครั้งแรก ก็มักจะใช้ชื่อแบรนด์ ชื่อร้าน มาตั้งก่อนเป็นอันดับแรก
ถามว่าผิดมั้ย ก็ไม่ผิด
“แต่จะมีเพียงแค่คนที่รู้จักเรามาก่อนเท่านั้น”
ถ้าไม่รู้จักแบรนด์เรา เขาก็ไม่ค้นหาเราด้วยชื่อนั้นๆ อย่างแน่นอน
ยกตัวอย่างเช่น บ้านเราอยู่ลาดพร้าว
เราจะหาอู่ซ่อมรถใกล้บ้าน ตอนเราค้นหาร้าน ใน Google เราจะไม่ได้ค้นด้วย ชื่อร้านอย่างแน่นอน เพราะเราไม่รู้อะไรเลย!
เราจะเลือกใช้คำว่า
“อู่ซ่อมรถ ลาดพร้าว” หรือ “ซ่อมรถ ลาดพร้าว”
แล้วผลลัพธ์ ก็จะปรากฏขึ้นมา ให้เราเลือก ใครอยู่ในรายการนั้น เราก็พร้อมจะเป็นลูกค้าของเขาอย่างแน่นอน
การเปิดเพจก็เหมือนกัน
การตั้งชื่อเพจ ให้มี คำค้นหา หรือ keywords ก็จะมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
เพราะ หากเราตั้งชื่อให้ดี แล้วมีชื่อไปติดใน Google หรือใน search ของ Facebook
กลุ่มเป้าหมายดีๆ ก็จะวิ่งเข้ามาติดตาม และ ติดต่อธุรกิจกับคุณ โดยที่ไม่ต้องลงแรงอะไรมาก
2. ทำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา และ กลุ่มเป้าหมาย
พอเรา เปิดเพจ facebook แล้ว แน่นอนว่า เราต้องลงเนื้อหา (Content) ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับแบรนด์ มากที่สุด
หลายคนอาจจะสงสัยว่า
“เอ้า ก็เห็นหลายๆคน ลงภาพหมา ภาพแมว ภาพตลก แล้วมีคนมากดไลค์เยอะ ไม่ดีหรือ?”
จะลงภาพอื่นๆ ภาพหมา ภาพแมว หรือ ภาพดอกไม้ ก็ลงได้นะ
แต่สุดท้าย ต้องนำมาเชื่อมให้เข้ากับ ธุรกิจของเราให้ได้
เพราะหากวันนี้ คนลงภาพน้องหมาปั๊กสีดำ สุดน่ารัก
มีกดภาพ น้องหมานั้นมาก มีคนมาตอบ มาคอมเมนท์มากมาย
แต่ไม่มีใครกล่าวถึงธุรกิจ หรือ อยากจะสานต่ออะไรกับเรา
โพสต์เหล่านั้น ก็คงไม่มีความหมาย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
ให้พูดแต่เรื่องของเรา
สินค้าของเรา
ร้านของเรา
กิจการของเรา
อยู่ด้านเดียว
โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงคนอ่าน หรือ กลุ่มเป้าหมายเลย
ซึ่งการโพสต์แบบนั้น ก็ไม่ได้ต่างอะไร กับการตะโกน ขายหวี ให้กับคนหัวล้าน
การโพสต์เกี่ยวกับธุรกิจ และ กลุ่มเป้าหมายสนใจ
ทำได้ โดยใช้สิ่งที่เรียกว่า Content Marketing
ตอนนี้ จะไม่ลงลึกว่า Content Marketing คืออะไร แต่อยากให้ดูว่า โฆษณาต่อไปนี้ ชวนให้คุณอยากได้ สินค้าชนิดนี้หรือเปล่า?
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=slBO93V5QjY
แน่นอน ถ้ากรรไกรนี้ มันเป็นภาพนิ่ง คนอาจจะรู้สึกแค่ประหลาดใจ
แต่พอมาเป็น วิดิโอแล้ว โอ ฉันอยากได้เสียจริงๆ
ถือว่าตอบโจทย์ทั้งคนซื้อ และ คนขาย แบบไม่รู้สึกว่า กำลังอ่าน กำลังชมโฆษณาอยู่!!
นี่แหละ การลงโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และ กลุ่มเป้าหมาย
3. ลงโฆษณาให้กลุ่มเป้าหมาย มาติดตาม
สิ่งที่เราบอก ไป 2 ข้อแรก สำหรับการ เปิดเพจ facebook นั้น คือการใช้เทคนิค และการลงทุนทำ Content
อาจจะต้องแลกกับเวลา กว่าจะได้ จำนวนผู้ติดตามที่เราต้องการ
แม้จำนวนไลค์ อาจจะไม่เกี่ยวกับยอดขายโดยตรง
แต่การที่เรามีคนติดตามเยอะ การลงทำโฆษณา ในแต่ละโพสต์ของ Facebook ก็จะถูกลง
เพจที่มีคนติดตาม 100 คน กับเพจที่มีคนติดตาม 100,000 คน
ใช้เงิน 100 บาทเหมือนกัน แต่ได้ผลลัพธ์ ที่แตกต่างกันนะ
เพจที่มีคนติดตาม 100,000 คน ใช้เงิน 100 บาท จะได้การมองเห็น ที่มากกว่า
(อันนี้ facebook ไม่เคยประกาศ แต่เกิดจากการทดลอง ของผู้เขียนโดยตรง)
ดังนั้น การเพิ่มผู้ติดตามที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราจึงสำคัญ
ก่อนอื่นจะต้องศึกษาว่า กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร
– หญิง หรือ ชาย ?
– วัยไหน?
– เขาอยู่ที่ไหน?
– มีความชอบอะไร?
เอาแค่กลุ่มหลัก ที่จะใช้สินค้า หรือ บริการของเรา
แล้วโฟกัสการโฆษณา ไปที่กลุ่มเหล่านั้นพอ
สำหรับเทคนิคการโฆษณา เพิ่มจำนวนคน จะขอกล่าวในลำดับต่อไป หรือ สนใจ ก็ให้ติดตามผ่านทางเพจของเรา ต่อไป
และนี่คือ 3 วิธีเปิดเพจ อย่างไร ให้กลุ่มเป้าหมายจริงๆ มาติดตาม