เปลี่ยนความรู้ เป็นเงินล้าน เขาทำกันอย่างไร?
เปลี่ยนความรู้ เป็นเงินล้าน เขาทำกันอย่างไร?
ถ้าวันนี้ คุณรู้ว่าต้องทำออนไลน์
ต้องขายออนไลน์
แต่ยังไม่รู้ จะหาอะไรมาขาย
อยากทำเป็นอาชีพเสริม
แต่เงินลงทุน ยังไม่มากนัก
แล้วถ้าผมบอกว่า ให้เอาความรู้ ที่คุณมีอยู่มาขาย
แล้วได้เงินหลักล้าน
คุณจะทำมั้ย
มาถึงประโยคนี้ บางคนก็คงบอกว่า
ผมขี้โม้ ไม่เชื่อหรอก
ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นจริง
ก็สามารถหยุดอ่าน แล้วเลื่อนไปดูโพสต์ต่อไปได้เลย
แต่ถ้าอยากรู้ ให้อ่านต่อได้ครับ
เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในเมืองไทย
มีคนออกมาทำแล้ว
แต่ก็ยังมีช่องว่าง อีกมากมาย ที่ยังไม่มีคนนำเสนอ หรือ คนทำ
เพราะความรู้ ไม่ใช่แค่ เรื่องการทำการตลาดออนไลน์
ยิงแอด ขายของ ตัดต่อ video หรือ สอนใช้เครื่องมือต่างๆ
ยังมีเรื่องราว อีกมากมาย ที่เป็นช่องว่างให้เรา ได้นำเสนอ
ความรู้ที่ขายได้ คือ ความรู้ที่แก้ปัญหาให้กับคนอื่นๆได้
ไม่จำเป็นต้องเรื่องช่วยให้ขายของได้ดีขึ้นอย่างเดียวก็ได้
ความรู้ที่ขายได้ และ ขายดี
คือความรู้ ที่นำไปต่อยอด สร้างอาชีพได้
ผมเคยได้พูดคุยกับ คนที่ทำเว็บขายคอร์สออนไลน์ เว็บหนึ่ง เขาบอกว่า
คอร์สที่ขายดี และสร้างเงินมากติดอันดับต้นๆ
ไม่ใช่คอร์ส สอนยิงแอด ไม่ใช่คอร์สสอนยิง IG
แต่เป็นคอร์ส สอนทำสบู่ทำมือ
คนซื้อไป เพราะอยากไปต่อยอดอาชีพให้ตัวเอง
หรือ ซื้อไป เพราะอยากจะลองทำอะไรเล่นๆ เป็นงานอดิเรก
คอร์สนี้ สร้างรายได้ 7 หลัก ในเวลา 1 ปี
ไม่ธรรมดาเลยใช่มั้ยครับ
คนส่วนใหญ่ อาจจะบอกว่า
ความรู้พวกนี้ เขามีให้ดูกันฟรีๆ ใน youtube เพียบ
จะมาเสียเงินทำไมวะ!
ที่เขาเสียเงิน เพราะความแตกต่าง
เพราะคอร์สนี้ สามารถสอบถาม สอบถามเพิ่มเติมกับผู้สอนได้
และ สามารถกลับเข้ามาดูได้ตลอดเวลา
เป็นระบบ ระเบียบ ไม่ต้องไป search หาทีหลังได้
แต่ถ้าคุณไม่ติดใจในความแตกต่างต่างนี้ ก็สามารถใช้วิธีการ search ใน youtube ได้ครับ
ไม่มีปัญหาอะไร
แล้วอะไร ถึงทำให้คอร์สนี้ ประสบความสำเร็จ
นั่นเป็นเพราะ
1.มีความต้องการของตลาด
ทุกวันนี้ ลองไปค้นหาดู ใน Google Trends คำว่า ทำสบู่ เป็นคำที่คนค้นหาอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยตก ไม่เคยพุ่งสูง
ดังนั้นความต้องการของตลาด ยังมีเรื่อยๆ
2. สามารถไปต่อยอดสร้างอาชีพได้
การทำสบู่ด้วยตัวเอง แล้วทำให้มีเอกลักษณ์ ที่ไม่เหมือนใคร สามารถนำไปต่อยอดสร้างอาชีพให้กับตัวเองได้ มีรายได้เพิ่มขึ้น
คนเลยสนใจ จ่ายเงิน เพื่อเรียนรู้ แล้วไปทำเอง
3. โฆษณาในสื่อที่เหมาะสม
ถ้าคอร์สนี้ ทำมาแล้ว หยุดอยู่นิ่ง ไม่ได้โปรโมท ก็คงไม่มียอดขาย การโปรโมทผ่านทางเฟสบุ๊ค และ Google คือประตูที่จะหาคนมีปัญหา ต้องการทางแก้ไข มาเจอคอร์สนี้ แล้วทำเงิน
นี่เป็นเพียง ตัวอย่างเริ่มต้น ที่ผมอยากให้ทุกคนได้เห็นว่า
ความรู้ที่คุณมีอยู่ ก็สามารถนำมาสร้างรายได้ เสมอ
ถ้าความรู้นั้น เป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้กับคนอื่นๆ ได้
สิ่งนั้น จะมีคุณค่า ให้กับเขา!
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
6 เรื่องที่คุณควรรู้ ก่อนทำโฆษณาใน TikTok
6 เรื่องที่คุณควรรู้ ก่อนทำโฆษณาใน TikTok
กระแสที่มาแรงสุดๆของ TikTok ในช่วงกักตัวอยู่บ้าน ทำให้นักการตลาดออนไลน์แทบทุกคน
หันมาสนใจการลงโฆษณาในแพลตฟอร์มนี้
เพราะทุกคนรู้ดีว่า
แพลตฟอร์มไหนที่คนลงโฆษณาแต่ไม่เยอะ
ค่าโฆษณามักจะถูกเป็นพิเศษ
วันนี้ผมขอแนะนำสิ่งที่คุณจะต้องรู้
ก่อนไปเปิดบัญชีโฆษณา TikTok กันครับ
1. ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมาย และสินค้าก่อน
ก่อนที่คุณจะไปทำการตลาดในแพลตฟอร์มในตาม คุณควรจะต้องรู้ว่าจะขายอะไรให้กับใคร
คนส่วนใหญ่ใน TikTok ตอนนี้เริ่มมีอายุเพิ่มมากขึ้น
แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มเด็กๆ
สินค้าที่นำไปขาย ควรเป็นสินค้าที่เข้ากับช่วงอายุกลุ่มเป้าหมาย
สินค้าที่มีความหวือหวา ดูแล้วน่าสนใจแปลกตา
นำเสนอด้วยวีดีโอความยาว 15 วินาทีแล้วอยากได้ทันที
แบบนี้มีโอกาสขายได้
2. ต้องมี salepage
การทำโฆษณาใน TikTok นั้น
ต้องมี salepage อยู่เสมอ
เพราะไม่มีการให้คนกดทักข้อความ มาคุยกับคนขายโดยตรงเหมือนใน Facebook หรือ instagram
จะมีเพียงปุ่มให้กดแล้วเข้าไปในเว็บไซต์ ซึ่งอาศัยนั้นก็คือ salepage นั่นเอง
salepage จะประกอบด้วยภาพนิ่ง คำบรรยาย รีวิว พร้อมราคาที่ผู้ใช้อาจแล้วสนใจอยากจะซื้อ
ก่อนจะลงท้ายด้วยฟอร์มสั่งซื้อ
หรือง่ายที่สุดก็คือมีปุ่มให้กดติดต่อ ไม่ว่าจะเป็น LINE หรือ Facebook Messenger
หากใครมีเว็บไซต์แล้วก็นำมาใช้ได้เช่นกัน
แต่หน้านั้น จะต้องเข้าได้รวดเร็ว ไม่ต้องมีปุ่มเมนูมากมายให้คนสับสน
มีทางเลือกเดียวก็คือ “ซื้อ”หรือไม่ก็ “ออกจากหน้านี้ไปเลย”
(แต่ทำการตลาดทั้งที ใครๆ ก็ต้องทำให้คนซื้ออยู่แล้วครับ)
3.บัญชีโฆษณา คือ โฆษณาอย่างเดียว
ใน TikTok นั้น การทำโฆษณากับการทำช่องใน TikTok นั้นแยกส่วนกันโดยเด็ดขาด
การทำโฆษณา ก็จะขายของอย่างเดียว
ไม่มีการเชื่อมโยงกับโพสต์ที่ขึ้นในช่อง
ดังนั้น ถ้าจะทำโฆษณา ก็ควรทำช่องควบคู่ไปด้วย หรือ มีช่องทางให้คนได้ติดตามใน platform อื่นๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็น LINE / เฟสบุ๊ค / เว็บไซต์ / youtube / instagram
4.ต้องจ่ายเงินก่อนทำโฆษณา
การจ่ายค่าโฆษณาในระบบ ads TikTok นั้น จะเป็นการซื้อเครดิตไว้ล่วงหน้าเสมอ
ไม่ได้เป็นระบบที่ลงโฆษณาแล้วมาตัดเงินภายหลัง เหมือนเฟสบุ๊ค
สามารถเติมเงินลงระบบได้ผ่าน Visa หรือ Master card เท่านั้น ในตอนนี้
5.วัตุประสงค์โฆษณา ใน TikTok คือ Traffic กับ conversion
ตอนเราทำโฆษณาในเฟสบุ๊ค จะมีวัตถุประสงค์ ให้เลือกมากมายถึง 13 วัตถุประสงค์
แต่ใน TikTok จะมี วัตถุประสงค์หลักๆ อยู่ 2 แบบ นั่นคือ
Traffic และ Conversion
นั่นหมายถึง เราสามารถติด Pixel ในเว็บไซต์ หรือ Salepage ได้ด้วยครับ
ใครที่ทำโฆษณาประเภทคลิกแล้วเข้าหน้าเว็บ หรือ ทำ Conversion บ่อยๆ จะไม่มีปัญหา
แต่สำหรับมือใหม่ หัดทำโฆษณา
ต้องให้เวลา ในการความเข้าใจกับเรื่องนี้สักหน่อย
6. มีกฏกติการมารยาทในการลงโฆษณาเหมือน platform อื่น
การโฆษณาใน TikTok ก็เหมือนกับการลงโฆษณาใน เฟสบุ๊ค หรือ LINE หรือ twitter
นั่นคือ เนื้อหาต้องไม่ผิดต่อศีลธรรม และ กฏหมายบ้านเมือง
กฏกติการมารยาท เหมือนกับ platform อื่นๆ ทุกอย่าง
สายเทา สายดาร์ค อย่าเสี่ยงเลยนะครับ
และนี่คือ 6 เรื่องที่คุณควรรู้ ก่อนลงโฆษณา TikTok นะครับ
หากมี เรื่องไหนที่น่าสนใจ Update เพิ่มเติม ผมจะนำมาใส่ไว้ใน comment ของโพสต์นี้ให้นะครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
TikTok : https://www.tiktok.com/@digitalnook
ไม่ต้องทำให้ทุกคนถูกใจ แต่แก้ไขปัญหาให้แค่บางคนก็พอ
แชร์แนวคิดสำหรับ ธุรกิจออนไลน์ที่เปิดตัวใหม่
ไม่ต้องทำให้ทุกคนถูกใจ แต่แก้ไขปัญหาให้แค่บางคนก็พอ
.
สินค้าต้องแมสเท่านั้น คนถึงจะซื้อ
ต้องทำของให้คนจำนวนเยอะๆ ถึงจะรวย
.
คำพูดดังกล่าวนั้น ไม่ผิดครับ
ถ้าเรามีเงินลงทุนจำนวนมากๆ เยอะๆ และพร้อมทุ่มไปเต็มที่
แบบนั้น ok เลยครับ
.
ในมุมกลับกัน
หากเรามีเงินทุนยังไม่มากพอ จะไปทุ่มขนาดนั้น
การไปหาตลาดใหญ่ ตั้งแต่ครั้งแรก อาจจะไม่เหมาะ
.
แต่ส่วนใหญ่ เรามักจะทำแบบนั้นกันเสมอ
เลยต้องพบกับ การใช้เงินเป็นจำนวนมาก
กับตลาดขนาดใหญ่
.
มีอีกแนวคิดหนึ่งครับ ที่ผมได้ฟังอย่างละเอียด ไปเมื่อวานนี้
จริงๆ ผมคุ้นหูกับคำว่า early adopter ผ่านบทสนนทนา
หรือบทความต่างๆ แต่อาจจะไม่ได้ลงลึก หรือเจาะลึก
หรือไม่อินกับคำพูดนี้สักเท่าไร
เลยเหมือนฟังผ่านๆ
.
ทว่าเมื่อวานนี้
ผมใช้เวลากับกราฟนี้ มากกว่าเดิม
โดยมีคุณอั๋น คุณเอ จาก สัมมนา iclass 1 month in a day
มาเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับกราฟนี้
เห็นว่า เป็นแนวคิดที่ดี เข้าใจง่าย เลยอยากเอามาแชร์ให้ฟังครับ
.
นั่นคือ กราฟ Technology Adoption
อธิบายการเติบโต ของธุรกิจประเภทนี้ได้ดี
.
ช่วงแรกของการสร้างธุรกิจนั้น จะเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า
innovation หรือ นวัตกรรม
กระบวนการ ที่ทำอะไรขึ้นมาใหม่ๆ อาจจะคิดใหม่ทั้งหมด
หรือ ต่อยอดจากของเดิมที่มีอยู่ให้ตอบโจทย์มากขึ้น
.
และเมื่อผ่านช่วงนวัตกรรม ช่วงแรกไปแล้ว
คนที่จะมาซึมซับ รับอะไรใหม่ๆ นี้ไปง่ายๆ
เราเรียกว่า early adopter
อย่างคนที่ ซื้อ iPhone รุ่นแรกๆ สมัคร netflix ทันทีที่เข้าไทย สมัคร spotify ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาใหม่ๆ กล้าใช้ grab ในวันแรกๆที่เปิดใช้งาน
.
ซึ่งพอกลุ่ม early adopter นั้นใช้งานกันอย่างบ้าคลั่ง สนุกสนาน
จนกระจายสิ่งเหล่านี้ออกไป แบบปากต่อปาก
สิ่งที่ตามมา ก็คือ เออ น่าสนใจ เอาด้วยวุ้ย!
นี่คือขั้นตอนที่เราเรียกว่า early majority
.
จนกระแสความฮิตนั้น หนักหน่วงจนกลายเป็นกระแสหลัก
เสมือนไลน์แมนวันนี้ ที่กลายเป็นเรื่องปกติของคนไทย
ใครๆ ก็ใช้ เพราะคนอื่นๆ ก็ใช้กันตลอดเวลา
อันนี้แหละ คือ stage ที่เรียกว่า late majority
คนรู้จักเยอะ เข้าใจเยอะ การแข่งขันของรายใหม่ๆ ก็จะยากขึ้นแล้ว
เพราะต้องใช้สรรพกำลังมาก ใช้เงินเยอะ
.
และท้ายสุด นั่นคือ laggards
เป็นช่วงปลายของวงจร แล้ว คนกลุ่มนี้จะยอมใช้ เพราะว่ามันไม่เหลือของเก่าๆ ให้ใช้งานแล้ว ยกตัวอย่างเช่น
– จำเป็นต้องเปลี่ยนจาก vdo มาเป็น vcd เพราะไม่มี vdo ขายแล้ว
– จำเป็นต้องเปลี่ยนจาก vcd เป็น dvd เพราะว่า ไม่มี vcd ขายแล้ว
– ต้องมาดู netflix แทน เพราะว่าตอนนี้ ที่บ้านไม่มีที่เก็บ blueray dvd แล้ว
.
ซึ่งกลุ่มคนในแต่ละ stage นั้น
มีความแตกต่างกันไปเสมอ
.
หากวันนี้ เรามีเงินเยอะมาก
มีเงินพร้อมทุ่ม ก็ไปเลย ที่ stage ของ early majority หรือ late majority
.
แต่หากความจริง ไม่ใช่
ให้พยายาม นึกตอบโจทย์ให้กับเหล่ early adopter แทน
ตอบโจทย์ แก้ปัญหา สร้างความพึงพอใจ ให้กับคนบางกลุ่ม ก่อน เหมือนกับ
– joox สร้างแอพฟังเพลง เพื่อสนอง need คนชอบฟังเพลงทั้งวัน
– lineman สร้างแอพขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์คนหิวข้าว แต่ไม่อยากไปซื้อเอง
– grab สร้างแอพขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์คนที่เรียกแท็กซี่ ไม่ได้สักที เพราะ แท็กซี่ไม่อยากไป
.
เพราะหากเราตอบสนองความต้องการ
ของคนกลุ่มเล็กๆ ให้เต็มที่ และสมบูรณ์แบบ
.
คนกลุ่มนี้แหละ จะขยาย กระจายให้บริการของเรา
เป็นที่รู้จักต่อเนื่องและยาวไกลไปแบบเต็มๆ
.
แต่ถ้าเรา ไม่สามารถเติมเต็มคนเหล่านี้ได้
มันก็จะกลายเป็นช่องว่าง ที่ทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝัน อย่างที่ต้องการ..
.
ลองคิดดูนะครับ
ว่าเราจะจัดการ อย่างไร กับคนกลุ่มเล็กๆ ที่พร้อมจะตะโกนบอกความดีงาม
ของธุรกิจออนไลน์ของคุณ ให้ดังไปไกลกว่าเดิม
ได้อย่างไร…
.
#digitalnook