หยุดทุกความสงสัย! LINE MY SHOP คืออะไร คำถามนี้มีคำตอบ!
คนไทยกับการขายผ่านแชท
เป็นเรื่องที่สนุกสนานมากๆ
เพราะได้คุยจนมั่นใจแล้วซื้อกัน
แต่บางครั้ง เวลาที่ออเดอร์เยอะๆ
คนมามากๆ เวลาโอนเงิน รับเงิน จะเริ่มใช้เครื่องมือ เยอะแยะมากมาย
บางที ก็จดกันแบบอลหม่าน สับสนไปหมด
จะมีระบบอะไร ที่จะเข้ามาช่วยทำให้ เรื่องแบบนี้ มันง่ายลง หรือ เป็นระบบมากขึ้น
ถ้าคุณกำลังมองหาสิ่งนี้
สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ คือคำตอบ!
ผมขอเขียนถึงระบบ LINE MY SHOP หรือ Myshop ของ LINE นั่นเอง
เอาง่ายๆ ระบบนี้ก็คือ
เว็บ E-commerce ที่ให้ใช้งานใน LINE นั่นเอง
เรียกว่า ไม่ต้องไปไหน เปิดใช้งานในไลน์
เลือกช้อป เลือกจ่ายเงิน ได้ในที่เดียว
ที่เดียวจบ!!
ครับ ติดตั้งง่ายๆ ได้เงินเร็วๆ แบบนี้ เจ๋งครับ
ต่อไป ผมก็ขออธิบายประโยชน์ ของ Myshop ในสามมุม นะครับ
นั่นคือ คนขาย คนซื้อ แล้วก็ที่สำคัญ แอดมินครับ
ประโยชน์ของ LINE MY SHOP ในฝั่งคนขาย
- มีเว็บไซต์ ขายของ ขายสินค้าของตัวเอง
2.ออกบิลล์ออนไลน์ได้แบบง่ายๆ
3.ทำเป็น QRcode ให้ลูกค้าแอดมาซื้อได้ง่ายๆ
4.มีโอกาสได้ไปแสดงสินค้า ใน LINE SHOPPING
ประโยชน์ของ LINE MY SHOP ในฝั่งลูกค้า
- ลูกค้าชอบซื้อผ่านแชท จึงปิดการขายง่ายกว่า
- มีแคตตาล็อก ให้ลูกค้าเลือกวื้อได้เลย
- ล็อกอินด้วย LINE ไม่ต้องไปสมัครสมาชิกอีกให้ซ้ำซ้อน
- จดจำที่อยู่ จัดส่ง ไม่ต้องกรอกใหม่ซ้ำๆ
- ใช้ LINE POINT ในการซื้อของได้
- มีหน้า My Page ให้ลูกค้าจำร้านของคุณได้
ประโยชน์ของ LINE MY SHOP ในฝั่งแอดมิน
- ออกรายการสั่งซื้อ ทำส่วนลดแยกตามบุคคลได้
- กรองลูกค้าแบ่งได้ ตามสถานะการสั่งซื้อ
- ติดแท็กลูกค้าได้ เพื่อแยกกลุ่มได้
- มีข้อความแจ้งเตือนลูกค้า ให้กรอกชื่อ ชำระเงิน และดูหมายเลขพัสดุได้
และที่สำคัญ ทุกอย่างที่กล่าวมานั้น
ไลน์ให้งานได้ฟรีครับ
ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ไม่ต้องไปเขียนโค้ดเลย!!
และที่สำคัญ ผมใช้ระบบนี้ กับธุรกิจจริงๆ มาแล้ว
ช่วยจัดระบบ ช่วยชีวิตแอดมิน ทำให้บริหารจัดการ ได้เยอะเลยครับ
และถ้าเอาไปวางไว้ ในริชเมนู
ลูกค้าประจำ ก็สามารถเข้ามาซื้อเอง shopping ได้เอง
เราทำหน้าที่ไปตามเก็บเงิน อย่างเดียว
แบบง่ายๆ สบายๆ
ยังกับมีเครื่องผลิตเงินมาติดไว้กับ LINE OA ของตัวเอง
LINE MY SHOP เหมาะกับใครบ้าง
- คนขายของออนไลน์
- เจ้าธุรกิจออฟไลน์ ที่อยากเพิ่มยอดขายผ่านออนไลน์
- คนขายคอร์สออนไลน์ expert business
ถ้าใครอยากรู้ อยากเห็นรายละเอียด ที่มากกว่านี้
ผมจะ live โชว์หน้าตา และการทำงาน ให้ดูกัน เร็วๆ นี้ครับ
เจอวิกฤติ ให้ ทำออนไลน์ เพราะนี่คือทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก
เจอวิกฤติ ให้ ทำออนไลน์
เพราะนี่คือทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก
เพราะคนสมัยนี้ เขารู้แล้วว่า ออนไลน์ คือ ทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก
เพราะ ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
เทคโนโลยี เป็นตัวเร่งที่ทำให้ เราใช้ platform ต่างๆ ทำให้ชีวิตเราสบายขึ้น
แต่วิกฤติไวรัส กลายเป็นตัวเร่งทำให้ ทุกอย่างมันเร็วขึ้นมากกว่าเดิม
- ทุกคนเห็นความสำคัญของออนไลน์ แบบไม่ต้องมาบังคับกันแล้ว
- คนตกงานมากขึ้น แต่ ความต้องการคนวิ่งของ Delivery สูงขึ้นเป็นหลักหมื่น
- ถนนหนทาง รถราน้อยลง แต่การขนส่ง logistic ทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม
- ร้านอาหารที่ไม่มี Delivery ต้องปิดตัวไป แต่ร้านที่มี Delivery รับออเดอร์หนักกว่าปกติ
- โรงเรียน สถาบัน การสอน ถูกปิด ครูอาจารย์ ต้องหันมาสอนผ่าน live หรือทำคอร์สออนไลน์
- ฟิตเนส โยคะ ต้องปิดทำการ ทางออกคือ การไลฟ์ให้สมาชิกออกมาออกกำลังที่บ้าน
ใครที่ทำออนไลน์ไปแล้ว ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ
ใครที่ยังไม่ได้ทำออนไลน์
ไม่อยากบอกว่าสาย ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้เสมอ
แต่อาจจะต้องใส่ความเร็ว ใส่พลังมากกว่าคนที่เคยทำมาก่อนหน้า
platform ไหน ที่ยังไม่ได้ทำ ให้ไปศึกษาก่อนเลย
ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
ผมขอแนะนำ ดังนี้ครับ
- เฟสบุ๊ค : ง่ายที่สุด สำหรับคนเริ่มต้น มีให้เลือกใช้ทั้งเฟสบุ๊คส่วนตัว ถ้าเรามีเพื่อนเยอะ จะโพสต์ขายของ ก็ยังมีคนสนใจเลย (ถ้าสินค้านั้น เขาต้องการจริงๆ) / เฟสบุ๊คกรุ๊ป ที่รวมกลุ่มคนที่มีความสนใจเหมือนกัน / marketplace ที่ให้เราเปิดขายของได้ง่ายๆ / fanpage ที่สามารถต่อยอด ทำธุรกิจได้ และสามารถจะใช้เงิน ทำการโฆณาได้
- LINE OA : เหมาะกับการแชท และ ปิดการขาย เพราะคนไทยชอบใช้แชท ที่สำคัญ ตอนนี้มีระบบ e-commerce ให้ใช้งานฟรีๆ เรียกว่า LINE MY SHOP
- instagram : เหมาะกับกิจการ ธุรกิจความสวยความงาม และที่สำคัญ คนใช้งาน instagram มักจะมีทั้งไลฟ์สไตล์ และ ไลฟ์สตางค์ (เงิน)
- twitter : เหมาะกับการ หาเทรนด์ กระแสสังคมที่รวดเร็ว เอาไว้ตามข่าว และสร้างกระแสรีวิว ซึ่งเคยมียาสีฟันบางยี่ห้อ ได้รับกระแสรีวิวที่ดีผ่าน twitter จนของหมดสต๊อกอย่างรวดเร็ว
- website : นี่คือ platform คลาสสิกสุดๆ ที่ไม่เคยตาย แม้คนจะบอกว่าเว็บตายไปนานแล้ว แต่ทุกวันนี้ เราก็ยังใช้งานกันทุกวัน แบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เหมาะกับกิจการ ที่ต้องการสร้างแบรนด์ สร้างความน่าเชื่อถือ รวมทั้ง
- youtube : นี่คือความบันเทิงที่คนไทยนิยมชมชอบ เพราะดูง่าย เพลิน ไม่ต้องคิดเยอะ บางคนอยากหารายได้ผ่าน youtube ก็สามารถทำได้ เรียกว่า youtuber หรือใครจะขายของ ก็สามารถทำรีวิว แล้วให้คนได้เห็น ถ้าสนใจก็กดลิงค์ไปซื้อต่อได้ / จึงเหมาะกับการสร้างแบรนด์ ให้คนรู้จัก เชื่อถือ
ได้เวลาแล้วครับ
ที่จะตื่นมาทำ ออนไลน์
หยุดเศร้าซึม แล้วลุกมาสู้ด้วยออนไลน์!
ทำร้านอาหาร ให้อยู่รอด ด้วยออนไลน์ ในยุควิกฤติ ให้ทำแบบนี้
ทำร้านอาหาร ให้อยู่รอด ด้วยออนไลน์ ในยุควิกฤติ ให้ทำแบบนี้
นี่เป็นครั้งแรก
ที่ผมได้เจอกับเหตุการณ์ ที่บรรยายไม่ถูก
คุณ น่าจะรู้สึกเหมือนกันกับผม
เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยได้เจอมาก่อนในชีวิต
ใครเล่าจะคิดว่า ทุกคนต้องอยู่กับบ้าน
ใส่หน้ากากเข้าหากัน เหมือนหนังวิทยาศาสตร์
เราอยู่ในภาวะปิดเมือง
และต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวการณ์ใหม่ๆ ที่เข้ามา
ทุกธุรกิจต้องปรับตัว
โดยเฉพาะ ธุรกิจร้านอาหาร
คนมานั่งกินที่ร้านไม่ได้ แต่สั่งกลับบ้านได้
ยอดขายหดกว่าเดิมทันที
แต่อย่างไรก็ตาม คนขายอาหาร ยังมีทางรอด ในสถานการณ์แบบนี้ได้
หากเราใช้ แนวคิดทางการตลาด มาปรับใช้
ผมจึงอยากแชร์ สิ่งที่จะช่วยทำให้ คนทำร้านอาหารทั้งหลาย ได้ลองนำไปใช้กันครับ
ซึ่งเกิดจากการสังเกตุ หาข้อมูล และการลงมือทำ
ลองมาดูกันครับ
1. ทำโปรโมชั่น ขายคู่กัน แล้วลดราคา
สถานการณ์แบบนี้ คนจะเริ่มคิดเยอะขึ้นเกี่ยวกับการกิน การอยู่ ถ้าคุณยอมลดกำไรลง แต่ยังมีรายได้เข้ามา น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ดังนั้น หากลองทำโปรโมชั่นที่ ไม่เคยทำมาก่อน ลดราคา เพื่อช่วยกันในสถานการณ์แบบนี้ จึงดูเป็นทางออกที่ดี ในการสร้างยอดขาย ดีกว่าหยุด แล้วรายได้หดหาย!
2.ทำ Delivery
คนไทย กับ app สั่งอาหาร กลายเป็นเรื่องปกติ ไปแล้วในตอนนี้ ถ้าใครมีรายชื่อร้าน อยู่ใน app และคนใช้ประจำบ่อยๆ ก็ถือว่ามีโอกาส ได้รับยอดขายอยู่ตลอดเวลาครับ
แต่ถ้าคุณลองศึกษามาแล้ว แล้วเจอค่า GP ค่าส่วนแบ่งแพง จนรับไม่ได้ อันนี้ขึ้นกับการพิจารณาของเราแล้วครับ ว่าจะปรับอย่างไร
จะเลือกมีรายได้ เข้ามา หรือ ปิดเส้นทางรายได้ แล้วไม่มียอดขายเลย?
หรือถ้าคุณเป็นร้านในหมู่บ้าน อาจจะไม่ต้องไปใช้บริการ เหล่านี้ ก็ได้ พิมพ์โบรชัวร์ หรือ ไปถ่ายเอกสาร เขียนราคาข้าว แล้วเอาไปแจกให้กับคนในหมู่บ้าน ให้เขาได้โทร แล้วใช้มอเตอร์ไซค์ตัวเองไปส่ง เดินไปส่ง หรือ คุยกับพี่วินที่ อยากหารายได้เพิ่ม ก็เป็นไปได้นะครับ
3.ลองคิดทำประเภทอาหารแห้ง หรือ อาหารที่เก็บได้นาน
คนเราออกจากบ้านน้อยลง และ มีแนวโน้มทำอาหารกินเอง ดังนั้น อาหารที่เก็บไว้ได้นานๆ จึงมีความสำคัญมากขึ้น เบื่อๆ ก็เอามาทำกินเอง
หากร้านอาหาร สามารถผลิตอาหาร ที่เก็บไว้ได้นานๆ ออกมาขายได้ นี่คือโอกาสทำเงินของคุณแล้ว
เช่น แหนม กุนเชียง หมูกรอบ หมูหยอง หมูแผ่น กล้วยตาก กล้วยกวน
ลองพิจารณากันครับ
4.ผูกปิ่นโต ไว้ยาวๆ
อีกแนวคิด ที่หากลูกค้าของคุณ ชอบอาหารของคุณ กินอยู่เป็นประจำ ลองเสนอทางเลือก เป็นการผูกปิ่นโตเอาไว้ แล้วให้ส่วนลด แบบการสั่งระยาว
ถูกกว่าการกินเป็นครั้งๆ แต่ขอแลกเปลี่ยนกับการจ่ายเงินล่วงหน้ายาวๆ
5.โปรโมตโพสต์ ในเฟสบุ๊คง่ายๆ ให้คนในระยะใกล้ๆ เห็น
การใช้ social media ที่คนใช้เยอะที่สุด อย่างเฟสบุ๊ค คือทางออกที่ดี และง่าย สำหรับการประชาสัมพันธ์ร้านของเรา หากคุณคือเจ้าของร้าน การกดโปรโมทโฆษณา ให้คนที่อยู่รอบๆ ร้าน 5-10 กิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องยากนัก
เพียงแต่ content ที่ควรจะนำเสนอ ไม่ใช่โฆษณาโต้งๆ แต่มันควรเป็น video ที่เห็นแล้วเกิดอารมณ์อยากกิน เห็นแล้วหิว จนอยากสั่ง (เคยเขียนถึงหลายครั้งนะครับ ไปย้อนดูกันได้)
6.ให้ลูกค้าแอดไลน์ ไว้สั่งอาหาร
ทุกครั้ง ที่ลูกค้าติดต่อมาหาเรา จะโทรหา หรือจะทักเฟสบุ๊ค หรือ มาที่ร้าน คนเหล่านี้คือคนคุณภาพ ที่จะซื้อซ้ำเราได้ในอนาคต ดังนั้น ช่องทางติดต่อที่ง่ายที่สุด คือ ไลน์นั่นเอง
แต่ถ้าคุณทำธุรกิจ อย่าแอดไลน์ส่วนตัวนะครับ ให้ทำ LINE Official Account เพราะว่า เราสามารถ ยิงข้อความกลับไปหาคนเหล่านี้ได้เสมอ หรือ มีแอดมินร่วมมาช่วยตอบ ช่วยดูเวลาที่ลูกค้าทักมา รวมทั้ง วิธีการเชื่อม Delivery lineman เพื่อให้คนสามารถสั่งอาหาร ง่ายๆ ผ่าน LINE ของเรา (ผมจะสอนเทคนิค การเชื่อม LINE MAN กับ LINE Official account ในลำดับต่อไปครับ)
7.ไปขายในเฟสบุ๊คกลุ่ม หรือ LINE OPEN CHAT
อีกหนึ่งที่ ที่คุณสามารถไปโปรโมต ฝากร้านได้ ก็คือ กลุ่มร้านอาหาร ทั้งในเฟสบุ๊คกลุ่ม หรืออย่างในไลน์ ก็คือ พวก LINE OPEN CHAT ที่เราสามารถ เข้าไปร่วม join และโพสต์แนะนำ ร้านของเราได้
แต่ให้ศึกษากฏ กติกา มารยาทของแต่ละกลุ่มให้ดี เพราะว่า ถ้านำเสนอมากเกินไป คุณอาจจะโดนเด้งออกมาได้
ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของแนวคิด การปรับตัวของร้านอาหาร
ซึ่งหากใคร ทำร้านอาหารอยู่
แนะนำ ให้ทำครับ ดีกว่าปล่อยให้สถานการณ์มาครอบงำเรา
แล้วไปต่อไม่ได้
สู้ไปด้วยกันครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
ยกระดับ Up Skill ออนไลน์ ปรับตัวยังไงให้อยู่รอด ช่วงปิดเมือง
ในภาวะที่ทุกประเทศ ต้องปิดเมือง
นั่งทำงานที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อ
.
ทุกคนต้องใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม
หลายๆอาชีพ ไม่มีงานทันที ด้วยสิ่งที่ไม่คาดฝัน
แต่หลายๆคนยังอยู่ได้ ในวิกฤตินี้
เพราะมีวิถีทางบนโลกออนไลน์ รองรับอยู่
.
ทุกคนจึงหันหน้ามาทางออนไลน์
เพราะมันสามารถ ตอบโจทย์ได้
การสอน งานสอน ก็ผ่านระบออนไลน์
ซื้อของ ก็ผ่านออนไลน์
ซื้ออาหาร ก็ผ่านออนไลน์
ออกกำลังกาย ฟิตเนส ปิด ก็ดู live ผ่านออนไลน์
.
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดี ที่เราจะใช้เวลาที่ว่างมากขึ้นนี้ มาใช้ในการ Upgrade ตัวเอง
.
ผมเลยมองออกเป็นสองมุมครับ
มุมแรกคือ สำหรับมือใหม่ กับ มือเก่า
ดังนี้ครับ
.
Up skill สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยทำออนไลน์
1. มองให้ออก ว่าเรามีความถนัดเรื่องอะไร
ถ้าวันนี้ จะเริ่มต้นทำออนไลน์ อาจจะยังรู้สึกสับสน และพร้อมไปตามที่คนอื่นๆ บอกให้ทำ ไปขายอันนั้น อันนู้นสิ ดี รวย ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ชอบ
ถ้าแบบนี้ คุณจะทำได้แป๊บเดียว แล้วก็ หยุด แล้วก็เลิกทันที เพราะคุณไม่ชอบ ไม่ถนัด มันฝืน
ดังนั้นควรคิดให้ออกว่า เราชอบอะไร ทำอะไร
เราจะทำได้แบบ คล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ
เวลานำเสนออะไร หรือขายอะไรไปแล้ว คนจะเชื่อคุณเพราะความเป็นธรรมชาติของคุณ
2.มองให้ออกว่าใครมีปัญหาและต้องการการแก้ปัญหาจากเรา
มีคนจำนวนมากที่มีปัญหา และรอการแก้ปัญหาจากสิ่งที่เราถนัดเสมอ
แต่ต้องมองให้ออกว่า คนเหล่านั้นคือใคร อยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตอย่างไร
เพราะหากเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้
คุณจะสามารถ ถ่ายทอดสิ่งที่เขาต้องการ ได้อย่างแท้จริง
เพราะหากเข้าใจปัญหาของเขา
คุณจะถ่ายทอดในเรื่องที่เขาอยากรู้ ได้เสมอ
3.จะสื่อสารยังไง ให้คนเหล่านั้นรู้ว่าเราแก้ปัญหาให้เขาได้
หลังจากที่เรารู้ว่า เขาต้องการอะไร ขั้นตอนต่อไป คือการหาเครื่องมือสื่อสาร ไปยังกลุ่มคนเหล่านี้
เพราะคนแต่ละกลุ่ม ไม่ได้ใช้ facebook แค่อย่างเดียว
แต่เลือกใช้สื่อหลายแบบ
คนส่วนใหญ่ทั่วไป ยังใช้ facebook
ถ้าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น ตอนนี้จะใช้ twitter instagram เป็นหลัก
คนที่พยายามแก้ปัญหา จะดูผ่าน google youtube
ลูกค้าที่เคยซื้อของเราแล้ว มักจะกลับมาซื้อผ่านช่องทาง LINE OA
เครื่องมือสื่อสาร ที่เราเลือกใช้ ในโลกออนไลน์ มีมากกว่า facebook
เพียงแต่จะเลือกใช้ตอนไหน
Up skill สำหรับมือใหม่ที่ทำออนไลน์มาแล้ว
1. ทำความเข้าใจเรื่องของ funnel ให้แน่นขึ้น
สำหรับคนที่ทำออนไลน์มาแล้วระยะหนึ่ง อยากให้ทำความเข้าใจ เรื่องของ funnel มากขึ้น เพราะจะทำให้เรา เข้าใจเรื่องการขายมากขึ้น
คนไม่ตัดสินใจซื้อตั้งแต่ครั้งแรก
แต่ต้องผ่านขั้นตอนเปลี่ยน จากคนแปลกหน้า มาเป็นลูกค้า หรือสาวก อันนี้ เราเรียกกันว่า sale funnel
ซึ่งการเปลี่ยนแต่ละขั้นตอนนั้น จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป
ไปอ่านแบบละเอียดได้นะครับที่ >> https://www.digitalnook.co/590/
2.มาทำความเข้าใจการยิง ads ให้แน่นกว่าเดิม
สำหรับการยิงแอด ที่เข้าใจง่ายที่สุด ณ ตอนนี้ ก็ยังต้องยกให้ เฟสบุ๊คเสมอ
บางครั้ง เราอาจจะใจร้อน และรีบทำแอด ยิงแอด
จนไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะรีบขาย
.
ตอนนี้ มีเวลาแล้ว ลองย้อนกลับมาดู เกี่ยวกับโครงสร้าง
เกี่ยวกับพื้นฐาน ให้แน่นอีกครั้ง เพื่อให้รู้ถึงที่มา ที่ไป ของจุดประสงค์ต่างๆ
.
วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่เราไม่ค่อยได้ใช้ ก็ถึงเวลาแล้ว ที่จะลองใช้
เช่น
- reach ที่อาจจะละเลยไป ก็สามารถใช้ได้ เพื่อทำให้คนไม่ลืมเรา ในราคาที่ประหยัด
- conversion ถ้าไม่เคยทำ ก็ให้ไปลองทำ
- audience insight ตัวเช็ค interest ที่ดี ลองกลับมานั่งดู ว่าใช้งานยังไง
3. ทำหน้าบ้านดีแล้ว หลังบ้านต้องดีด้วย
บางคนที่ทำหน้าบ้าน ยิงแอด ได้ดีแล้วก็ควรจะมาใส่ใจ เรื่องของ ตัวเพจ ให้ดี
เพราะยิงแอดไป แล้วเข้ามาในเพจ ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเชื่อถือได้
- ขายอย่างเดียว ไม่ได้ให้ความรู้ ไม่ได้ให้คุณค่า
- ไม่มีตัวอย่าง ไม่มีรีวิว ที่สร้างความมั่นใจ
- ไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความ เชี่ยวชาญ ของเราในสายงาน
และนี่คือ แนวคิดหลักๆ ที่อยากให้ได้ลองปรับใช้กัน
ถ้าวันนี้ ยังไม่ได้ปรับปรุง ได้เวลาแล้วครับ ที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น
ไม่สายเกินไป สำหรับคำว่า การพัฒนาให้ตัวเองดีขึ้น
เป็นกำลังใจให้กัน ในวันที่ต้องอยู่บ้าน
ยิงแอดแล้วลูกค้าไม่ซื้อ เพราะแบบนี้หรือเปล่า?
ยิงแอดแล้วลูกค้าไม่ซื้อ เพราะแบบนี้หรือเปล่า?
ยิงแอดไปแล้ว คนไม่ซื้อเลย
ทำไงดีครับ
คำถามนี้คือ คำถามคลาสสิกมากครับ
ที่เจอมาตั้งแต่เริ่มเปิดเพจมา และคำถามนี้ ก็ยังมีเรื่อยๆ
วันนี้เลยอยากจะแชร์ แนวคิด
เพื่อลองเอาไปแก้ปัญหากันครับ
แนวคิดนี้ จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เราอาจจะลืมกันไปเท่านั้นเองครับ
บางคนจะเคยได้ยินคำว่า customer jouney
บางคนอาจจะได้ยินคำว่า sale funnel หรือ กรวยการขาย
บางคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า cold market warket และ hot market
เดี๋ยวเรามาทำความเข้าใจกันอีกครั้งนะครับ
แนวคิดนี้ ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ เลย
ก็คือ ทำยังไง ให้คนแปลกหน้า กลายมาเป็นสาวก นั่นเอง
การจะยิงแอดให้คนแปลกหน้ามาซื้อของตั้งแต่ครั้งแรก
ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขนาดเรา ยังต้องเห็น โฆษณาไม่รู้กี่ครั้ง กว่าจะตัดสินใจซื้อ
บทความนี้ จะทำให้เห็นว่า ลูกค้าแต่ละขั้นตอนนั้น
เป็นอย่างไร และเราจะเปลี่ยนพวกเขา ให้ไปสู่ขั้นกว่า ได้อย่างไร
มาดูกันครับ
คนแปลกหน้า
กลุ่มคนเหล่านี้ คือ คนที่ไม่รู้จักเรามาก่อนเลย ปกติ คนแปลกหน้า เราจะต้องใช้พละกำลัง ทุ่มเทมากๆเพื่อทำให้เขาสนใจ
สิ่งที่จะทำให้เขาสนใจเราได้นั่นคือ พูดในสิ่งที่เขาอยากฟัง สิ่งที่เขากำลังอยากแก้ปัญหา โดยใช้ ภาพสะดุดตา คำพูดสะดุดใจ นั่นเอง
ซึ่งขั้นตอนนี้ ถ้าเขาสนใจ ก็จะเปลี่ยนสถานะ จากคนไม่รู้จัก กลายเป็นคนที่สนใจเรา (แต่ยังไม่ซื้อของนะ)
คนที่สนใจ
คนที่สนใจเรา คือกลุ่มคน ที่เล็งๆ เอาไว้แล้วว่า อยากจะถามเรา มีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับสินค้า หรือบริการของเรา แต่อาจจะยังไม่ได้เกิดความรู้สึก ลึกซึ้งมากเท่าไร
สิ่งที่จะเปลี่ยนให้คนเหล่านี้ เปลี่ยนไปอีกขั้น ก็คือ การให้ข้อมูล การนำส่งเนื้อหาที่มีคุณค่า ที่ทำให้เขาเห็นว่าเราคือคนที่สามารถช่วยเขาได้ ในเรื่องที่เขาสนใจ เชี่ยวชาญพอ น่าเชื่อถือพอ
เมื่อถึงระดับหนึ่ง ที่เขาติดตามมานานมากพอ เขาจะเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าเราได้ต่อเมื่อ ได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ มากพอ เช่น ลดราคา โปรโมชั่น ส่งฟรี
ลูกค้า
เมื่อเขาได้กลายมาเป็นลูกค้าของเราแล้ว
นี่คือ กลุ่มคนที่เราจะต้องทำดี กับเขาให้นานที่สุด
เพราะหากดูแล ได้ดี ไปนานๆ กลุ่มคนเหล่านี้ จะทำให้เกิดการซื้อซ้ำมากที่สุด
และหากเราดูแลได้ดีมากพอ
กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ จะกลายมาเป็นสาวก ของเรา
สาวก
สาวก ก็คือ กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบ ชื่นชม และพร้อมบอกต่อให้คนอื่นๆ มาเป็นลูกค้าเราเพิ่มได้
กลุ่มคนเหล่านี้ เราควรมอบอะไรที่เหนือความคาดหมาย
บางครั้ง อาจจะให้ของเล็กๆน้อยๆ ที่เป็นคุณค่าทางใจ ไปได้
กลุ่มสาวก พร้อมให้ความร่วมมือกับเรา ง่ายที่สุด แม้จะเป็นกิจกรรม ที่ดูยากลำบาก แต่ก็พร้อมจะทำให้เราได้เสมอ ดังนั้น ควรดูแลพวกเขาเหล่านี้ให้ดี
สรุป
หวังว่า เมื่อทุกคนได้อ่านบทความนี้แล้ว
จะทำให้เข้าใจ แนวคิด ของลูกค้าทั้งสี่ขั้นตอน
เพื่อตอบปัญหา คลาสสิกว่า
“ยิงแอดแล้ว ลูกค้าไม่ซื้อ เพราะอะไร?”
เปิดร้านอาหาร อยากทำออนไลน์ เพิ่มยอดขาย! เริ่มต้นยังไงดี
แม้เศรษฐกิจ จะเป็นยังไง
แต่เรื่องการกิน มันต้องมี อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
ดังนั้น ต่อให้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
อาหารการกิน ก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นอยู่ดี
ถ้าใครทำร้านอาหารอยู่ มาฟังแนวคิด การตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มยอดขายกันทางนี้เลยครับ
(ใช้ได้ทั้งแบบ มีหน้าร้าน หรือไม่มีหน้าร้านนะครับ เลือกใช้ตามความเหมาะสม)
google my business
หรือแผนที่สำหรับร้านคุณ ใน Google maps
เวลาคนเราจะหาอะไรกินแล้วต่างถิ่นต่างที่ สิ่งที่ควรจะเปิดหาก่อนเลยก็คือ Google Map เพราะนอกเหนือจากการบอกเส้นทางไปร้านอย่างถูกต้องแล้ว มันสามารถจะบอกได้ว่าร้านอาหารไหนที่น่าสนใจมีคนไปกินมากน้อยแค่ไหน มีภาพให้เห็น มีข้อมูลเบอร์โทรให้เราได้ติดต่อไปสอบถามว่าเปิดหรือเปล่า
สิ่งที่จะทำให้คนตัดสินใจว่าจะไปกินหรือไม่ นั่นคือจำนวนรีวิวและจำนวนดาวที่แสดงไว้ ถ้าคนชมเยอะๆก็พร้อมจะไปกินทันที แต่ในทางกลับกันถ้าดาวน้อยๆก็ไม่อยากจะไป
ดังนั้นเจ้าของร้าน ต้องเอาใจใส่ให้ดีนะครับหากใครมีพิกัดอยู่ใน Google Map และจะดีไปมากยิ่งขึ้นหากคุณทำการยืนยันความเป็นเจ้าของ ให้เรียบร้อย (เรียกว่า verify google my business)
เพราะคุณจะเห็นว่าคนมาที่ร้านเวลาไหน แล้วค้นหาคำว่าอะไรถึงจะเจอร้านคุณ
location based application : wongnai / trip advisor
นอกเหนือจาก Google My Business แล้ว Application ที่คนใช้หาร้านอาหารก็คือ wongnai แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวแล้ว จะเชื่อ tripadvisor มากกว่า
ดังนั้น การมีเนื้อหาที่ update การเข้าไปพุดคุยกับคนที่มารีวิวร้านผ่าน app wongnai จึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าอยากจะปรับเปลี่ยนข้อมูลของร้านคุณภายในนั้นด้วยตัวเอง จะต้องจัดการผ่านระบบ rms หรือ Restaurant management system ซึ่งเป็นของ wongnai เอง
ข้อดีก็คือ คุณสามารถปรับเปลี่ยนเมนู เพื่อใช้ร่วมกับ line man delivery ได้ด้วย
Delivery Application :
นี่คือทางรอดของร้านอาหารทุกร้าน เว้นแต่ว่าร้านคุณขายดีมากๆจนทำไม่ทัน
แต่อย่างไรก็ตามแม้แต่ร้านขายดีเขาก็ยังต้องใช้บริการเดลิเวอรี่อยู่เสมอ
เพราะลูกค้าไม่อยากมานั่งรอที่ร้าน ขอสั่งผ่าน App ดีกว่า
ขนาดร้านที่ขายดีๆเขายังใช้ แล้วร้านคุณทำไมถึงจะไม่ใช้บ้างล่ะ
ในบ้านเรามีเดลิเวอรี่อยู่มากมายหลายเจ้า แต่ละรายก็จะมีเงื่อนไขในการใช้งานแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น LINE MAN / get / food panda / grab food
แต่ถ้าพูดถึงความง่าย และ ความสะดวก ผมก็ยังยกให้ LINE MAN มาเป็นเจ้าแรก สำหรับ GET ตอนนี้ กำลังวุ่นวาย ยังไม่สามารถรับร้านค้าเข้าไปร่วมได้ ทั้งหมด ให้เวลาเค้าหน่อย / grab food ก็จะมีการเก็บค่า % ที่มากขึ้น แต่ข้อดีก็คือ ลูกค้าที่ไม่มีเงินสดเลย สามารถใช้ grab pay ที่ตัดเงินผ่านบัตรเครดิตสั่งอาหารได้ / ส่วน foodpanda นั้น คลาสสิกสุดๆ ต่างจังหวัดโดนยึดพื้นที่ไปเยอะแล้ว
ยังไม่นับรวมเจ้า delivery ท้องถิ่นในจังหวัดใหญ่ๆ อย่าง นครปฐม ชลบุรี หรือ ฉะเชิงเทรา (เท่าที่ทราบนะครับ) ก็น่าสนใจ น่าเข้าร่วมครับ
Line OA : Line Official Account
สำหรับร้านอาหารกรณีของการยิงบรอดแคสท์ อาจจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไปแล้ว เลยอยากให้มาโฟกัสฟังก์ชั่นที่เพิ่มยอดขายได้เต็มที่นั่นคือ
- บัตรสะสมแต้ม
สมัยนี้ ลูกค้าประจำ คือคนที่สร้างรายได้ให้กับเราอย่างสม่ำเสมอ อีกหนึ่งเทคนิคก็คือ การทำบัตรสะสมแต้ม จะทำให้ลูกค้าได้สนุกกับการสะสมคะแนน แล้วได้รับรางวัลกลับไป จะเล็กน้อย ก็ถือว่าได้มีส่วนร่วมกับร้านมากขึ้น คิดถึงร้านมากขึ้น ที่สำคัญไม่เปลืองกระดาษ เจ๋งตรงนี้ - คูปอง
หากต้องการหาลูกค้าใหม่เข้าร้าน การให้ promotion หรือส่วนลด เพื่อมากินครั้งแรก ถือว่าเป็นไอเดียที่น่าทำ ขอให้แค่มาลอง ถ้าชอบก็กินต่อได้ กลายเป็นลูกค้าประจำกันต่อไป ดังนั้น
หรือจะใช้ต่อยอดกับลูกค้าเก่าก็ได้ เช่นให้สิทธิ์ซื้ออาหารเพิ่มในราคาพิเศษ หากกินครบ xxx บาท สำหรับคนที่มีคูปองนี้ ถามว่า จะแจกในร้านก็ทำได้นะครับ แต่ถ้ามีคูปอง เราก็จะสามารถเรียกลูกค้า ที่อยู่ไกลๆ เดินทางมารับสิทธิ์ ที่ร้านเราได้ นี่แหละ คือความสำคัญของคูปอง
Facebook group
สมัยนี้ ถ้าคนจะคุยกัน ส่วนใหญ่ จะไม่ได้เข้า pantip แต่จะเลือกใช้ facebook group เพื่อคุยกันมากกว่า เพราะถูกจัดหมวด จัดกลุ่ม ได้ยิบย่อยตามความต้องการ
และกลุ่มอาหารการกิน เครื่องดื่ม ก็เป็นชุมชน ที่เราสามารถเอาร้านอาหารไปแนะนำ หรือ นำเสนอได้ แต่ต้องระวังเรื่องกฏในการโพสต์ให้ดีๆ โพสต์ถี่ นอกจากคนจะเบื่อ ก็ระวังจะโดนข้อหา spam เอาได้ง่ายๆ
Fanpage + Facebook ads
เครื่องมือที่ทรงพลัง และใช้งานง่ายที่สุด ในสมัยนี้ ก็คือ การเปิดเพจ เพราะ update ได้ง่ายผ่านมือถือ ถ่ายรูป ถ่ายคลิป โพสต์ข้อความ ทำกันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
แต่ถ้าจะให้คนเห็นได้มากขึ้น ก็ต้องยิงแอด หรือ ทำโฆษณาโปรโมตโพสต์ นั่นเอง
สำหรับร้านอาหาร ถ้าทำง่ายๆ ก็คือ โปรโมตให้คนรอบๆ ร้านของเรา ได้เห็นว่าร้านเราอยู่ตรงไหน ขายอะไร แล้วอยากมากินนั่นเอง (ถือว่าง่ายที่สุดแล้ว)
twitter
สำหรับสายคาเฟ่ เครื่องมือที่ทรงพลังในการทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักมากที่สุด ก็คือ twitter นั่นเอง แต่ส่วนใหญ่พลังนี้จะไปอยู่กับ blogger และ influencer สาย twitter เพราะจะเข้าใจการสื่อสารกับคนวัยเดียวกันมากกว่า เพราะการพูด จะแตกต่างไปจาก facebook โดยสิ้นเชิง / แต่คำสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ภายใน 1 นาทีนี้แหละ ที่จะดึงให้คนมาหาร้านเราได้มากขึ้น
การใช้ twitter ทำให้คนรู้จัก จะต้องไปผูกสัมพันธ์ กับเหล่า influencer ไว้เยอะๆ เชิญมากิน หรือ จะจ้างมาถ่ายทำ ก็แล้วแต่พิจารณา
Instagram
สื่อที่สร้างอารมณ์ ให้คนเห็นแล้วอยากไปใช้บริการ ก็คือ Instagram นั่นเอง สื่อนี้ ถ้าร้านอาหาร มีความสามารถในการถ่ายทอดภาพ ก็ใช้เครื่องมือนี้ได้เลย
ถ้าภาพสื่ออารมณ์ให้คนอยากกิน อยากไปสัมผัส ก็จะทำให้คนมาใช้บริการมากขึ้นอย่างแน่นอน
TikTok
เครื่องมือใหม่ ที่เข้าใจง่ายๆ เพราะใช้เวลาไม่นาน เพลงประกอบก็สนุกสนาน และล้วนแต่เป็นเพลงดังๆ ยิ่งประกอบกับ ไอเดียของเหล่าคนสร้างเนื้อหาใน tiktok ยิ่งสนุกมากขึ้น
ถ้าร้านไหน เก่งเรื่องแบบนี้ จะลองสร้าง account tiktok แล้วถ่ายทอดความน่ากินของอาหารตัวเองได้ครับ แต่ถ้าไม่ถนัด ก็เชิญ influencer สาย twitter มากินอาหารที่ร้านได้
นี่คือไอเดียบางส่วน ของการใช้ Online Marketing มาช่วยทำให้ยอดขายร้านอาหารของคุณเพิ่มมากขึ้น
ลองนำไปใช้งานกันได้นะครับ
ถ้าใครอยากรู้ลึกๆ หรือละเอียดมากขึ้นกว่านี้
ผมจะนำเสนอในโอกาสต่อไป
อยากขายของกินทั่วไทย ทำการตลาดออนไลน์ ยังไงดี
อยากขายของกินทั่วไทย ทำการตลาดออนไลน์ ยังไงดี
สภาพเศรษฐกิจ ที่มีแต่คนบอกว่าแย่ๆ ในทุกปี
ข่าวของโรงงานยักษ์ใหญ่ที่ถูกปิด
ข่าวที่พนักงานเป็นจำนวนมาก ไปรอหน้าโรงงานแล้วเจอกระดาษแปะว่า ไม่ต้องมาทำงานแล้ว
ภาพข่าวเรื่องไวรัส ที่ทำให้คนเจ็บป่วยระบาดรุนแรง
ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบในวงกว้าง ไปเรื่อยๆ
ถ้าเป็นคุณเอง จะเลือกทำอะไร ระหว่าง
รอให้เศรษฐกิจแย่ไปเรื่อยๆ แล้วไม่ทำอะไร อ่านข่าวแล้วใจฝ่อไปทุกวัน
หรือ มองหาทางเลือกอื่นๆ ที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น หลายทาง ไม่รอความหวังจากแหล่งเดียว
เมื่อไม่นานมานี้ มีข้อความใน inbox จากน้องคนหนึ่ง ได้มาปรึกษาผมครับ
ว่าอยากขายของกินออนไลน์ และอยากขายไปทั่วประเทศ
จะต้องทำอย่างไรดี
ผมว่าเรื่องนี้ น่าสนใจดี
เพราะส่วนใหญ่ คนมักจะเลือกไปขายครีม ขายยา ขายอาหารเสริมกันซะมาก
จนลืมไปว่า ของกินเนี่ย เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายๆ
เพราะทุกคนเกิดมาต้องกินอยู่แล้ว
มีมื้อหลัก ก็ยังมีมื้อย่อยๆ ได้
แล้วถ้าเป็นอาหารที่กินกับข้าวได้ อันนี้ ก็ยิ่งดีไปกันใหญ่
เพราะว่ามันจะหมดเร็ว และซื้อซ้ำได้ (ถ้าอร่อยจริง อันนี้สบายไปเลย)
เลยอยากจะแชร์ แนวคิดการทำการตลาดออนไลน์ สำหรับของกิน ที่ส่งได้ทั่วประเทศ
ขอแบ่งเป็นแบบนี้ครับ
ไปรับมาขาย
แบบนี้ เหมาะสำหรับคนที่จะลองเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ก่อน ไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไรมาก คนที่มีงานประจำก็สามารถทำได้ เครื่องมือที่เราจะใช้ทำการตลาด ก็คือ เฟสบุ๊คส่วนตัว ของเรานี่แหละครับ แต่คุณควรจะต้องเป็นคนที่ สื่อสารกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลานะครับ
ไม่ใช่เฟสบุ๊คอวตาร ที่มีท้องฟ้า การ์ตูน แล้วเอาแต่บ่นๆๆ เรื่องชีวิต รอคนมากดไลค์ หรือ ให้กำลังเพียงอย่างเดียว
ถ้าเฟสบุ๊คคุณมี ภาพการใช้ชีวิตประจำวัน ไปไหนมาไหน มีเพื่อนฝูง comment ติดตาม แบบนี้ ก็พอไปรอดอยู่ครับ เอา
ยังไม่ต้องยิงแอดอะไรเลย ใช้ตัวเรา และต้นทุนของเราซื่อๆเลย
แต่ต้องมั่นใจว่า ของนี้ มันน่ากินจริงๆ แค่โพสต์ ก็มีคนอยากกินแล้ว
ถ้ากลัวว่าจะไม่มีเงินไปลงทุน
ก็ให้ใช้วิธีการแบบ preorder เอ้า ใครอยากกินอันนี้ บอกมา เดี๋ยววันจันทร์ จะเอามาขาย
ถ้าทำแบบนี้ เราไม่จำเป็นต้อง ออกเงินไปซื้อของมาก่อน เพราะรู้จำนวนที่แท้จริงว่า เท่าไร
ถ้าไม่มีใครสั่ง ก็ไม่ต้องเอามาขาย จบ
ลองทำแบบนี้นะครับ
เริ่มจากเพื่อนใกล้ตัว ที่ทำงาน ก่อนก็ได้
หรือจะไปโพสต์ลงในเฟสบุ๊คกลุ่ม ที่เขาอนุญาต ก็ได้ แต่เราจะต้องมีความน่าเชื่อถือมากพอ และไม่ทำตัวเหลวไหล เนื่องจากในกลุ่ม จะมีกฏระเบียบข้อบังคับ หลายอย่าง ต้องทำตัวให้ดีๆ
หรือจะไปลงใน Market place ก็ได้ แถมยังสามารถทำโฆษณาได้แบบง่ายๆ ตามพื้นที่ได้ด้วย เพื่อเพิ่มการมองเห็น อันนี้ เหมาะสำหรับมือใหม่มากๆ ครับ ลองดูไม่เสียหาย
แต่ถ้าเราชำนาญมากขึ้น มีส่วนต่างมากพอ จะไปเปิดเพจ เพื่อขายเป็นเรื่องเป็นราวก็ได้ แต่ต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นมาอีก เพราะต้องไปลงทุนเรื่องการทำ content เนื้อหา และการยิงแอดเพิ่มเติม
หากไม่ถนัดเรื่องการยิงแอด ก็สามารถไปสมัครขายใน shopee ได้ แต่จะมีค่าธรรมเนียมขายของเมื่อมีคนมาซื้อ สิ่งที่ควรศึกษาหากจะลงมือทำ shopee ก็คือ การเตรียม stock สินค้า และค่าขนส่ง ซึ่งต้องคำนวณให้ดี ไม่งั้นเข้าเนื้อตัวเอง
ทำขายเอง
ถ้าเป็นคนที่ทำธุรกิจของกิน ก็มักจะมีการลงทุน ลงแรง เพื่อสร้างผลกำไรอยู่แล้ว
ดังนั้น ประสบการณ์ของคุณ น่าจะผ่านจุดที่ไปรับของมาขายไปเยอะแล้ว
อันดับแรก ให้เช็คเรื่องกำไรสินค้า ว่ามีส่วนต่างมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ประมาณการณ์ ได้ว่า เราควรมีต้นทุนเท่าไร ในการทำโฆษณา ขนส่งสินค้า
ส่วนเครื่องมือที่จะใช้ แนะนำว่า ถ้าถนัดเรื่องการทำเนื้อหา การยิงแอด ก็ให้เลือกใช้เพจในการทำการตลาดครับ
เนื้อหาที่ใช้ในการขายของ จะต้องทำให้คนเกิดความอยาก ที่จะซื้อสินค้าของเรา
ถ้าจะมาจัดห่อสวยงาม วางสวยๆ แบบนี้ เหมือนโฆษณาเกินไป
สิ่งที่ควรทำ คือ ให้นึกถึงตอน ที่เราทำกับข้าว หรือ กินข้าว ภาพแบบไหน เสียงแบบไหน ที่ทำให้เรารู้สึกอยากกินจนน้ำลายสอ
ให้เอาประสบการณ์นั้น มาถ่ายทอด ให้คนดูโฆษณาของเรา อยาก แล้วมาสั่งของกินกับเรา
ลองดูทั้งแบบภาพ และ video
แต่ถ้าอยากรู้ว่า video ที่ทำออกมาแล้ว น่ากินเป็นยังไง ให้ไปเปิด tiktok แล้ว search คำว่า อร่อย น่ากิน คุณจะเจอไอเดีย ทำ content น่ากินเพียบ ส่วนใหญ่ ทำออกมาแล้วน่ากิน คือคลิปคนจีนกินอาหารครับ
และถ้าอยากสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าประเภทของกิน ที่ดูจะเหมือนกันไปหมด
การสร้างแบรนด์ คือสิ่งสำคัญ
การให้ Blogger มาช่วยรีวิว ก็จะสร้างกระแสให้คนจำได้ว่า ถ้าอยากกินของแบบนี้ ต้องเลือกกินยี่ห้อ นี้ เพราะว่า มันอร่อย กำลังดี พิเศษกว่าคนอื่นๆ อย่างไร
ถ้าดีที่สุด มีงบ ก็ควรจ้าง Blogger ประเภท youtuber หรือคนที่มีเว็บไซต์ด้วย เพราะเวลาคนหาชื่อแบรนด์ของเรา รีวิวในนี้จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเราในระยะยาว
แต่ถ้าสินค้าเข้าใจง่าย จนแทบไม่ต้องบอกอะไรมาก การใช้ shopee ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะคนส่วนใหญ่สมัยนี้ จิ้มซื้อของผ่านแอพนี้กันเป็นเรื่องปกติ เพราะมีระบบ แจ้งสถานะ ชัดเจน ว่าส่งถึงเมื่อไร
สิ่งสำคัญในการขายผ่าน shopee ก็คือคะแนนดาว รีวิวจาก User ดังนั้น ซึ่งหากอยากทำคะแนนนี้ ให้ได้สูงๆ ตัวสินค้า และบริการจะต้องประทับใจมากๆ
และทั้งหมดนี้คือ ไอเดียโดยรวม ที่ทำให้คุณเห็นภาพของการขายของกินทั่วไทย ผ่านออนไลน์
หากวันนี้ อยากเริ่ม
ลองดูสักตั้งครับ
ดีกว่านั่งรอดูสัญญาณเศรษฐกิจพังไปทุกวัน ให้ใจห่อเหี่ยวไปเปล่าๆ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
เรียนไปแล้ว ไม่ลงมือทำ ก็มีค่าเท่าเดิม เหมือนก่อนไปเรียน
ในยุคที่ใครๆ ก็บอกว่า การตลาดออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญ
หนังสือ คอร์สออนไลน์ สัมมนา ทั้งฟรี หรือ ไม่ฟรี
คือสิ่งที่เราซื้อ เก็บไว้
เรียนๆๆ ชื่นชอบ เฮฮา ไฟลุกพรึบ!!!
อันนี้ คือความสุขของการได้เรียนจริงๆ ครับ
ผมเองก็ผ่านการเรียนรู้ มาหลากหลายประเภทมากครับ
การพูด การเขียน การทำโฆษณา การตัดต่อ การทำเว็บ
การยิงแอดเฟสบุ๊ค การยิงแอด google
อ่านหนังสือ twitter / line@ / instagram
google analytics / wordpress
มากมายหลายหลาก คณานับ
แต่จะมีความรู้ที่เกิดผลลัพธ์ได้จริง
ก็ต่อเมื่อ ได้ลงมือทำ
หากเรียนรู้แล้ว ได้ลงมือทำบ่อยๆ
เราจะเจอข้อเท็จจริง เจอข้อมูลที่ไม่มีในหนังสือ หรือ ตำราใดๆ
เป็นการค้นพบสูตรลับ อย่างแท้จริง (เพราะยังไม่มีใครเขียนไว้)
เพราะขนาดอะไรที่ไม่ค่อยได้ทำ
ยังต้องกลับไปเปิดตำรา หรือ สิ่งที่ตัวเองโน้ตเอาไว้ อีกรอบ
ซึ่งเป็นเรื่องปกติของมนุษย์นะครับ
(สบายใจได้ครับ อันนี้คือเรื่องปกติ ไม่ใช่ความผิด ถ้าคุณจะลืมไปบ้าง เพราะไม่ค่อยได้ทำ หรือเรียกกันว่า คืนครู ไปหมดแล้ว)
ดังนั้น คำพูดที่กล่าวว่า
“เรียนไปแล้ว ไม่ลงมือทำ ก็มีค่าเท่าเดิม เหมือนก่อนไปเรียน”
จึงเป็นเรื่องจริง 100%
เรียนแล้ว ลงมือทำนะครับ
เงินที่จ่ายไป จะได้เป็นการลงทุน
ไม่ใช่ ค่าใช้จ่าย ในชีวิตประจำวัน ที่หายไป กับกาลเวลา…
เปิดร้านขายยา อยากเพิ่มยอดขาย ทำการตลาดออนไลน์ ยังไงดี
เมื่อไม่นานมานี้ ได้คุยกับรุ่นน้องคนหนึ่งครับ
เปิดร้านขายยา อยู่ที่ต่างจังหวัด
แต่อยากจะขยายตลาดออกไป ให้กว้างมากกว่าเดิม
จะทำยังไงดี
จะขายยาผ่านออนไลน์ ก็ไม่สามารถทำได้
เพราะ ผิดกฏหมาย ทำไป ก็มีแต่ผลเสียมากกว่าผลดี
ดังนั้น ทางออกก็คือ ทำยังไง ให้คนรู้จักร้านของเรามากขึ้น
การตลาดออนไลน์ ที่เหมาะกับร้านขายยา ก็คือ การทำให้ร้านเราเป็นที่รู้จัก
ซึ่งลูกค้ามีสองแบบ นั่นคือ ลูกค้าเก่า กับ ลูกค้าใหม่
ลูกค้าเก่า
คือคนที่รู้จักเราอยู่แล้ว คนที่เคยซื้อยาของเรา มีความเชื่อใจ และกลับมาซื้อบ่อยๆ ได้ การสื่อสารกับคนกลุ่มนี้ ที่เร็วที่สุด ก็คือ LINE OA บางคน อาจจะบอกว่า ใช้ไลน์ปกติ แอดกันก็ได้นิ ไม่เห็นต้องไปสร้าง LINE OA ให้ยุ่งยาก
ไม่มีปัญหานะครับ แต่ในระยะยาว การใช้ LINE ปกติ หรือ LINE Profile มาทำงาน ก็เหมือนเราเอา ชีวิตส่วนตัว ไปพัวพันกับเรื่องงาน ตลอดเวลา เวลาจะตอบ ก็ต้องตอบเองตลอด ไม่มีใครมาช่วยตอบ
ลูกค้าเวลาทักมา ไม่ได้ดูเวลาหรอกนะครับ ว่าจะทักมาตอนไหน เพราะมีความต้องการเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
แต่สำหรับ LINE OA เราสามารถช่วยกันตอบคำถามลูกค้า ได้มากกว่า 1 คนอยู่แล้ว
คนนี้ไม่ว่าง ก็ให้อีกคนช่วยตอบ หรือ ถ้านอกเหนือเวลาทำงาน เรายังตั้งเวลา ให้ระบบ บอกลูกค้าว่า ตอนนี้ปิดทำการ ให้ฝากคำถามเอาไว้ได้ ทำให้ไม่พลาด เรื่องการสื่อสารกับลูกค้าอย่างแน่นอน
หรือถ้าใครถนัดทางเฟสบุ๊ค ก็สามารถทำได้ สร้างเพจขึ้นมาเลย เพื่อบอกว่า ร้านเราทำอะไร โพสต์ เรื่องราวที่คนทั่วไป ควรรู้ ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับยา การให้ความรู้เกี่ยวกับหน้ากากอนามัย สารพัดเรื่องที่จะเล่า
รวมทั้งการตอบคำถามทาง inbox เพื่อให้ลูกค้า ได้สอบถาม ก่อนจะมาซื้อที่ร้าน ปรึกษาเบื้องต้น หรือ ยาหมด ยาไม่หมด ก็ให้คำตอบลูกค้าไปก่อน เพื่อไม่ให้เสียเวลา
ลูกค้าใหม่
สำหรับคนทั่วไป ที่มองหาร้านขายยา ส่วนใหญ่ มักจะหาร้านที่อยู่ใกล้ตัวเสมอ เพราะมีความเร่งด่วน จำเป็นต้องซื้อ ส่วนใหญ่จะเข้า Google แล้วพิมพ์ด้วยคำว่า ร้านยา ตามด้วยพื้นที่ เช่น ร้านยา ลาดพร้าว ร้านยา ห้วยขวาง
ซึ่งผลลัพธ์ที่ขึ้นมาในหน้า Google ส่วนใหญ่จะมีทั้งบทความ เว็บไซต์ รวมไปถึง เฟสบุ๊คด้วย
แต่ผลการค้นหาที่ขึ้นมาโดดเด่นและชัดเจนสุดๆ ยิ่งกว่าบรรดาลิงค์ต่างๆ นั้นก็คือ ผลการค้นหาใน Google Maps นั่นเอง ซึ่งหากธุรกิจไหนเอาตัวเองไปอยู่ในแผนที่ Google และติดอยู่ในอันดับบนๆ โอกาสที่ลูกค้าใหม่ๆ ที่กำลังหาร้านขายยา ก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย
เราเรียกกันว่า Google My Business นั่นเอง
ซึ่งเทคนิคที่จะทำให้หมุด พิกัดร้านของเรา ค้นหาได้ง่าย นั่นคือ คำค้นหา นั่นเอง
แต่การจะปรับปรุงชื่อธุรกิจใน Google My business ได้นั้น เจ้าของกิจการจะต้องทำการ ยืนยันตัวตนเสียก่อน หรือ การ verify นั่นเอง (ตอนนี้ จะยังไม่ลงรายละเอียดนะครับ)
มองเป็นไอเดีย สำหรับเจ้าของธุรกิจนะครับ
อย่าเพิ่งยึดติดกับ เครื่องมือจนมากเกินไป
แต่ให้มองว่า เราจะไปเจอ ลูกค้าแต่ละแบบของเรา ได้อย่างไร
แล้วเอาตัวเอง ไปอยู่ที่จุดนั้น
เครื่องมือทางการตลาดจึงค่อยตามมาภายหลังครับ
เพราะการตลาดออนไลน์ ไม่ได้มีแค่เฟสบุ๊คอย่างเดียว 😉
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
เพิ่มรายได้ หลักพัน หลักหมื่นไป สู่หลักล้าน เป็นไปได้ แค่ใช้สูตรนี้
เพิ่มรายได้ หลักพัน หลักหมื่นไป สู่หลักล้าน เป็นไปได้ แค่ใช้สูตรนี้
เงินล้านเงินแสนใครๆก็อยากได้ใช่ไหมครับ
มันอาจจะเป็นคำพูดติดปากของทุกๆคน
มันอาจจะเป็นคำพูดของเราในวันหวยออก
มันอาจจะเป็นคำพูดที่เราได้แต่พูด
และคำพูดเหล่านั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตอะไร
เพราะว่าเราไม่ได้ลงมือทำ
ผมเองไม่ค่อยได้พูดเท่าไหร่ว่าอยากจะมีรายได้เป็นแสนเป็นล้าน
แต่คิดอยู่เสมอว่าฉันอยากจะมีเงินร้าน
และพยายามทำงานเก็บเงินเก็บออมเอาไว้
ทำแบบนี้มันก็ไม่ผิดนะครับ
แต่ว่าการเข้าใกล้ความฝันเงินหลักล้านก็จะไม่ถึงสักที
จนเมื่อผมได้ไปฟังแนวคิดของอาจารย์ A10 และอาจารย์อั๋น
ที่ว่าด้วยเรื่องของสมการที่มาของรายได้
มันเป็นสมการที่ไม่ได้ยุ่งยากไม่ต้องเข้าหลักการตรีโกณมิติใดๆ
มันเป็นสูตรของการคูณ ตัวเลขอยู่ 2-3 ชุด
ซึ่งความหมายของตัวเลขแต่ละชุดนั้นก็ไม่ได้ยากเกินความเข้าใจอะไรเลย
แต่ที่สำคัญ สมการตัวนี้ทำให้ผมเข้าใจเรื่องของการหาเงิน
และนำมันมาปรับใช้ได้จนผ่านหลักล้านแล้วเช่นกัน
อยากรู้ไหมครับว่าสมการนี่้ มีสูตรว่ายังไง
ถ้าอยากรู้ตามมาเลยครับ
สมการของรายได้เท่ากับ จำนวนลูกค้า X ขนาดของการสื่อ X การซื้อซ้ำ
ง่ายๆ แบบนี้เองครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ
ถ้าเราอยากมีเงิน 10,000 บาท แล้ววันนี้ เราขายของชิ้นละ 50 บาท แล้วแต่ละคนซื้อของแค่ครั้งเดียว
เราก็ต้องขายของให้ได้ทั้งหมด 200 คน เพื่อให้ได้เงิน 10,000 บาท
แล้วถ้าอยากได้สัก 100,000 บาท จะต้องหากี่คน คำตอบก็คือ 2,000 คนนั้นเอง
ยากไปมั้ยครับ สำหรับสมการนี้
แล้วถ้าอยากได้ 1 ล้านบาทล่ะ แล้วเราต้องขายของ 50 บาท ก็ต้องให้คน 20,000 คนนั่นเอง
มันก็เป็นสมการที่ง่าย
แต่ในชีวิตจริง การได้ลูกค้าแต่ละคนมานั้น ก็ดูยุ่งยากดีแท้
ดังนั้นจะดีกว่ามั้ย แทนที่เราจะมุ่งหน้าไปเพิ่มแต่จะลูกค้าเพียงอย่างเดียว
แต่ให้สนใจตัวเลขตัวอื่นในสมการ
นั่นคือขนาดของการขายแต่ละครั้งและความถี่ในการซื้อ
ถ้าเราลองปรับให้ตัวเลข ขนาดของการขายแต่ละครั้ง กับ ความถี่ในการซื้อ เพียงแค่อย่างละ 10% ผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร?
เช่นลูกค้า 200 คน จากเมื่อก่อน ขายของชิ้นละ 50 บาท แล้วก็ ขายได้คนละ 1 ครั้ง
= 200X50X1 = 10,000 บาท
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น ชิ้นละ 55 บาท แล้วก็ ขายคนละ 1.1 ครั้ง เราจะได้เป็น
= 200X55X1.1= 12,100 บาท ได้มากกว่าเดิม = 21%
แล้วถ้าคิดใหม่ว่า ขายคนละ 2 ชิ้น แล้วขายให้ได้คนละ 2 ครั้ง
เราจะได้เป็น = 200X100X2 = 40,000 บาท = 400%
ได้มากกว่าเดิม ไม่รู้เท่าไร ต่อเท่าไร
แม้ในชีวิตจริง อาจจะไม่ได้ เพิ่มตัวเลขกันง่ายๆ เหมือนที่เราเขียน
แต่ถ้าเรามีหลักคิด ปรับไป ปรับมา อย่างน้อยมันก็ดีกว่าตัวเลขที่เราทำได้ในครั้งแรกไม่ใช่หรือ
และความพิเศษที่ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ผมมีเทคนิคสำหรับการเพิ่มตัวเลขในแต่ละส่วนมาให้อะไรครับ
จำนวนลูกค้า
เราสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้า ได้อย่างไรบ้าง ในยุคออนไลน์ครองเมืองแบบนี้ นั่นคือ การยิงแอด หาคนมาติดตาม / ยิงแอด มาซื้อของเรา เพิ่มจำนวนแฟนคลับ เพิ่มฐานข้อมูลลูกค้าให้มากขึ้นทุกวันๆ / เข้าใจเรื่องการปิดการขาย ทำให้เขามาเป็นลูกค้าเราให้ได้
ขนาดต่อการซื้อ
การขายของเพื่อให้ได้มูลค่ามากกว่า 1 ชิ้นในแต่ละครั้ง สามารถ ทำได้ด้วยการ Upsale เหมือนที่เราเจอใน 7-11 ว่า รับขนมจีบซาลาเปามั้ยคะ ซึ่งนี่แหละ คือการเพิ่มรายได้ให้กับ 7-11 เป็นจำนวนมาก เพียงแค่เอ่ยปากบอก / เสนอสิ่งที่ดีขึ้น คุ้มค่าขึ้น แต่เพิ่มเงินแค่เล็กน้อย จนลูกค้ายอมจ่าย / ขายแพครวมยกโหล / ขายของที่แพงขึ้น เพื่อให้ได้ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ แต่ดูแลง่ายขึ้น
ความถี่ในการซื้อ
ถ้าอยากให้คนมาซื้อของบ่อยๆ ขึ้น มากกว่าเดิม สิ่งที่เราสามารถทำได้ ก็คือ การทำ loylty program / สะสมแต้มแลกของรางวัล / ทำระบบ member ทำระบบสมาชิก ให้เขาอยู่กับเราตลอด / ออกสินค้าตัวใหม่ๆ เพื่อให้คนได้กลับมาซื้ออีก เรื่อยๆ /
นั่นคือกลยุทธ ที่เราสามารถ เลือกใช้ทำได้ ในแต่ละส่วน
อยากได้เงินเท่าไร ก็ให้เอาสามปัจจัยนี้ มาคูณกัน
จำนวนลูกค้า X ขนาดของการซื้อแต่ละครั้ง X ความถี่ในการซื้อซ้ำ
ลองดูกันนะครับ
ว่าทำอย่างไร เพื่อที่จะให้คำพูด ที่เรามักจะเอ่ยออกมาบ่อยๆ ในวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
กลายมาเป็นเป้าหมายที่แท้จริง เอาจริงของชีวิตเรา
อย่าให้มันแค่หลุดออกมา แล้วหายไป
เพื่อที่วันที่ 1 กับ 16 จะออกมาพูดแบบนี้อีก
ลงมือทำครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt