3 เหตุผล ที่ลูกค้าจะไม่ซื้อของกับคุณ ถ้าลืมทำสิ่งนี้ในเพจ
3 เหตุผล ที่ลูกค้าจะไม่ซื้อของกับคุณ
ถ้าลืมทำสิ่งนี้ในเพจ
หลายคนมักจะบ่นว่า ยิงแอดแล้ว
ทำโฆษณาแล้ว ลูกค้ามาถึงหน้าเพจ
แต่ไม่ซื้อของเลย
เพราะอะไร?
ถ้าคุณกำลังเจอปัญหานี้
ลองอ่านเรื่องนี้ดูก่อนมั้ยครับ
เพราะมันน่าจะช่วยทำให้คุณ แก้ปัญหาคาใจ ที่ติดค้างมานานได้
กับ เรื่องนี้!!
“3 เหตุผล ที่ลูกค้าจะไม่ซื้อของกับคุณ
ถ้าลืมทำสิ่งนี้ในเพจ”
ก่อนเข้าเหตุผลที่ผมอยากกล่าวถึง ผมอยากให้คุณลองจินตนาการว่า
ตอนเราเปิดเฟสบุ๊คบนมือถือ แล้วสไลด์หน้าจอ ไปเจอโฆษณา สักตัวนึง
คุณทำยังไง
ถ้าไม่สนใจ ก็เลื่อนผ่านไป
แต่ถ้าสนใจ เราก็กดไปดูหน่อย
หลังจากนั้น ซื้อเลยมั้ย?
แน่นอนว่าไม่ได้ซื้อหรอก ณ ตอนนั้น
(ของที่จะซื้อเลย คือของที่เราเข้าใจ รู้จักมาก่อน หรือ เป็นสินค้าที่ไม่ต้องคิดเยอะ ซึ่งโอกาสยากมาก)
ก่อนเราจะซื้อ เราจะต้องเข้าไปดูในเพจเสียก่อน เพื่อดูว่า
เพจนี้ เปิดมานานหรือยัง
ทำอะไรมาก่อนบ้าง?
ขายอะไรกันแน่?
มีคนมาซื้อเท่าไรแล้ว?
ถ้าเราสำรวจดูแล้ว ไม่มีอะไร ตามที่กล่าวมา
เพจเพิ่งเปิด
หรือโพสต์ล่าสุด คือ เมื่อปีก่อน
แบบนี้เรายังอยากซื้ออยู่มั้ย?
คงไม่นะ
ลองกลับมาดูเพจเรากันครับ
ว่าเราลืมทำ 3 สิ่งนี้กันหรือเปล่า
มาเช็คกันเลย
1.ไม่ได้เขียน Content ให้คุณค่า
ให้ลองนึกภาพนะครับ ถ้าคุณขายอย่างเดียว
มีแต่ภาพสินค้า กับ สเป็ค และราคา โดยไม่ได้มี เนื้อหาที่บอกว่า สินค้าของเรา ช่วยแก้ปัญหา อะไรให้ใครได้บ้าง
มันก็ยากที่จะ ตัดสินใจซื้อนะครับ
เพราะขนาดเนื้อหาในโพสต์ เรายังไม่ตั้งใจทำเลย
ความเชื่อใจของลูกค้าที่ควรมีให้กับเรา คงไม่เกิด
Content คุณค่า คือ เนื้อหาที่มีประโยชน์ ซึ่งถ้าเราเขียนออกมาดี
มันหมายถึง ความเป็นผู้เชียวชาญ ในเรื่องที่ลูกค้ากำลังมองหาอยู่
เขาสามารถพี่งพาเราได้
นี่คือเหตุผล ที่ว่า ทำไมเราต้องทำ content ออกมาให้ลูกค้าได้อ่านกัน
ไม่ต้องทำทุกวันก็ได้ครับ
แต่ทุกโพสต์ที่ทำ ควรต้องมีคุณภาพ ให้คนอ่านได้รับประโยชน์เสมอ!
2.รีวิว หรือ โชว์ผลลัพธ์
การโชว์ผลลัพธ์ หรือ สิ่งที่เราตั้งใจทำแล้วมีคนชอบ คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น เมื่อลูกค้าเก่า ที่ซื้อของ หรือ ใช้บริการของเราไป
สิ่งที่ต้องทำ คือ การขอ ภาพ หรือ video รีวิวการใช้งาน และ ขออนุญาตมาใช้ในเพจ
(จะนำมาขึ้นได้ เจ้าของต้องยินยอมเท่านั้นนะครับ ไม่ใช่ไปเอามาดื้อๆ)
และที่สำคัญ อย่า capture หน้าจอ chat ของ facebook หรือ instagram มาโพสต์
เพราะกฏเฟสบุ๊ค ถือว่าเป็นการอ้างอิงแพลตฟอร์มของ facebook มาโดยไม่ได้รับอนุญาติ
แต่ถ้า capture หน้าจอ line แบบนั้นได้นะ 😉
อีกอย่างก็คือปุ่ม review ในเพจ ถ้าคุณทำให้ลูกค้าประทับใจ เขาก็จะมารีวิวให้คุณอย่างดี
ซึ่งเป็นสิ่งที่ ทำให้คนกล้าตัดสินใจมากขึ้น ว่าจะซื้อของกับคุณหรือเปล่า
3.ความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
สิ่งนี้คือสิ่งที่พูดง่าย แต่ทำได้ยากเสมอ
เพราะ การจะทำเนื้อหาโพสต์ออกมา สักชิ้น มันช่างดูยากเหลือเกิน
แต่หากไม่ทำเลย คนที่เข้ามาดูในเพจ
พอไม่เห็นว่ามีการ update ก็จะพาลเข้าใจว่า คุณเลิกทำเพจไปแล้ว
แย่เลยคราวนี้!!
สรุป
ดังนั้น นอกจากจะมี เนื้อหาที่มีคุณค่า หรือ รีวิว ผลลัพธ์ดีๆ จากการใช้งาน
ความสม่ำเสมอ คือสิ่งที่ต้องมี
ลงมือทำครับ ฝืนให้เป็นนิสัย ต่อเนื่อง
จนกลายเป็นความเคยชิน ไม่ทำไม่ได้!!!
ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อธุรกิจของคุณเอง!!!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
6 ช่องทางหาไอเดีย เขียน content ไม่มีวันตัน
6 ช่องทางหาไอเดีย เขียน content ไม่มีวันตัน
.
ปัญหาคลาสสิก ของคนที่ทำ content ลงในเพจ
นั่นคือ การสร้างเนื้อหา ที่มีคุณค่าออกมาให้คนอื่นๆ
ได้อ่านกัน ได้ดูกันทุกวัน
.
เนื้อหาที่มีคุณค่า คือ เนื้อหาที่เขาอ่านแล้ว นำไปใช้ประโยชน์ได้
หรือ แก้ปัญหาให้เขาได้
.
เออ แล้วเราจะไปหาจากไหนดีล่ะ…?
.
ผมเองก็เจอปัญหานี้ บ่อยๆครับ
ก็เลยคิดว่า ที่ไหนมีปัญหาเยอะๆ ที่นั่นคือแหล่ง ทำ content ของเรา
.
ดังนั้น จึงขอแชร์แนวทาง
“6 ช่องทางหาไอเดีย เขียน content ไม่มีวันตัน” ให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
มาดูกันเลย ว่ามีอะไรบ้าง!!
.
1.ไปดู pantip
นี่คือแหล่ง หาข้อมูลที่ดีงามแล้ว สำหรับคนไทย
เพราะเวลาติดอะไร ไม่ว่าเรื่องไหน ก็ตาม ก็มักจะเข้ามาพิมพ์ถามกันใน pantip เสมอ
.
ซึ่งการหาข้อมูลนั้น ก็ไม่ยากเลย แค่เราไปที่ ช่อง search ในด้านบนของเว็บ pantip
พิมพ์ เป็นคำกว้างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เราอยากจะเจอปัญหา เช่น ปวดฟัน
ก็จะมีกระทู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องปวดฟันต่างๆ นาๆ หลากแบบ
อันไหนคนถามเยอะ ก็ไปค้นคว้ามาเขียนได้เลย รับรองว่า คนสนใจ content แน่นอน
และถ้าเขียนเสร็จแล้ว จะเอามาชี้แนะแนวทางให้คนใน pantip ได้อ่าน ก็จะทำให้เขารู้จักเรามากขึ้นอีก
(อย่าเอาลิงค์มาแปะ เพื่อ drive traffic อย่างเดียวนะครับ ไม่ดีๆ)
2.ปัญหาจาก inbox ที่คนถามมา
คนมีปัญหาจริงๆ เขาจะ inbox มาถามเสมอ
เพราะ หาไม่เจอจริงๆ เลยต้องมาถาม
นี่คือแหล่งข้อมูลที่ทรงคุณค่า เพราะคนหาทางแก้ไม่เจอ เลยมาหาเรา
พยายามรวบรวม แล้วก็ไปค้นคว้าข้อมูลมาเขียน มาทำ content รับรองว่า คนจะอ่าน จะแชร์เรื่องนี้แน่นอน!!
3.ไปดู google suggestion
นี่คือ แหล่งหาไอเดีย ที่คนชอบหากัน ได้ง่ายที่สุด เพราะแค่พิมพ์ คำหลักๆ ลงไปในช่อง google
เราจะเห็น keyword ที่ตามมาเป็นพรวน
ซึ่งบางครั้ง เรานึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่า คนกำลังค้นหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้กันอยู่
และเพื่อความมั่นใจว่า คำค้นหา นั้น คนหากันเยอะ จริงๆ หรือเปล่า
ก็ให้ใช้ google trends และ ubersuggest ในการตรวจสอบอีกรอบ ยังได้
(ubersuggest ใช้ในการ ตรวจว่า keyword นั้น มีการค้นหาเดือนละกี่ครั้ง ถ้ามีมาก ก็แสดงว่า คนหากันเยอะ
เมื่อก่อนใช้ฟรี ตอนนี้ มีค่ารายเดือน เดือนละ 500 กว่าบาท)
4.ไปสิงที่ เฟสบุ๊คกลุ่ม
นี่คือ แหล่งสิงสถิตย์ ของคนที่มีความสนใจแบบเฉพาะทาง ยิ่งกลุ่มไหน ทำออกมาได้ดี จะมีความเหนียวแน่น และคุณภาพเสมอ
จะไม่เจอโฆษณา live สดมั่วๆ หรือส่งลิงค์เกม อะไรไม่รู้มาให้เล่น
เฟสบุ๊คกลุ่ม จะมีทั้งคนให้ความรู้ และ คนที่ถามเรื่องที่เขาไม่รู้จริงๆ เข้ามา
หากโพสต์ไหนถาม แล้วมีการต่อความกันเยอะ แสดงว่าเป็นประเด็นสำคัญน่าสนใจ ที่คนอยากรู้จริงๆ
ให้นำแนวคิดนั้นมาเขียน content
แต่อย่าไป copy มาใช้โดยไม่ขออนุญาต นะครับ เดี๋ยวดราม่าจะบังเกิด!!
5.มาจากกลุ่ม LINE openchat
LINE openchat คือกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน
ให้ลองเข้ากลุ่ม ที่ไม่ขายของ ชีวิตจะดีขึ้นมาก
ถ้าเป็นกลุ่มที่พูดคุยเรื่องเดียวกันจริงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการแชร์ความรู้ เทคนิค ต่างๆ มากมาย
ซึ่งจะมีทั้งคนถาม คนตอบ เราจะได้ทั้งปัญหาที่เจอบ่อยๆ หรือ ความรู้
ที่นำมาสร้าง content ได้ดีเลย!!
6.ไปดู youtube suggestion
อันนี้เป็นหลักการเดียวกับ google เหมือนกัน
แต่ความต่างคือ content ที่ปรากฏขึ้นมา ใน ผลการค้นหา เราจะเห็นว่า คนที่ทำ content แก้ปัญหามาก่อนหน้านั้น
เขาเล่าเรื่องไว้อย่างไร มีอะไรที่เขาทำได้ดี
มีจุดไหนที่เราจะทำให้ต่างไปจากเดิมได้
เพราะการมาทีหลัง ต้องทำให้แตกต่าง และน่าสนใจมากขึ้น
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
“ถ้าขายเนื้อย่าง อย่าขายเนื้อ แต่ให้ขายเสียงย่าง”
อยากขายอะไร อย่าขายสิ่งนั้น
“ถ้าขายเนื้อย่าง
อย่าขายเนื้อ
แต่ให้ขายเสียงย่าง”
(คำพูดนี้ ผมได้อ่าน และได้ฟังการถ่ายทอดมาจาก นักเขียนหลายท่าน จึงนำมาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้อ่านอีกครั้ง ในความเข้าใจของผมครับ)
อีกหนึ่งปัญหา ที่หลายคนเคยถามผมว่า
ทำยังไง ถึงจะเขียนแล้วขายของได้
จากประสบการณ์ที่ผมได้อ่าน ได้เรียนรู้มาจากอาจารย์หลายๆท่าน
ทำให้พบว่า
ถ้าเราอยากขายอะไร
อย่าขายสิ่งนั้นตรงๆ
แต่ให้ขายสิ่งที่ทำให้คนอยากได้สิ่งนั้น จนคนอยากได้ และออกปากขอซื้อจากเราเอง
เรื่องนี้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ จากการขายเนื้อย่างครับ
ปกติ เวลาเราไปร้านอาหาร
เอาเป็นร้านขายเนื้อย่างก็ได้
เวลาเราเห็นเขาย่างเนื้อ อยู่บนเตา
สีสันของเนื้อส่วนที่โดนไฟ มันช่างเย้ายวนเหลือเกิน
เสียงดังฉู่ฉี่ น้ำของเนื้อที่ไหลออกมา โดนไฟ
ส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจจนเราแอบกลืนน้ำลาย
เอาแบบนี้เลย สองจาน ด่วนๆ เพราะฉันหิว!!
นี่คือ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
ลูกค้าพร้อมจ่าย พร้อมโอนเงินมาให้
เมื่อได้เห็น ได้อ่าน หรือ สัมผัสได้ถึงความเย้ายวน หรือประโยชน์ ที่จะได้รับจากสิ่งนั้น
ลูกค้าจะรู้สึกเฉย ถ้าเรานำเสนอไม่ตรงจุด
ไม่โดนใจ เขาพร้อมจะไปเสมอ
ยิงเป็นออนไลน์ ยิ่งเป็นต้องทำให้
ลูกค้าสนใจด้วยเวลาที่รวดเร็วที่สุด
สำหรับเฟสบุ๊ค ลูกค้าให้ความสนใจกับเรา แค่ 16 วินาทีเท่านั้น
แล้วเทคนิคที่จะทำให้คนสนใจ หรือ อยากได้สิ่งที่เราอยากขายต้องทำยังไง
ผมมีแนวคิดง่ายๆ แบบนี้มาฝากครับ
ให้ขาย “คุณประโยชน์” ก่อนขาย “คุณลักษณะ”
เพราะหากเขาเห็นว่ามันมีประโยชน์ มากพอ
เขาจะสนใจ แล้วถามไปถึง รายละเอียดของสินค้า เพื่อตัดสินใจ ซื้อในที่สุด
เช่น ถ้าจะขายบ้าน
ก่อนจะบอกว่า มี กี่ห้องน้ำ กี่ห้องน้ำ กี่ตารางวา
ลองทำให้เขาเห็นว่า
ชีวิตเขาจะดีขึ้นได้อย่างไร เมื่อมาอยู่บ้านหลังนี้
- อยู่ใกล้อะไรที่เขาชื่นชอบ / อยู่ไกลจากอะไรที่เขาไม่ชอบ
- ลดเวลาการเดินทาง เมื่อได้อยู่บ้านหลังนี้
- คุณภาพชีวิตจะดีมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้อยู่บ้านหลังนี้
ลองคิดดูนะครับ
ว่าครั้งต่อไป ที่จะขาย
คุณจะเลือกขายอะไรก่อนกัน?
อยากขายอะไร อย่าขายสิ่งนั้น
ให้ขายสิ่งที่เร้าใจ จนคนอยากได้สิ่งนั้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
Facebook ไม่ใช่ทุกอย่าง ของ การทำธุรกิจ อย่าเอาทุกอย่างไปผูกไว้กับ เฟสบุ๊ค
Facebook ไม่ใช่ทุกอย่าง ของ การทำธุรกิจ
อย่าเอาทุกอย่างไปผูกไว้กับ เฟสบุ๊ค
.
เพราะโลกออนไลน์ นั้นมีเครื่องมือให้เลือกใช้ มากกว่า 1 อยู่เสมอ
ดังนั้น อย่ายึดติดเฉพาะเครื่องมือเดียว
.
บนโลกนี้ยังมี
youtube
ถ้าลูกค้าของคุณ คือ คนชอบดูรีวิว ชอบศึกษา ก่อนจะเลือกซื้อ หรือเห็นอะไรที่เคลื่อนไหวได้ แล้วมีคนทำให้ดู แล้วซื้อตาม youtube คือ แหล่งสร้างแรงบันดาลใจในการซื้อ ได้เป็นอย่างดี
สินค้าที่ เหมาะกับกลุ่มนี้ คือ เครื่องสำอาง รถยนต์ notebook pc gadget อุปกรณ์ไอที มอเตอร์ไซค์ เป็นต้น
twitter
กลุ่มคนใช้งานในทวิตเตอร์ ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น เพราะว่า ตอนนี้ พ่อแม่ของเขา มาเล่น facebook กันมากขึ้น ดังนั้น การหาที่พักใจ ไปทำอะไรก็ได้สักที่ ได้ปลดปล่อยความคิด มันคือ twitter สังเกตว่าคำพูด หรือ เรื่องราวต่างๆ ที่เรามักเจอในทวิตเตอร์ จะเป็นความคิดใหม่ๆ มุกตลกใหม่ๆ และข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
.
แต่บ่อยครั้งที่เราจะเห็น รีวิวสินค้า ที่แม้จะดูจงใจโฆษณา แต่เราก็ อยากได้ อยากมีเหลือเกิน นี่แหละ คือพลังของทวิตเตอร์
.
สินค้าที่เหมาะกับกลุ่มนี้คือ ขนม ร้านกาแฟ คาเฟ่ เครื่องสำอาง ของใช้ ของกินใน 7-11
.
instagram
นี่คือดินแดน ของคนมีสไตล์ มีรสนิยม และเลือกที่จะชื่นชมกับเนื้อหา ที่ดูดี สร้างสรรค์ เป็นหลัก เพราะ content ทั้งหมดใน instagram คือภาพและ วิดิโอ ดังนั้นจึงเข้าใจง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ
.
แต่ต้องดูดี สวยงาม เห็นแล้วปิ๊ง ที่สำคัญ คนใช้ instagram เป็นคนที่ไม่ใส่กับเรื่องของราคาเลยแม้แต่น้อย แพงแค่ไหน ถ้าถูกใจ ก็พร้อมจะเปย์
.
สินค้าที่เหมาะกับกลุ่มนี้คือ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา แบรนด์เนมต่างๆ
.
website
เว็บไซต์ คือเครื่องมือแรกๆ ที่เรารู้จักคำว่า e-commerce มันยังใช้งานได้ดีเสมอ เพียงแต่เราจะเลือกใช้มันอย่างไรให้ถูกวิธี หาก social media ต่างๆ คือบ้านเช่า website นี่แหละ คือบ้านที่มั่นคงของเราๆท่านๆ เพราะจะทำอะไร ก็ได้ ไม่มีใครห้าม
.
ไม่มีใครมาตั้งกฏเกณฑ์ใดๆ เพราะเราคือเจ้าของ ซึ่งหากออกแบบดีๆ วางกลยุทธ SEO ให้ google มาเจอเราง่ายๆ บางครั้ง แทบไม่ต้องไปจ่ายเงินค่าโฆษณา ก็สามารถสร้างยอดขายได้
.
และที่สำคัญ ตอนนี้ ทุกคนกำลังสนใจ การนำเว็บไซต์มาทำงานร่วมกับ facebook เพื่อทำให้โฆษณาของเราแม่นยำมากขึ้นแล้วจ้า!!
.
สินค้าที่เหมาะกับกลุ่มนี้คือ สินค้าทุกประเภท!
.
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ กันนะครับ
.
.
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
https://line.me/R/ti/p/%40digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
3 เทคนิค เขียน Content ยังไง ให้คนอยากอ่าน
3 เทคนิค เขียน Content ยังไง ให้คนอยากอ่าน
.
หลายครั้ง ที่เราเขียนโพสต์เฟสบุ๊ค
แล้วคนไม่อ่าน
ไม่แชร์ ไม่หือ ไม่อือเลย
.
ทั้งๆ ที่เราก็ตั้งใจนะ
แต่ทำไมไม่อ่าน หรือ ไม่ปังเลย
.
หากนี่คือปัญหาที่เจออยู่
ลองมาดู 3 เทคนิค ที่จะทำให้คุณเขียน Content ได้ดีกว่าเดิม
อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าที่ทำมาแหละนะ
.
ถ้าพร้อมแล้ว ก็เริ่มเลย
.
1. วิเคราะห์คนอ่าน
นี่คือจุดเริ่มต้นของการ เข้าไปอยู่ในใจคนอ่าน
คนอ่าน คือกลุ่มเป้าหมายของเรา
ลองจินตนาการหน่อยซิ ว่าเขา คือใคร
มีปัญหาอะไร เป็นคนแบบไหน
อยู่ตรงไหน บนโลกนี้
เขาชอบทำอะไร แล้วอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการไปแก้ปัญหาของเค้า
.
ถ้ารู้ชัดแจ้ง ว่า เขามีปัญหาอะไร แล้วเราสามารถแก้ปัญหาให้เค้าได้
เราก็คือผู้ช่วยของเขา
และมีคุณค่ากับเขาแล้วล่ะ
.
2. เอาคุณค่าหยิบยื่นให้เขา
การขายสินค้า หรือ บริการ การอารัมภบท ถึงสิ่งของ ทุกอย่าง บนโลกใบนี้
มีอยู่ 2 อย่าง
นั่นคือ ประโยชน์ที่เขาจะได้รับ
กับ คุณสมบัติของมัน
.
ส่วนใหญ่เวลาเราทำเนื้อหา ที่อยากให้คนอื่นๆ มาอินกับเรา
เรามักจะทำแบบรายการวิทยุ สมัยก่อน
นั่นคือ เล่าถึงสรรพคุณของมัน ว่าดีอย่างไร
มันทำมาจาก บลาๆๆๆๆ
มันมาจากประเทศ บลาๆๆๆ
.
แต่ไม่รู้ว่า มันช่วยอะไรเขาได้บ้าง
.
จะดีกว่ามั้ย หากวันนี้ เราจะบอกให้เขาเหล่านั้นฟังว่า
ปัญหาที่เขาเจออยู่นั้น จะหายไป
หรือดีขึ้นกว่าเดิม ชีวิตแฮปปี้มากกว่าเดิม
ได้เวลาว่างกลับคืนมา ได้อยู่กับคนที่รักมากขึ้น
เหนื่อยน้อยลง สุขภาพจิตดีขึ้น
.
เพราะ ใช้สินค้าของเรา
พอสนใจสินค้าเรา หลังจากนั้น ข้อมูลสรรพคุณ ค่อยบอกให้เขาฟัง
ก็ยังไม่สายนะ
.
3. นำเสนออย่างสม่ำเสมอ
แน่นอนว่า เนื้อหาที่เกิดขึ้นในสื่อออนไลน์นั้น
ช่างรวดเร็ว เหลือเกิน
เกิดขึ้น และ แตกดับชั่วข้ามคืน
.
หากวันี้ ประสบปัญหานั้นอยู่
คุณจะต้องพยายาม เขียนมันออกมา สม่ำเสมอโดยตลออด
.
ลองเริ่มต้นถ่ายทอดมันออกมา ในหลายๆ แบบ
ทั้งนี้ เพื่อศึกษาว่า คนมาอ่าน มาดูตอนไหน ช่วงไหน
ชอบเนื้อหาแบบไหน แนวทางอะไร
.
ทำให้ได้อ่านกัน ทุกวันในช่วงเวลาเดิม
เพื่อทดสอบหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
.
อันไหนเขียนแล้วคนชอบ คนมีคอมเมนท์
มีการแชร์ แสดงว่า ประสบความสำเร็จ
ให้ทำแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ
.
อันไหน ไม่ค่อยดี ให้สังเกตว่า เพราะอะไร
แล้วเราจะปรับปรุงให้มันดีกว่า ในอนาคต
.
และทั้งหมดนั้นก็คือ
3 เทคนิค เขียน Content ยังไง ให้คนอยากอ่าน
.
ลองเอาไปคิดนะ ว่าจะทำยังไง ให้ดีกว่าเดิม
สำคัญที่สุด ที่จะลืมไม่ได้
.
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ กันนะครับ
.
.
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
https://line.me/R/ti/p/%40digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook