5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้
5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้
2-3 ปีที่ผ่านมา คนที่เข้ามาในวงการขายของออนไลน์
จะคุ้นชินกับการซื้อขายผ่าน Facebook ผ่าน inbox ผ่านการแชท
ซึ่งถือว่าสะดวกสบายดี คนไทยชอบทัก ชอบคุยก่อนซื้อ
และระหว่างนั้นเอง คนไทยก็รู้จักการซื้อของผ่านเว็บมากขึ้น
เพราะการเข้ามาของ Marketplace เจ้าดังๆ อย่าง shopee lazada หรือ jdcentral
และซื้อโดยไม่ต้องทักถาม เห็นราคา เห็นรายละเอียด สนใจก็ซื้อเลย
จะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีเครื่องมือ ที่ใกล้เคียงกับ Marketplace เหล่านี้?
สิ่งนี้เรียกว่า sale page นั่นเอง
ใครที่เคยรู้จักคำนี้ หรือ รู้จักแบบผ่านๆ
วันนี้ ผมจะขอแชร์ข้อมูลอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ
ว่าจะใช้ หรือ ไม่ใช้ดี กับ..
“5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้”
1.สร้างได้เร็วกว่าทำเว็บ
จริงๆ sale page คือ เว็บไซต์หน้าเดียว นั่นแหละ ที่ยกเอาเมนูต่างๆ ที่ไม่จำเป็นออก เหลือเพียงข้อมูลและปุ่มที่จำเป็น ดังนั้น จึงไม่เน้นความซับซ้อนในเรื่องระบบ และการเรียนรู้
sale page ปัจจุบัน เน้นเครื่องมือที่ง่าย สะดวกสบาย เพราะต้องการให้คนใช้งานง่ายที่สุด หากใครเคยพิมพ์ word มาก่อน การทำ sale page ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ถ้าเตรียมข้อมูลพร้อม ใช้เวลา 30 นาที ก็เสร็จพร้อมใช้งานได้แล้ว
2.เก็บสะสมพฤติกรรม สะสมลูกค้า จากหน้า salepage ได้
ข้อดีที่น่าสนใจสำหรับ sale page นั่นคือ การเก็บพฤติกรรมผู้ใช้งานที่เข้ามาในหน้านั้น โดยใช้ code บันทึกสถิติเข้ามาช่วย
ถ้าฝั่งของ Facebook กับ TikTok เราเรียกว่า Pixel (ส่วนใหญ่เก็บได้มากกว่า 1 pixel ต่อ 1 sale page)
ถ้าฝั่งของ Google เราเรียกว่า Google analytics
ส่วนการเก็บสะสมลูกค้าที่สนใจ มีความพร้อมซื้อสินค้าของเรา ก็คือ การติดปุ่มทักไลน์ เอาไว้ในหน้า sale page นั้นด้วย ซึ่งเป็น function พื้นฐานที่ salepage จะต้องมีอยู่แล้ว
3. Retargeting ข้าม platform ได้
เมื่อเราเก็บสะสมพฤติกรรมลูกค้าได้ เราก็สามารถจะ Retargeting ทำการตลาดหลอกหลอน ลูกค้าได้แล้ว
ยิ่งเราสะสม pixel ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะ Facebook TikTok หรือ Google ก็สามารถทำการตลาด Ratargeting ได้ครบทุกช่องทาง
จะเข้ามาจากช่องทางไหน ก็จะโดน Raetargeting ไปทุกที่เลย ว่างั้น!!
4.ลดงาน admin แชทน้อยลง
Salepage ที่มีข้อมูล มากพอ ให้ลูกค้า ศึกษา ตัดสินใจ มาก่อนหน้า
จะช่วยลดลงาน admin ไปได้เยอะ ไม่ต้องทักถามให้เสียเวลา
หากเขาตัดสินใจจากข้อมูล การแก้ปัญหา รีวิวผู้ใช้งาน ข้อเสนอที่ดี มากพอ
ลูกค้าก็พร้อมทักไลน์ หรือ กดฟอร์มสั่งซื้อได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องถามแอดมินเพิ่ม
และตอนนี้ salepage ที่ให้บริการส่วนมาก จะเชื่อมโยงกับบริการ Line Notify หรือ การแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อมี Order เข้ามา จึงทำให้ลูกค้าได้รับการติดต่อที่รวดเร็ว ส่วนคุณและ แอดมินก็เห็นยอดเข้าทันที
แบบนี้ ดีมั้ยครับ?
5. เก็บฐานข้อมูลลงระบบ เป็นระเบียบ
ส่วนใหญ่คนขายของออนไลน์ โดยมาก ไม่ค่อยจะเก็บฐานข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ ถ้าลูกค้าซื้อของ กรอกฟอร์มผ่าน salepage ข้อมูล เบอร์โทร ชื่อ ที่อยู่ จะถูกเก็บเอาไว้ ให้คุณนำมาใช้งานได้
Salepage ส่วนใหญ่ สามารถดึงข้อมูลเหล่านี้ออกมาเป็นไฟล์ Excel เพื่อใช้งานได้อย่างมีระบบ
ดึงเอาเบอร์โทร ลูกค้ามาทำ Custom audience แล้วไปสร้างเป็น Look a like audience ได้อีก!
สรุป
นี่คือ “5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้”
ลองไปคิด วิเคราะห์ เพิ่มเติมกันได้นะครับ 😉
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ยกระดับ Up Skill ออนไลน์ ปรับตัวยังไงให้อยู่รอด ช่วงปิดเมือง
ในภาวะที่ทุกประเทศ ต้องปิดเมือง
นั่งทำงานที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อ
.
ทุกคนต้องใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม
หลายๆอาชีพ ไม่มีงานทันที ด้วยสิ่งที่ไม่คาดฝัน
แต่หลายๆคนยังอยู่ได้ ในวิกฤตินี้
เพราะมีวิถีทางบนโลกออนไลน์ รองรับอยู่
.
ทุกคนจึงหันหน้ามาทางออนไลน์
เพราะมันสามารถ ตอบโจทย์ได้
การสอน งานสอน ก็ผ่านระบออนไลน์
ซื้อของ ก็ผ่านออนไลน์
ซื้ออาหาร ก็ผ่านออนไลน์
ออกกำลังกาย ฟิตเนส ปิด ก็ดู live ผ่านออนไลน์
.
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดี ที่เราจะใช้เวลาที่ว่างมากขึ้นนี้ มาใช้ในการ Upgrade ตัวเอง
.
ผมเลยมองออกเป็นสองมุมครับ
มุมแรกคือ สำหรับมือใหม่ กับ มือเก่า
ดังนี้ครับ
.
Up skill สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยทำออนไลน์
1. มองให้ออก ว่าเรามีความถนัดเรื่องอะไร
ถ้าวันนี้ จะเริ่มต้นทำออนไลน์ อาจจะยังรู้สึกสับสน และพร้อมไปตามที่คนอื่นๆ บอกให้ทำ ไปขายอันนั้น อันนู้นสิ ดี รวย ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ชอบ
ถ้าแบบนี้ คุณจะทำได้แป๊บเดียว แล้วก็ หยุด แล้วก็เลิกทันที เพราะคุณไม่ชอบ ไม่ถนัด มันฝืน
ดังนั้นควรคิดให้ออกว่า เราชอบอะไร ทำอะไร
เราจะทำได้แบบ คล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ
เวลานำเสนออะไร หรือขายอะไรไปแล้ว คนจะเชื่อคุณเพราะความเป็นธรรมชาติของคุณ
2.มองให้ออกว่าใครมีปัญหาและต้องการการแก้ปัญหาจากเรา
มีคนจำนวนมากที่มีปัญหา และรอการแก้ปัญหาจากสิ่งที่เราถนัดเสมอ
แต่ต้องมองให้ออกว่า คนเหล่านั้นคือใคร อยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตอย่างไร
เพราะหากเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้
คุณจะสามารถ ถ่ายทอดสิ่งที่เขาต้องการ ได้อย่างแท้จริง
เพราะหากเข้าใจปัญหาของเขา
คุณจะถ่ายทอดในเรื่องที่เขาอยากรู้ ได้เสมอ
3.จะสื่อสารยังไง ให้คนเหล่านั้นรู้ว่าเราแก้ปัญหาให้เขาได้
หลังจากที่เรารู้ว่า เขาต้องการอะไร ขั้นตอนต่อไป คือการหาเครื่องมือสื่อสาร ไปยังกลุ่มคนเหล่านี้
เพราะคนแต่ละกลุ่ม ไม่ได้ใช้ facebook แค่อย่างเดียว
แต่เลือกใช้สื่อหลายแบบ
คนส่วนใหญ่ทั่วไป ยังใช้ facebook
ถ้าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น ตอนนี้จะใช้ twitter instagram เป็นหลัก
คนที่พยายามแก้ปัญหา จะดูผ่าน google youtube
ลูกค้าที่เคยซื้อของเราแล้ว มักจะกลับมาซื้อผ่านช่องทาง LINE OA
เครื่องมือสื่อสาร ที่เราเลือกใช้ ในโลกออนไลน์ มีมากกว่า facebook
เพียงแต่จะเลือกใช้ตอนไหน
Up skill สำหรับมือใหม่ที่ทำออนไลน์มาแล้ว
1. ทำความเข้าใจเรื่องของ funnel ให้แน่นขึ้น
สำหรับคนที่ทำออนไลน์มาแล้วระยะหนึ่ง อยากให้ทำความเข้าใจ เรื่องของ funnel มากขึ้น เพราะจะทำให้เรา เข้าใจเรื่องการขายมากขึ้น
คนไม่ตัดสินใจซื้อตั้งแต่ครั้งแรก
แต่ต้องผ่านขั้นตอนเปลี่ยน จากคนแปลกหน้า มาเป็นลูกค้า หรือสาวก อันนี้ เราเรียกกันว่า sale funnel
ซึ่งการเปลี่ยนแต่ละขั้นตอนนั้น จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป
ไปอ่านแบบละเอียดได้นะครับที่ >> https://www.digitalnook.co/590/
2.มาทำความเข้าใจการยิง ads ให้แน่นกว่าเดิม
สำหรับการยิงแอด ที่เข้าใจง่ายที่สุด ณ ตอนนี้ ก็ยังต้องยกให้ เฟสบุ๊คเสมอ
บางครั้ง เราอาจจะใจร้อน และรีบทำแอด ยิงแอด
จนไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะรีบขาย
.
ตอนนี้ มีเวลาแล้ว ลองย้อนกลับมาดู เกี่ยวกับโครงสร้าง
เกี่ยวกับพื้นฐาน ให้แน่นอีกครั้ง เพื่อให้รู้ถึงที่มา ที่ไป ของจุดประสงค์ต่างๆ
.
วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่เราไม่ค่อยได้ใช้ ก็ถึงเวลาแล้ว ที่จะลองใช้
เช่น
- reach ที่อาจจะละเลยไป ก็สามารถใช้ได้ เพื่อทำให้คนไม่ลืมเรา ในราคาที่ประหยัด
- conversion ถ้าไม่เคยทำ ก็ให้ไปลองทำ
- audience insight ตัวเช็ค interest ที่ดี ลองกลับมานั่งดู ว่าใช้งานยังไง
3. ทำหน้าบ้านดีแล้ว หลังบ้านต้องดีด้วย
บางคนที่ทำหน้าบ้าน ยิงแอด ได้ดีแล้วก็ควรจะมาใส่ใจ เรื่องของ ตัวเพจ ให้ดี
เพราะยิงแอดไป แล้วเข้ามาในเพจ ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเชื่อถือได้
- ขายอย่างเดียว ไม่ได้ให้ความรู้ ไม่ได้ให้คุณค่า
- ไม่มีตัวอย่าง ไม่มีรีวิว ที่สร้างความมั่นใจ
- ไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความ เชี่ยวชาญ ของเราในสายงาน
และนี่คือ แนวคิดหลักๆ ที่อยากให้ได้ลองปรับใช้กัน
ถ้าวันนี้ ยังไม่ได้ปรับปรุง ได้เวลาแล้วครับ ที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น
ไม่สายเกินไป สำหรับคำว่า การพัฒนาให้ตัวเองดีขึ้น
เป็นกำลังใจให้กัน ในวันที่ต้องอยู่บ้าน
เช็คลิสต์ ก่อนทำ Facebook Conversion ads ปี 2020 (สำหรับมือใหม่)
เช็คลิสต์ ก่อนทำ Facebook Conversion ads ปี 2020 (สำหรับมือใหม่)
ทุกๆปี การทำโฆษณาเฟสบุ๊ค จะยากขึ้นไปเรื่อยๆ
ค่าโฆษณาก็จะแพงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
วิธีการเดิมๆ ที่เราใช้อยู่ ก็ยังใช้ได้ แต่คนก็รู้จักวิธีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
เมื่อวิธีไหน ที่คนใช้งานกันเยอะๆ
การ bid ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
.
ยังมีโฆษณาอีกรูปแบบหนึ่งของเฟสบุ๊ค ที่จริงๆ เราเห็นกันมานานแล้ว
แต่ไม่ค่อยได้ไปกดใช้งานกันสักที
.
เขาเรียกกันว่า Facebook conversion ads
เป็นวัตถุประสงค์ ที่ใช้เพื่อวัดผลกันตรงๆ
จ่ายเงินไปแล้ว ได้ผลลัพธ์ออกมาเท่าไร ค่าใช้จ่ายต่อผลลัพธ์ เป็นอย่างไร
ไม่ต้องไปนั่งรายงาน cost/result ต่ออีกรอบ
เพราะว่า ทำเสร็จแล้ว ระบบ จะแสดงรายงานให้เห็นเลยว่า
– โฆษณาของคุณใช้เงินเท่าไร แล้วได้ผลลัพธ์ ออกมาเท่าไร
.
แต่ที่สำคัญ Facebook conversion ads
จะไปคัดเลือกหากลุ่มเป้าหมาย ที่มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับสิ่งที่้เราวางเอาไว้
– ถ้าตั้งโจทย์ว่า อยากได้คนกดปุ่มซื้อของ เฟสบุ๊คก็จะส่งไปหาคนกดปุ่มสั่งซื้อของให้กับเรา
– ส่งไปหาคนที่ชอบลงทะเบียน เฟสบุ๊คก็จะส่งไปหาคนที่มีโอกาสลงทะเบียนกับเรา
.
ดีใช่มั้ยเอ่ย
.
ก่อนจะไปเริ่มทำ Facebook Conversion ads
ก็ต้องเตรียมเครื่องมือต่างๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือ
จะทำโฆษณาแบบนี้ได้ เราต้องใช้งานควบคู่กับเว็บไซต์ หรือ sale page
.
และทั้งหมดนี้คือเช็คลิสต์ที่ผมขอแชร์ประสบการณ์ การทำ Facebook Conversion ads มาให้กับทุกท่าน ที่ยังไม่เคยทำมาก่อนเลยครับ
1. มีเว็บไซต์ หรือ sale page หรือยัง
การทำ Facebook conversion สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการทำงานร่วมกับเว็บไซต์ หรือ sale page ถ้าวันนี้คุณยังไม่มี แนะนำให้ไปสร้างก่อน จะเริ่มต้นจากสิ่งที่ง่ายที่สุดอย่าง sale Page หน้าเดียวก็ยังได้ (ถ้าให้ดีแนะนำไปใช้บริการ Sale page เพราะไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนโปรแกรม ก็สามารถทำออกมาได้สวยๆเลย)
2. มี Facebook business หรือยัง
สิ่งสำคัญอีกอย่างนั่นคือ บัญชีธุรกิจบนเฟสบุ๊ค หรือ Facebook Business
ถ้ายังไม่มีรีบไปสมัครก่อนเลยครับ เพราะ 1 คนสร้างได้ 2 Facebook Business
(เคยเขียนเรื่อง facebook business เอาไว้ก่อนหน้านี้นะครับ ไปอ่านได้ใน https://www.digitalnook.co/419/)
3. มี ads account ใน Facebook Business
สำหรับมือใหม่ ที่เคยยิงแอดมาก่อน อาจจะบอกว่า ฉันก็มีบัญชีโฆษณาส่วนตัวอยู่แล้ว
ทำไมต้องทำใหม่ อันนั้นไม่ผิดครับ
แต่ว่าคุณจะเสียโอกาส เพราะบัญชีโฆษณาส่วนตัว จะเชื่อมต่อและทำงานกับ account ของเราคนเดียวเท่านั้น หากจะทำเป็นรูปแบบธุรกิจเต็มที่ แนะนำให้ใช้บัญชีโฆษณาจาก Facebook Business เพราะสามารถสร้างได้มากถึง 5 บัญชีโฆษณาด้วยกัน โดยแต่ละบัญชีก็จะสามารถสร้าง Facebook Pixel ได้อย่างละ 1 ตัว
4. มี Facebook pixel
Facebook Pixel คือชุด Code คำสั่งในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมที่ผู้ใช้เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของเรา เข้าหน้าไหน URL อะไรบ้าง ก็จะรู้หมดเลย รวมทั้งพฤติกรรม ระยะเวลาที่อ่านเนื้อหาของเรา การกดปุ่มต่างๆภายในเว็บไซต์ของเรา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จำเป็นมากๆในการทำ Facebook conversion ads
5. มี google tag manager
คนที่เคยทำเว็บมาก่อน น่าจะเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับการใส่โค้ดวัดสถิติต่างๆ จะใส่ครั้งหนึ่งก็ต้องให้ Programmer ช่วยใส่ลงไปในโค้ด / ถ้าใส่โค้ดชุดเดียว ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าต้องมีการใส่โค้ดหลายๆตัว ก็ดูเป็นเรื่องยุ่งยาก
ระบบ Google Tag Manager คือนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในการใส่โค้ดวัดสถิติ หลายๆ ตัว / กล่าวคือ เราติดตั้ง Code Google Tag Manager ที่เว็บไซต์เพียงแค่ตัวเดียว แต่โค้ดวัดสถิติต่างๆ อย่าง Google analytics หรือ Facebook Pixel เราจะนำมาเชื่อมกับ Google Tag Manager เพียงตัวเดียวเท่านั้น
(อันนี้ เป็นทางเลือกนะครับ ถ้าจะติดตั้งผ่าน sale page บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้อง google tagmanager ก็สามารถทำงานได้แล้ว)
6. รู้จักการใช้ Facebook pixel helper
ถ้าเราจะดูเข้าเว็บไซต์ไหนมีการติดตั้ง Facebook Pixel ถ้าเป็นโปรแกรมเมอร์ก็จะทำการ View source Code แต่ถ้าเราลงตัว Facebook Pixel helper เพียงแค่เปิดหน้าเว็บก็จะรู้ได้เลยว่า URL ไหนมีการติดตั้ง Pixel เอาไว้ ง่ายสุดๆ
7. รู้จักการใช้ line notify
สำหรับใครที่ทำโฆษณาแบบ conversion เพื่อให้คนมาซื้อสินค้าหรือกรอกฟอร์ม ก็อยากจะรู้ว่ามีออเดอร์เข้าตอนไหนจะได้เข้าไปตรวจสอบ เพื่อสรุปยอดส่งของให้กับลูกค้าโดยเร็ว ถ้าจะให้ไป Refresh ระบบพี่ดู order ตลอดเวลาก็คงจะเหนื่อย การใช้ระบบแจ้งเตือนผ่านทาง LINE ดูเป็นวิธีที่ฉลาดดี แล้วทำได้ไม่ยาก ที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินด้วย
(อันนี้ ก็ถือเป็นทางเลือกนะครับ ถ้าวัตถุประสงค์ของคุณ ไม่ต้องการรู้ทุก transaction แบบรวดเร็วมากๆ อาทิ เป็นการเก็บสะสม คนกรอกฟอร์มรับข่าวสาร แบบนี้ line notify ก็ไม่จำเป็นเลย)
8. Dynamic creative ads
ปกติแล้วการทำโฆษณาบน Facebook เราจะไม่มานั่งเดาว่าภาพไหน หรือ แคปชั่นอะไรที่ถูกใจลูกค้ามากที่สุด ด้วยตัวเราเอง แต่จะใช้การทดสอบบน Facebook เพื่อให้คนดูเป็นคนตัดสินใจเองเลย เรียกกันว่า A/B testing หากตัวไหนดีเราจะเลือกตัวนั้นเอามาทำโฆษณาต่อ
ถ้าเราต้องการทดสอบ รูป 3 แบบ /แคปชั่น 3 แบบ / Title 3 แบบ / คำบรรยาย 3 แบบ / เราจะต้องสร้างโพสต์โฆษณาขึ้นมาอยู่ 81 ตัว เพื่อทดสอบว่าตัวไหนดีที่สุดด้วยตัวเราเองทั้งหมด
ตัวไหนดีเราก็เปิดต่อตัวไหนไม่ดีแล้วก็ปิดไป!
ดูแล้วก็ดูน่าจะเหนื่อยไม่น้อยเลยทีเดียว
Dynamic creative ads คือฟีเจอร์ของระบบ Facebook ads ที่มาต่อยอดระบบ AB testing
เราทำหน้าที่ในการโยน รูป 3 แบบ /แคปชั่น 3 แบบ / Title 3 แบบ / คำบรรยาย 3 แบบ ลงไปในระบบอย่างเดียว ที่เหลือ Facebook จะดำเนินการผสมผสานจนกลายออกมาเป็นโฆษณาให้เราเอง
ไม่ต้องมานั่งทำเองให้เหนื่อย! ดีไหมครับ
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือ checklist สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนทำ Facebook conversion ADS ในปี 2020 ( สำหรับมือใหม่)
หากใครมีคำถามอยากจะสอบถามเพิ่มเติม ก็สามารถ comment ได้ในโพสต์นี้นะครับ
ผมจะพยายามมาตอบคำถามให้
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt