เช็คลิสต์ ก่อนทำ Facebook Conversion ads ปี 2020 (สำหรับมือใหม่)
เช็คลิสต์ ก่อนทำ Facebook Conversion ads ปี 2020 (สำหรับมือใหม่)
ทุกๆปี การทำโฆษณาเฟสบุ๊ค จะยากขึ้นไปเรื่อยๆ
ค่าโฆษณาก็จะแพงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
วิธีการเดิมๆ ที่เราใช้อยู่ ก็ยังใช้ได้ แต่คนก็รู้จักวิธีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น
เมื่อวิธีไหน ที่คนใช้งานกันเยอะๆ
การ bid ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
.
ยังมีโฆษณาอีกรูปแบบหนึ่งของเฟสบุ๊ค ที่จริงๆ เราเห็นกันมานานแล้ว
แต่ไม่ค่อยได้ไปกดใช้งานกันสักที
.
เขาเรียกกันว่า Facebook conversion ads
เป็นวัตถุประสงค์ ที่ใช้เพื่อวัดผลกันตรงๆ
จ่ายเงินไปแล้ว ได้ผลลัพธ์ออกมาเท่าไร ค่าใช้จ่ายต่อผลลัพธ์ เป็นอย่างไร
ไม่ต้องไปนั่งรายงาน cost/result ต่ออีกรอบ
เพราะว่า ทำเสร็จแล้ว ระบบ จะแสดงรายงานให้เห็นเลยว่า
– โฆษณาของคุณใช้เงินเท่าไร แล้วได้ผลลัพธ์ ออกมาเท่าไร
.
แต่ที่สำคัญ Facebook conversion ads
จะไปคัดเลือกหากลุ่มเป้าหมาย ที่มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับสิ่งที่้เราวางเอาไว้
– ถ้าตั้งโจทย์ว่า อยากได้คนกดปุ่มซื้อของ เฟสบุ๊คก็จะส่งไปหาคนกดปุ่มสั่งซื้อของให้กับเรา
– ส่งไปหาคนที่ชอบลงทะเบียน เฟสบุ๊คก็จะส่งไปหาคนที่มีโอกาสลงทะเบียนกับเรา
.
ดีใช่มั้ยเอ่ย
.
ก่อนจะไปเริ่มทำ Facebook Conversion ads
ก็ต้องเตรียมเครื่องมือต่างๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือ
จะทำโฆษณาแบบนี้ได้ เราต้องใช้งานควบคู่กับเว็บไซต์ หรือ sale page
.
และทั้งหมดนี้คือเช็คลิสต์ที่ผมขอแชร์ประสบการณ์ การทำ Facebook Conversion ads มาให้กับทุกท่าน ที่ยังไม่เคยทำมาก่อนเลยครับ
1. มีเว็บไซต์ หรือ sale page หรือยัง
การทำ Facebook conversion สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการทำงานร่วมกับเว็บไซต์ หรือ sale page ถ้าวันนี้คุณยังไม่มี แนะนำให้ไปสร้างก่อน จะเริ่มต้นจากสิ่งที่ง่ายที่สุดอย่าง sale Page หน้าเดียวก็ยังได้ (ถ้าให้ดีแนะนำไปใช้บริการ Sale page เพราะไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนโปรแกรม ก็สามารถทำออกมาได้สวยๆเลย)
2. มี Facebook business หรือยัง
สิ่งสำคัญอีกอย่างนั่นคือ บัญชีธุรกิจบนเฟสบุ๊ค หรือ Facebook Business
ถ้ายังไม่มีรีบไปสมัครก่อนเลยครับ เพราะ 1 คนสร้างได้ 2 Facebook Business
(เคยเขียนเรื่อง facebook business เอาไว้ก่อนหน้านี้นะครับ ไปอ่านได้ใน https://www.digitalnook.co/419/)
3. มี ads account ใน Facebook Business
สำหรับมือใหม่ ที่เคยยิงแอดมาก่อน อาจจะบอกว่า ฉันก็มีบัญชีโฆษณาส่วนตัวอยู่แล้ว
ทำไมต้องทำใหม่ อันนั้นไม่ผิดครับ
แต่ว่าคุณจะเสียโอกาส เพราะบัญชีโฆษณาส่วนตัว จะเชื่อมต่อและทำงานกับ account ของเราคนเดียวเท่านั้น หากจะทำเป็นรูปแบบธุรกิจเต็มที่ แนะนำให้ใช้บัญชีโฆษณาจาก Facebook Business เพราะสามารถสร้างได้มากถึง 5 บัญชีโฆษณาด้วยกัน โดยแต่ละบัญชีก็จะสามารถสร้าง Facebook Pixel ได้อย่างละ 1 ตัว
4. มี Facebook pixel
Facebook Pixel คือชุด Code คำสั่งในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมที่ผู้ใช้เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของเรา เข้าหน้าไหน URL อะไรบ้าง ก็จะรู้หมดเลย รวมทั้งพฤติกรรม ระยะเวลาที่อ่านเนื้อหาของเรา การกดปุ่มต่างๆภายในเว็บไซต์ของเรา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จำเป็นมากๆในการทำ Facebook conversion ads
5. มี google tag manager
คนที่เคยทำเว็บมาก่อน น่าจะเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับการใส่โค้ดวัดสถิติต่างๆ จะใส่ครั้งหนึ่งก็ต้องให้ Programmer ช่วยใส่ลงไปในโค้ด / ถ้าใส่โค้ดชุดเดียว ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าต้องมีการใส่โค้ดหลายๆตัว ก็ดูเป็นเรื่องยุ่งยาก
ระบบ Google Tag Manager คือนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในการใส่โค้ดวัดสถิติ หลายๆ ตัว / กล่าวคือ เราติดตั้ง Code Google Tag Manager ที่เว็บไซต์เพียงแค่ตัวเดียว แต่โค้ดวัดสถิติต่างๆ อย่าง Google analytics หรือ Facebook Pixel เราจะนำมาเชื่อมกับ Google Tag Manager เพียงตัวเดียวเท่านั้น
(อันนี้ เป็นทางเลือกนะครับ ถ้าจะติดตั้งผ่าน sale page บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้อง google tagmanager ก็สามารถทำงานได้แล้ว)
6. รู้จักการใช้ Facebook pixel helper
ถ้าเราจะดูเข้าเว็บไซต์ไหนมีการติดตั้ง Facebook Pixel ถ้าเป็นโปรแกรมเมอร์ก็จะทำการ View source Code แต่ถ้าเราลงตัว Facebook Pixel helper เพียงแค่เปิดหน้าเว็บก็จะรู้ได้เลยว่า URL ไหนมีการติดตั้ง Pixel เอาไว้ ง่ายสุดๆ
7. รู้จักการใช้ line notify
สำหรับใครที่ทำโฆษณาแบบ conversion เพื่อให้คนมาซื้อสินค้าหรือกรอกฟอร์ม ก็อยากจะรู้ว่ามีออเดอร์เข้าตอนไหนจะได้เข้าไปตรวจสอบ เพื่อสรุปยอดส่งของให้กับลูกค้าโดยเร็ว ถ้าจะให้ไป Refresh ระบบพี่ดู order ตลอดเวลาก็คงจะเหนื่อย การใช้ระบบแจ้งเตือนผ่านทาง LINE ดูเป็นวิธีที่ฉลาดดี แล้วทำได้ไม่ยาก ที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินด้วย
(อันนี้ ก็ถือเป็นทางเลือกนะครับ ถ้าวัตถุประสงค์ของคุณ ไม่ต้องการรู้ทุก transaction แบบรวดเร็วมากๆ อาทิ เป็นการเก็บสะสม คนกรอกฟอร์มรับข่าวสาร แบบนี้ line notify ก็ไม่จำเป็นเลย)
8. Dynamic creative ads
ปกติแล้วการทำโฆษณาบน Facebook เราจะไม่มานั่งเดาว่าภาพไหน หรือ แคปชั่นอะไรที่ถูกใจลูกค้ามากที่สุด ด้วยตัวเราเอง แต่จะใช้การทดสอบบน Facebook เพื่อให้คนดูเป็นคนตัดสินใจเองเลย เรียกกันว่า A/B testing หากตัวไหนดีเราจะเลือกตัวนั้นเอามาทำโฆษณาต่อ
ถ้าเราต้องการทดสอบ รูป 3 แบบ /แคปชั่น 3 แบบ / Title 3 แบบ / คำบรรยาย 3 แบบ / เราจะต้องสร้างโพสต์โฆษณาขึ้นมาอยู่ 81 ตัว เพื่อทดสอบว่าตัวไหนดีที่สุดด้วยตัวเราเองทั้งหมด
ตัวไหนดีเราก็เปิดต่อตัวไหนไม่ดีแล้วก็ปิดไป!
ดูแล้วก็ดูน่าจะเหนื่อยไม่น้อยเลยทีเดียว
Dynamic creative ads คือฟีเจอร์ของระบบ Facebook ads ที่มาต่อยอดระบบ AB testing
เราทำหน้าที่ในการโยน รูป 3 แบบ /แคปชั่น 3 แบบ / Title 3 แบบ / คำบรรยาย 3 แบบ ลงไปในระบบอย่างเดียว ที่เหลือ Facebook จะดำเนินการผสมผสานจนกลายออกมาเป็นโฆษณาให้เราเอง
ไม่ต้องมานั่งทำเองให้เหนื่อย! ดีไหมครับ
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือ checklist สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนทำ Facebook conversion ADS ในปี 2020 ( สำหรับมือใหม่)
หากใครมีคำถามอยากจะสอบถามเพิ่มเติม ก็สามารถ comment ได้ในโพสต์นี้นะครับ
ผมจะพยายามมาตอบคำถามให้
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
ถ้ายังไม่รู้เรื่องนี้อย่าเพิ่งทำ Business Facebook (สำหรับมือใหม่)
มีหลายๆคนเคย inbox มาถามผม เกี่ยวกับเรื่องของการทำ Business Facebook
ว่ามีความจำเป็นหรือสำคัญอย่างไร
แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่
แต่เรื่องของ Business Facebook ก็มีความซับซ้อนพอสมควร
เลยเป็นที่มาของบทความนี้
ที่อยากจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจเพิ่มเติมกันอีกรอบนึงนะครับ
ขอแชร์ประสบการณ์ที่ได้ใช้งาน Business Facebook เป็นภาษาง่ายๆ นะครับ
ถ้ายังไม่รู้เรื่องนี้อย่าเพิ่งทำ Business Facebook
1. Business Facebook ต้องใช้อีเมลในการติดต่อ
สมัยก่อนถ้าเราใช้ Facebook Page ปกติ ปกติ เราสามารถที่จะเชิญคนมาเป็นแอดมินร่วมได้ โดยแอดชื่อ Facebook Profile เข้าไป แต่หากเป็นการใช้ Business Facebook เราจะใช้อีเมลในการเชิญเข้ามาใน Business
ใน Business Facebook นั้น เราสามารถกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงเพจและ ad account ที่ใช้บัตรเครดิตใบเดียวกันได้
ซึ่งจะต่างจาก Facebook Page ที่กำหนดสิทธ์ในเพจ แต่บัญชีโฆษณาต้องใช้ของใครของมัน
2. Facebook Profile สร้างได้ 2 Business Facebook
Facebook Profile สามารถที่จะสร้าง Business ของตัวเองได้ 2 Business แต่สามารถที่จะเข้าไปอยู่ร่วมกับ Business อื่นๆได้ไม่จำกัด
3. เราสามารถแชร์ข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อให้คนอื่นมา Boost post ในเพจได้
สมัยก่อนที่ไม่มี Business Facebook เราจะใช้จะใช้บัญชีโฆษณาของเรา ที่เชื่อมกับบัตรเครดิตของตัวเราเอง ทำโฆษณาเป็นหลัก ถ้าเป็นเพจของตัวเราเอง เราบริหารด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่หากเป็นการทำงานในรูปแบบบริษัท ความยุ่งยากเกิดขึ้นมาทันที
เวลาคนทำหน้าที่บูทโพส ไม่มาทำงาน หรือลาไปต่างประเทศ แล้วมีงานด่วนที่จะต้องบูตโพสต์ทันที ความยุ่งยากจะเกิดขึ้น เพราะข้อมูลทุกอย่างเป็นข้อมูลส่วนตัวล้วนๆ
บางบริษัทอาจจะแก้ปัญหาด้วยการทำ Facebook Profile กลาง ที่ทุกคนรู้ Password แต่ก็ยังถือว่ามีความยุ่งยากอยู่ เพราะส่วนใหญ่คนเราจะจำได้แต่ Password ของตัวเอง
ระบบ Business Facebook จึงมีขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้
ทุกคนสามารถใช้ Facebook Profile ของตัวเองในการบูทโพสโฆษณาได้ และไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิตของตัวเอง เพราะสามารถใช้บัตรเครดิตบริษัทวางเอาไว้ ให้ทุกคนที่มีสิทธิ์ในการทำโฆษณาสามารถใช้งานได้
4. 1 Business Facebook สามารถสร้างได้หลาย บัญชีโฆษณา (Ads Account)
สมัยก่อน 1 Profile มีได้ 1 บัญชีโฆษณา แต่สำหรับ Business Facebook สามารถสร้างบัญชีโฆษณาได้มากกว่า 1 บัญชีโฆษณา ส่วนใหญ่จะทำกันได้ที่ 5 บัญชีโฆษณา
ความมากน้อยนั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เราโฆษณาลงไปใน Facebook ช่วงแรกๆอาจจะทำได้มากสุด 2 บัญชีโฆษณา และใช้จ่ายได้ไม่เกินวันละ 300 บาท
แต่ถ้าลงโฆษณาอยู่บ่อยๆอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถเพิ่มจำนวนเงินมากขึ้นได้เรื่อยๆตามลำดับ
ที่สำคัญบัญชีโฆษณาแต่ละตัวนั้น เปรียบเสมือนกับเซลล์ ที่วิ่งออกหาลูกค้าด้วยความสามารถที่แตกต่างกัน ดังนั้นหากต้องการทดสอบโฆษณาในกลุ่มเป้าหมายที่เหมือนกัน ลองพยายามใช้ให้เข้าที่แตกต่างกันไป จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
5. การเชิญคนเข้ามาเป็นแอดมิน ต้องเป็นคนที่เราไว้ใจได้ เท่านั้น
เคยมีหลายๆคนที่สร้าง Business แล้วโดนยึดเพจได้อย่างง่ายดาย เพราะปล่อยให้คนที่ไม่รู้จักเข้ามาอยู่ใน Business ของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม
เพราะคนที่มีสิทธิ์เป็นแอดมิน สามารถทำได้ทุกอย่าง
นั้นหากเราจะเชิญใครเข้ามาเป็น Admin ด้วย จะต้องเป็นคนที่เราไว้ใจมากๆเท่านั้น
6. เจ้าของธุรกิจ ควรสร้าง Business Facebook ไว้ใช้สำหรับตัวเอง
การสร้าง Business Facebook นั้น ให้มองว่าเป็นทรัพย์สินหรือสมบัติอย่างหนึ่งของเรา เพราะมันสามารถจัดเก็บข้อมูลต่างๆเพื่อใช้งานในประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ทำการโฆษณา หรือพวก Facebook Pixel ที่จะมีประโยชน์ในการทำโฆษณาแบบ conversion ก็ล้วนแต่เก็บเอาไว้ใน Business Facebook ทั้งนั้น
ดังนั้นหากจะจ้างใครทำโฆษณา ควรให้เขาทำโฆษณาใน Facebook ของคุณ เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองในอนาคต
7. ควรมีแอดมินที่ไว้ใจได้ร่วมด้วยอยู่ในนั้นอย่างน้อย 1 คน
สมัยก่อนตอนที่เรามี Facebook Page ถ้าเรามีแอดมิน เป็นเพียงตัวเราอยู่คนเดียวอยู่ในนั้น เวลาเกิดปัญหาที่เราเข้าใช้งาน Facebook ตัวเองไม่ เพจนั้นก็มีโอกาสที่จะตายเอาง่ายๆ เพราะไม่มีคนสามารถเข้าไปบริหารจัดการได้อีกต่อไป เราจึงแก้ปัญหาด้วยการมีแอดมินร่วมหลายๆคนอยู่ในนั้น เพราะหากใครมีปัญหา คนอื่นๆก็สามารถที่จะบริหารงานต่อได้
เช่นเดียวกับ Business Facebook ถ้ามีเราบริหารเองเพียงลำพัง หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมา เราก็ไม่สามารถจะดึงเอา Business นั้นกลับมาใช้งานได้อีกต่อไป หรือถ้าจะกู้คืนมาก็ต้องใช้เวลานานและยุ่งยาก
8. 1 Page Facebook สามารถเชื่อมได้กับ 1 Business Facebook เท่านั้น
Facebook Page ที่เราใช้งานกันอยู่นั้น จะเข้ามาทำงานอยู่ภายใต้ Business Facebook ได้เพียง 1 Business เท่านั้น และมองเป็นทรัพย์สินของ Business นั้นๆไปเลย
หากจะมีการโยกย้าย หรือปรับเปลี่ยนไปบริหารใน Business อื่นๆ จะต้องได้รับการยินยอมจาก Admin ที่อยู่ใน Business นั้นๆก่อนเสมอ
9. สามารถนำ Instagram account เข้าไปใส่ใน Business Facebook ได้แต่ต้องเชื่อมกับเพจ
อีกหนึ่งความสามารถที่น่าสนใจ นั่นคือ สามารถนำเอา Instagram account เข้าไปอยู่ใน Business Facebook ได้ โดยต้องเลือกเชื่อมกับเพจใด เพจหนึ่ง
ข้อดีของการนำ Instagram account มาเชื่อมต่อกับ fanpage คือ
– ข้อความแบบ Direct Message ใน instagram จะสามารถเห็นได้ในช่อง inbox Facebook
– สามารถตั้งเวลาการโพสต์ Instagram ได้ ผ่าน facebook creator ( ทำผ่าน Desktop เท่านั้น)
– สามารถทำ Instagram Shopping ได้ในอนาคต (สำหรับประเทศไทย ตอนนี้ยังทำได้เพียงบางแบรนด์ เพื่อเป็นการทดลองตลาด)
สรุป
และทั้งหมดนี้
ถือว่าเป็นการแชร์ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Business Facebook
จากประสบการณ์ที่เคยทำมานะครับ
สำหรับท่านที่เป็น มือใหม่ ค่อยๆเรียนรู้ไปทีละเล็กทีละน้อยนะครับ
หากใครมีคำถามอยากรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องของ Business Facebook
สามารถพิมพ์มาในช่อง Comment ของพวกนี้
ถ้าตอบได้เลยจะตอบให้ทันที
แต่ถ้ายังตอบไม่ได้จะไปค้นคว้า หาคำตอบมาให้นะครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt