ยิงแอด Facebook แล้วปิดการขายยาก ให้ยิงแบบ Facebook Funnel อ่านแล้วเอาไปทำตามได้เลย
ยิงแอด Facebook แล้วปิดการขายยาก ให้ยิงแบบ Facebook Funnel อ่านแล้วเอาไปทำตามได้เลย
สมัยนี้ หลายคนบอกว่า
ยิงแอดยากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่เขียนโพสต์อะไรนิดๆหน่อยๆ
ส่งออกไปหากลุ่มเป้าหมาย สักพักก็ได้ยอด
ใช่แล้วครับ สมัยก่อน โฆษณาใน Facebook เป็นเรื่องใหม่
ทำอะไรก็แปลกตา
พอความแปลกตา ผ่านวันเวลามานานๆเข้า
เรื่องเหล่านี้ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา จนคนรู้สึกเฉยๆ
การทำโฆษณาสมัยนี้ เราจึงได้ยินคำว่า Funnel กันบ่อยขึ้น
อันที่จริง ก็คือหลักการตลาดเดิม ที่ทำให้คนไม่เคยรู้จัก สนใจ มากขึ้นๆ จนกล้าซื้อสินค้ากับเราแหละครับ
วันนี้ จะขอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ
เน้นเป็นวิธีทำ ที่อ่านแล้ว เอาไปใช้ได้เลย
หมายเหตุ
ถ้าสินค้าตัดสินใจง่าย บางที คุณอาจจะขายได้ตั้งแต่ครั้งแรกเลย
แต่ถ้าสินค้าต้องพิจารณานาน บางครั้ง อาจจะต้อง
1.ส่งโฆษณาไปหากลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า
โฆษณาชุดแรก ที่คุณต้องส่งไปหากลุ่มเป้าหมาย คือ โฆษณาที่ทำให้คนรู้จักเราก่อน
ว่าเราคือใคร ทำอะไร แก้ปัญหาอะไรให้เขาได้บ้าง
เขียนให้สะดุดตา โดนใจกลุ่มเป้าหมายไปเลย ให้รู้ว่าเราคือคนที่จะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้เขาได้ บางครั้งถ้าเขียน หรือ สื่อสารดีๆ ถ้าราคาเหมาะสม หรือ ไปสะดุดต่อมอยากได้ ก็อาจจะปิดการขายในขั้นตอนนี้เลย ก็เป็นได้
ขั้นตอนนี้ใช้ ความสนใจที่ Facebook มีให้เราใช้งานเลย
แต่ถ้ายังขายไม่ได้ ให้ไปสู่อีกขั้นตอน
ขั้นตอนนี้ สำหรับ Facebook ถ้าทำ Video เราสามารถทำ Custom audience ได้ / ถ้า video สั้นๆ ก็เลือกเอาคนที่ดู video เกิน 50%-75% หรือหากเป็นภาพ ก็ทำ Custom audience จากคนมี ส่วนร่วมกับโพสต์ได้
กลุ่มเป้าหมาย
เลือกคนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ในช่วงวันที่ 1-3
2.ส่งโฆษณา เสริมความมั่นใจ ไปให้ดูอีก
จากข้อ 1 เมื่อเราสร้าง Custom audience จาก การรับชม Video หรือมีส่วนร่วมกับโพสต์มาแล้ว เราจะส่งโฆษณาอีกแบบไปให้เขาดู
โฆษณาในขั้นนี้ อาจจะเป็นโฆษณาที่เจาะลึก ลงในสินค้าเรามากขึ้น หรือ อาจจะมีรีวิวคนใช้งาน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คนที่พอใจในสินค้าของเรา
เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายของเรา เคลิ้ม คล้อยตามสิ่งที่เราบอกไปอีกขั้น
กลุ่มเป้าหมาย
เลือกคนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ในช่วงวันที่ 4-7
3.ส่งข้อเสนอ หรือ ราคาที่เห็นแล้วว้าวกลับไป
เมื่อรู้จักสินค้าแล้ว เห็นผลลัพธ์แล้ว รู้สึก อยากจะลองใช้ ลองซื้อ
แต่อาจจะติดอยู่ตรงเรื่องราคา ถ้าข้อเสนอดีๆ ก็ตัดสินใจง่ายขึ้น
ขั้นตอนนี้ ลองนำเสนอราคาโปรที่ดูเร้าใจ
มากกว่าสองขั้นตอนแรกดู
กลุ่มเป้าหมาย
เลือกคนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ในช่วงวันที่ 8-16
4.ถ้ายังไม่ซื้อจริงๆตอนนี้ บอกให้ติดตามไว้ก่อน
ถ้าทำยังไง ส่งอะไร ก็ไม่หือ ไม่อือ กับโฆษณาของเรา
แสดงว่า เขายังไม่พร้อมกับการซื้อในตอนนี้ ก็เป็นได้
อาจจะรอเงิน หรือ ไม่สนใจเลยจริงๆ
ในขั้นตอนนี้ ให้นำเสนอโฆษณา แบบภาพรวมออกไป
เป็นการให้ติดตามเราอยู่เรื่อยๆ นะ จะมีสินค้าดีๆ มีอะไรดีๆ มานำเสนอให้
จะได้ไม่พลาดโอกาสดีๆ จากเรา
กลุ่มเป้าหมาย
เลือกคนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ในช่วงวันที่ 17-30
ปล.
- กลุ่มเป้าหมายที่ดูโฆษณา มีส่วนร่วมกับเพจในช่วงเวลา ต่างๆ นั้น ให้ใช้เทคนิคการทำ custom audience คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์หรือโฆษณา
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คนดูโฆษณา (อันนี้ อาจจะซับซ้อนหน่อย)
- คนที่ดูโฆษณา 1-3 วัน ก็ให้เลือก คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 3 วัน
- คนที่ดูโฆษณา 4-7 วัน ก็ให้เลือก คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 7 วัน และ ไม่รวม (exclude) คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 3 วัน
- คนที่ดูโฆษณา 8-16 วัน ก็ให้เลือก คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 16 วัน และ ไม่รวม (exclude) คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 7 วัน
- คนที่ดูโฆษณา 17-30 วัน ก็ให้เลือก คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 30 วัน และ ไม่รวม (exclude) คนที่มีส่วนร่วมกับโพสต์โฆษณา ใน 16 วัน
ลองไปทำกันดูนะครับ 😉
แรกๆ อาจจะงง สับสนบ้าง
แต่ถ้าทำบ่อยๆ แล้วรับรองว่า จะคุ้นเคยไปเอง
พอจะเห็นเป็นแนวทางบ้างแล้วมั้ยครับ?
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ถ้าวันนี้ไม่มี Facebook แล้วใช้อะไรแทนดี?
ถ้าวันนี้ไม่มี Facebook แล้วใช้อะไรแทนดี?
ลองคิดกันเล่นๆ ว่าหากวันนี้ ไม่มี Facebook ให้ใช้แล้ว
เราจะใช้อะไรแทนกันดี?
ถ้าไม่มีให้ใช้จริงๆ ก็แอบหวั่นใจเหมือนกันนะครับ
เพราะเราลงทุนสร้างตัวตน สร้างคน สร้างฐานแฟนไว้ใน Facebook กันเยอะมาก
เป็น Social Media ที่เติบโตด้วยการแชร์เรื่องราวต่างๆ
เป็น Social Media ที่เราใช้ในการสื่อสารพูดคุยกับลูกค้า และดึงให้เข้ามาใช้บริการเราได้
แม้เราจะบ่นว่า ทุกวันนี้ ค่าโฆษณาแพงเหลือเกินก็ตาม
แต่หากวันไหน Facebook ล่ม แล้วธุรกิจของคุณสะดุด
แสดงว่า เราเอาทุกอย่างไปอยู่ใน Facebook หมดจริงๆ
จะดีกว่ามั้ย หากเราได้สร้างฐานข้อมูลในบ้านหลังอื่นๆ เอาไว้ด้วย
เราลองมาศึกษา เครื่องมือออนไลน์ ตัวอื่นๆ กันดูบ้าง
ปล. ถ้า Facebook ไม่มีจริงๆ
สิ่งที่จะหายไปด้วย ก็คือ Instagram Whatsapp เพราะเป็นบริษัทเดียวกัน
ลองมาดูกันมะ
1.LINE
คนใช้งานในไทย 45 ล้านบัญชี
เครื่องมือ สื่อสารที่คนไทย ใช้งานเป็นเรื่องปกติ ไปแล้ว ทั้งพิมพ์ ทั้งโทร ทุกวันนี้
หากจะใช้ LINE ในการสื่อสาร แนะนำให้ใช้ LINE Official Account หรือ LINE OA เพราะมีฟังก์ชั่นที่อำนวยความสะดวก ให้เจ้าของกิจการ สื่อสารกับ ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นการบรอดแคสต์ข้อความที่ส่งไปถึงผู้ติดตามได้ครบ 100% หรือการทำระบบสะสมแต้ม ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องไปซื้อโปรแกรมเสริมอื่นๆ
เมื่อเทียบค่าส่งบรอดแคสต์ กับค่าโฆษณาหาลูกค้าใหม่ ถือว่าคุ้มค่ามากครับ
2.Youtube
คนใช้งานในไทย 40 ล้านบัญชี
นี่คือช่องทางคลาสสิกที่คนไทย ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้เฉพาะความบันเทิงเพียงอย่างเดียว หลายธุรกิจ สร้างตัวตนและยอดขายได้มากมาย จากการลงใน Youtube
ส่วนใหญ่มาในรูปแบบของการรีวิว การเอามาบอกเล่า ให้ความรู้ ให้คุณค่า
และ รายได้จะตามมาหลังจากนั้น
3.TikTok
คนใช้งานในไทย 18 ล้านบัญชี
นี่คือแพลตฟอร์ม ที่กำลังมาแรงในบ้านเรา แม้ช่วงแรก คนจะมองว่ามีแต่เด็กๆ เล่น เต้นๆ คงไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ทุกวันนี้ คนขายสินค้า สร้างตัวตนกันมากมาย และเติบโตอย่างรวดเร็วใน แพลตฟอร์มนี้
มันเหมือนกับ Facebook หรือ Instgram เมื่อ 5-6 ปีก่อน ที่ทำยังไง ก็ขึ้นง่าย
ดังนั้น จึงไม่ควรพลาดกระแสนี้
เพียงแต่ให้เข้ามาในมุมของการทำธุรกิจอย่างมีรูปแบบ ที่คน TikTok รู้สึกว่าไม่ยัดเยียด
ดังนั้นคุณต้องเล่น TikTok ให้เข้าใจพฤติกรรมของคนในนี้เสียก่อน จะไปลงมือทำโฆษณา
4.Twitter
คนใช้งานในไทย 7.15 ล้านบัญชี
แม้คนจะไม่เยอะมาก แต่นี่คือสื่อสังคมออนไลน์ ที่ทรงอิทธิพล
เพราะเร็ว แรง อย่างไม่น่าเชื่อ
ถ้าจับทางได้ถูก แบรนด์ของคุณจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ส่วนใหญ่ จะเป็นสินค้า หรือ บริการที่เหมาะกับคนในวัย 20-45 หรือ คนรุ่นใหม่ๆ
เครื่องสำอาง ขนม Bakery ร้านกาแฟ สินค้าเหล่านี้ คือสิ่งที่ได้รับความนิยมสูง
5.Website
มีคนพูดว่าเว็บไซต์จะตาย เมื่อ 20 ปีก่อน
แต่ทุกวันนี้ เว็บไซต์ ก็ยังอยู่ดีเสมอ และมีการพัฒนารูปแบบการแสดงผลที่ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่จะดีกว่า หากคุณมีเว็บไซต์ของตัวเอง และคนรู้จัก จดจำได้
นี่คือบ้านหลังใหญ่ของตัวคุณเอง ที่สามารถ สร้างกฏเกณฑ์ขึ้นมาได้เอง
ไม่มีระเบียบใดๆ ที่ใครจะมาห้ามคุณ (แต่ต้องถูกกฏหมายนะ)
ดังนั้น คุณจึงต้องมีเว็บไซต์ เอาไว้เป็นฐานบัญชาการ ของคุณเอาไว้ด้วย
6.Google
ต่อเนื่องจากเรื่องของเว็บไซต์
คนจะรู้จักเว็บของคุณได้เร็วขึ้น หากคุณเข้าใจเรื่องการทำ SEO และ SEM
SEO = Search Engine Optimization คือ ทำยังไง ก็ได้ให้ติดหน้าแรก Google แบบไม่เสียเงิน
SEM = Serach Engine Marketing คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ติดหน้าแรก Google ด้วยการเสียเงิน
ศาสตร์การทำโฆษณาแนวนี้ นี้ อาจจะซับซ้อนกว่า Facebook มากพอสมควร
แต่ถ้าตั้งใจทำ หรือทำได้ เราจะเจอลูกค้าที่พร้อมซื้อ อย่างแน่นอน
เพราะเวลาคนมีปัญหา จะ search Google ก่อนเสมอ
ปล. ถ้าธุรกิจของคุณเป็นหน้าร้าน แนะนำให้สร้าง Google Business
อันนี้้ คือ การทำการตลาดให้ติดหน้าแรก ได้เร็ว และง่ายที่สุดแล้ว
ผมเคยแนะนำเอาไว้ ลองไปหาอ่านกันได้ครับ
7. Email
แม้หลายคนจะบอกว่า คนไทย ไม่ได้ใช้ อีเมล์แล้ว
แต่หลายๆ ธุรกิจ ก็ยังเติบโตได้ด้วยการใช้อีเมล์
อีเมล์ เหมาะกับสินค้าและบริการประเภทองค์กร และ สินค้าประเภท Digital product
แต่ผมก็เชื่อว่า มีสินค้าที่จับต้องได้ หลายรายการ เขาทำกำไรในการขายผ่าน Email
สิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือ การบริหาร List Email ให้เป็นขั้นเป็นตอน
8.Marketplace
คนไทย คุ้นชินกับการสั่งซื้อของผ่านแอพ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น ความต้องการสินค้า จึงมีเพียบในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น Shopee Lazada หรือ JD Central
หลายกิจการ ขายสินค้าแบบไม่ต้องยิงแอด ใน Marketplace เหล่านี้มานานแล้ว
บางคนอาจจะบอกว่า มีแต่ คนมองหาของถูกที่สุดในแอพเหล่านี้
แต่คุณสามารถขายราคาสูงได้ ถ้ารีวิว และ มีบริการที่รวดเร็ว และ ดีเยี่ยมกับลูกค้า
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 วิธี หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ในเฟสบุ๊ค จากลูกค้าเก่า ทำได้แบบนี้นี่เอง
4 วิธี หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ในเฟสบุ๊ค
จากลูกค้าเก่า ทำได้แบบนี้นี่เอง
มีปัญหาจากทาง inbox ถามมาบ่อยๆว่า
เราจะยิงแอดในเฟสบุ๊ค ให้ตรงกว่าเดิม
ต้องใช้กลุ่มเป้าหมายอะไร?
เคยฟัง คนบอกว่าเอาเบอร์โทร ลูกค้ามาใช้ อันนี้จริงมั้ย?
เพื่อให้คำถามนี้ มีคำตอบ
ผมเลยขอยกมาบอกในหน้าเพจนี้ เพื่อให้ได้อ่านทั่วกันนะครับ
ในบทความนี้
“4 วิธี หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ในเฟสบุ๊ค
จากลูกค้าเก่า ทำได้แบบนี้นี่เอง”
ปล. คัดและเน้นเฉพาะวิธีการที่ทำได้เลย
วิธีการเหล่านี้ มีชื่อเรียกว่า การทำ Custom Audience นะครับ
หรือชื่อไทย คือ กลุ่มเป้าหมาย กำหนดเอง
1.เบอร์โทร ลูกค้า
ทุกวันนี้ ถ้าขายของ แล้วไม่ได้จัดเก็บข้อมูลลูกค้า
ถือว่า คุณพลาดเก็บข้อมูลที่ดี ไว้ใช้ในวันข้างหน้าแล้ว
ข้อมูลเบอร์โทรนี้ สามารถนำมาสร้างเป็นกลุ่มเป้าหมายได้
เพราะเฟสบุ๊ค จะนำไป จับคู่กับข้อมูล ของลูกค้าในเฟสบุ๊คให้โดยอัตโนมัติ
(คนเราใช้งาน facebook ได้ต้องมี เบอร์โทรศัพท์ เสมอ)
และควรจะระบุไว้ด้วยว่า ลูกค้าแต่ละราย เคยซื้อสินค้าจากเราด้วยเงินเท่าไร?
จากประสบการณ์ การใส่เบอร์โทร แต่ละครั้ง ให้ใส่ครั้งละ 1000-2000 เบอร์ครับ
หรือจะเริ่มจาก 500 เบอร์ขึ้นไป ก็ได้
2.การมีส่วนร่วมกับเพจ
คนที่เข้ามาในเพจของเรา เข้ามากดไลค์ กดแชร์ อินบ๊อกซ์มา หรือ comment กลุ่มคนเหล่านี้ คือคนที่มีโอกาสสูงกว่าคนอื่นๆ
เราเรียกว่าการมีส่วนร่วม หรือ มี engagement กับเพจของเรา
ดึงคนเหล่านี้มาสร้างกลุ่มเป้าหมายได้ครับ
เพียงแต่อาจจะต้องระบุระยะเวลาที่เขา เข้ามามีส่วนร่วมด้วยนะครับ
ถ้าสินค้าที่ต้องพิจารณานานๆ ใช้เวลา ประมาณ 45-60 วัน
ถ้าสินค้า ที่ไม่ต้องคิดนาน ใช้ประมาณ 30 วัน
3.การดู video ของเพจ
ในเฟสบุ๊ค ถ้าเราดูคลิปไหนนานๆ ได้ แสดงว่า เราชอบสิ่งที่อยู่ในคลิป
ถ้าเราไม่ชอบ แค่เห็นก็ปัดทิ้งไปแล้ว
ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงทำให้เราคัดคนที่ชอบสินค้าของเราได้ จากการดูคลิปวิดีโอ
เฟสบุ๊คจะเก็บข้อมูล คนดูวิดีโอ ได้หมด
ถ้าเรามีวิดีโอ โฆษณา ยาว 15 วินาที ถ้าคนดูไปเกินครึ่ง หรือ มากกว่า 75%
แสดงว่าสนใจสินค้าตัวนั้นๆ
เราสามารถดึงคนกลุ่มนี้ เอามาไว้ทำการตลาดได้อีกครั้งครับ
4. การเข้ามาในเว็บไซต์
ถ้าคุณมีเว็บไซต์ คนที่เข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ
เราสามารถนำมาสร้างเป็นกลุ่มเป้าหมายได้
เพราะคนเหล่านี้ ต้องสนใจ เนื้อหาในเว็บจริงๆ
การจะเก็บข้อมูลคนที่เข้าเว็บไซต์ของเรา ต้องติดตั้ง Pixel เข้าไปด้วย
Pixel คือโค้ดภาษา HTML ที่ใช้จับพฤติกรรมคนเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา
ถ้าไม่ติดตั้ง Pixel ในเว็บ เราจะเก็บข้อมูลไม่ได้
ถ้ายังไม่มี ให้ไปติดนะครับ (ขอโปรแกรมเมอร์ช่วย)
ถ้ายังไม่มีเว็บ ไปทำเว็บก่อนครับ 55
พอมีข้อมูลแล้ว เราจะสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมาย ของคนเข้าเว็บไซต์เรา
เพื่อไปทำการตลาดต่ออีกครั้งได้
ทั้งหมดนี้ คือ 4 วิธี หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ในเฟสบุ๊ค
จากข้อมูลลูกค้าเก่า ได้ครับ
สรุป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 ไอเดีย ทำกำไรมากขึ้น จากการยิงแอดเฟสบุ๊คแบบเดิม ที่คุณก็ทำได้
5 ไอเดีย ทำกำไรมากขึ้น
จากการยิงแอดเฟสบุ๊คแบบเดิม
ที่คุณก็ทำได้
.
วันนี้ ไม่ได้มีเทคนิคยิงแอดเทพๆ มาฝาก
แต่มีเทคนิคทำกำไรมากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งถ้าอ่านแล้ว จะรู้สึกว่า เออ ไม่ได้พิสดารอะไร
เพียงแต่เราไม่ได้คิดทำ เท่านั้น
.
เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
มาเข้าเรื่องกันเลย!!
.
เทคนิคนี้ หากใคร ที่มีสินค้าประเภทเดียวกันหลายๆแบบ จะดีมาก
1.ตัวไหนขายดี ยิงแอดตัวนั้นเป็นตัวเปิด
ตอนคุณขายสินค้า จะมีสินค้าประมาณ 20% ที่ทำกำไรได้ดี คนชอบซื้อ
ให้เอาสินค้านั้น มาเป็นตัวเปิด ไปให้คนทักเข้ามาซื้อก่อน
เป็นการเรียกแขกเข้ามาในร้าน
เรียกคนเข้ามาก่อน เป็นหลัก!!
2.upsell ด้วยการขายแบบ set
เมื่อเข้ามาแล้ว ลองเสนอขายสินค้า ไปเป็น set เพื่อทำให้ต้นทุนในการปิดการขายนั้นคุ้มค่า
ยกตัวอย่างเช่น ยิงแอด 1 ครั้ง เสียค่าแอด 30 บาท ขายได้ชิ้นเดียว 300 บาท ก็จบไป
แต่ถ้าเรานำเสนอ ไปว่า รับไป 2-3 ชิ้นมั้ย แล้วลูกค้าซื้อ รายได้ ก็เพิ่มมากขึ้น จากค่าแอดตัวเดิม ถ้าลูกค้าไม่เอา เราก็ยังขายได้ 1 ชิ้น เหมือนเดิม
ดีกว่ามั้ยครับ แค่นำเสนอขาย?
3.มีของแถม ส่วนลด ลูกค้ารู้สึกดี
ถ้าลูกค้าซื้อเยอะๆ แล้วเรามีของแถมให้ ลูกค้าจะมีความพยายาม ในการทำให้ยอดได้ตามที่เรากำหนด เพื่อได้ของแถมหรือส่วนลด
เช่น ตอนนี้ซื้อแล้ว 840 ถ้าพี่ซื้อเพิ่มครบ 1000 เดี๋ยวจะแถมอีกตัวไปเลย หรือ ฟรีค่าส่งไปเลย ถ้าลูกค้าไม่เอา ก็แค่ปิดการขายที่ 840 บาท
เพียงเอ่ยปากนำเสนอ ก็มีโอกาสแล้ว ดีมั้ยครับ?
4.เก็บเงินปลายทาง
การซื้อขายผ่านออนไลน์ระหว่างเรากับลูกค้าครั้งแรก
การโอนเงิน ดูเป็นเรื่องยากลำบาก เหลือเกิน
ดังนั้น ถ้าให้เก็บเงินปลายทาง โอกาสปิดการขายจะเพิ่มมากขึ้น
เพราะลูกค้าสบายใจ ว่าจะไม่โดนโกง
เพียงแต่คุณต้องคำนวณค่าธรรมเนียมมของการเก็บเงินปลายทางด้วย เพราะเขาจะคิดเป็น % จากราคาสินค้า
5.ทักทายไปหาลูกค้าเป็นระยะ เมื่อเวลาเหมาะสม
การขายที่ดีที่สุด คือการขายให้ลูกค้าเก่า
การกลับไปทักทายเป็นระยะ ในเวลาที่เหมาะสมกับลูกค้า
มักจะเกิดยอดขายเสมอ
เช่นเรารู้ว่า เขาใช้สินค้าตัวนี้ แล้วจะหมดภายใน 1 เดือน
อีก 1 เดือน เราก็เข้าไปทักทาย สอบถาม ว่าสินค้าดีมั้ย ใช้เป็นไงบ้าง
แบบทักทายกันปกติ
ถ้าลูกค้าประทับใจสินค้าของคุณ
โอกาสแบบนี้ สามารถนำพาไปสู่การปิดการขายได้ง่ายๆ
ดีมั้ยครับ ไม่ต้องยิงแอดด้วย!!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้! (เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
การทำโฆษณาเฟสบุ๊ค สำหรับมือใหม่
สิ่งที่หลายคนกลัว ก็คือ เรื่องค่าใช้จ่าย
กลัวไปหมด ว่า ถ้าเริ่มยิงแอดไปแล้ว
จะโดนหักเงินไปแล้วมั้ย
ผมเองก็เป็นครับ
จำได้เลยว่า ครั้งแรกของการทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมทำให้กับบริษัทเก่า
มือไม้สั่นไปหมด ผิดพลาดไปนี่
ความบรรลัยมันเกิดขึ้นกับตัวเราแน่นอน
ต้องเอาเงินไปคืนบริษัทแหงๆ
ก็เลยต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
โชคดี ที่เราค่อยๆ ทำโฆษณา
ใช้เงินแบบพอดีๆ พอเริ่มรู้มากขึ้น คราวนี้จะหลักหมื่น หลักแสน ก็สบายๆ
แต่แม้จะผ่านการทำโฆษณามามากมายแค่ไหน
ถ้าเราประมาท หรือ ดูไม่ดี
ก็มีวันพลาดได้ ดังนั้น เลยขอนำประสบการณ์ มาเล่าสู่กันฟัง ในบทความนี้ครับ
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
1.ดูวัตถุประสงค์ ให้ถูกต้อง
หน้าแรก ของการเริ่มทำโฆษณา มันคือ วัตถุประสงค์ นั่นเอง
หน้านี้ เลือกให้ดีๆ นะครับ ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่
บางคนอยากให้เกิดการทัก แต่ดันไปเลือก การเข้าถึง
ก็ได้แต่สงสัยว่า ทำไมคนไม่ทักมาสักที
หรืออยากให้คนดู video เยอะๆ แต่ก็ไปเลือก Engagement แทน
ยอด view ก็ขึ้นน้อยกว่าที่เป็น
ดังนั้น ควรหยุดนิ่ง แล้วพิจารณาดีๆ ว่าเราเลือก วัตถุประสงค์ ถูกต้องมั้ย
ก่อนไปสู่กระบวนการต่อไป
2.เลข 0 ใครว่าไม่สำคัญ
เลขศูนย์ ใครๆ ก็มองว่าไร้ค่า
ยกเว้นว่า มันมาเรียงกัน อยู่หลังตัวเลข ในช่องงบประมาณ
เรื่องการใส่เงินทำโฆษณาเฟสบุ๊ค ก็เป็นอีกเรื่องที่พลาดกันบ่อย
เพราะ เราสามารถเลือกได้ว่า จะทำเป็นแบบ งบประมาณรายวัน หรือ ตลอดช่วงเวลาการทำโฆษณา
หลายครั้งที่เราอาจจะใส่ตัวเลขเพลินๆ แล้วเติมเลขศูนย์ เกินไป 1-2 ตัว
เช่นงบประมาณ วันละ 300 บาท แต่ใส่เป็น 30,000 บาท
ไม่ทันดู โฆษณาวิ่ง เออ ทำไมวันนี้ มันวิ่งดีจัง
หารู้ไม่ว่า เงินโดนกินไปแล้ว มากกว่า 300 บาท
พลาดแบบนี้ มันน่าเจ็บใจตัวเองครับ
ดังนั้น ต้องระวังการใส่เลข 0 ในช่องงบประมาณครับ
3.กำหนดวันเวลาเริ่มต้นสิ้นสุด
เคยคุยกับน้องคนนึง ขายของออนไลน์
ขายดีมาก จนของหมด
แต่ดันลืมกำหนด วันสุดท้าย ของการโฆษณา
ไปใส่งบประมาณโฆษณาต่อเนื่อง
มารู้อีกที ในวันที่บัตรเครดิตแจ้งเตือนตัดเงิน
อ้าว เงินค่าเฟสบุ๊คแอดนี่หว่า!!
ตกใจ รีบมาปิดโฆษณาแทบไม่ทัน
ดังนั้น ในหน้างบประมาณ ให้เราพิจารณา และตรวจหลายๆรอบว่า
งบประมาณทั้งหมด ของโฆษณาเรานั้น อยู่ภายใต้งบ ที่เราควบคุมอยู่
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์ ให้ทำแบบนี้
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์
ให้ทำแบบนี้
1 คำถามที่มักเจอเสมอก็คือ
ขายอะไรดีในออนไลน์
.
อาจจะมีหลายคำตอบ หลายแบบที่คุณเจอ
บางครั้ง อาจจะเป็นเรื่องของสินค้าขายดี ยอดนิยม แดงเดือด ก็ไม่ผิด
บางครั้ง อาจจะเป็นสินค้าที่ยังไม่มีคนขายเลย แล้วมีความต้องการสูง ก็ไม่ผิดครับ
.
ผมเลยอยากแชร์ อีกแนวคิดหนึ่ง
เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้กันครับ
(ได้แนวคิดการจากอ่าน การเรียนรู้ และ ลองทำจริง
เลยอยากให้ลองนำไปทำกันดูครับ)
.
แนวคิดนี้ ให้มอง ที่ปัญหา ของคนแทนก่อนนะครับ
.
นั่นคือ ให้ดูจากสิ่งที่เราชอบ เราถนัด
และเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้คนอื่นๆ ได้
.
ถ้าเราเริ่มจากตรงนี้ เราจะคิดต่อได้
เช่น คนเราอยากน้ำหนักตัวลดลง ทำยังไงได้บ้าง
- ออกไปวิ่งมาราธอน
- ออกไปฟิตเนส
- กระโดดเชือก
- กินอาหารคลีน
- กินผลิตภัณฑ์…
- ดูดไขมัน
- ผ่าตัดกระเพาะ
- เข้าคอร์ส กินอาหารแบบสุขภาพดี
เห็นมั้ยครับ ทางเลือกมีมากมาย
ถ้าคิดเรื่องสินค้า บางครั้ง เราอาจจะตัน
แต่ถ้าเริ่มจากปัญหา ทางแก้ไขมันเยอะ
แล้วทางเลือก จะมีมากขึ้นกว่าเดิม
ทางไหนที่เราชอบ หรือ แฮปปี้ จะเดินไป
มันจะทำให้เราอิน และ หลงรักกับการแก้ปัญหานั้น
พอเราหลงรัก และ ชอบวิธีการแก้ปัญหา
เวลามีใครมาขอความช่วยเหลือ หรือ ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
วิธีการพูดของเรา มันจะคล่องแคล่ว ตอบได้ทั้งวัน เป็นฉากๆ
มีความน่าเชื่อถือ
ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ สินค้า หรือบริการจากคุณได้
ดีกว่าเดิมมั้ยครับ แนวคิดนี้?
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น
ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ทุกวันนี้ คนทำธุรกิจออนไลน์
ล้วนแต่ทำโฆษณา หาลูกค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา
มียอดขาย มีรายได้เข้ามาเยอะๆ
เป็นสิ่งที่ดีครับ
แต่ถ้าวันใด วันหนึ่ง
โฆษณาโดนปิด บัญชีโดนปิด
รายได้จบทันที
ถ้านี่คือสถานการณ์ที่คุณกำลังเจออยู่
นี่คือความน่ากลัวครับ
จะดีกว่ามั้ย หากเราวางแผนเอาไว้
ให้ดี ก่อนจะยิงแอดครั้งต่อไป
“อย่ายิงแอด เพื่อหาคนใหม่ตลอดเวลา
แต่ให้เก็บฐานลูกค้าเก่าไว้ด้วย”
สิ่งที่ ผมถาม คนขายของออนไลน์เกือบทุกคน
แล้วได้คำตอบมาเหมือนกัน ก็คือ
“ไม่ได้เก็บ เบอร์โทร ที่อยู่ ข้อมูลลูกค้าไว้เลย”
โอ น่าเสียดายครับ
ดังนั้น เลยอยากบอกกับทุกคนที่กำลังขายของออนไลน์
หรือ ขายอยู่แล้ว
ควรเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ ให้ดีๆ นะครับ
ทำเป็นระบบ
ถ้ายังไม่อยากลงทุนมาก ก็ใช้ excel หรือ ถ้าจะแชร์ข้อมูลร่วมกันในกลุ่ม ในองค์กร ก็ใช้ google sheet
หรือหากต้องการทำให้เป็นระบบ
ก็จะมี software ที่เข้ามาช่วยจัดการ พวก order เหล่านี้ ได้
นอกจากจะจัดระบบได้แล้วยังสามารถ export ข้อมูลลูกค้ามาได้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่ว่าจะเป็น x-commerce / ZORT เป็นต้น
(ใครอยากลองใช้ ก็สามารถไปสมัคร ใช้งานได้ฟรี ครับ 15 วัน)
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์
ส่วนใหญ่ ถ้าไม่มีเวลาได้มานั่งทำโฆษณาด้วยตัวเอง
ก็มักจะจ้างเอเจนซี่ในการยิงแอดให้
ซึ่งส่วนใหญ่ จะดูผลลัพธ์สุดท้าย ปลายทางว่า
ลงเงินไปแล้ว คุ้มค่ามั้ย?
นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ
แต่มีอีก 4 เรื่องที่ คนจ้างยิงแอดส่วนใหญ่จะลืม เพราะคิดไม่ถึง
หรือไม่คิดว่าจำเป็น
จากประสบการณ์ของผม ที่ได้พูดคุยกับ SME หลายๆ รายที่จ้างคนมาทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมขอสรุปให้ฟังดังนี้ครับ
1.Business เฟสบุ๊ค อยู่กับใคร
ปกติ การจ้างทำโฆษณา คุณอาจไม่ได้สนใจว่า เขาจะทำผ่านอะไร แต่ถ้าให้ดี คุณควรจะสร้าง Business ขึ้นมา แล้วอนุญาติ ให้คนที่คุณจ้าง มาเป็น Advertiser
เพราะคุณจะได้เห็นว่า ผลลัพธ์ของการทำโฆษณานั้น เป็นอย่างไร มีการใช้เงินไปเท่าไรแล้ว
Report เหล่านี้ มันจะ Update แทบจะ Real Time แล้ว
ที่สำคัญ คุณจะได้เห็นกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งข้อมูลกลุ่ม Audience ต่างๆ เพื่อใช้งานได้ในอนาคตได้ เป็น asset ของเรา
เพราะหากเราทำโฆษณาผ่าน Business อื่น พอเราเลิกจ้างแล้ว ข้อมูลต่างๆที่เคยมีอยู่
เราก็จะไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เลย
ปล.ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายของการทำงานร่วมกันกับคนที่เราจ้างด้วยนะครับ แต่ถ้าให้ดี ควรมี Business ของตัวเอง
2.ใครเป็น Admin Business บ้าง
หาก Business นั้นคุณเป็นเจ้าของ ต้องดูให้ดีๆ ว่า คุณได้รับสิทธิ์ เป็นใคร เป็น admin ที่ดูแลได้ทั้งหมด ใช่หรือไม่
การจะนำคนเข้าออกใน business การเพิ่มเพจ การสร้างบัญชีโฆษณา
คุณต้องมีสิทธ์นั้น
แม้คุณจะใช้เครื่องมือในนั้นเองไม่เป็นเลย!
และหากใครจะเข้ามาใน Business ของคุณ จะต้องมั่นใจแบบสุดๆ แล้วว่า เขาคนนั้นคือคนที่คุณเชื่อใจได้มากที่สุด
ถ้าวันนี้ คุณไม่ได้มีสิทธิ์อะไรเลยใน Business Facebook ของคุณเอง
ก็น่าเป็นห่วงมากๆ เลยนะครับ
3.Report ads เฟสบุ๊ค ควรเห็นอะไรบ้าง
เมื่อจ้างยิงแล้ว สิ่งจำเป็นอีกข้อ ก็คือ การดูรายงานโฆษณาของเฟสบุ๊ค
อาจจะมี รายงานระดับที่ผู้ประกอบการเข้าใจง่ายๆ อันนั้น ก็ถือว่าดีแล้ว
แต่ขอให้มีการวิเคราะห์ให้ฟังหน่อยว่า ตัวไหนดี หรือ ไม่ดี เพราะอะไร
ถ้าไม่ดี ควรทำยังไงให้ดี
ถ้าดี เพราะอะไรถึงดี
และหากการยิงแอดของคุณ คือการยิงเพื่อหวังยอดขาย สิ่งที่ต้องดูมากๆ ไม่ใช่ค่าแอดถูก หรือ ค่าต่อการทักถูกเท่านั้น
ต้องดูว่า Purchase หรือ การซื้อ ในการทักแต่ละครั้งนั้นเป็นเท่าไร
เพราะมันมีความหมายมาก ในการขยายผลตัวโฆษณาที่ดี ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
และถ้าตัวไหนไม่ดี ก็ไม่ต้องทำโฆษณาต่อ
4.กำไรต่อการโฆษณา และการขยายผล
ต่อจากข้อ 3 ถ้าเรารู้ว่า โฆษณาตัวไหนขายดี มีผลลัพธ์การซื้อที่ดี
ให้สังเกตุว่า ดีเพราะอะไร แล้วนำมาเป็นแนวทางการทำโฆษณาต่อไป
และขยายโฆษณาตัวที่ทำงานได้ดี ด้วยการสร้าง campaign ใหม่ที่ใช้ content เดิม แล้วทำออกไปหากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่ใกล้เคียง เช่น
อายุ : เจาะจงให้แคบลงมาอีก > เช่น 25-45 อาจจะเป็น 30-34 ก็ได้
พื้นที่ : เจาะจงให้แคบลงไป จากทั่วไทย > ภาค > จังหวัด ก็ได้
สรุป
และทั้งหมดนี้คือ
4 เรื่องที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 เรื่องต้องเช็ค หลังทำโฆษณาเฟสบุ๊คไปแล้ว ไม่อยากจ่ายค่าแอดฟรี ต้องอ่าน
3 เรื่องต้องเช็ค หลังทำโฆษณาเฟสบุ๊คไปแล้ว ไม่อยากจ่ายค่าแอดฟรี ต้องอ่าน
คนทำธุรกิจ ขายของ ขายบริการ
บนเฟสบุ๊ค
เมื่อทำโฆษณาแล้ว หรือ ที่เข้าใจกันในคำว่า ยิงแอด
หลังจากกดให้โฆษณาขึ้นไปโผล่สู่สายตากลุ่มเป้าหมายแล้ว ปั๊บ
เรื่องจะไม่จบแค่นั้น!!
เพราะมีเรื่องที่เราต้อง ตรวจสอบ หรือ เช็คสุขภาพโฆษณาของเรา
หลักๆ 3 ข้อด้วยกัน
อันนี้เขียนจากประสบการณ์ แล้วกันนะครับ ที่ทำมาเป็นแบบนี้
1. โฆษณาไม่วิ่งเลย!!
เอ้า พอกดให้โฆษณาทำงาน แต่ทำไม มันไม่ทำงานล่ะครับ
อันนี้ ให้เช็คว่าสถานะของมันอยู่ตรงไหน บางครั้ง ถ้าคนที่เปิดบัญชีโฆษณามาใหม่ โฆษณาจะอนุมัติช้า
ให้รออการอนุมัติไปครับ
ถ้าอนุมัติแล้ว ก็ต้องเช็คว่า มันขึ้นแสดงว่าทำงานอยู่ หรือ Active
ถ้าทำงานอยู่ ก็แล้วไปครับ แต่บางครั้ง ทำงานไปแล้ว ก็หยุด และบางที ก็หาไม่เจอด้วย
อันนี้ อาจจะเป็นไปได้ ว่า โฆษณาถูก reject คือ ไปผิดกฏอะไรสักอย่างของ เฟสบุ๊คครับ แบบนี้ ให้เช็คละเอียดหน่อย
เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว
ถ้าผิดบ่อยๆ จะโดนปิดบัญชีได้
2.โฆษณาวิ่ง แต่คนไม่ทักเลย!
เอาล่ะ โฆษณาวิ่งแล้ว มี Reach มีการเข้าถึง แต่ว่า ไม่มีคนคลิก คนทักมาเลย
ทำไงดีแก!!
ถ้าเป็นแบบนี้ แนะนำว่า ให้ไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้
2.1. ไปแก้ภาพ : ภาพดึงดูดใจมากพอหรือเปล่า สะดุดตามั้ย หรือขนาดเรายังไม่มองเลย แบบนี้ ให้เปลี่ยน
2.2. แก้ caption : คำพูดที่เราเขียน อ่านแล้ว อยากหยุดตั้งแต่ครั้งแรกเลยมั้ย ถ้าไม่ ไปเขียนใหม่ หาอะไรที่มัน เข้าประเด็นเร็วๆ หรือ เออ คำนี้ โดนเลย
2.3. เช็ค call to action : ส่วนใหญ่ อยู่ด้านท้ายของคำพูดทั้งหมดเสมอ เรามาดูกันว่า ได้บอกให้คนทำอะไร หลังจากอ่าน มาทั้งหมดหรือเปล่า เช่น ทักแชท โทร กดคลิกลิงค์นี้ ได้ทำมั้ย ถ้ายัง ให้ไปทำซะนะครับ
3.คนทักมา แต่ไม่ซื้อ!
อะ ทักมา แต่ไม่ซื้อ มีอยู่หลายสถานการณ์ นะครับ
3.1 ทักมาอย่างเดียว ส่งข้อมูลไป ไม่อ่าน : อันนี้ กดพลาด เป็นเรื่องปกติของ facebook
3.2 ทักมาถาม ส่งข้อมูล อ่าน แต่ถามไปก็ไม่ตอบ : อาจจะเป็นการระดมส่งข้อมูลอย่างเดียว จนไม่ได้เปิดช่องให้คุยกัน ลองหาตัวเปิดบทสนทนา ที่จะเข้าถึงตัวเค้ามากขึ้น เช่น เคยใช้สินค้าแบรนด์ไหนมาก่อน / อยู่จังหวัดอะไร / ปกติกินแบบไหน ส่วนใหญ่ ถ้าเจอคำถามนี้ มักจะคุยกันต่อไปได้
3.3. ทักมา ถาม ขอข้อมูล นิดๆหน่อยๆ แล้ว เหมือนจะซื้อ แต่ ไม่ซื้อ : อาจจะเป็นเพราะ เขายังไม่เล็งเห็นถึงประโยชน์ หรือ ความคุ้มค่าที่จะได้จากเร
3.4. ทักถามทุกอย่าง ถามจนเหนื่อย แต่ไม่ซื้อ : ถ้าแบบนี้ ให้ทำใจ ครับ ปล่อยผ่าน แล้วเดินหน้าต่อ
สรุป
และนี่คือ
3 เรื่องต้องเช็ค หลังทำโฆษณาเฟสบุ๊คไปแล้ว
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ก่อนจะ ยิงแอดเฟสบุ๊ค เพิ่มยอดขาย ให้ทำสิ่งนี้ก่อน
ก่อนจะยิงแอดเฟสบุ๊ค เพิ่มยอดขาย ให้ทำสิ่งนี้ก่อน
เมื่อวันก่อนครับ
ผมได้รับข้อความทาง inbox มาจากผู้ประกอบการรายหนึ่ง
มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของยอดขาย
อยากเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น
ยิงโฆษณาเสียเงินไปหลายหมื่น
แต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ
ผมเลยขอดูเพจที่ทำตอนนี้ ว่าโพสต์อะไรอยู่บ้าง
และพบอะไรหลายๆ อย่างที่ น่าจะเอามาแชร์แนวคิด ให้พวกเราได้อ่านกันครับ
ก่อนจะยิงแอด เพื่อเพิ่มยอดขายให้ทำสิ่งนี้ก่อน
1. โพสต์เรื่องที่ดี มีคุณค่ากับคนอ่าน
คนทำธุรกิจออนไลน์ ส่วนใหญ่ มักจะมองข้ามการโพสต์แบบให้คุณค่า
การโพสต์ที่ทำให้คนสนใจเรา มองว่าเราคือผู้ให้
แต่จะมุ่งเน้นไปที่การขายของเลย
ถ้าสินค้าคุณ ราคา 100-200 บาท จะยิงขายเลย
ไม่ใช่เรื่องผิดเลย สร้างยอดขายจากการยิงแอดได้เลยครับ
แต่หากเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าต่อชิ้นสูงกว่านั้น
จะดีกว่ามั้ย
หากเราลองเพิ่มโพสต์เนื้อหาที่มีคุณค่า ให้กับคนอ่าน คนติดตามไปด้วย
ทำให้เค้าเห็นว่า เรารู้ถึงปัญหา หรือ สิ่งที่เขากำลังมองหาอยู่
ซึ่งสิ่งนั้น เรารู้ดี เราเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น
ยกตัวอย่างเช่น
เราเป็น คนให้บริการเรื่องซ่อมบ้าน
เนื้อหาที่เราจะนำมาโพสต์ ควรเป็น
– ซ่อมบ้านมือสอง ต้องใช้งบเท่าไร
– ประตูพัง เปลี่ยนใหม่ ใช้แบบไหนดีนะ
ถ้าคุณพูดในเรื่องนี้ บ่อยๆ สม่ำเสมอ
คนจะรับรู้ว่าคุณคือคนเก่ง ในเรื่องนี้ทันที
ต่อไป เวลามีปัญหา เขาจะนึกถึงใครก่อน?
2. มีความรู้ในเรื่องนั้นจริงๆ
คนที่กำลังมองหา เจ้าของเพจ เจ้าของธุรกิจ ที่จะมาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับเขา
มักจะมองถึงประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำก่อนเสมอ
เนื้อหาที่นำเสนอภายในเพจ
นอกเหนือจากจะให้คุณค่าแล้ว การให้ข้อมูลเชิงลึก จะช่วยทำให้เพจของเราดู
เป็นคนที่มีความรู้แบบ insight
แต่วิธีการนำเสนอ จะต้องใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายๆ
ซึ่งเทคนิคการเขียนให้คนอื่นๆที่อยู่นอกเหนือวงการเข้าใจ
ก็คือ การนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาเข้าใจอยู่แล้ว
เช่นการอธิบายเรื่อง ริชเมนู
ที่เป็นฟีเจอร์สำคัญ ของ Line@ หรือ LINE OA ว่าคืออะไร
เมื่อต้องการให้เปรียบเทียบให้เห็นภาพ
ก็อาจบอกได้ว่า Rich Menu นั้น เป็นเสมือนกับเมนู ที่ทำให้ลูกค้า
ได้ไปพบกับข้อมูล สำคัญสำคัญของเรา โดยไม่ต้องใช้คนมาตอบเอง
ลูกค้าสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
หรือ เปรียบดั่งประตูทางเข้า ที่พาไปสู่การสร้างยอดขายของธุรกิจของคุณ ได้โดยอัตโนมัติ
การอธิบายให้คนได้เข้าใจเรื่องใหม่ๆ
ด้วยประสบการณ์เดิมที่เขามีอยู่ นอกจากจะทำให้เข้าใจง่ายแล้ว
คนเหล่านั้นอย่างมองว่าคุณเป็นผู้ที่เข้าใจจริงๆในเรื่องนั้นๆ
เพราะถ้าไม่รู้อย่างถ่องแท้ จะไม่สามารถอธิบายด้วยการอุปมาอุปไมยได้
3. ความน่าเชื่อถือ ผลงานที่ผ่านมา
นอกจากการเป็นตัวจริง และรู้จริงในเรื่องนั้นๆ แล้ว
สิ่งที่จะเติมเต็มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ติดตาม ก็คือ
ผลงานที่ผ่านมา สิ่งที่เคยทำไว้
สิ่งที่เคยช่วยเหลือคนอื่นมาก่อน
ยกตัวอย่างเช่น
เป็นธุรกิจรถยนต์มือสอง
ก็ต้องมีการโชว์โพสต์คนมารับรถที่ร้าน
มีการสัมภาษณ์ความรู้สึกของลูกค้า
ว่าทำไมถึงมั่นใจเลือกใช้บริการของเรา
ทั้งๆที่มีเจ้าอื่นให้เลือกมากมาย
คนกำลังทำสัญญาเพื่อรับมอบรถจากเรา
สิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้คนเชื่อมั่น และกล้าจะติดต่อธุรกิจกับเรามากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
4. ความสม่ำเสมอ
คนส่วนใหญ่มักจะตัดสินว่าธุรกิจนั้นยังดำเนินอยู่หรือเปล่า
จากวันที่โพสต์ล่าสุด ที่อยู่บนเพจ
ถึงแล้วว่าวันนี้ธุรกิจออฟไลน์ของคุณกำลังดำเนินอยู่
แต่หากหน้าเพจไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว
คนอาจจะตัดสินไปแล้วว่า
ธุรกิจนี้ ไม่มีความเคลื่อนไหว
ไปหาเจ้าอื่นๆ แทนดีกว่า
(ส่วนใหญ่เพจที่เลิกทำธุรกิจไปแล้ว มักจะไม่โพสต์อะไร ต่อไป หลังจากที่ธุรกิจปิดตัวแล้ว)
ความสม่ำเสมอ มีความสำคัญแบบนี้ครับ
สรุป
ลองไปปรับใช้กันนะครับ
ก่อนจะยิงแอดในครั้งต่อไป ลองเช็คว่า เรายังขาดข้อไหนบ้าง
รีบเติมเต็ม อย่างน้อยสัก 3 ข้อ
ก่อนที่จะลงทุนยิงแอด..
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt