ถ้าวันนี้ไม่มี Facebook แล้วใช้อะไรแทนดี?
ถ้าวันนี้ไม่มี Facebook แล้วใช้อะไรแทนดี?
ลองคิดกันเล่นๆ ว่าหากวันนี้ ไม่มี Facebook ให้ใช้แล้ว
เราจะใช้อะไรแทนกันดี?
ถ้าไม่มีให้ใช้จริงๆ ก็แอบหวั่นใจเหมือนกันนะครับ
เพราะเราลงทุนสร้างตัวตน สร้างคน สร้างฐานแฟนไว้ใน Facebook กันเยอะมาก
เป็น Social Media ที่เติบโตด้วยการแชร์เรื่องราวต่างๆ
เป็น Social Media ที่เราใช้ในการสื่อสารพูดคุยกับลูกค้า และดึงให้เข้ามาใช้บริการเราได้
แม้เราจะบ่นว่า ทุกวันนี้ ค่าโฆษณาแพงเหลือเกินก็ตาม
แต่หากวันไหน Facebook ล่ม แล้วธุรกิจของคุณสะดุด
แสดงว่า เราเอาทุกอย่างไปอยู่ใน Facebook หมดจริงๆ
จะดีกว่ามั้ย หากเราได้สร้างฐานข้อมูลในบ้านหลังอื่นๆ เอาไว้ด้วย
เราลองมาศึกษา เครื่องมือออนไลน์ ตัวอื่นๆ กันดูบ้าง
ปล. ถ้า Facebook ไม่มีจริงๆ
สิ่งที่จะหายไปด้วย ก็คือ Instagram Whatsapp เพราะเป็นบริษัทเดียวกัน
ลองมาดูกันมะ
1.LINE
คนใช้งานในไทย 45 ล้านบัญชี
เครื่องมือ สื่อสารที่คนไทย ใช้งานเป็นเรื่องปกติ ไปแล้ว ทั้งพิมพ์ ทั้งโทร ทุกวันนี้
หากจะใช้ LINE ในการสื่อสาร แนะนำให้ใช้ LINE Official Account หรือ LINE OA เพราะมีฟังก์ชั่นที่อำนวยความสะดวก ให้เจ้าของกิจการ สื่อสารกับ ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นการบรอดแคสต์ข้อความที่ส่งไปถึงผู้ติดตามได้ครบ 100% หรือการทำระบบสะสมแต้ม ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องไปซื้อโปรแกรมเสริมอื่นๆ
เมื่อเทียบค่าส่งบรอดแคสต์ กับค่าโฆษณาหาลูกค้าใหม่ ถือว่าคุ้มค่ามากครับ
2.Youtube
คนใช้งานในไทย 40 ล้านบัญชี
นี่คือช่องทางคลาสสิกที่คนไทย ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้เฉพาะความบันเทิงเพียงอย่างเดียว หลายธุรกิจ สร้างตัวตนและยอดขายได้มากมาย จากการลงใน Youtube
ส่วนใหญ่มาในรูปแบบของการรีวิว การเอามาบอกเล่า ให้ความรู้ ให้คุณค่า
และ รายได้จะตามมาหลังจากนั้น
3.TikTok
คนใช้งานในไทย 18 ล้านบัญชี
นี่คือแพลตฟอร์ม ที่กำลังมาแรงในบ้านเรา แม้ช่วงแรก คนจะมองว่ามีแต่เด็กๆ เล่น เต้นๆ คงไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ทุกวันนี้ คนขายสินค้า สร้างตัวตนกันมากมาย และเติบโตอย่างรวดเร็วใน แพลตฟอร์มนี้
มันเหมือนกับ Facebook หรือ Instgram เมื่อ 5-6 ปีก่อน ที่ทำยังไง ก็ขึ้นง่าย
ดังนั้น จึงไม่ควรพลาดกระแสนี้
เพียงแต่ให้เข้ามาในมุมของการทำธุรกิจอย่างมีรูปแบบ ที่คน TikTok รู้สึกว่าไม่ยัดเยียด
ดังนั้นคุณต้องเล่น TikTok ให้เข้าใจพฤติกรรมของคนในนี้เสียก่อน จะไปลงมือทำโฆษณา
4.Twitter
คนใช้งานในไทย 7.15 ล้านบัญชี
แม้คนจะไม่เยอะมาก แต่นี่คือสื่อสังคมออนไลน์ ที่ทรงอิทธิพล
เพราะเร็ว แรง อย่างไม่น่าเชื่อ
ถ้าจับทางได้ถูก แบรนด์ของคุณจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ส่วนใหญ่ จะเป็นสินค้า หรือ บริการที่เหมาะกับคนในวัย 20-45 หรือ คนรุ่นใหม่ๆ
เครื่องสำอาง ขนม Bakery ร้านกาแฟ สินค้าเหล่านี้ คือสิ่งที่ได้รับความนิยมสูง
5.Website
มีคนพูดว่าเว็บไซต์จะตาย เมื่อ 20 ปีก่อน
แต่ทุกวันนี้ เว็บไซต์ ก็ยังอยู่ดีเสมอ และมีการพัฒนารูปแบบการแสดงผลที่ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่จะดีกว่า หากคุณมีเว็บไซต์ของตัวเอง และคนรู้จัก จดจำได้
นี่คือบ้านหลังใหญ่ของตัวคุณเอง ที่สามารถ สร้างกฏเกณฑ์ขึ้นมาได้เอง
ไม่มีระเบียบใดๆ ที่ใครจะมาห้ามคุณ (แต่ต้องถูกกฏหมายนะ)
ดังนั้น คุณจึงต้องมีเว็บไซต์ เอาไว้เป็นฐานบัญชาการ ของคุณเอาไว้ด้วย
6.Google
ต่อเนื่องจากเรื่องของเว็บไซต์
คนจะรู้จักเว็บของคุณได้เร็วขึ้น หากคุณเข้าใจเรื่องการทำ SEO และ SEM
SEO = Search Engine Optimization คือ ทำยังไง ก็ได้ให้ติดหน้าแรก Google แบบไม่เสียเงิน
SEM = Serach Engine Marketing คือ ทำยังไงก็ได้ ให้ติดหน้าแรก Google ด้วยการเสียเงิน
ศาสตร์การทำโฆษณาแนวนี้ นี้ อาจจะซับซ้อนกว่า Facebook มากพอสมควร
แต่ถ้าตั้งใจทำ หรือทำได้ เราจะเจอลูกค้าที่พร้อมซื้อ อย่างแน่นอน
เพราะเวลาคนมีปัญหา จะ search Google ก่อนเสมอ
ปล. ถ้าธุรกิจของคุณเป็นหน้าร้าน แนะนำให้สร้าง Google Business
อันนี้้ คือ การทำการตลาดให้ติดหน้าแรก ได้เร็ว และง่ายที่สุดแล้ว
ผมเคยแนะนำเอาไว้ ลองไปหาอ่านกันได้ครับ
7. Email
แม้หลายคนจะบอกว่า คนไทย ไม่ได้ใช้ อีเมล์แล้ว
แต่หลายๆ ธุรกิจ ก็ยังเติบโตได้ด้วยการใช้อีเมล์
อีเมล์ เหมาะกับสินค้าและบริการประเภทองค์กร และ สินค้าประเภท Digital product
แต่ผมก็เชื่อว่า มีสินค้าที่จับต้องได้ หลายรายการ เขาทำกำไรในการขายผ่าน Email
สิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือ การบริหาร List Email ให้เป็นขั้นเป็นตอน
8.Marketplace
คนไทย คุ้นชินกับการสั่งซื้อของผ่านแอพ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น ความต้องการสินค้า จึงมีเพียบในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น Shopee Lazada หรือ JD Central
หลายกิจการ ขายสินค้าแบบไม่ต้องยิงแอด ใน Marketplace เหล่านี้มานานแล้ว
บางคนอาจจะบอกว่า มีแต่ คนมองหาของถูกที่สุดในแอพเหล่านี้
แต่คุณสามารถขายราคาสูงได้ ถ้ารีวิว และ มีบริการที่รวดเร็ว และ ดีเยี่ยมกับลูกค้า
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 ไอเดีย ทำกำไรมากขึ้น จากการยิงแอดเฟสบุ๊คแบบเดิม ที่คุณก็ทำได้
5 ไอเดีย ทำกำไรมากขึ้น
จากการยิงแอดเฟสบุ๊คแบบเดิม
ที่คุณก็ทำได้
.
วันนี้ ไม่ได้มีเทคนิคยิงแอดเทพๆ มาฝาก
แต่มีเทคนิคทำกำไรมากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งถ้าอ่านแล้ว จะรู้สึกว่า เออ ไม่ได้พิสดารอะไร
เพียงแต่เราไม่ได้คิดทำ เท่านั้น
.
เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
มาเข้าเรื่องกันเลย!!
.
เทคนิคนี้ หากใคร ที่มีสินค้าประเภทเดียวกันหลายๆแบบ จะดีมาก
1.ตัวไหนขายดี ยิงแอดตัวนั้นเป็นตัวเปิด
ตอนคุณขายสินค้า จะมีสินค้าประมาณ 20% ที่ทำกำไรได้ดี คนชอบซื้อ
ให้เอาสินค้านั้น มาเป็นตัวเปิด ไปให้คนทักเข้ามาซื้อก่อน
เป็นการเรียกแขกเข้ามาในร้าน
เรียกคนเข้ามาก่อน เป็นหลัก!!
2.upsell ด้วยการขายแบบ set
เมื่อเข้ามาแล้ว ลองเสนอขายสินค้า ไปเป็น set เพื่อทำให้ต้นทุนในการปิดการขายนั้นคุ้มค่า
ยกตัวอย่างเช่น ยิงแอด 1 ครั้ง เสียค่าแอด 30 บาท ขายได้ชิ้นเดียว 300 บาท ก็จบไป
แต่ถ้าเรานำเสนอ ไปว่า รับไป 2-3 ชิ้นมั้ย แล้วลูกค้าซื้อ รายได้ ก็เพิ่มมากขึ้น จากค่าแอดตัวเดิม ถ้าลูกค้าไม่เอา เราก็ยังขายได้ 1 ชิ้น เหมือนเดิม
ดีกว่ามั้ยครับ แค่นำเสนอขาย?
3.มีของแถม ส่วนลด ลูกค้ารู้สึกดี
ถ้าลูกค้าซื้อเยอะๆ แล้วเรามีของแถมให้ ลูกค้าจะมีความพยายาม ในการทำให้ยอดได้ตามที่เรากำหนด เพื่อได้ของแถมหรือส่วนลด
เช่น ตอนนี้ซื้อแล้ว 840 ถ้าพี่ซื้อเพิ่มครบ 1000 เดี๋ยวจะแถมอีกตัวไปเลย หรือ ฟรีค่าส่งไปเลย ถ้าลูกค้าไม่เอา ก็แค่ปิดการขายที่ 840 บาท
เพียงเอ่ยปากนำเสนอ ก็มีโอกาสแล้ว ดีมั้ยครับ?
4.เก็บเงินปลายทาง
การซื้อขายผ่านออนไลน์ระหว่างเรากับลูกค้าครั้งแรก
การโอนเงิน ดูเป็นเรื่องยากลำบาก เหลือเกิน
ดังนั้น ถ้าให้เก็บเงินปลายทาง โอกาสปิดการขายจะเพิ่มมากขึ้น
เพราะลูกค้าสบายใจ ว่าจะไม่โดนโกง
เพียงแต่คุณต้องคำนวณค่าธรรมเนียมมของการเก็บเงินปลายทางด้วย เพราะเขาจะคิดเป็น % จากราคาสินค้า
5.ทักทายไปหาลูกค้าเป็นระยะ เมื่อเวลาเหมาะสม
การขายที่ดีที่สุด คือการขายให้ลูกค้าเก่า
การกลับไปทักทายเป็นระยะ ในเวลาที่เหมาะสมกับลูกค้า
มักจะเกิดยอดขายเสมอ
เช่นเรารู้ว่า เขาใช้สินค้าตัวนี้ แล้วจะหมดภายใน 1 เดือน
อีก 1 เดือน เราก็เข้าไปทักทาย สอบถาม ว่าสินค้าดีมั้ย ใช้เป็นไงบ้าง
แบบทักทายกันปกติ
ถ้าลูกค้าประทับใจสินค้าของคุณ
โอกาสแบบนี้ สามารถนำพาไปสู่การปิดการขายได้ง่ายๆ
ดีมั้ยครับ ไม่ต้องยิงแอดด้วย!!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้! (เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
การทำโฆษณาเฟสบุ๊ค สำหรับมือใหม่
สิ่งที่หลายคนกลัว ก็คือ เรื่องค่าใช้จ่าย
กลัวไปหมด ว่า ถ้าเริ่มยิงแอดไปแล้ว
จะโดนหักเงินไปแล้วมั้ย
ผมเองก็เป็นครับ
จำได้เลยว่า ครั้งแรกของการทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมทำให้กับบริษัทเก่า
มือไม้สั่นไปหมด ผิดพลาดไปนี่
ความบรรลัยมันเกิดขึ้นกับตัวเราแน่นอน
ต้องเอาเงินไปคืนบริษัทแหงๆ
ก็เลยต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
โชคดี ที่เราค่อยๆ ทำโฆษณา
ใช้เงินแบบพอดีๆ พอเริ่มรู้มากขึ้น คราวนี้จะหลักหมื่น หลักแสน ก็สบายๆ
แต่แม้จะผ่านการทำโฆษณามามากมายแค่ไหน
ถ้าเราประมาท หรือ ดูไม่ดี
ก็มีวันพลาดได้ ดังนั้น เลยขอนำประสบการณ์ มาเล่าสู่กันฟัง ในบทความนี้ครับ
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
1.ดูวัตถุประสงค์ ให้ถูกต้อง
หน้าแรก ของการเริ่มทำโฆษณา มันคือ วัตถุประสงค์ นั่นเอง
หน้านี้ เลือกให้ดีๆ นะครับ ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่
บางคนอยากให้เกิดการทัก แต่ดันไปเลือก การเข้าถึง
ก็ได้แต่สงสัยว่า ทำไมคนไม่ทักมาสักที
หรืออยากให้คนดู video เยอะๆ แต่ก็ไปเลือก Engagement แทน
ยอด view ก็ขึ้นน้อยกว่าที่เป็น
ดังนั้น ควรหยุดนิ่ง แล้วพิจารณาดีๆ ว่าเราเลือก วัตถุประสงค์ ถูกต้องมั้ย
ก่อนไปสู่กระบวนการต่อไป
2.เลข 0 ใครว่าไม่สำคัญ
เลขศูนย์ ใครๆ ก็มองว่าไร้ค่า
ยกเว้นว่า มันมาเรียงกัน อยู่หลังตัวเลข ในช่องงบประมาณ
เรื่องการใส่เงินทำโฆษณาเฟสบุ๊ค ก็เป็นอีกเรื่องที่พลาดกันบ่อย
เพราะ เราสามารถเลือกได้ว่า จะทำเป็นแบบ งบประมาณรายวัน หรือ ตลอดช่วงเวลาการทำโฆษณา
หลายครั้งที่เราอาจจะใส่ตัวเลขเพลินๆ แล้วเติมเลขศูนย์ เกินไป 1-2 ตัว
เช่นงบประมาณ วันละ 300 บาท แต่ใส่เป็น 30,000 บาท
ไม่ทันดู โฆษณาวิ่ง เออ ทำไมวันนี้ มันวิ่งดีจัง
หารู้ไม่ว่า เงินโดนกินไปแล้ว มากกว่า 300 บาท
พลาดแบบนี้ มันน่าเจ็บใจตัวเองครับ
ดังนั้น ต้องระวังการใส่เลข 0 ในช่องงบประมาณครับ
3.กำหนดวันเวลาเริ่มต้นสิ้นสุด
เคยคุยกับน้องคนนึง ขายของออนไลน์
ขายดีมาก จนของหมด
แต่ดันลืมกำหนด วันสุดท้าย ของการโฆษณา
ไปใส่งบประมาณโฆษณาต่อเนื่อง
มารู้อีกที ในวันที่บัตรเครดิตแจ้งเตือนตัดเงิน
อ้าว เงินค่าเฟสบุ๊คแอดนี่หว่า!!
ตกใจ รีบมาปิดโฆษณาแทบไม่ทัน
ดังนั้น ในหน้างบประมาณ ให้เราพิจารณา และตรวจหลายๆรอบว่า
งบประมาณทั้งหมด ของโฆษณาเรานั้น อยู่ภายใต้งบ ที่เราควบคุมอยู่
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์ ให้ทำแบบนี้
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์
ให้ทำแบบนี้
1 คำถามที่มักเจอเสมอก็คือ
ขายอะไรดีในออนไลน์
.
อาจจะมีหลายคำตอบ หลายแบบที่คุณเจอ
บางครั้ง อาจจะเป็นเรื่องของสินค้าขายดี ยอดนิยม แดงเดือด ก็ไม่ผิด
บางครั้ง อาจจะเป็นสินค้าที่ยังไม่มีคนขายเลย แล้วมีความต้องการสูง ก็ไม่ผิดครับ
.
ผมเลยอยากแชร์ อีกแนวคิดหนึ่ง
เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้กันครับ
(ได้แนวคิดการจากอ่าน การเรียนรู้ และ ลองทำจริง
เลยอยากให้ลองนำไปทำกันดูครับ)
.
แนวคิดนี้ ให้มอง ที่ปัญหา ของคนแทนก่อนนะครับ
.
นั่นคือ ให้ดูจากสิ่งที่เราชอบ เราถนัด
และเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้คนอื่นๆ ได้
.
ถ้าเราเริ่มจากตรงนี้ เราจะคิดต่อได้
เช่น คนเราอยากน้ำหนักตัวลดลง ทำยังไงได้บ้าง
- ออกไปวิ่งมาราธอน
- ออกไปฟิตเนส
- กระโดดเชือก
- กินอาหารคลีน
- กินผลิตภัณฑ์…
- ดูดไขมัน
- ผ่าตัดกระเพาะ
- เข้าคอร์ส กินอาหารแบบสุขภาพดี
เห็นมั้ยครับ ทางเลือกมีมากมาย
ถ้าคิดเรื่องสินค้า บางครั้ง เราอาจจะตัน
แต่ถ้าเริ่มจากปัญหา ทางแก้ไขมันเยอะ
แล้วทางเลือก จะมีมากขึ้นกว่าเดิม
ทางไหนที่เราชอบ หรือ แฮปปี้ จะเดินไป
มันจะทำให้เราอิน และ หลงรักกับการแก้ปัญหานั้น
พอเราหลงรัก และ ชอบวิธีการแก้ปัญหา
เวลามีใครมาขอความช่วยเหลือ หรือ ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
วิธีการพูดของเรา มันจะคล่องแคล่ว ตอบได้ทั้งวัน เป็นฉากๆ
มีความน่าเชื่อถือ
ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ สินค้า หรือบริการจากคุณได้
ดีกว่าเดิมมั้ยครับ แนวคิดนี้?
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น
ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ทุกวันนี้ คนทำธุรกิจออนไลน์
ล้วนแต่ทำโฆษณา หาลูกค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา
มียอดขาย มีรายได้เข้ามาเยอะๆ
เป็นสิ่งที่ดีครับ
แต่ถ้าวันใด วันหนึ่ง
โฆษณาโดนปิด บัญชีโดนปิด
รายได้จบทันที
ถ้านี่คือสถานการณ์ที่คุณกำลังเจออยู่
นี่คือความน่ากลัวครับ
จะดีกว่ามั้ย หากเราวางแผนเอาไว้
ให้ดี ก่อนจะยิงแอดครั้งต่อไป
“อย่ายิงแอด เพื่อหาคนใหม่ตลอดเวลา
แต่ให้เก็บฐานลูกค้าเก่าไว้ด้วย”
สิ่งที่ ผมถาม คนขายของออนไลน์เกือบทุกคน
แล้วได้คำตอบมาเหมือนกัน ก็คือ
“ไม่ได้เก็บ เบอร์โทร ที่อยู่ ข้อมูลลูกค้าไว้เลย”
โอ น่าเสียดายครับ
ดังนั้น เลยอยากบอกกับทุกคนที่กำลังขายของออนไลน์
หรือ ขายอยู่แล้ว
ควรเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ ให้ดีๆ นะครับ
ทำเป็นระบบ
ถ้ายังไม่อยากลงทุนมาก ก็ใช้ excel หรือ ถ้าจะแชร์ข้อมูลร่วมกันในกลุ่ม ในองค์กร ก็ใช้ google sheet
หรือหากต้องการทำให้เป็นระบบ
ก็จะมี software ที่เข้ามาช่วยจัดการ พวก order เหล่านี้ ได้
นอกจากจะจัดระบบได้แล้วยังสามารถ export ข้อมูลลูกค้ามาได้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่ว่าจะเป็น x-commerce / ZORT เป็นต้น
(ใครอยากลองใช้ ก็สามารถไปสมัคร ใช้งานได้ฟรี ครับ 15 วัน)
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์
ส่วนใหญ่ ถ้าไม่มีเวลาได้มานั่งทำโฆษณาด้วยตัวเอง
ก็มักจะจ้างเอเจนซี่ในการยิงแอดให้
ซึ่งส่วนใหญ่ จะดูผลลัพธ์สุดท้าย ปลายทางว่า
ลงเงินไปแล้ว คุ้มค่ามั้ย?
นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ
แต่มีอีก 4 เรื่องที่ คนจ้างยิงแอดส่วนใหญ่จะลืม เพราะคิดไม่ถึง
หรือไม่คิดว่าจำเป็น
จากประสบการณ์ของผม ที่ได้พูดคุยกับ SME หลายๆ รายที่จ้างคนมาทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมขอสรุปให้ฟังดังนี้ครับ
1.Business เฟสบุ๊ค อยู่กับใคร
ปกติ การจ้างทำโฆษณา คุณอาจไม่ได้สนใจว่า เขาจะทำผ่านอะไร แต่ถ้าให้ดี คุณควรจะสร้าง Business ขึ้นมา แล้วอนุญาติ ให้คนที่คุณจ้าง มาเป็น Advertiser
เพราะคุณจะได้เห็นว่า ผลลัพธ์ของการทำโฆษณานั้น เป็นอย่างไร มีการใช้เงินไปเท่าไรแล้ว
Report เหล่านี้ มันจะ Update แทบจะ Real Time แล้ว
ที่สำคัญ คุณจะได้เห็นกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งข้อมูลกลุ่ม Audience ต่างๆ เพื่อใช้งานได้ในอนาคตได้ เป็น asset ของเรา
เพราะหากเราทำโฆษณาผ่าน Business อื่น พอเราเลิกจ้างแล้ว ข้อมูลต่างๆที่เคยมีอยู่
เราก็จะไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เลย
ปล.ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายของการทำงานร่วมกันกับคนที่เราจ้างด้วยนะครับ แต่ถ้าให้ดี ควรมี Business ของตัวเอง
2.ใครเป็น Admin Business บ้าง
หาก Business นั้นคุณเป็นเจ้าของ ต้องดูให้ดีๆ ว่า คุณได้รับสิทธิ์ เป็นใคร เป็น admin ที่ดูแลได้ทั้งหมด ใช่หรือไม่
การจะนำคนเข้าออกใน business การเพิ่มเพจ การสร้างบัญชีโฆษณา
คุณต้องมีสิทธ์นั้น
แม้คุณจะใช้เครื่องมือในนั้นเองไม่เป็นเลย!
และหากใครจะเข้ามาใน Business ของคุณ จะต้องมั่นใจแบบสุดๆ แล้วว่า เขาคนนั้นคือคนที่คุณเชื่อใจได้มากที่สุด
ถ้าวันนี้ คุณไม่ได้มีสิทธิ์อะไรเลยใน Business Facebook ของคุณเอง
ก็น่าเป็นห่วงมากๆ เลยนะครับ
3.Report ads เฟสบุ๊ค ควรเห็นอะไรบ้าง
เมื่อจ้างยิงแล้ว สิ่งจำเป็นอีกข้อ ก็คือ การดูรายงานโฆษณาของเฟสบุ๊ค
อาจจะมี รายงานระดับที่ผู้ประกอบการเข้าใจง่ายๆ อันนั้น ก็ถือว่าดีแล้ว
แต่ขอให้มีการวิเคราะห์ให้ฟังหน่อยว่า ตัวไหนดี หรือ ไม่ดี เพราะอะไร
ถ้าไม่ดี ควรทำยังไงให้ดี
ถ้าดี เพราะอะไรถึงดี
และหากการยิงแอดของคุณ คือการยิงเพื่อหวังยอดขาย สิ่งที่ต้องดูมากๆ ไม่ใช่ค่าแอดถูก หรือ ค่าต่อการทักถูกเท่านั้น
ต้องดูว่า Purchase หรือ การซื้อ ในการทักแต่ละครั้งนั้นเป็นเท่าไร
เพราะมันมีความหมายมาก ในการขยายผลตัวโฆษณาที่ดี ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
และถ้าตัวไหนไม่ดี ก็ไม่ต้องทำโฆษณาต่อ
4.กำไรต่อการโฆษณา และการขยายผล
ต่อจากข้อ 3 ถ้าเรารู้ว่า โฆษณาตัวไหนขายดี มีผลลัพธ์การซื้อที่ดี
ให้สังเกตุว่า ดีเพราะอะไร แล้วนำมาเป็นแนวทางการทำโฆษณาต่อไป
และขยายโฆษณาตัวที่ทำงานได้ดี ด้วยการสร้าง campaign ใหม่ที่ใช้ content เดิม แล้วทำออกไปหากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่ใกล้เคียง เช่น
อายุ : เจาะจงให้แคบลงมาอีก > เช่น 25-45 อาจจะเป็น 30-34 ก็ได้
พื้นที่ : เจาะจงให้แคบลงไป จากทั่วไทย > ภาค > จังหวัด ก็ได้
สรุป
และทั้งหมดนี้คือ
4 เรื่องที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
.
อยากทำยอด
อยากมีคนทัก
.
ก่อนคิดจะยิงแอดครั้งต่อไป
อยากให้เช็ค 3 สิ่งนี้ก่อนเสมอ
.
1.เพจคุณสมบูรณ์หรือยัง
เมื่อเราตัดสินใจทำโฆษณาไปแล้ว คนไม่ได้สนใจแค่โฆษณาอย่างเดียว
เพราะเขาจะเข้ามาดูในเพจของคุณก่อน ว่าทำอะไรมาบ้าง
ภาพลักษณ์เป็นอย่างไร
เปิดมานานแล้วหรือยัง
หรือถ้าเปิดไม่นาน อะไรที่จะบอกเขาได้ว่า
ถ้าทำธุรกิจกับเรา หรือซื้อของกับเรา แล้วจะไม่โดนโกง
สิ่งนี้จำเป็นต้องเช็ค ไม่ว่าจะเป็น
- about
- story
- เบอร์ติดต่อต่างๆ
- แผนที่
- ภาพ Profile
- ภาพ Cover
เหล่านี้คือ หลักฐานที่จะทำให้คนเชื่อมั่นว่า เราตั้งใจทำธุรกิจจริง
2. content ที่นำเสนอมีประโยชน์มากพอหรือยัง
นอกจาก ตัวเพจที่น่าเชื่อถือแล้ว content หรือสิ่งที่เราโพสต์ ล้วนเป็นสิ่งที่คนอ่านเสมอ
สิ่งที่เราเขียนไปในเพจ
คือสิ่งที่เราเขียน คือคุณค่า ที่เราส่งมอบให้กับคนอื่นๆ
ถ้าเราเขียนดี
คนจะยิ่งเชื่อมั่นในเพจ ในธุรกิจของเรา
แต่บางครั้ง หลายๆ คนอาจจะมีเผลอใส่อารมณ์ส่วนตัว
หรือความไม่พอใจ ลงไปในโพสต์
ทำให้ดูแล้วต้องชะงัก หรือ ถอยออกมาก่อน
แล้วตัดสินใจอีกครั้งว่า จะซื้อขาย หรือ ทำธุรกิจกับเพจนี้ดีหรือไม่
นอกจากนั้น content ที่เราทำต้องให้ประโยชน์ กับคนที่เรามุ่งหวังอยากให้เขาติดตาม
เช่น
ทำเพจอาหาร ก็ควรเป็น ความรู้ ประโยชน์ ที่ดึงคนทำอาหารมารวมกัน
ทำเพจขายของให้ช่าง ก็ควร มีความรู้ เทคนิค ประโยชน์ ที่ดึงเอาคนสายช่างมารวมกัน
และดีที่สุด คือ การพูดด้วยตัวเราเอง เป็นสำนวนของเราเอง
ไม่ได้แชร์มาจากที่อื่นๆ
3. มีรีวิว มีผลลัพธ์หรือยัง
สำหรับคนเปิดเพจใหม่ๆ หากไม่มีรีวิวจากลูกค้า ก็ยังไม่เป็นไร
แต่ถ้า คุณมีผลลัพธ์ จากสิ่งที่นำเสนอ ในเพจ
ก็ควรนำมาใส่
เช่น มีคน สุขภาพดีขึ้น หลังจากได้ใช้ สินค้าของคุณ
คนที่ ตัดต่อ video ได้เร็วขึ้น หลังจากได้เรียนคอร์สตัดต่อของคุณ
คนที่กินแล้วอร่อย จนต้องชื่นชม หลังจากได้กินขนมหรืออาหารของคุณ
วิธีการนำเสนอเรื่องแบบนี้ ทำได้หลายแบบ ด้วยเครื่องมือของ เฟสบุ๊ค ไม่ว่าจะเป็น
- โพสต์ภาพลูกค้าที่ใช้แล้วดี (ไม่ใช่ capture จาก inbox ของเฟสบุ๊คนะครับ เพราะผิดกฏเฟสบุ๊ค)
- รีวิว ให้ดาวในเพจ จากลูกค้าที่ชื่นชอบเรา
สิ่งเหล่านี้แม้จะเล็กน้อย แต่ทำให้คนมั่นใจในตัวเรายิ่งขึ้น เมื่อมาส่องเพจของเราแบบละเอียดๆ
สรุป
และทั้งหมดนี้คือ
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ด่วน!! ไม่อยากโดนปิดเพจ ปิดบัญชีโฆษณา (โดนจริง) อย่าใช้คำเหล่านี้
ด่วน!! ไม่อยากโดนปิดเพจ ปิดบัญชีโฆษณา (โดนจริง) อย่าใช้คำเหล่านี้
ในเมื่อเฟสบุ๊คคือสิ่งที่ กลายเป็นเครื่องมือทำการตลาด
ที่เข้าถึงคนได้ง่าย และรวดเร็วที่สุด
จึงทำให้การทำโฆษณาในเฟสบุ๊ค เป็นเครื่องมือยอดนิยม
แต่ถ้าบัญชีโฆษณาของเราโดนปิด
นั่นหมายถึงรายได้ที่หายไป
โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์แบบนี้ โอกาสโดนปิดสูงมาก! แม้ไม่ได้ตั้งใจ
“แม้แต่ผมจะเขียนถึง ผมยังเกรงเลยว่า จะโดนปิดบัญชีมั้ย!”
คำเหล่านี้ ก็คือ!!
1. ชื่อของเชื้อ… ที่เรารู้จักกันดี
ผมได้สอบถามเจ้าหน้าที่เฟสบุ๊คมาแล้ว ว่าหากเราจะกล่าวถึงชื่อของมัน แม้ ไม่ได้หาประโยชน์จากเนื้อหา หรือบทความเลยก็ตาม ก็มีสิทธิ์โดนปิดบัญชี ได้
แล้วคนที่ตั้งใจเขียนขึ้นมา เพื่อให้คนเกรงกลัวล่ะ จะร้ายแรงขนาดไหน?
2 ชื่อของอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ที่ ไม่ให้เชื้อ…มันมาทำร้ายเรา
ไม่ว่าจะหมวก หรือ น้ำ สิ่ง ที่ใส่แล้วป้องกันได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ อยู่ในบริบทที่ ล้วนทำให้คิดได้ว่า เรากำลังขายให้คนอื่นๆ
AI จะมาปิดบัญชี ของเราแน่นอน
3 ชื่อ อุปกรณ์ทำความสะอาด ฆ่า…
แม้ เราไม่ได้สินค้ายอดฮิต ที่เขาขายกันจนขาดตลาด แต่เป็นสินค้า ทำความสะอาด ที่รู้กันอยู่ว่า ฆ่าได้
ก็ถือเป็นความสุ่มเสี่ยง ที่ไม่ควรทำ
โฆษณาแบบนี้โดน reject บ่อยมาก ถ้า reject บ่อยๆ แล้วเราไปแย้ง หรือ ฝ่าฝืน โอกาสโดนปิดบัญชีก็มีสูงมาก!
ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้
- นั่นเป็นเพราะว่า มีคนมองหาผลประโยชน์ จากการขายสินค้าป้องกัน จากเชื้อ ทำให้เกิดการโก่งราคา กันอย่างบ้าคลั่ง เกิดความเดือดร้อนในวงกว้าง เฟสบุ๊ค เลยหามาตรการยับยั้งพฤติกรรมเหล่านี้ ด้วยการ ปิดบัญชี ปิดเพจ คนที่ขายของเหล่านี้
เฟสบุ๊คใช้ AI ตรวจก่อน แล้วตามด้วยคนซ้ำอีกครั้ง
- เพราะคนใช้เฟสบุ๊คมีทั่วโลก แค่เมืองไทย ก็ปาเข้าไป 57 ล้านบัญชีแล้ว การให้คนมาตรวจ จึงทำได้ยาก การใช้ AI หรือ บอทมาตรวจจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ซึ่งบอทนั้น จะเช็คจากคำพูด ทั้งในบทความ ภาพ และ วิดีโอ รู้หมดเลย!!
รวมทั้งในเนื้อหาบนเว็บไซต์ ทีเราลิงค์ไป บอทก็ตามไปหาเจอนะครับ ไม่ใช่แค่หาใน Post บนเฟสบุ๊คเท่านั้น!!
และเมื่อใด ที่บอทจับว่าเราทำผิดกฏ จะทำการปิดบัญชี ไม่ให้เข้าถึงทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่แนะนำว่า ในสถานการณ์ แบบนี้ อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงเลย เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของเฟสบุ๊คนั้น ทำงานไม่ทัน บางบัญชี อาจจะใช้เวลาตรวจสอบนานเป็นเดือน
แม้จะได้คืนมา แต่ก็เสียเวลาในการทำธุรกิจ
แล้วควรทำอย่างไร?
- ง่ายๆ คือ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะโดนปิดเพจ ปิดบัญชีครับ โดยไปศึกษาได้จากกฏของเฟสบุ๊ค ซึ่งมีเยอะพอสมควร
ผมเคย Live ไปเมื่อปลายปีก่อน เกี่ยวกับเลข tracking ขนส่งพัสดุ ถ้าไม่เคยดู ให้ไปย้อนดูได้นะครับ
เราต้องเข้าใจนะครับ ว่าอยู่บ้านเขา platform เขา
กฏเป็นอย่างไร เราต้องทำตาม
ถ้าทำตามไม่ได้ อย่าไปฝืน เพราะเราจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้
ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไร หรือ สงสัยเพิ่มเติมเขียนมา comment กันได้นะครับ
หรือมีอะไร Update มากกว่านี้ ก็พูดคุยกันได้เลย
และหากเห็นว่า เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ก็ฝากแชร์ หรือ Tag เพื่อนมาอ่านกันได้
เพื่อเป็นกำลังใจให้ผม ได้อออกมาแชร์เรื่องราวดีๆ แบบนี้ในอนาคต
เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
หากยังไม่รู้เรื่องนี้ อย่าเพิ่งเปิดเพจขายของ
หากยังไม่รู้เรื่องนี้ อย่าเพิ่งเปิดเพจขายของ
มีเจ้าของกิจการ มีผู้ประกอบการหลายคน
ปรึกษาผมมาส่วนตัวว่า
อยากเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ยังไม่ได้เปิดเพจเลย
จะเริ่มต้นยังไงดี
จะต้องทำเนื้อหา จะต้องทำ Content แบบไหน
หลายท่านน่าจะประสบปัญหาแบบนี้เหมือนกัน
ผมขอแชร์ไอเดียให้ฟังแบบนี้ครับ
การทำธุรกิจออนไลน์ ก็คือการประยุกต์วิธีการขายของ วิธีทำธุรกิจในโลกออฟไลน์
แล้วมาประยุกต์ใช้กับเครื่องมือที่มีอยู่บนโลกออนไลน์เท่านั้นเอง
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เพียงแค่เครื่องมือที่ใช้มันเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง
อันดับแรกต้องตอบคำถามตัวเองว่า
ยอดขายที่เกิดขึ้นทั้งหมด 100 เปอร์เซ็น
หากแบ่งเป็นสัดส่วนออกมาแล้ว
ยอดขายที่เกิดจากลูกค้าประเภทไหนมากที่สุด
ให้เลือกโฟกัสไปที่ลูกค้าประเภทนั้นก่อนเสมอ
เพราะจะทำได้ง่ายกว่า
และคุ้มค่าที่จะทำมากที่สุด
เมื่อเราเลือกประเภทลูกค้าได้แล้ว
เราก็จะรู้วิธีการ สร้างรายได้จากลูกค้าประเภทนั้น
การตั้งชื่อเพจก็จะเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าเหล่านั้นต้องการ
เพื่อทำให้ลูกค้าใหม่ๆได้มาเจอเราง่ายขึ้น
ภาพที่เราทำเอาไว้ใน Header ของ Facebook
ก็ควรจะทำให้แสดงไปอย่างชัดเจนว่า สินค้าหรือบริการของเรานั้นตอบโจทย์เขา
เนื้อหาที่เราจะนำเสนอผ่านเพจ
ก็จะต้องเป็นเรื่องราวในแนวทางเดียวกัน ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เพราะคนอ่าน คนติดตามจะสับสน ว่าตกลงเพจของเรานำเสนออะไรกันแน่
เนื้อหาที่เราจะทำควรเป็นเนื้อหาที่สร้างคุณค่าให้คนติดตาม
เป็นเนื้อหาที่กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของเราอยากจะอ่านจริงๆ
ส่วนเนื้อหาที่จะขายของนั้นควรเป็นเปอร์เซ็นต์ที่รองลงมา
การสร้างคุณค่าให้คนเห็นเยอะๆ
เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและความคุ้นเคยให้กับผู้ติดตาม
เพราะการที่คนจะเลือกซื้อเลือกใช้สินค้าหรือบริการ
จะไม่ได้มองเพียงแค่เรื่องราคาเป็นหลัก
แต่ยังมองในมุมอื่นๆ อาทิ ความมั่นใจ บริการหลังการขาย การรับประกัน ผลลัพธ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ มีคนเคยรีวิวเอาไว้อย่างไรบ้าง?
ถ้าเป็นสมัยก่อนเริ่มพวกนี้เราอาจจะไม่ต้องคิดมาก
เพราะตัวเลือกมีไม่เยอะ มีอะไรฉันก็พร้อมที่จะซื้อ
แต่วันนี้ทุกคนวิ่งเข้ามาในตลาดออนไลน์เกือบหมดแล้ว
ในแง่ของเครื่องมือทุกคนมีความรู้เท่าเทียมกัน
ความแตกต่างของสินค้า หรือบริการ ก็คือ
ความน่าเชื่อถือ ความเชื่อมั่น ที่เขามีให้ต่อผู้ให้บริการนั่นเอง
วันนี้คุณสร้างความแตกต่างของคุณแล้วหรือยัง
ถ้ายังไม่มีเลย
ให้คิด และวางแผนก่อนที่จะเปิดเพจ
ลองคิดจากปัจจุบันก็ได้
ทุกวันนี้ลูกค้าที่ยังซื้อสินค้าของคุณอยู่นั้น เขาเลือกซื้อ เลือกใช้บริการจากคุณเพราะอะไร
นี่แหละคือความแตกต่าง
คุณจะต้องชูสิ่งนี้ให้ทุกคนได้เห็น
เพราะเมื่อเขาเห็น เขาจะมองถึงความแตกต่างของคุณ
ลองทำเป็นเช็คลิสต์ เป็นข้อๆ ก็ได้ครับ
เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ จะเป็นแหล่งข้อมูล ในการทำเนื้อหา ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว!
เป็นกำลังใจให้ครับ
#digitalnook
6 เทคนิคที่คนทำเพจชอบลืม ทั้งที่ช่วยเราเพิ่มยอดขายได้
6 เทคนิคที่คนทำเพจชอบลืม ทั้งที่ช่วยเราเพิ่มยอดขายได้
วันนี้เหนื่อยกับการยิงแอดหรือเปล่า
วันนี้เหนื่อยกับการหาลูกค้าใหม่ๆอยู่หรือเปล่า
มั่นใจว่านี่คือภารกิจที่ทุกคนจะต้องทำ
เมื่อเข้ามาสู่การทำการตลาดออนไลน์
การใช้เงินเพื่อโฆษณาเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
จะดีกว่าไหมหากวันนี้
เงินที่เราลงโฆษณาไป เพื่อตามหาลูกค้าใหม่ๆ
จะทำงานได้อย่างคุ้มค่ามากกว่าเดิม
เพราะลูกค้าสมัยนี้จะเลือกซื้ออะไร
จะพิจารณาจากหลายองค์ประกอบมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย
และนี่คือ 6 เทคนิคที่คนทำผิดชอบลืม
ทั้งที่ช่วยเราเพิ่มยอดขายได้
มีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยจ้า
1. ตั้งชื่อ ให้ search ง่ายๆ ใน เฟสบุ๊ค และ google
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ถือว่าคลาสสิคมากๆ
เป็นหัวข้อลำดับต้นๆที่เราต้องคำนึงถึงในการสร้างเพจขึ้นมาใหม่
ชื่อที่ดีจะทำให้เราเจอลูกค้าใหม่ๆมากขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินเลย
ดีไหมล่ะไม่ต้องจ่ายตังค์
บางคนที่มีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้วในโลกออฟไลน์
จะย้ายมาทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ แล้วใส่ชื่อแบรนด์ของตัวเองก็ไม่ผิด
แต่คนที่จะเจอเพจของเรา เขาจะรู้ได้อย่างไร
ถ้าเป็นลูกค้าเก่าก็แค่ search ชื่อแบรนด์ของเราก็พอแล้ว
แต่ถ้าเป็นคนใหม่ๆ เราต้องเสียเงินค่าโฆษณาเพื่อทำให้เขารู้จักเรา
เทคนิคที่จะช่วยเสริมให้ลูกค้าใหม่ๆมาเจอเราได้
นั่นคือการใส่คำค้นหา ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา เข้าไปในชื่อเพจ
ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจของคุณคือ
อู่ซ่อมรถ ที่สมุทรปราการ
หากใส่เพียงชื่ออู่ของคุณ เวลาคนใหม่ๆ search ใน Facebook หรือ Google จะไม่มีทางเจอคุณได้เลย แต่ถ้าคุณเพิ่มคำว่า “อู่ซ่อมรถสมุทรปราการ” เข้าไป ลูกค้าใหม่ๆที่กำลังมองหาอู่ซ่อมรถ ในสมุทรปราการก็จะเจอคุณทันที
และยิ่งชื่อเพจของคุณไปติดอยู่ในลำดับต้นๆของ Google
โอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่ๆ จะทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีก
2. ใส่ข้อมูลทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับธุรกิจของเรา ที่เปิดเผยได้ ลงไปใน note
เมื่อคนเข้ามาในเพจของคุณ สิ่งที่เขาต้องการอยากรู้นอกเหนือจากข้อมูลในไทม์ไลน์
นั่นคือบทสรุปเกี่ยวกับธุรกิจของคุณโดยคร่าวๆ
คุณสามารถใส่เรื่องราวต่างๆ นี้เข้าไปได้ทั้งข้อความ ภาพ Link เว็บไซต์หรือ Social Media อื่นๆได้เลย เบอร์โทรศัพท์ เบอร์ติดต่อ อีเมล
คุณสามารถใส่เรื่องราวความสำเร็จ ที่มาที่ไปแบบสั้นๆ
รางวัลที่คุ้นเคยได้รับ สินค้าที่คุณเคยให้บริการ
คุณสามารถจัดรูปแบบของบทความ ได้ง่ายๆเหมือนใช้โปรแกรม Word
ที่ดีไปกว่านั้น มันสามารถแสดงผลใน Facebook ได้อย่างรวดเร็ว
ลูกค้าใหม่ๆสามารถเรียนรู้ธุรกิจของคุณภายในเวลาเล็กน้อย
เพิ่มความมั่นใจได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ดีไหมครับ
3. auto messenger เด้งขึ้นมา แล้วส่งข้อความ ไปทางไลน์ หรือ เบอร์โทร
คนเราสมัยนี้ใจร้อนมากกว่าเดิม
ถ้าติดต่อผ่านทาง inbox แล้ว ไม่ได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็ว
โอกาสที่จะเปลี่ยนไปใช้บริการของคนอื่น ก็มีสุขมาก
จะดีกว่าไหม
ถ้าเราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันที
แม้จะไม่ได้ตอบคำถามของเขาได้หมดในครั้งแรกก็ตาม
แต่ก็ถือว่าได้ตอบสนองต่อการทักทายของเขาแล้ว
ฟังก์ชันนี้สามารถทำได้ง่าย โดยไปที่
Setting > Messeging > Starting a Messenger Conversation
ปรับ Show a greeting ให้เป็น On
แล้วปรับแต่งข้อความต้อนรับ ได้ตามความต้องการ
ซึ่งในขั้นตอนนี้คุณสามารถจะใส่เบอร์โทรเบอร์ line เบอร์อีเมล์เว็บไซต์ได้ตามความต้องการ
ลูกค้าที่มีความต้องการพบคุณโดยเร่งด่วน จะติดต่อผ่านทาง LINE หรือ หรือโทรมาหาคุณโดยทันที
เป็นการเพิ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ พร้อมซื้อหรือใช้บริการของคุณ
4. เติมเต็มข้อมูลใน about ให้ครบ ทุกช่อง
คนทำเพจส่วนใหญ่ มักจะละเลยข้อมูลใน section about
เพราะเป็นเมนูด้านข้าง เป็นแถบเล็กๆ
หาข้อมูลส่วนนี้ช่วยทำให้ลูกค้ารู้จักเราเพิ่มขึ้นได้ดีกว่าเดิม
เพราะนี่คือช่องใส่เบอร์โทรศัพท์ เว็บไซต์ เวลาทำการ รวมไปถึงที่อยู่
การมีข้อมูลให้คนติดต่อได้ง่ายกว่า
ย่อมทำให้มีโอกาสให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการจากเราได้ง่ายกว่า
ที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินด้วย
มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ทำมัน
วิธีการทำก็ง่ายๆ
ถ้าอยู่หน้า desktop ก็ให้มองไปที่ด้านซ้าย
แล้วดูคำว่า about
เมื่อกี้ไปแล้ว จะพบข้อมูลในช่องว่างให้เรารออัพเดท
ใส่เข้าไปเลยครับ!
5. Header เฟสบุ๊ค จัดให้เต็มๆ ทั้งเบอร์โทร เบอร์ไลน์
ส่วนบนสุดของหน้าเพจ
ที่เป็นภาพโชว์ขนาดใหญ่
สิ่งนี้เราเรียกว่า Header ของ Facebook
นี่คือพื้นที่แสดงความเป็นตัวตนของเรา
ที่แสดงให้เห็นถึงสินค้าหรือบริการที่เรานำเสนออยู่
คือสิ่งที่ควรจะพิจารณาเอามาใช้
หากเป็นไปได้
การใส่เบอร์ line หรือเบอร์โทรศัพท์
จะว่างให้เหมาะสมโดยไม่รบกวนเกินไป
จะเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายให้กับคุณได้
การออกแบบ Header
ควรคำนึงถึงการแสดงผลในหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
เพราะคนส่วนใหญ่ใน Facebook จะใช้มือถือในการเล่น
เมื่อออกแบบมาดูดีแล้วในเวอร์ชั่นเดสก์ท็อป
ลองดูตอนที่มันแสดงผลในหน้าจอมือถือด้วย
เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสดีๆไป
6. เพิ่มจำนวนรีวิว สร้างบรรยากาศให้น่าซื้อมากขึ้น
เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้ว
หาร้านข้าวกินโดยที่ไม่มีข้อมูลไหม
หรือไปเที่ยวต่างประเทศ
แล้วไม่มีข้อมูลรีวิวบอกเลย
เราจะตัดสินใจเลือกร้านกินด้วยอะไร
ส่วนใหญ่เราจะดูจากคนที่เข้าไปกินอาหารในร้านนั้น
ถ้าคนเยอะแสดงว่าเป็นร้านอร่อย จะต้องมีอะไรดีๆอยู่แน่นอนเลย
เป็นเครื่องการันตีว่าร้านนี้ “ผ่าน”อย่างแน่นอน
หรือใกล้ตัวขึ้นมาอีกหน่อย
เวลาไปตลาดนัด แล้วคนมุงดูหน้าร้านเยอะๆ
เราย่อมจะให้ความสนใจกับมันมากกว่าร้านอื่นๆ
เป็นเครื่องการันตีว่าร้านนี้มีอะไรดีอย่างแน่นอน
บนโลกออนไลน์ก็เช่นกัน
เราจะทำอย่างไรให้คนมามุงเยอะๆ
สิ่งนี้สามารถทำได้บนหน้าเพจ
นั่นคือจำนวนรีวิวจากลูกค้านั่นเอง
เทคนิคง่ายๆในการที่จะเพิ่มจำนวนรีวิวก็คือ
การขอร้องให้ ลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้าของเรา หรือลูกค้าประจำ ช่วยรีวิวสินค้าหรือบริการของเรา ผ่านช่องรีวิวของเพจ
อาจจะแลกเปลี่ยนกับส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป
หรือมอบของสมนาคุณให้กับเขา ก็เป็นไปได้
เพราะคะแนนรีวิวจะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับลูกค้าใหม่ๆได้เป็นอย่างดี
และทั้งหมดนี้ ก็คือ 6 เทคนิคที่คนทำผิดชอบลืม ทั้งที่ช่วยเราเพิ่มยอดขายได้
หวังว่าทุกคนจะนำไปประยุกต์ใช้กับเพจตัวเอง
แล้วปรับปรุงให้ดีขึ้น คือยอดขายที่เพิ่มขึ้นนะครับ