3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
.
อยากทำยอด
อยากมีคนทัก
.
ก่อนคิดจะยิงแอดครั้งต่อไป
อยากให้เช็ค 3 สิ่งนี้ก่อนเสมอ
.
1.เพจคุณสมบูรณ์หรือยัง
เมื่อเราตัดสินใจทำโฆษณาไปแล้ว คนไม่ได้สนใจแค่โฆษณาอย่างเดียว
เพราะเขาจะเข้ามาดูในเพจของคุณก่อน ว่าทำอะไรมาบ้าง
ภาพลักษณ์เป็นอย่างไร
เปิดมานานแล้วหรือยัง
หรือถ้าเปิดไม่นาน อะไรที่จะบอกเขาได้ว่า
ถ้าทำธุรกิจกับเรา หรือซื้อของกับเรา แล้วจะไม่โดนโกง
สิ่งนี้จำเป็นต้องเช็ค ไม่ว่าจะเป็น
- about
- story
- เบอร์ติดต่อต่างๆ
- แผนที่
- ภาพ Profile
- ภาพ Cover
เหล่านี้คือ หลักฐานที่จะทำให้คนเชื่อมั่นว่า เราตั้งใจทำธุรกิจจริง
2. content ที่นำเสนอมีประโยชน์มากพอหรือยัง
นอกจาก ตัวเพจที่น่าเชื่อถือแล้ว content หรือสิ่งที่เราโพสต์ ล้วนเป็นสิ่งที่คนอ่านเสมอ
สิ่งที่เราเขียนไปในเพจ
คือสิ่งที่เราเขียน คือคุณค่า ที่เราส่งมอบให้กับคนอื่นๆ
ถ้าเราเขียนดี
คนจะยิ่งเชื่อมั่นในเพจ ในธุรกิจของเรา
แต่บางครั้ง หลายๆ คนอาจจะมีเผลอใส่อารมณ์ส่วนตัว
หรือความไม่พอใจ ลงไปในโพสต์
ทำให้ดูแล้วต้องชะงัก หรือ ถอยออกมาก่อน
แล้วตัดสินใจอีกครั้งว่า จะซื้อขาย หรือ ทำธุรกิจกับเพจนี้ดีหรือไม่
นอกจากนั้น content ที่เราทำต้องให้ประโยชน์ กับคนที่เรามุ่งหวังอยากให้เขาติดตาม
เช่น
ทำเพจอาหาร ก็ควรเป็น ความรู้ ประโยชน์ ที่ดึงคนทำอาหารมารวมกัน
ทำเพจขายของให้ช่าง ก็ควร มีความรู้ เทคนิค ประโยชน์ ที่ดึงเอาคนสายช่างมารวมกัน
และดีที่สุด คือ การพูดด้วยตัวเราเอง เป็นสำนวนของเราเอง
ไม่ได้แชร์มาจากที่อื่นๆ
3. มีรีวิว มีผลลัพธ์หรือยัง
สำหรับคนเปิดเพจใหม่ๆ หากไม่มีรีวิวจากลูกค้า ก็ยังไม่เป็นไร
แต่ถ้า คุณมีผลลัพธ์ จากสิ่งที่นำเสนอ ในเพจ
ก็ควรนำมาใส่
เช่น มีคน สุขภาพดีขึ้น หลังจากได้ใช้ สินค้าของคุณ
คนที่ ตัดต่อ video ได้เร็วขึ้น หลังจากได้เรียนคอร์สตัดต่อของคุณ
คนที่กินแล้วอร่อย จนต้องชื่นชม หลังจากได้กินขนมหรืออาหารของคุณ
วิธีการนำเสนอเรื่องแบบนี้ ทำได้หลายแบบ ด้วยเครื่องมือของ เฟสบุ๊ค ไม่ว่าจะเป็น
- โพสต์ภาพลูกค้าที่ใช้แล้วดี (ไม่ใช่ capture จาก inbox ของเฟสบุ๊คนะครับ เพราะผิดกฏเฟสบุ๊ค)
- รีวิว ให้ดาวในเพจ จากลูกค้าที่ชื่นชอบเรา
สิ่งเหล่านี้แม้จะเล็กน้อย แต่ทำให้คนมั่นใจในตัวเรายิ่งขึ้น เมื่อมาส่องเพจของเราแบบละเอียดๆ
สรุป
และทั้งหมดนี้คือ
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
Headline Placeholder ใน inbox facebook คืออะไร?
Headline Placeholder ใน inbox facebook คืออะไร?
ช่วงนี้ หลายๆ คนน่าจะเจอกับ ปริศนาของ คำว่า
“Headline Placeholder”
ถ้าคนทั่วไป คงไม่เห็นหรอกครับ
แต่คนที่ ทำงานออนไลน์ ต้องตอบลูกค้าบ่อยๆ
เพราะคำพูดนี้ มันอยู่ใน ช่อง Inbox ของเฟสบุ๊คเพจ เท่านั้น
ด้วยความสงสัยส่วนตัว และมีเพื่อนๆหลายคน inbox มาถาม ว่ามันคืออะไร
ผมเลยอาสา ติดต่อเจ้าหน้าที่เฟสบุ๊ค เพื่อทำให้หายสงสัยว่า
มันคืออะไรกันเนี่ย!!
แล้วเอาไว้ใช้ทำอะไร
แน่นอนครับ
คำตอบที่ได้วันนี้ 11 พฤษภาคม 2563
เจ้าหน้าที่ เฟสบุ๊ค ขอรับเรื่องไว้ก่อน
เพื่อไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญ ด้านการใช้งาน อีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่า เราจะได้รับคำตอบที่ละเอียด
ชัดเจน แจ่มแจ้งที่สุด
ซึ่งจะตอบกลับมาทางอีเมล์ครับ
ดังนั้น ใครอ่านวันนี้ อย่าเพิ่งเสียใจ
ขอผมไปหาข้อมูลเพิ่มได้แล้ว จะกลับมาบอกกันนะครับ
ด่วน!! ไม่อยากโดนปิดเพจ ปิดบัญชีโฆษณา (โดนจริง) อย่าใช้คำเหล่านี้
ด่วน!! ไม่อยากโดนปิดเพจ ปิดบัญชีโฆษณา (โดนจริง) อย่าใช้คำเหล่านี้
ในเมื่อเฟสบุ๊คคือสิ่งที่ กลายเป็นเครื่องมือทำการตลาด
ที่เข้าถึงคนได้ง่าย และรวดเร็วที่สุด
จึงทำให้การทำโฆษณาในเฟสบุ๊ค เป็นเครื่องมือยอดนิยม
แต่ถ้าบัญชีโฆษณาของเราโดนปิด
นั่นหมายถึงรายได้ที่หายไป
โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์แบบนี้ โอกาสโดนปิดสูงมาก! แม้ไม่ได้ตั้งใจ
“แม้แต่ผมจะเขียนถึง ผมยังเกรงเลยว่า จะโดนปิดบัญชีมั้ย!”
คำเหล่านี้ ก็คือ!!
1. ชื่อของเชื้อ… ที่เรารู้จักกันดี
ผมได้สอบถามเจ้าหน้าที่เฟสบุ๊คมาแล้ว ว่าหากเราจะกล่าวถึงชื่อของมัน แม้ ไม่ได้หาประโยชน์จากเนื้อหา หรือบทความเลยก็ตาม ก็มีสิทธิ์โดนปิดบัญชี ได้
แล้วคนที่ตั้งใจเขียนขึ้นมา เพื่อให้คนเกรงกลัวล่ะ จะร้ายแรงขนาดไหน?
2 ชื่อของอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ที่ ไม่ให้เชื้อ…มันมาทำร้ายเรา
ไม่ว่าจะหมวก หรือ น้ำ สิ่ง ที่ใส่แล้วป้องกันได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ อยู่ในบริบทที่ ล้วนทำให้คิดได้ว่า เรากำลังขายให้คนอื่นๆ
AI จะมาปิดบัญชี ของเราแน่นอน
3 ชื่อ อุปกรณ์ทำความสะอาด ฆ่า…
แม้ เราไม่ได้สินค้ายอดฮิต ที่เขาขายกันจนขาดตลาด แต่เป็นสินค้า ทำความสะอาด ที่รู้กันอยู่ว่า ฆ่าได้
ก็ถือเป็นความสุ่มเสี่ยง ที่ไม่ควรทำ
โฆษณาแบบนี้โดน reject บ่อยมาก ถ้า reject บ่อยๆ แล้วเราไปแย้ง หรือ ฝ่าฝืน โอกาสโดนปิดบัญชีก็มีสูงมาก!
ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้
- นั่นเป็นเพราะว่า มีคนมองหาผลประโยชน์ จากการขายสินค้าป้องกัน จากเชื้อ ทำให้เกิดการโก่งราคา กันอย่างบ้าคลั่ง เกิดความเดือดร้อนในวงกว้าง เฟสบุ๊ค เลยหามาตรการยับยั้งพฤติกรรมเหล่านี้ ด้วยการ ปิดบัญชี ปิดเพจ คนที่ขายของเหล่านี้
เฟสบุ๊คใช้ AI ตรวจก่อน แล้วตามด้วยคนซ้ำอีกครั้ง
- เพราะคนใช้เฟสบุ๊คมีทั่วโลก แค่เมืองไทย ก็ปาเข้าไป 57 ล้านบัญชีแล้ว การให้คนมาตรวจ จึงทำได้ยาก การใช้ AI หรือ บอทมาตรวจจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ซึ่งบอทนั้น จะเช็คจากคำพูด ทั้งในบทความ ภาพ และ วิดีโอ รู้หมดเลย!!
รวมทั้งในเนื้อหาบนเว็บไซต์ ทีเราลิงค์ไป บอทก็ตามไปหาเจอนะครับ ไม่ใช่แค่หาใน Post บนเฟสบุ๊คเท่านั้น!!
และเมื่อใด ที่บอทจับว่าเราทำผิดกฏ จะทำการปิดบัญชี ไม่ให้เข้าถึงทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่แนะนำว่า ในสถานการณ์ แบบนี้ อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงเลย เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของเฟสบุ๊คนั้น ทำงานไม่ทัน บางบัญชี อาจจะใช้เวลาตรวจสอบนานเป็นเดือน
แม้จะได้คืนมา แต่ก็เสียเวลาในการทำธุรกิจ
แล้วควรทำอย่างไร?
- ง่ายๆ คือ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะโดนปิดเพจ ปิดบัญชีครับ โดยไปศึกษาได้จากกฏของเฟสบุ๊ค ซึ่งมีเยอะพอสมควร
ผมเคย Live ไปเมื่อปลายปีก่อน เกี่ยวกับเลข tracking ขนส่งพัสดุ ถ้าไม่เคยดู ให้ไปย้อนดูได้นะครับ
เราต้องเข้าใจนะครับ ว่าอยู่บ้านเขา platform เขา
กฏเป็นอย่างไร เราต้องทำตาม
ถ้าทำตามไม่ได้ อย่าไปฝืน เพราะเราจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้
ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไร หรือ สงสัยเพิ่มเติมเขียนมา comment กันได้นะครับ
หรือมีอะไร Update มากกว่านี้ ก็พูดคุยกันได้เลย
และหากเห็นว่า เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ก็ฝากแชร์ หรือ Tag เพื่อนมาอ่านกันได้
เพื่อเป็นกำลังใจให้ผม ได้อออกมาแชร์เรื่องราวดีๆ แบบนี้ในอนาคต
เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
จะเลือกใช้ facebook หรือ LINE ทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขายดี!! คำถามนี้ มีคำตอบ
จะเลือกใช้ facebook หรือ LINE
ทำการตลาดออนไลน์
เพิ่มยอดขายดี!!
คำถามนี้ มีคำตอบ
มี inbox หนึ่ง ได้สอบถามผม เกี่ยวกับเรื่องการตลาดออนไลน์ว่า
“จะใช้ facebook หรือ line oa ดีนะ จะเริ่มยังไงดี สับสน!”
.
คำถามนี้ ผมว่าคลาสสิก และ น่าจะเป็นประโยชน์
เพราะผมเองใช้ทั้งสองตัวนี้ ในการทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขาย
ให้กับตัวเอง และ เจ้าของกิจการหลากหลายแบบ
.
หากใคร สับสนอยู่ ให้คิดแบบนี้ครับ
.
1.หาลูกค้าใหม่ ให้ใช้ facebook
.
การหาลูกค้าใหม่ ให้กับธุรกิจของเรา
ต้องยอมรับว่า เครื่องมือของ facebook นั้น ยังทำได้ดี และยิงแอดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากๆ เพราะ facebook เก่งในเรื่องการเก็บข้อมูลแบบ BIG DATA จากคนทั้งโลก
.
ดังนั้นกลุ่มความสนใจที่มีให้เรามาเลือกใช้งาน จึงถือว่าแม่นมาก
(แต่คุณต้องเข้าใจ พฤติกรรมผู้บริโภคด้วยนะครับ)
.
คนใช้ facebook เพื่อเข้าไปอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ ต่างๆ มากมาย ผ่านสมาร์ทโฟนของตัวเอง
และโฆษณาที่ปรากฏในหน้า feed ของลูกค้า ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้า ยอมรับได้ ไม่เบื่อ
.
แต่จะสนใจหรือไม่ ขึ้นกับการเขียน Content
ซึ่งต้องประกอบด้วย
A. ภาพที่ฮุก สะดุดสายตา
B. caption ที่โดดเด่น และ ดึงให้คนที่มีปัญหา หรือกลุ่มเป้าหมายของเรา ต้องอ่าน
.
ประกอบกับการส่งโพสต์นี้ไปหาลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
จะทำให้โฆษณาประสบความสำเร็จ!!
.
- เก็บลูกค้าเก่า เอาไว้ใน LINE Official
.
ต่อเนื่องจากการหาลูกค้าใหม่ ผ่าน facebook
เมื่อได้ลูกค้าเข้ามาทัก ผ่าน facebook แล้ว คุณต้องเก็บข้อมูล
ลูกค้าเอาไว้กับตัว ให้มากที่สุด
.
เพราะการทำธุรกิจ ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น
- รายชื่อลูกค้า
- เบอร์โทรลูกค้า
- อีเมล์ลูกค้า
- ไลน์ของลูกค้า
.
นี่คือ asset หรือสินทรัพย์ ในการดำเนินธุรกิจเลยครับ
.
รายได้ที่มั่นคง และ ต่อเนื่อง มักจะมาจากลูกค้าเก่าเสมอ ไม่เชื่อลองไปเช็คดูได้
.
อย่ามองหาแต่คนใหม่ๆ แต่ต้องรักษาและคุยกับคนเก่าให้ได้นานที่สุด
.
การเก็บข้อมูลเหล่านี้ ทำได้หลายแบบ
ไม่ว่าจะเป็น
A.จดใส่กระดาษ
B.เก็บไว้ใน excel file
C.เก็บไว้ใน Google Sheet
.
แต่สำหรับผมแนะนำ Google Sheet ครับ เนื่องจาก ข้อมูลจะถูกเก็บเอาไว้บนระบบ cloud ไม่หายไปไหน. สามารถแชร์ให้คนอื่นๆ เข้ามาช่วยแก้ไข หรือ ดูข้อมูลได้ เหมาะมาก สำหรับการทำธุรกิจ
.
อีกทางหนึ่งในการเก็บข้อมูลลูกค้า ที่สำคัญ ก็คือ LINE Official Account ครับ
เพราะ คนไทยใช้ LINE ในการสื่อสาร ใกล้เคียงกับโทรศัพท์มือถือไปแล้ว
.
ข้อดีของการใช้ LINE Official Account ติดต่อกับลูกค้าเก่า คือ
- หาได้ง่าย คุยกันสะดวก เร็วๆ
- ติดป้ายกำกับ ลูกค้าแต่ละคนได้ ว่าเป็นลูกค้าที่เคยคุยกันแบบไหน
- เขียนโน้ตกำกับแยกแต่ละคนได้ ช่วยให้ หาข้อมูลได้สะดวก เอาง่ายๆ เช่นเบอร์มือถือ วันเกิด แบบนี้ หาได้เร็วมาก ไม่ต้องมานั่งไล่ดูจากช่องแชท
- การบรอดแคสท์ไปหาลูกค้าเก่า ทุกคนสามารถ ทำได้ และทั่วถึง มี 100 ส่งครบ 100 มี 10,000 ส่งครบ 10,000 ซึ่งต่างจาก facebook ที่มี ติดตาม 10,000 จะเข้าถึงประมาณ 1 % เท่านั้น
. - เคล็ดลับหาลูกค้าคุณภาพ จาก facebook ไปเก็บใน LINE
.
อันนี้คือเทคนิค ที่ผมใช้งานจริง แล้วได้ผลจริง
มีคนคุณภาพ เข้ามาเพิ่มใน LINE Official Account แล้วขายของต่อได้เรื่อยๆ
.
ให้ใช้เทคนิคนี้ครับ
.
ติดลิงค์ LINE Official Account ไว้ที่ greeting message ของ inbox เพจ อยู่เสมอ เพราะหากคนที่สนใจ เวลาทักมาใน inbox แล้ว ต้องการใช้งาน หรือ อยากได้สินค้าเราจริงๆ จะ แอดไลน์มาทันที นี่แหละ คนที่เราต้องการจริงๆ
แถมให้
สำหรับกิจการออฟไลน์ แนะนำ ให้ติดตั้ง QRcode ไว้ในร้านของตัวเอง แบบนี้ก็จะเพิ่มคนได้ เช่นกัน แต่ที่เด็ดกว่า ก็คือ คนที่สะสมแต้ม หรือ รับคูปอง อันนี้น่าสนใจกว่า เพราะคนเหล่านี้ คือคนที่เอาเงินใช้จ่าย ซื้อสินค้าของเรา คนเหล่านี้ คือกลุ่มคนที่มีศักยภาพจริงๆ
.
ซึ่งหากใครขายของออนไลน์ ก็ใช้เทคนิคนี้ได้ ด้วยการแปะ qrcode เพิ่มเพื่อนไปใน กล่องสินค้า เพื่อให้ลูกค้าที่ยังไม่เคยแอดไลน์เรา ได้แอดไลน์ เพื่อแลกกับคูปองส่วนลดซื้อของในราคาพิเศษ อันนี้ก็จะได้คนคุณภาพจริงๆ ครับ
.
และทั้งหมดนี้ ก็คือ แนวทางเบื้องต้น เป็นน้ำจิ้ม สำหรับทุกคนที่สงสัยว่า
จะเลือกใช้ facebook หรือ line ในการทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มยอดขายดี!
Update ข้อมูล DIGITAL 2020: THAILAND มาแล้วจ้า
Update ข้อมูล DIGITAL 2020: THAILAND มาแล้วจ้า
.
ขอสรุปประเด็นที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการใช้งาน internet ในบ้านเรา ประจำรอบ JAN 2020
ซึ่งเป็นเก็บรวบรวมข้อมูล ล่าสุดมาให้อ่านกัน
.
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นตัวที่ทำให้เรา ได้ตัดสินใจ หรือ คิดวางแผนได้ล่วงหน้าว่า
จะต้องปรับตัวอย่างไร ให้ทันกับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน internet จริงๆ
ข้อมูลบางอย่าง อาจจะเหมือนเดิม
ข้อมูลบางอย่าง อาจจะทำให้แปลกใจ
.
เอาล่ะ
จะเป็นอย่างไรนั้น อย่ารอช้า มาดูกันเลย
.
ข้อมูลโดยรวม!
คนไทยทั้งหมด 69.71 ล้านคน มีมือถือทั้งหมด 93.39 ล้านคน ใช้ internet 52 ล้านคน
.
คนไทยใช้สมาร์ทโฟนแทบจะ 100% ไปแล้ว
.
เวลาทั้งหมดของการใช้ internet ของคนไทย หมดไปกับการดู หนัง แชท และ ฟังเพลง ชอบความบันเทิงไง!!
.
ความเร็วเฉลี่ย internet มือถือเร็วขึ้น 48% ส่วน internet บ้านเพิ่มขึ้น 117% (สำรวจจากคนส่วนใหญ่ ใครเน็ทช้า ลองเช็คว่าเราใช้ pakage ไหนด้วยนะ)
.
สมัยก่อนเราเข้าใจว่า traffic เข้าเว็บมาจากมือถือ แต่ตอนนี้ต้องบอกว่า มาจาก computer มากกว่า (อันนี้เปลี่ยนความคิดคนทำเว็บไปพอสมควร)
.
เว็บยอดนิยม ยังเป็น google เฟสบุ๊คและ youtube แต่เว็บโป๊ก็ยังติดอันดับ 9 ที่คนดูเยอะสุด ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 16 นาทีต่อครั้ง! (อืม…)
.
คำค้นหาของคนไทย ยังวนเวียน กับเรื่อง บอล หวย หนัง เหมือนเดิม (คลาสสิกสุดๆ)
.
กิจกรรมยอดนิยมของคนไทยก็ยังเป็นการดูคลิป ดู VLOG แต่ที่น่าสนใจคือการฟัง podcast ที่ติดอันดับมาด้วย!
.
คนไทยใช้ voice search เพิ่มขึ้น จ่ายเงินรายเดือนเพื่อดูหนังเพิ่มมากขึ้น (netflix เป็นต้น)
.
การใช้ social media ของคนไทย อยู่ที่ช่วงวัย 25-34 มากที่สุด รองลงมาคือ 18-24
.
ที่ผ่านมา social media น้องใหม่อย่าง tiktok มาแรงมากๆ รองจาก twitter และ instagram ใครอยากหาตลาดใหม่ ที่เป็นกลุ่มวัยรุ่น ต้องไปศึกษา (ไปสร้างให้คนพูดถึงแบรนด์ แต่จะมี account หรือไม่มีก็ได้ ถ้านึกไม่ออก ให้ดูการตลาดของเพลง วิบวับ ที่ดังมาจาก วิบวับชาเลนจ์)
.
instagram คืออาณาจักรของสาวน้อย เพราะมีผู้หญิงใช้งาน 63% จากทั้งหมด 12 ล้านคน
.
twitter คืออาณาจักรของสาวน้อยยิ่งกว่า instagram เพราะมีผู้หญิงใช้งานมากถึง 78% จาก 6.55 ล้านคน (พฤติกรรมส่วนใหญ่ คือ การติดตามข่าวสารที่ไวมากๆ ส่วนวิธีการพูด การสื่อสาร จะต้องเป็นกันเอง ไม่ต้องเยิ่นเย้อ เพราะคำพูดที่เขียนได้มีจำกัด แค่ 280 ตัวอักษร และใส่ภาพได้สูงสุด 4 ภาพ)
.
llinkedin มีคนใช้งาน 2.7 ล้านคน แต่ส่วนใหญ่ เป็นผู้ชายใช้งานมากกว่า (วัยทำงานด้วย)
.
คนซื้ออะไรในออนไลน์
มากที่สุดคือ ท่องเที่ยว 6.12 พันล้าน USD เสื้อผ้า 1.03 พันล้านเหรียญ USD แต่ที่น่าสนใจ คือตลาดเกมส์ 227 ล้านเหรียญ USD
.
ธุรกิจอะไรเติบโตก้าวกระโดดในอีคอมเมิร์ซ บ้านเรา
ธุรกิจอาหาร และ การดูแลสุขภาพ มาเป็นอันดับ 1 22% รองลงมาคือ ของเล่น งาน DIY โต 19% ส่วนเสื้อผ้า และ เฟอร์มาไล่ๆกัน
.
ลูกค้าเจอแบรนด์ใหม่ๆ ผ่านช่องทางไหน?
ที่น่าสนใจก็คือ ลูกค้าไปหาเจอใน search engine ถึง 41% คาดว่าน่าจะมาจาก Google Maps ใครอยากเพิ่มลูกค้าหน้าใหม่ๆ ให้ไปเรียนรู้เรื่อง google my business ครับ รองลงมายังเป็นทีวีนะจ๊ะ
.
ทั้งหมดนี้ คือสรุป การใช้งาน Thailand internet 2020 ที่สรุปมาจาก weare social และ hoot suit ซึ่งจะทำออกมาเป็นประจำ
.
ถือเป็นข้อมูลเพื่อนำมาใช้งานกันนะครับ
แต่หน้างานจริงๆ ก็ให้ยึดจากข้อมูล ที่เราเจอจริงๆ
อาจจะแตกต่างไปจากที่เขาสรุปมาให้ก็ได้
.
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ 😉
ที่มาของข้อมูล
https://datareportal.com/reports/digital-2020-thailand
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
คัมภีร์ 7 วิถี สู้ปัญหา เฟสบุ๊ค ลด Reach
เป็นที่รู้กันดีอยู่ว่า Social Media ที่คนไทยใช้กันมากที่สุด
คือ Facebook
แต่ทุกๆปี Facebook จะทำการลดสปีดหรือการเข้าถึงให้น้อยลงไปเรื่อยๆ
จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่
เมื่อเราอยู่บ้านหลังนี้เขาวางกฏเอาไว้อย่างไร
เราก็คงต้องปฏิบัติตาม
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า Facebook จะลดการเข้าถึง ให้น้อยลงไปอีก
ผมเลยขออาสาเขียนวิธี 7 วิธีสู้ปัญหา Facebook ลด Reach
มาให้ทุกคนได้ไปปรับใช้กับเพจ Facebook ของตัวเอง
1.เลี่ยง keyword ที่ขาย เพราะ Facebook รู้ว่าเรากำลังขาย
โดยปกติแล้วถ้ามีคำพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับการขายของ Facebook จะมองว่านี่คือโฆษณา ล่าสุดลามมาถึงระดับ Facebook ส่วนตัว หากเขียนคำว่าขายหรือราคา จะมีปุ่มให้กดทักแชทขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ถ้าไม่อยากให้โพสต์คุณ เป็นการขายของ ให้ลด หรือ งด คำว่าราคา ขาย เช่า ไปบ้าง
(แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็เขียนเป็นไปเถอะครับ)
2.งด การทำ Before After แม้จะไม่ได้โฆษณา
หากใครเป็นสายสุขภาพสกินแคร์ สิ่งที่พยายามจะเลี่ยงก็คือเรื่องของ Before After บางคนเลี่ยงมีโฆษณา แต่ว่าโพสต์ตามปกติแทน แล้วคิดว่ามันไม่ผิด
แต่อันที่จริงแล้ว Facebook เขามองทั้งหมดแหละครับ ทั้งแบบโฆษณาและไม่โฆษณา ถ้าใครยังทำอยู่ Facebook มองว่านี่คือ Landing Page ที่สร้างประสบการณ์ไม่ดี
3.ใช้สูตร content 80/15/5
เรื่องนี้ ผมขอเขียนสั้นๆ นะครับ เพราะใครอยากอ่านละเอียด ผมขอส่ง link ให้ไปอ่านต่อครับ
80 = การเขียน content ให้คุณค่า
15 = การโชว์ผลงาน testimonial ต่างๆ
5 = การขายแบบไม่ขาย
ไปอ่านได้เลยครับ >> https://www.digitalnook.co/388/
4. งดการ capture chat inbox มาโพสต์
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ facebook เข้มข้นมากๆ เหตุผลไม่เกี่ยวกับเรื่องของ privacy แต่เป็นเรื่องของการอ้างอิง platform ของ Facebook มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ถ้าใครอยากรู้เพิ่มเติมไปที่บทความนี่เลยครับ
https://www.digitalnook.co/369/
5.เพิ่มคนคุณภาพ เข้ามาในเพจ ด้วย content คุณภาพ
ฐานแฟนที่มีคุณภาพ คือ asset หรือสินทรัพย์ ที่คุณต้องระลึกถึงเสมอ เพราะเราไม่สามารถจะโฆษณาได้อยู่ตลอดเวลา และอีกหน่อยการโฆษณาก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ
การหาคนคุณภาพเข้ามาอยู่เป็นฐานแฟน คือสิ่งที่ต้องทำ
อยากรู้ว่าทำอย่างไร แนะนำให้ดูคลิปนี้นะครับ
>> https://www.digitalnook.co/522/
6. เปลี่ยนรูปแบบของโพสต์บ้าง อย่าทำรูปแบบเดิมๆ โดยเฉพาะ Live
การโพสรูปแบบเดิมๆซ้ำๆบ่อยๆ Facebook จะไม่ชอบ โดยเฉพาะการออกมาไลฟ์ ถ้าคุณทำถี่เกินไป คุณจะโดน Facebook ปรับการมองเห็นให้ลดลงแบบสุดๆ
บางคนถึงขั้นกับขึ้นป้ายสีแดงที่หน้าเพจ ซึ่งทำให้โพสต์อะไรคนก็จะไม่เห็น
ทางแก้อย่างเดียวก็คือ กด appeal แจ้งเหตุผลไปแจ้ง facebook ว่า ทำไมเพจเราถึงไม่ควรโดนปิดกั้นการมองเห็น
แย่น้อยที่สุด คือ โดนปิดการมองเห็นไว้ 7 วัน แต่ถ้าแย่มากๆ อาจจะไม่กลับมาเลย ก็เป็นได้
(ขอบอกว่า การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ Facebook ขอให้คุยแบบภาษาธุรกิจนะครับอย่าไปเหวี่ยงใส่!!)
7. 5 โพสต์ที่ได้รับ Reach สูงสุดในเพจของคุณ คือแนวทางที่คุณต้องทำ
หลายคนพยายามนำเสนอสิ่งที่เราอยากจะบอก อยากจะเล่า แต่บางครั้งอาจจะไม่ถูกจริตคนติดตามเพจ ดังนั้น ให้ดูจากข้อมูล 5 โพสต์ในเพจของคุณที่ได้รับยอด Reach สูงๆ
ดูว่าคนชอบ Content เหล่านั้นเพราะอะไร ให้นำเอาแนวทางนั้นมาพัฒนาต่อ
นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนฝ่าฟันและอยู่ร่วมกับ Facebook อย่างมีความสุขในปี 2020
และในปีต่อไปตราบใดที่ยังมี Facebook ใช้งานกันอยู่
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
รวมข้อผิดพลาด การยิงแอดเฟสบุ๊ค ที่ทำให้ขาดทุน
สำหรับคนที่ทำธุรกิจออนไลน์แล้ว
การสร้างกำไร เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ซึ่งการจะสร้างกำไรให้เกิดกับธุรกิจของตัวเองได้นั้น
การทำโฆษณา โดยเฉพาะโฆษณาเฟสบุ๊คนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญ
หรือจะเรียกกันสั้นๆ ว่ายิงแอด ก็ได้
แต่ส่วนใหญ่ ปัญหาที่เรามักจะพบเจอในกลุ่มนักยิงแอดมือใหม่ ก็คือ
ยิงแอดแล้วขาดทุน ยิงแอดแล้วไม่ได้กำไร
หรือบางครั้ง ก็บอกว่า ยิงแอดมั่ว
จากการสำรวจ และประสบการณ์จริง ที่ได้ทำการยิงแอดมา
ผมขอแชร์ข้อผิดพลาด ที่มักจะเจอบ่อยๆ ในการยิงแอด
ซึ่งนำพาไปสู่การขาดทุน ได้ง่ายๆ
จะเป็นอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ
1. ไม่ได้ทดสอบกลุ่มเป้าหมาย
เอะอะ ก็กดปุ่ม Boost post เลยทันที ไม่ได้เลือก ไม่ได้คิดว่า คนเหล่านั้น เป็นกลุ่มคนที่ต้องการสินค้า หรือบริการของเราจริงๆ หรือเปล่า อันนี้ ถือเป็นเรื่องพลาดขั้นแรกเลยครับ
และส่วนใหญ่มือใหม่ ชอบกด boost post หาคนไทยทั้งประเทศ โดยไม่ใส่ความสนใจเลย
อันนี้ถือว่า ต้องลองคิดใหม่นะครับ
เครื่องมือที่ใช้เช็คหากลุ่มเป้าหมายเบื้องต้น ที่ควรใช้คือ Audience Insight และ เครื่องมือที่เรียกว่า Precise Maganetic (ฟรีนะครับ ไปหาโหลด chrome extension ได้)
2.ไม่ได้ทดสอบ content ที่จะนำมาโฆษณา
การทำโฆษณาบนเฟสบุ๊ค ต้องใช้ศิลปะการถ่ายทอด การขยี้ การทำให้คนสนใจแบบสุดๆ ถ้าเราไม่ได้ทดสอบว่า Content แบบไหนที่คนชอบมาก่อน โอกาสเกิด ก็ยาก ค่าโฆษณาก็พุ่งปรี๊ดๆ แน่นอน
วิธีการทดสอบ Content ที่ง่ายที่สุด คือ ทำมาหลายๆ แล้วโพสต์ในเพจแบบปกติ ไม่ต้องจ่ายเงิน อันไหนที่ได้รับการมองเห็น การเข้าถึงเยอะ คนชอบกดไลค์ กดแชร์เยอะๆ ให้เอา content นั้นมาทำโฆษณา
3.ไม่ได้ปรับปรุงเนื้อหา content
บางครั้ง เราใช้โฆษณาอันเดิม แบบเดิม ก็คิดว่ามัน สุดยอดแล้ว แต่จริงๆ content ไหนที่เราเห็นบ่อยๆ ก็อาจจะเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมาได้
ดังนั้นการลองปรับปรุงเนื้อหา จะทำให้เจอผลลัพธ์ใหม่ๆ ที่ดีขึ้นเสมอ
4.ความอดทนในการทดสอบตัวโฆษณา
สำหรับมือใหม่ บางคน เห็นว่าแอดกินเงินไปแล้ว แต่ไม่มีใครทัก หรือ ไม่เกิดยอดขายเลย ก็ปิดไปซะแล้ว บางคนเปิดมา 2 ชั่วโมง ไม่เห็นยอดขาย ก็ปิด
ทางที่ดี คุณต้องปล่อยให้โฆษณาตัวนั้นวิ่งไปก่อน 7 วัน เพราะว่า ในแต่ละวัน การตอบรับของโฆษณานั้นจะแตกต่างกันไป ให้เวลาโฆษณาทำงานนิดนึง ก่อนนะครับ แล้วค่อยตัดสินใจปิด
5.ไม่ได้ตรวจเช็คการตั้งค่า ก่อนปล่อยแอด
บางครั้งตอนที่เราทำโฆษณา เราอาจจะใจร้อน รีบลงมือทำ พอเห็นว่าตั้งค่าอะไรเสร็จแล้ว ก็ปิดหน้าจอไป ไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องเสียก่อน
ผลเสียที่ตามมาก็คือ บางครั้ง เราตั้งค่าการจ่ายเงินผิด ลืมกำหนดเวลาสิ้นสุด กลายเป็นเปิดยาวตลอด ทำให้กินเงินไปฟรีๆ โดยที่ไม่รู้ว่า (อันนี้ เรื่องจริง เพราะมีน้องคนนึง เปิดโฆษณาไว้ 1 เดือน โดยไม่รู้ว่าตัวเองเปิดไว้ แถมแอดวิ่งไป แบบไม่มีคนทัก ก็เลยไม่รู้ว่าแอดยังเปิดอยู่)
6.ไม่ได้ไปดูผลลัพธ์ของการทำโฆษณา
เมื่อทำโฆษณาเสร็จแล้ว การตรวจดู report รายงานเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันทำให้รู้ว่า ads ตัวไหนทำงานได้ดี แล้วทำงานได้ดีกับกลุ่มเป้าหมายไหนบ้าง
เพราะถ้าแอดตัวไหนไม่ดี เราดูจาก repor ก็ยังสามารถ นำข้อมูลจริงมาปรับปรุงโฆษณาให้ดีกว่าเดิมได้ แต่ถ้าไม่ได้ดูเลย ก็จะใช้การมโนนึกแทน ไม่ได้หยิบข้อมูลมาใช้เลย แบบนี้น่าเสียดายครับ
ลองเช็คกันดูนะครับ ว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง
แล้วจะปรับปรุงอย่างไร
ทำผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องแย่ เพราะว่าถ้าเรารู้แล้วแก้ เรื่องแย่ๆ จะเป็นครูสอนเรา
แต่หากรู้ว่าพลาด แล้วไม่แก้ เรื่องแย่ๆ ก็จะใหญ่โตไปกว่าเดิม
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
Facebook Pixel ช่วยคุณขายของได้ยังไง?
สำหรับนักการตลาดที่ทำโฆษณาบน Facebook มานาน
เมื่อช่วงกลางปีก่อน คำว่า Facebook Pixel เป็นสิ่งที่เราเริ่มพูดกัน
ตอนนั้น คำว่า Pixel ดูเป็นเรื่องใหม่มากๆ สำหรับคนยิงแอด
แต่สำหรับเมืองนอกนั้น เป็นเรื่องปกติ ธรรมดาแล้ว
ไปดูความรู้เกี่ยวกับคำว่า Pixel ใน Youtube เมืองนอก เขาลง video กันไว้ก่อนหน้า
นานมากแล้ว
คำว่า Pixel คืออะไร อาจจะไม่น่าสนใจเท่ากับคำว่า
Facebook Pixel จะช่วยเราขายของ ได้ยังไง
น่าสนใจขึ้นมาบ้างแล้วใช่มั้ยครับ
งั้นเรามาเจอทำความรู้จักกันเลยครับ
Facebook Pixel ก็คือโค้ดคำสั่ง ที่เอาไว้ใช้จับพฤติกรรมของคนที่ใช้งานเฟสบุ๊ค แล้วเข้าไปใช้งานในเว็บต่างๆ
เพราะตัว Pixel นี้ จะมีการติดตั้งเอาไว้ในเว็บไซต์ทุกหน้า
Pixel จะรู้ว่า ใครเคยเข้าเว็บเราบ้าง เข้าใช้งานช่วงเวลาไหนบ้าง หรือเข้าไปดูเว็บหน้าไหนบ้าง ดูหน้าไหนนานที่สุด
ถ้าเรารู้ว่าใครเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา คนเหล่านั้นต้องมีความสนใจสินค้า หรือ บริการของเราอย่างแน่นอน ใช่มั้ยเอ่ย!
ลองคิดนะ แค่เราส่งโฆษณากลับไปหาคนที่เคยเข้าเว็บเราได้ แบบนั้นก็คือ เจ๋งมากแล้ว
เพราะลูกค้าสมัยนี้ เห็นโฆษณาแค่ครั้งเดียว คงไม่ได้ซื้อของทันที
ขนาดตัวเราเอง ยังต้องเห็นโฆษณาไม่รู้กี่ครั้ง กว่าจะซื้อของชิ้นนั้น
หากเรามี Pixel ติดในเว็บของเรา เราสามารถจะทำโฆษณาแบบนี้ได้
ใครเคยลองเข้าไปใช้งาน Agoda.com lazada หรือ shopee บ้าง
ถ้าเราเข้าไปใช้งานในเว็บ หรือ application เหล่านี้
แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ ณ ตอนนั้น
แล้วก็ออกมาจากเว็บ หรือ แอพนั้นๆ
แล้วออกมาใช้งาน Facebook
สักพักเราจะเจอโฆษณา ของที่พัก หรือ สินค้า ที่เราเพิ่งเข้าไปดู ในเว็บหรือ application
ทำให้เราระลึกได้ว่า เคยเล็งที่พัก หรือ สินค้านี้เอาไว้ แต่ยังไม่ได้ซื้อ
ซึ่งส่วนใหญ่ พอนึกขึ้นมาได้ ก็จะคลิกเพื่อกลับไปดูอีกรอบ แล้วโอกาสที่จะซื้อ ก็ย่อมมากกว่า
นี่คือความสามารถอย่างหนึ่ง จากหลายๆ อย่างของ pixel ที่จะช่วยทำให้เราขายของได้มากขึ้น
Pixel เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้เราขายของได้ เพราะมันเป็นเพียงตัวเก็บข้อมูลพฤติกรรมคนใช้งานเว็บไซต์
แต่มันจะขายของได้ ต่อเมื่อ ได้ใช้งานร่วมกับ Facebook Ads วัตถุประสงค์ Conversion นั่นเอง
ซึ่งผมจะขออธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ ในลำดับต่อไป
วันนี้เข้าใจว่า Pixel คืออะไรก่อนนะครับ 😉
หากใครมีข้อสงสัยอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถ สอบถามกันได้เลยนะครับใน Comment นี้ 😉
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
รับมือยังไง เวลา โดนปิดบัญชีโฆษณาเฟสบุ๊ค (พร้อมวิธีการป้องกัน)
รับมือยังไง เวลาโดน ปิด account โฆษณาเฟสบุ๊ค (พร้อมวิธีการป้องกัน)
หลังจากที่ห่างหายไปจากวงการ Facebook ในช่วงต้อนรับปีใหม่
หลายๆคนน่าจะพบกับเหตุการณ์ประหลาดประหลาดจาก Facebook
นั่นคือแจ้งว่า account ของคุณผิดปกติและขอทำการปิดบัญชีโฆษณา
.
ถ้าใครเจอบ่อยๆก็จะเกิดอาการรู้สึกชินชา และค่อยๆแก้ปัญหาไป
แต่หากใครไม่เคยเจอมาก่อนก็จะรู้สึกตกใจแบบสุดๆ
.
พร้อมกับรำพึงอยู่ในใจว่า “ซวยแล้วกู”
.
อย่าเพิ่งตกใจไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับการแก้ปัญหา
เวลาที่มีคำเตือนจาก Facebook ว่า บัญชีโฆษณาของคุณโดนปิด หรือคุณไม่มีสิทธิ์ในการทำโฆษณา
1.ตั้งสติ แล้ว ยื่นเรื่องและทำการอุทธรณ์ไปยังเจ้าหน้าที่
ผมเข้าใจว่าทุกๆครั้งที่เราเจอเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดอาการสติแตกกันทุกคน
แนะนำว่าอย่าตกใจ อยากตีโพยตีพายหรือใส่อารมณ์
เพราะอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นนั้นจะทำให้เราติดต่อเจ้าหน้าที่ Facebook ด้วยถ้อยคำที่ไม่ดี!
ทุกครั้งที่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา ทาง Facebook จะมีแบบฟอร์มให้เรากรอกลงไป เพื่อแสดงความประสงค์ หรือต้องการอธิบายเหตุผลให้ทาง Facebook ฟังว่าทำไม Facebook ไม่ควรปิดบัญชีโฆษณาของเรา
ถ้าเราไม่เคยทำอะไรผิดมาก่อนเลย ให้อธิบายด้วยเหตุผลที่ดี อย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เพราะเป็นไปได้ที่ระบบอาจจะเกิดการจับพฤติกรรมอะไรบางอย่างของเราผิดพลาด
การแสดงออกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผล จะทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น
2. ติดต่อเจ้าหน้าที่ Facebook ผ่านทางแชท
ถ้าคุณทำโฆษณามานานมากพอ การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ Facebook จะทำให้การประสานงานในการแก้ปัญหานั้นเร็วมากยิ่งขึ้น เวลาทำการของเจ้าหน้าที่ Facebook นั้นอยู่ที่ 8:15 น. จนถึงเวลา 19.00 น ของวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ถ้าติดต่อช่วงเช้าจะได้เร็วมากกว่าปกติ ถ้าเป็นช่วงกลางวันหรือบ่ายๆอาจจะต้องรอนานนิดนึง
สำหรับกรณีที่เป็นปัญหาเรื่องของการผิดนโยบายนั้น เจ้าหน้าที่ อาจจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับแบบฟอร์มเพื่อให้เรา ยื่นอุทธรณ์ไปยัง Facebook เราอาจไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าผิดในเรื่องใด ดังนั้นต้องทำใจด้วยนะครับ
3. รอการตอบกลับทาง feedback ของ Facebook
สำหรับกรณีที่โดนปิดบัญชีหรือโดนระงับไม่ให้ทำการโฆษณา การติดต่อจะผ่านช่องทาง Facebook in box support ถ้าเรื่องที่เราทำการอุทธรณ์ผ่านหรือเจ้าหน้าที่เช็คแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เราจะได้สิทธิ์ในการทำโฆษณาคืนกลับมา
แต่ถ้าเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่าเราตั้งใจทำผิดพลาดซ้ำๆบ่อยๆ โอกาสที่จะได้คืนนั้นถือว่าน้อยมาก ให้ทำใจไปเลย
ที่กล่าวไปข้างต้นคือวิธีการแก้ปัญหา
ผมเลยขอแนะนำวิธีการป้องกันเอาไว้ก่อนนัดต่อไปนี้ครับ
1.อย่าทำผิดกฎหรือพยายามแหกกฎของ Facebook
การอยู่ในสังคมหรืออยู่ในบ้านของใคร จะเคารพกฎกติกาของบ้านหลังนั้นเอาไว้ด้วยอันนี้เป็นพื้นฐานที่ต้องทำความเข้าใจอย่างมาก
2.พยายามดูเรื่องการชำระเงินบัตรเครดิตอย่าให้ขาด
หลายครั้งที่บัญชีโฆษณามักจะถูกปิดเพราะไม่มีเงินพอจ่ายอยู่ในบัญชี Facebook จะมองว่าเราเป็นคนไม่มีเครดิต และอาจจะเพิกถอนบัญชีโฆษณาของเราได้ง่ายๆ
3.พยายามสร้าง Accout facebook สำรองเอาไว้หลายตัว
ในยุคที่การทำโฆษณา Facebook จำเป็นต้องใช้ Business Facebook ให้ระลึกไว้ว่า Facebook 1 account จะสามารถสร้าง Business Facebook ได้เพียงแค่ 2 Business เท่านั้น
ดังนั้นพยายามกระจายความเสี่ยงด้วยการสร้าง account Facebook สำรองเอาไว้ด้วย
4.ถ้าทำ Business Facebook ให้เพิ่มคนที่ไว้ใจได้ลงไปใน Business นั้นสำรองเอาไว้
เพราะหากเกิดปัญหามาจะได้มีคนบริหารจัดการแทนก็ได้
สรุป
ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีแก้ไข เวลาโดนเฟสบุ๊ค ปิด account โฆษณา ครับ
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
ลูกค้าเก่าชอบสั่งของทาง LINE มากกว่า Facebook จริงหรือ
ลูกค้าเก่าชอบสั่งของทาง LINE มากกว่า Facebook จริงหรือ
มีหลายคนเคย inbox มาถามผมนะครับ
ว่าจะเลือกใช้อะไรในการทำการตลาดออนไลน์หรือขายของดี
ระหว่าง Facebook กับ LINE
( LINE ในที่นี้หมายถึง LINE@ หรือว่า LINE official account นะครับ)
จากประสบการณ์ที่ได้ทำเองมาแล้ว
พบว่าลูกค้าที่มีการซื้อซ้ำบ่อยๆ
มาจากไลน์ประมาณ 80%
ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากนะครับ
แล้วทำไมคนถึงเลือกที่จะสั่งผ่านไลน์มากกว่าผ่านทาง facebook
นั่นเป็นเพราะว่าไลน์เป็นเครื่องมือสื่อสารบนโทรศัพท์มือถือที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด
สะดวกรวดเร็ว และคุณชินมากกว่าการใช้ messenger ของฟรี
ผมไม่เถียงนะครับ
ว่าตอนแรกเนี่ยเราจะต้องไปหาลูกค้าใน Facebook
นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว
เพราะ Facebook คือเครื่องมือสื่อสาร ที่คนชอบดูชอบแชร์
เพราะจะเจออะไรใหม่ๆเข้ามาใน platform นี้เสมอ
ฉันจะมีเครื่องมือในการทำโฆษณาเยอะแยะมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือวีดีโอหรือแม้แต่ลิงค์เข้าไปในเว็บไซต์ก็ตาม
รวมทั้งวัตถุประสงค์ในการทำโฆษณาก็มีมากมายถึง 13 วัตถุประสงค์ด้วยกัน
แต่เมื่อได้มาเป็นลูกค้ากันแล้ว
ส่วนใหญ่เวลาจะกลับมาซื้อมักจะทักทาง LINE@ ที่เราได้ส่งไปให้เสมอ
ลูกค้าที่อยู่ใน Facebook inbox จะมีกลับมาบ้างแต่ไม่เยอะเท่ากับ LINE@
แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้
เคล็ดลับของมันอยู่ตรงนี้ครับ
ทุกครั้งที่ลูกค้ามีการทัก inbox มา
แสดงว่าเขามีความสนใจหรืออยากได้สินค้าเรามากๆอยู่แล้ว
(ยกเว้นว่ามือลั่นนะครับ)
ผมเลือกที่จะใส่ลิงค์ LINE@ ไปไว้ในข้อความต้อนรับอยู่เสมอ
ซึ่งถ้าลูกค้ายอมกดลิ้ง LINE@ เพื่อมาคุย
แสดงว่าเขามีความต้องการสินค้าหรือบริการขึ้นไปอีก 1 Step
นี่คือการคัดกรองลูกค้าคุณภาพโดยไม่ต้องใช้กำลังภายในเลย!!
และลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าหรือบริการของเราผ่านทาง LINE@
เมื่อประทับใจก็จะกลับมาสั่งสินค้าของเราอีกครั้งผ่านช่องทางนี้อยู่เป็นประจำ
เพราะมันง่ายอยู่ใกล้มือ
ข้อสังเกตหนึ่งของผมนั่นก็คือ รายชื่อของร้านค้าที่ปรากฏอยู่บน Line
มัน มันหาง่ายกว่า Facebook
นี่คือหัวใจที่ลูกค้าติดต่อเรา ผ่าน LINE@ มาได้ง่ายกว่า
สรุปนะครับ
ถ้าเราต้องการหาลูกค้าใหม่ให้ใช้ Facebook
แต่ถ้าต้องการสื่อสารกับลูกค้าเก่าให้เลือกใช้ Line@
แต่ว่าตอนนี้ LINE@ จะเปลี่ยนเป็น LINE official account แล้วนะจ๊ะ
มกราคม 2563 นี้ได้ย้ายกันทุกคน
ยังมีเวลาเรียนรู้ก่อนในช่วงท้ายปี ไปโหลดมาลองทำให้คุ้นชินคุณมือ
เพราะว่าหน้าตาต่างกันไปหมด ไม่เหมือนของเดิมเลยจ้า
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะให้ระลึกเอาไว้
การเปลี่ยนแปลงใดๆที่เราไม่สามารถต้านทานได้
เราจะต้องปรับตัวเองให้เข้ากับมันได้อย่างรวดเร็วที่สุด
ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะถูกทิ้งไว้ภายหลัง
ชีวิตต้อง Move On นะครับ!!
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt