สรุป SEO Trend 2020 จากงาน i creator 2019
สรุป SEO Trend 2020 จากงาน i creator 2019
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสไปร่วมงาน i-creator 2019
ซึ่งเป็นงานรวมพลคนทำ Content คนทำการตลาดออนไลน์ และนักพัฒนา
มีหัวข้อมากมายที่น่าสนใจ
หนังเรื่องการตลาด การทำเนื้อหา Content และการทำเว็บไซต์ รวมไปถึง seo
ที่น่าสนใจที่อยากจะนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้ก็คือ
seo Trend 2020 บรรยายโดย Pornthep Khetrum ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Google analytics Thailand ซึ่งหากใครสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง Google analytics ก็สามารถ ก็สามารถไปติดตามที่เว็บไซต์ของคุณพรเทพได้เลย
https://googleanalyticsthailand.com/
สำหรับผมถือว่าเป็น 30 นาทีที่ถือว่าคุ้มค่ามากๆที่ได้ฟัง
มีหัวข้อหลักดังต่อไปนี้ครับ
- Featured snippets
- WebP Image
- Voice search
- AI
ถ้าใครที่ไม่เคยทำอะไรมา เห็นชื่อหัวข้อก็อาจจะดูงงๆหน่อย งั้นผมขออธิบายเป็นภาษาง่ายๆ แล้วกันนะครับ
- Featured snippets = การทำให้ผลการค้นหาอยู่ในอันดับสูงที่สุด
- WebP Image = การทำภาพประกอบในเว็บให้ขนาดเล็กที่สุด
- Voice search = การค้นหาข้อมูลด้วยเสียง
- AI = ปัญญาประดิษฐ์
เริ่มกันที่ข้อแรกเลยนั่นคือ
Feature Snippets : การทำให้ผลการค้นหาอยู่ในอันดับสูงที่สุด
ปกติการทำ SEO คือการทำยังไงก็ได้ให้ผลการค้นหาเว็บของเรานั้นติดในอันดับต้นในหน้าแรก แต่สำหรับหัวข้อที่มาบรรยายนี้ คือการทำไงก็ได้ให้ผลการค้นหาของเราอยู่ในลำดับที่สูงกว่าอันดับแรก เรียนเป็นภาษาอังกฤษแบบเท่ๆว่า position Zero
นอกจากจะขึ้นมาอยู่อันดับเหนือใครๆ
ยังมีความโดดเด่นเป็นสง่าอีกต่างหาก
เพราะพื้นที่การแสดงผลนั้นยิ่งใหญ่ตระการตาแบบสุดๆ
แล้วเราจะไปอยู่ในตำแหน่งนั้นได้อย่างไร
ไม่มีสูตรตายตัว แต่มีข้อสังเกตหลายประการที่พบได้ใน Content ประเภทดังกล่าว
ถ้าใครอยากจะอยู่ในลำดับ Position Zero ให้ลองทำแบบนี้ครับ
1. ตอบคำถามให้กับ กลุ่มเป้าหมายเรา ได้ใจความ ภายใน 1 ย่อหน้าเดียว
2. ปรับแต่งออกแบบ structure โครงสร้างหน้าเว็บให้ดี และใส่ heading อันไหนหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย รวมไปถึง bullet point (อันนี้ต้องพึ่งพานักพัฒนาโปรแกรมเมอร์แล้วนะครับ)
3. ถ้าทำเนื้อหาด้วย Table หรือ list เป็น well structure นะครับ มีโอกาสโดนดึงไปเป็น featured snippets แบบนี้เช่นกัน (ให้ลองศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่ง list ใน wordpress หรือ html coding)
เทคนิคทั้งหมดนี้ไม่ได้รับการยืนยันว่า การค้นหาของคุณจะติดอยู่ไหน Position Zero เสมอไป แต่บทความในเว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่ติด Position Zero จะมีคุณลักษณะดังที่กล่าวมา 3 ข้อเสมอ
เหนือสิ่งอื่นใดนั้นเว็บไซต์ของคุณจะต้องติดลำดับ 1 ใน 10 ด้วยนะ
(สรุปง่ายๆก็คือต้องทำเว็บให้มีคุณภาพที่ดี มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ที่สำคัญก็คือต้องมีประโยชน์)
เข้าเรื่องต่อไปครับ Web P Image
WebP Image : การทำภาพประกอบในเว็บให้ขนาดเล็กที่สุด
ถ้าคุณไม่ใช่นักพัฒนาเว็บไซต์ อย่าได้ตกใจไป เพราะว่าคำนี้คุณไม่คุ้นเคยอย่างแน่นอน
แต่ถ้าพูดถึงการเข้าเว็บไซต์ทุกคนน่าจะรู้จักและเข้าใจ
ทุกวันนี้ภาพในเว็บไซต์เราใช้ Format หลายๆแบบ ซึ่งความที่ได้รับความนิยมนั้นก็คือ .jpg .png .gif
- ถ้าเป็นภาพกราฟฟิก Vector ส่วนใหญ่เราจะใช้ .gif
- ถ้าเป็นภาพคน วัตถุต่างๆ เราจะเลือกใช้ .jpg
- ถ้าต้องการความละเอียดสูงๆ แต่ทำให้ background โปร่งใสได้ เราจะเลือกใช้ .png
สำหรับการทำ seo
Google จะให้คะแนนสูงสำหรับเว็บไซต์ที่เข้าเร็ว
หากเราต้องการให้คนเข้าเว็บไซต์ด้วยความเร็ว ต้องใช้ภาพที่มีขนาดไฟล์น้อยๆ ไว้ก่อน
แต่ส่วนใหญ่ คนทำ Content ที่ทำเว็บในยุคอินเตอร์เน็ต 5G มักจะเผลอใส่ภาพที่มีขนาดไฟล์ใหญ่ๆ เข้าไปในเว็บ จึงทำให้การแสดงผลนั้นช้ามากกว่าปกติ
เช่นได้ภาพมาจากกล้องขนาด 10 MB ก็เอามาใส่ในเว็บเลย
แบบนี้ทำให้เว็บโหลดนานมากๆ
การนำภาพเข้าไปในเว็บควรย่อให้ขนาดไฟล์เหลือประมาณ 200-300 KB
แต่จะดีกว่าไหมหากเรามีเทคโนโลยีที่ทำให้ ภาพชัดเหมือนเดิม แต่ขนาดไฟล์น้อยลง 30%
ขนาดไฟล์ภาพเล็กลง ทำให้เว็บแสดงผลเร็วขึ้น > เมื่อแบบเร็วขึ้นคะแนนของ seo ก็จะดีขึ้น
WebP คือเทคโนโลยีที่มาช่วยย่อขนาดไฟล์ให้เล็กลงกว่าเดิม 30%
แต่ภาพยังชัดเจนใกล้เคียงของเดิม
ฟังมาแล้วก็ดูดีนะ
เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นๆ
- Browser Safari ที่เราใช้กันใน iPhone iPad เครื่อง Mac ยังไม่รองรับ
- Photoshop ยังไม่รองรับการสร้าง format WebP (แต่มีคนพัฒนา plugin มาให้ใช้ชื่อว่า webpshop)
- Server hosting บางที่ยังไม่ support การทำงานของ WebP
- Magento ยังไม่รองรับ WebP
แม้จะยังไม่ยอมรับในตอนนี้ แต่หลายๆเว็บที่ใช้งานตอนนี้ ก็เลือกใช้วิธีการให้ระบบตรวจสอบว่า user ใช้ browser อะไรเข้าใช้งาน
ถ้าเป็น browser ที่รองรับ ก็ ใช้ WebP ถ้าไม่รองรับ ก็ไม่ต้องใช้ แค่นั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม WebP ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มาช่วยทำให้การเข้าเว็บนั้นเร็วมากขึ้นกว่าเดิมดังนั้นควรศึกษาไว้นะครับ
ต่อไปเป็นเรื่องของ Voice Search
Voice Search : การค้นหาด้วยเสียง
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้นมีการพูดถึงเทคโนโลยีการค้นหาด้วยเสียงอย่างต่อเนื่อง ที่เราคุ้นเคยกันก็คือ Siri ใน iPhone และ Google Assistant
ช่วงแรกๆเป็นที่ฮือฮามาก
เพราะเราได้พูดคุยกับมือถือ ซึ่งคำตอบที่ได้นั้นก็มีทั้ง ถูกบ้างผิดบ้าง กวนโอ๊ยบ้าง
นั่นคือช่วงที่ระบบทำการพัฒนาและเรียนรู้ไปเรื่อยๆจากการใช้งานของคน
เมื่อเวลาผ่านไป ระบบมีความเข้าใจภาษามนุษย์มากขึ้น
ที่สำคัญมีคน Search ด้วยเสียงเพิ่มมากขึ้น 20%
เมื่อคนรู้ว่าสามารถค้นหา Google ด้วยการใช้เสียงแทนการพิมพ์ได้ ความยาวของ keyword ที่ใช้ค้นหาก็เปลี่ยนไป
Keyword ต่างๆจะยาวขึ้นมากกว่าเดิม
ไม่ได้พิมพ์ง่ายๆแค่ “เที่ยวเชียงใหม่”
แต่จะเป็นการถามว่า “เที่ยวเชียงใหม่ราคาถูก 2 วัน 1 คืนหาได้ที่ไหน”
แล้วที่สำคัญ ประโยคคำถามจาก voice search
มันจะเป็นคำถามที่ถูกนำไปขึ้นใน Position Zero ด้วย
ดังนั้นการศึกษาเรื่องการค้นหาด้วยเสียงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากรู้ว่าคนค้นหาข้อมูลด้วยประโยคอะไร เราก็สามารถทำบทความอันนั้นเอาไว้ได้ก่อน
เรื่องสุดท้ายครับ AI
AI : ปัญญาประดิษฐ์
Google ได้พัฒนาอัลกอริทึ่มตัวใหม่ ที่ชื่อว่า BERT
ถ้าจะให้สรุปง่ายๆเกี่ยวกับ BERT
นั่นคือ คนทำ Content ต้องสนใจว่าคนอ่านต้องการอะไร
Google จากประมวลผลหา Content ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด
ขอเรียกว่า User Intent
หลังจากที่หาข้อมูลมาก็พบว่า User Intent แบ่งเป็น 4 แบบ
(credit by rotber katai)
User Intent มี 4 ประเภท
- Navigational : ค้นหาทางเข้าเว็บไซต์
สมัยนี้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจำชื่อเว็บ ไม่ค่อยพิมพ์ชื่อตรงๆ แต่จะ พิมพ์จาก Google ไปเลย เช่นคำว่า ข่าวสด Pantip ไทยรัฐ แล้วค่อยไปหาเว็บนั้นๆ 😉 - informational : หาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนซื้อ
เมื่อคนเรามีความสนใจในเรื่องใด จะตัดสินใจซื้อหรือใช้งาน มาค้นหาด้วยชื่อแล้วตามด้วยคำว่า รีวิว ดีไหม ราคาเท่าไหร่ pantip เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมในการตัดสินใจซื้อนั่นเอง - commercial : ค้นหาด้วยชื่อด้วยประเภทธุรกิจหรือบริการ
การค้นหานี้เรามักจะใช้บ่อยบ่อย เวลาที่มีปัญหา หรือต้องการใช้บริการ ยกตัวอย่างชัดๆก็คือ ร้านอาหาร อู่ซ่อมรถยนต์ โรงงานเย็บผ้า ร้านตัดผม ซึ่งหากใครต้องการได้ลูกค้าใหม่ๆที่ไม่เคยใช้บริการของเรา การใส่คีย์เวิร์ดเหล่านี้เข้าไป จะทำให้ลูกค้าใหม่ๆ มาเจอเราได้ง่ายขึ้น - transactional : หาวิธีการจ่ายเงิน
การค้นหาแบบนี้ถือว่าพร้อมจ่ายเงินแบบสุดๆ เพราะเป็นการค้นหาที่จ่ายเงิน เช่นคำว่า สมัคร netflix อย่างไร ซื้อประกันเดินทางออนไลน์ที่ไหน จ่ายค่าไฟออนไลน์ สมัคร spotify อย่างไร หากมีการค้นหาด้วยที่ Keyword เหล่านี้คือพร้อมซื้อแน่นอน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด
ทำเนื้อหาต่างๆให้ประทับใจ Google
จะต้องทำเนื้อหาให้ถูกใจคนอ่านเป็นจำนวนมากด้วย
อยากให้ AI รักบทความของเรา
เราต้องทำให้คนอื่นๆรับบทความของเราก่อน
มีคำนิยามที่น่าสนใจอยู่คำนึงเกี่ยวกับ seo
เมื่อก่อนเรานิยามคำนี้มาจาก search engine optimization
แต่ seo ปี 2020
เราจะนิยามใหม่ว่า มันคือ “searcher Experience optimization”
นั่นคือการปรับปรุงประสบการณ์ให้เหมาะกับคนค้นหานั้นเอง
ไม่ได้ทำเอาใจ search engine แต่ทำเพื่อเอาใจคนอ่าน
และทั้งหมดนั้นก็คือ บทสรุปหัวข้อสัมมนา SEO Trend 2020 จากงาน I Creator 2019
ครับผม
ฟังคลิปแบบ Video กันก็ได้นะครับ 40 นาที
สรุป SEO Trend 2020 จากงาน i creator 2019 | digitalnook
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook >> http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt