ไม่ใช้ Salepage ยิงแอด TikTok ก็ได้ ถ้าไม่อยากขายดี พร้อม 4 เหตุผลสำหรับคนที่เปลี่ยนใจ
ไม่ใช้ Salepage ยิงแอด TikTok ก็ได้ ถ้าไม่อยากขายดี
(พร้อม 4 เหตุผลสำหรับคนที่เปลี่ยนใจ)
ช่วงนี้ กระแส Sale page กำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงมากๆ
โดยเฉพาะการยิงแอดใน TikTok
เพราะจำเป็นต้องใช้ตั้งแต่การสมัครเปิดบัญชียิงแอด
ไปจนถึงการทำโฆษณาในวัตถุประสงค์ต่างๆ
หลายคนรู้สึกว่ามันยาก เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
และดูเหมือนมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มขึ้นมา
ก่อนจะคิดว่า เป็นเรื่องเสียเงิน
มาอ่านเหตุผลที่ ทำไมควรใช้ Sale page ในการยิงแอด TikTok กันดีกว่าครับ!!
ว่าแล้วมาเลย!
- ประหยัดเวลา แอดมินรับลูกค้าได้ 24 ชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ เวลาเรายิงแอดเข้า inbox แล้วตอบคำถามลูกค้า ถ้าแอดมินตอบเร็ว ก็ไม่เสียลูกค้า
แต่ถ้าบางช่วง ที่ขาดตอนไป ก็มีโอกาสเสียลูกค้าได้
แต่การใช้ Sale page สมัยนี้ จะมีฟังก์ชั่นรับออเดอร์จากลูกค้า ที่ข้อมูลจะวิ่งเข้า LINE ของเราได้เลยทันที ซึ่งให้แอดมินมาตามเก็บออเดอร์อีกครั้ง
ประหยัดเวลา ไปได้อีกเยอะเลยครับ
- สร้างกลุ่มเป้าหมายจากคนเข้าไปในหน้า sale page
แม้ว่า TikTok จะใช้ link shopee / lazada / facebook post หรือ instagram ในการทำ Landing Page ได้
ก็ถือว่าสะดวกดีครับ ถ้ามองแง่ยอดขาย หรือ รายได้
แต่ถ้าลูกค้ายังไม่ซื้อตอนนี้ล่ะ?
จะดีกว่ามั้ย หากคุณสามารถจดบันทึกเอาไว้ว่า ใครเคยเข้าไปในลิงค์ ที่เราทำไว้บ้าง
สิ่งนี้สามารถทำได้ หากใช้ Salepage ร่วมกับ TikTok pixel
เพราะ Sale page ที่ติด Pixel จะเก็บข้อมูลได้ว่า ใครเคยเข้าหน้านี้บ้าง
แล้วนำข้อมูลนี้ มาสร้างเป็นกลุ่มเป้าหมาย แบบกำหนดเอง หรือ Custom Audience นั่นเอง
ซึ่งเราสามารถ ทำการ Retargeting กลับไปหาลูกค้าเหล่านี้ได้!!
(อ่านต่อในข้อ 3 และ 4)
- Retargeting ภายใน
Retarget แบบแรก คือการ Retargeting ภายใน TikTok เอง
ทำได้ด้วยการสร้างกลุ่มเป้าหมาย 2 แบบ คือ
3.1 คนเคยดู video โฆษณาของเรา
คนที่เคยดู video โฆษณาของเราตัวที่ 1 ก็ให้ส่ง โฆษณาตัวที่ 2-3-4 กลับไปหาอีก ครั้ง อาจเป็นโฆษณา เกี่ยวกับ ผลลัพธ์รีวิว ที่แตกต่างกันไป ไม่ให้กลุ่มเป้าหมาของเราเบื่อ
3.2 คนเคยคลิกเข้าหน้า salepage ของเรา
คนที่เคยคลิกเข้ามาในหน้า salepage แสดงว่า สนใจมากขึ้นกว่าแบบที่ดู โฆษณาเฉยๆ ดังนั้น อาจจะส่ง Promotion กลับไปหาอีกครั้ง เพื่อทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
- Retargeting ข้ามแพลตฟอร์ม
อีกรูปแบบหนึ่งของการ Retarget ของ TikTok นั่นคือ การ Retargeting ไปยัง platform อื่นเลย เช่น Facebook / LINE / Google
แต่เราจะทำได้ ก็ต่อเมื่อ ติดตั้ง Facebook Pixel / LINE TAG และ Google Anlytics ไว้ใน Salepage นั่นเอง
เรียกว่าเข้า TikTok ออกไปใช้ LINE ก็เจอ ไปใน Facebook ก็เจอ หรือจะเข้าเว็บไหน ก็เจอ
หลอนเข้าไปจนกว่าจะซื้อ
ทั้งหมดนี้ ทำได้ หากเราใช้ Sale page
สรุป
ที่กล่าวมาทั้งหมด 4 ข้อนั้น คือ เหตุผลหลักๆ ที่อยากจะให้ ทุกคนหันมาใช้ Salepage ในการทำโฆษณาออนไลน์
ถ้าลองวางแผนดีๆ ค่ารายเดือน ของ sale page จะกลายเป็นการลงทุน ไม่ใช่เงินที่เสียเปล่าอย่างแน่นอน
ลองทบทวนกันนะครับ 😉
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 Salepage ใช้งานฟรี ไม่จ่ายรายเดือน ก็ใช้ขายของได้
3 Salepage ใช้งานฟรี ไม่จ่ายรายเดือน ก็ใช้ขายของได้
การทำออนไลน์ในบ้านเราในยุคนี้
Salepage มีความสำคัญมากขึ้น
ประโยชน์ที่เห็นชัดๆ ตอนนี้้คือ
- ลดเวลาการถามของลูกค้า เพราะเขาได้อ่านมาก่อนเอง
- ถ้าลูกค้าตัดสินใจได้เลย สามารถทักแล้วมาซื้อ แบบไม่ต้องถาม
- เพิ่มความน่าเชื่อถือ และโน้มน้าวใจ ด้วยข้อมูลมากกว่า พื้นที่ใน Social Media
- การเปิดบัญชี TikTok Ads ก็ต้องมีเว็บไซต์ มาสมัครเปิด
การทำ sale page คือการลงทุน
มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ถ้าลงทุนค่า salepage แล้วได้กำไรคืนกลับมา
ก็ถือว่าคุ้มค่า ในการใช้เงินนั้น
แต่ถ้าเราอยากจะเริ่มทำ salepage หรือเว็บไซต์
ที่ใช้งานฟรี ยังมีอยู่มั้ย?
คำตอบคือมี..
และนี่ก็คือ
“3 Sale page ใช้งานฟรี ไม่จ่ายรายเดือน ก็ใช้ขายของได้”
wix.com
ใช้งานง่าย จับลากวาง ลากวาง ก็ได้เว็บไซต์สวยๆ salepage สวยๆ มาใช้งานแล้ว
- ออกแบบง่ายสุด เพราะแบบจับ ลางวาง
- สมัครแล้วใช้งานได้เลยทันที
- มี templates ให้เลือกมากมาย
- ใช้งานได้ฟรี
- ถ้าต้องการติดตั้ง Pixel หรือ Analytics ต่างๆ ต้องซื้อโปรเพิ่ม
ปล.
ถ้าไม่เน้นเรื่อง SEO ต่างๆ และ อยากจะนำไปใช้ เพื่อโชว์ ให้ลูกค้าติดต่อ ผ่าน LINE / Messenger หรือ โทรมา อันนี้ ทำได้เลย
เชื่อมต่อ Domain เอาไว้ใช้งานเป็นของตัวเองเริ่มต้นที่ 240 บาท
(ถ้าเดือนละ 150 บาท จะมีโฆษณาของ wix มาโผล่ด้วย ดูไม่โปร)
- wordpress.com
ขวัญใจคนทำเว็บมายาวนาน เหมาะสำหรับคนรักการทำเว็บให้ติดอันดับ เพราะโครงสร้างเว็บนั้นช่วยให้ติด SEO ดี
- ไม่ต้องซื้อ Hosting เพิ่ม เพราะว่า มีให้บริการอยู่แล้ว
- ต่างจาก Worpdress ที่คนรับทำเว็บใช้งาน เพราะแบบนั้น คือ การนำโค้ดไปพัฒนาเอง
- สมัครใช้งานได้ฟรีเลย
- ออกแบบได้มี templates ให้ใช้
- ใช้งาน word เป็น ก็สามารถ ทำ WordPress ได้
- ถ้าจะติดตั้ง Analytics หรือ Pixel ต่างๆ ต้องติดตั้ง plugin เสียก่อน และ ต้องซื้อเพิ่ม
ปล.
WordPress น่าสนใจ เพราะโครงสร้างของเว็บ เหมาะสำหรับการทำ SEO
แต่ระยะยาว ถ้ามีความรู้ เรื่องการทำเว็บมากพอ อาจจะเลือก ติดตั้งเองผ่าน ผู้ให้บริการ Hosting เอง ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า
แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยาก ก็ซื้อบริการของ wordpress.com ไป ด้วยการเชื่อมต่อ Domain
เริ่มต้นเดือนละ 130 บาท
- weebly.com
เว็บไซต์ฟรี ใช้งานง่ายๆ และติดตั้ง Pixel ได้เลย ง่ายๆ โดนใจแบบนี้ ต้องลองครับ
- ทำงานง่ายๆ เหมาะกับคนที่ไม่อยากวุ่นวายเรื่องการเขียนโค้ด
- มี templates มี Theme ให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
- ติดตั้ง code Facebook Pixel ได้
- ติดตั้ง TikTok Pixel ได้
ปล.
ถ้าอยากมี Domain เป็นของตัวเองมาเชื่อมต่อ ก็จะมี
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเดือนละ 240 บาท
สรุป
ถ้าเริ่มต้น สร้างความคุ้นเคย กับการใช้งาน salepage แนะนำให้ใช้งานได้เลยครับ
ส่วนระยะยาว ถ้าจะลงทุนจริงจัง ก็เสียค่าบริการเป็นรายเดือน
ผมว่าคุ้มค่าครับ
แต่ถ้าอยากได้บริการ salepage ของคนไทย ที่มีทีมงาน support ที่เป็นคนไทย
ใช้งานง่ายกว่า เหมาะกับคนไทย เมนูภาษาไทย
ขนาดผมทำ WordPress เป็น ยังเลือกใช้ salepage ทำแทน
เพราะทำได้เร็วง่าย 30 นาที ก็เสร็จแล้ว!!!
หากสนใจอยากรู้
จะขอแนะนำ ให้ในครั้งต่อไปครับ 😉
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้
5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้
2-3 ปีที่ผ่านมา คนที่เข้ามาในวงการขายของออนไลน์
จะคุ้นชินกับการซื้อขายผ่าน Facebook ผ่าน inbox ผ่านการแชท
ซึ่งถือว่าสะดวกสบายดี คนไทยชอบทัก ชอบคุยก่อนซื้อ
และระหว่างนั้นเอง คนไทยก็รู้จักการซื้อของผ่านเว็บมากขึ้น
เพราะการเข้ามาของ Marketplace เจ้าดังๆ อย่าง shopee lazada หรือ jdcentral
และซื้อโดยไม่ต้องทักถาม เห็นราคา เห็นรายละเอียด สนใจก็ซื้อเลย
จะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีเครื่องมือ ที่ใกล้เคียงกับ Marketplace เหล่านี้?
สิ่งนี้เรียกว่า sale page นั่นเอง
ใครที่เคยรู้จักคำนี้ หรือ รู้จักแบบผ่านๆ
วันนี้ ผมจะขอแชร์ข้อมูลอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ
ว่าจะใช้ หรือ ไม่ใช้ดี กับ..
“5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้”
1.สร้างได้เร็วกว่าทำเว็บ
จริงๆ sale page คือ เว็บไซต์หน้าเดียว นั่นแหละ ที่ยกเอาเมนูต่างๆ ที่ไม่จำเป็นออก เหลือเพียงข้อมูลและปุ่มที่จำเป็น ดังนั้น จึงไม่เน้นความซับซ้อนในเรื่องระบบ และการเรียนรู้
sale page ปัจจุบัน เน้นเครื่องมือที่ง่าย สะดวกสบาย เพราะต้องการให้คนใช้งานง่ายที่สุด หากใครเคยพิมพ์ word มาก่อน การทำ sale page ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ถ้าเตรียมข้อมูลพร้อม ใช้เวลา 30 นาที ก็เสร็จพร้อมใช้งานได้แล้ว
2.เก็บสะสมพฤติกรรม สะสมลูกค้า จากหน้า salepage ได้
ข้อดีที่น่าสนใจสำหรับ sale page นั่นคือ การเก็บพฤติกรรมผู้ใช้งานที่เข้ามาในหน้านั้น โดยใช้ code บันทึกสถิติเข้ามาช่วย
ถ้าฝั่งของ Facebook กับ TikTok เราเรียกว่า Pixel (ส่วนใหญ่เก็บได้มากกว่า 1 pixel ต่อ 1 sale page)
ถ้าฝั่งของ Google เราเรียกว่า Google analytics
ส่วนการเก็บสะสมลูกค้าที่สนใจ มีความพร้อมซื้อสินค้าของเรา ก็คือ การติดปุ่มทักไลน์ เอาไว้ในหน้า sale page นั้นด้วย ซึ่งเป็น function พื้นฐานที่ salepage จะต้องมีอยู่แล้ว
3. Retargeting ข้าม platform ได้
เมื่อเราเก็บสะสมพฤติกรรมลูกค้าได้ เราก็สามารถจะ Retargeting ทำการตลาดหลอกหลอน ลูกค้าได้แล้ว
ยิ่งเราสะสม pixel ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะ Facebook TikTok หรือ Google ก็สามารถทำการตลาด Ratargeting ได้ครบทุกช่องทาง
จะเข้ามาจากช่องทางไหน ก็จะโดน Raetargeting ไปทุกที่เลย ว่างั้น!!
4.ลดงาน admin แชทน้อยลง
Salepage ที่มีข้อมูล มากพอ ให้ลูกค้า ศึกษา ตัดสินใจ มาก่อนหน้า
จะช่วยลดลงาน admin ไปได้เยอะ ไม่ต้องทักถามให้เสียเวลา
หากเขาตัดสินใจจากข้อมูล การแก้ปัญหา รีวิวผู้ใช้งาน ข้อเสนอที่ดี มากพอ
ลูกค้าก็พร้อมทักไลน์ หรือ กดฟอร์มสั่งซื้อได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องถามแอดมินเพิ่ม
และตอนนี้ salepage ที่ให้บริการส่วนมาก จะเชื่อมโยงกับบริการ Line Notify หรือ การแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อมี Order เข้ามา จึงทำให้ลูกค้าได้รับการติดต่อที่รวดเร็ว ส่วนคุณและ แอดมินก็เห็นยอดเข้าทันที
แบบนี้ ดีมั้ยครับ?
5. เก็บฐานข้อมูลลงระบบ เป็นระเบียบ
ส่วนใหญ่คนขายของออนไลน์ โดยมาก ไม่ค่อยจะเก็บฐานข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ ถ้าลูกค้าซื้อของ กรอกฟอร์มผ่าน salepage ข้อมูล เบอร์โทร ชื่อ ที่อยู่ จะถูกเก็บเอาไว้ ให้คุณนำมาใช้งานได้
Salepage ส่วนใหญ่ สามารถดึงข้อมูลเหล่านี้ออกมาเป็นไฟล์ Excel เพื่อใช้งานได้อย่างมีระบบ
ดึงเอาเบอร์โทร ลูกค้ามาทำ Custom audience แล้วไปสร้างเป็น Look a like audience ได้อีก!
สรุป
นี่คือ “5 เหตุผล ทำไมต้องใช้ salepage ขายของออนไลน์ ณ ตอนนี้”
ลองไปคิด วิเคราะห์ เพิ่มเติมกันได้นะครับ 😉
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 เหตุผลที่ ที่คนกดโฆษณา มาใน salepage แล้วไม่ซื้อ
5 เหตุผลที่ ที่คนกดโฆษณา มาใน salepage แล้วไม่ซื้อ
ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้
กระแสการใช้ salepage ในบ้านเรานั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
เพราะ ช่วยลดเวลา ในการอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจไปได้มาก
ลดเวลาการตอบเกี่ยวกับสินค้าและบริการไปได้มาก
(แม้ความจริง ลูกค้าบางส่วน จะยังไม่อ่าน แล้วเข้ามาถามใน inbox ก็ตาม)
แต่หลายคนก็ยังเจอปัญหาว่า
ลูกค้ากดโฆษณามา ใน salepage แต่ทำไม ยังไม่กดถาม กดทักซื้อ?
ลองมาอ่านแนวคิด การแก้ปัญหานี้ แล้วลองไปทำกันดู
เพื่อปรับปรุงให้ salepage ของคุณ ทำงานได้ดีขึ้น
1.สื่อสารเร้าใจ และเข้าใจดี หรือยัง
เรื่องราวที่น่าอ่าน คือ หัวข้อเรื่องที่เกี่ยวกับคนอ่าน ไม่ใช่นำด้วยเรื่องของสินค้าของคุณ
พยายามโยงให้เห็นเป็นลำดับขั้นต่อไปนี้
- ทำให้เห็นปัญหา หรือ pain point ของเค้ามากพอหรือเปล่า
- พูดถึงความเจ็บปวดที่เขามีหรือยัง
- มีผลลัพธ์โชว์ให้ดูหรือเปล่า
- มีรีวิว testimonial ให้ดูหรือเปล่า
2.ราคาเหมาะสมหรือเปล่า
ลองสำรวจราคา ว่าเหมาะสมหรือเปล่า เร้าใจหรือไม่ ถ้าเป็นเรา เราจะซื้อสินค้าในราคานี้มั้ย? (แบบไม่ลำเอียงตัวเอง)
- หากเป็นเรา จะซื้อสินค้า ในราคานี้มั้ย
- ถ้าเหมือนคู่แข่ง เรามีอะไรที่เหนือกว่า
- พยายามลองจัด Set สินค้า ประเภท 3 ชิ้น 5 ชิ้น หรือ 3 แถม 2 เพื่อทำให้ยอดขายของเราเพิ่มขึ้น จากการคลิกแอดเข้ามา 1 ครั้ง
3.ข้อเสนอดีพอหรือเปล่า
เรื่องเล็กๆ บางเรื่อง กลายเป็นปัจจัย ที่ทำให้คนเลือกซื้อ หรือ ไม่เลือกซื้อเช่นกัน ลองปรับดูนะครับ ว่าตอนนี้ สินค้าของคุณขายแบบไหน?
- มีเก็บเงินปลายทางมั้ย : คนไทยซื้อของครั้งแรก จะไม่มั่นใจกับร้านใหม่ๆ ที่เลือกซื้อ เพราะกลัวโดนโกง ดังนั้นเก็บเงินปลายทางจะทำให้คนกล้าสั่ง
- ค่าส่งฟรี : ค่าส่งเหมือนยาขมในบทสนทนา พอได้ยินค่าส่ง แล้วไม่เอา ให้ลองปรับกลยุทธ รวมค่าส่งไปกับสินค้า / แล้วคำนวณกันดีๆ นะครับ
4. สร้างความขาดแคลน เร่งด่วนไว้หรือยัง?
การสร้างขอบเขต หรือ ข้อจำกัด ให้รู้สึกต้องซื้อตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ยังใช้งานได้ดีเสมอ ซึ่งมักจะมาในคำพูดของ
- มีเวลาจำกัด ข้อจำกัดเฉพาะ
- 20 คนแรกทีสั่งซื้อเท่านั้น / ภายในวันที่…
ถ้านึกไม่ออก ลองไปหาดูรายการ ควอนตัมเทเลวิชัน ทีวีไดเร็กต์ หรือ ช่อง 8
5.ติดต่อ ยากไปหรือเปล่า
บางที สินค้าดี คนเห็นแล้วชอบ แต่กดสั่งยังไงเนี่ย!! มองหาไม่เจอ ลองไปดูสิว่าใน salepage ของเรา ขาดสิ่งเหล่านี้ไปมั้ย?
- คำพูดในปุ่มติดต่อ สื่อสารดีหรือยัง : อย่าใช้ปุ่ม LINE หรือ Mesenger เฉยๆ คนงง ให้สื่อสารว่า “กดปุ่มนี้ติดต่อเรา” “ปรึกษาเรากดปุ่มนี้” “ทักไลน์กดเลย” แบบนี้คนเข้าใจง่ายกว่ามาก
- ปรับตำแหน่ง กดติดต่อ ให้มากขึ้น : อย่าเอาไว้ล่างสุด อย่างเดียว ให้ติดตั้งถี่มากขึ้น จะด้านบน สำหรับคนใจร้อน ตรงกลางสำหรับคนที่อ่านเพลิน ด้านล่าง สำหรับคนที่ชอบอ่านถ้วนถี่ หาก salepage ไหนมีปุ่มลอย ก็ถือว่าดีมาก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เรื่องต้องสังเกต เซลเพจ กับ เว็บไซต์ เลือกใช้อะไร มาโฆษณาดี
4 เรื่องต้องสังเกต
เซลเพจ กับ เว็บไซต์
เลือกใช้อะไร มาโฆษณาดี
สำหรับคนที่ลงโฆษณาในเฟสบุ๊คมาสักพัก
อาจจะกำลังจดๆจ้องๆ ที่จะใช้วัตถุประสงค์ คอนเวอร์ชั่น (Conversion) หรือ การเยี่ยมชม (Traffic)
แต่สิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มก็คือ
มันต้องมีหน้ารวมข้อมูล สินค้า หรือบริการ
หรือแม้กระทั่ง โฆษณาใน TikTok เอง
ก็จำเป็นต้องใช้หน้ารวมข้อมูลแบบนี้เช่นกัน!
บางคนก็ให้วิ่งไปเว็บไซต์ บางคนก็ให้วิ่งเข้า salepage
แล้วจะเลือกอะไรดีล่ะ
ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจดี เพราะจากประสบการณ์ที่ได้ใช้ ทั้งเว็บไซต์ และ salepage
จึงอยากแชร์เรื่องนี้ ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ ใน
“4 เรื่องต้องสังเกต
เซลเพจ กับ เว็บไซต์
เลือกใช้อะไร มาโฆษณาดี”
1.การใช้งาน
ตั้งแต่ที่เข้ามาทำงานในโลกออนไลน์ สิ่งแรกที่ผมได้เจอ ตั้งแต่ 20 ปีก่อน ก็คือเว็บไซต์
หลายครั้งที่มีคนบอกว่า เว็บจะตาย
แต่สุดท้าย มันไม่เคยตาย เพียงแต่คนมีทางเลือกอื่นๆ ให้ใช้มากกว่าเดิม เท่านั้นเอง
ถ้าเราเข้าเว็บไซต์ สิ่งที่ตามมา ก็คือ เมนูไปยังหน้าต่างๆ หน้าอื่นๆ
ถ้าจะซื้อของผ่านเว็บไซต์ ในรูปแบบที่รู้จักกัน ก็ต้องสมัคร สมาชิก / เข้าไปเลือกสินค้า
เข้าไปกดลงตะกร้าสินค้า / แล้วใส่ข้อมูล / แล้วก็จ่ายเงิน / ก่อนจะได้คำสั่งซื้อ แล้วรอรับของ
ขั้นตอนเหล่านี้ หากเป็นคนรุ่นใหม่ คงไม่ใช่เรื่องลำบาก
แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ ที่เพิ่งใช้งาน หากต้องทำเรื่องพวกนี้ อาจจะใช้เวลามาก จนไม่อยากสั่ง
ดังนั้นเพื่อลดเวลาการทำงาน Salepage จึงได้กำเนิดมา เพื่อลดความยุ่งยากเหล่านี้ไป
เพราะเปิดมาปุ๊บ ก็จะเห็นสินค้า ทันที มีคำบรรยาย มีรีวิว มีข้อเสนอ แล้ว จะมีปุ่มไม่กี่แบบ นั่นคือ
สั่งซื้อ หรือ ติดต่อไลน์ ให้เบอร์โทรได้เลย
อะไรก็ได้ ขอให้ง่ายที่สุด
เพราะหน้าที่ของมันคือ การขาย
ถ้าจุดประสงค์ของคุณคือการขาย อย่างเดียว เลือกใช้ salepage
2.ความชำนาญในการใช้เครื่องมือ
ถ้าเราจะสร้างเว็บขึ้นมาด้วยตัวเอง สิ่งที่ต้องเข้าใจ เบื้องต้นคือ
การจด Domain / การเลือก hosting / การทำเว็บ ง่ายสุดคือ wordpress / การเขียนให้ถูกหลัก SEO เพื่อติดอันดับ Google / การปรับปรุงให้แสดงผลเร็ว / การใช้ภาพที่คุณภาพคมชัด แต่ยังแสดงผลเร็ว
แค่เบื้องต้น ก็เยอะแล้ว ยังไม่นับรวมถึงรายละเอียดปลีกย่อย ถ้าจะทำเว็บขายของนะครับ
หากคุณมีทีมงานมากพอ และ มีเป้าหมายระยะยาว การเลือกทำเว็บ เป็นสิ่งที่สมควรลงทุนครับ
แต่หากยังเป็นจุดเริ่มต้น
การเลือกใช้ salepage อาจจะง่ายกว่า
เพราะเครื่องมือใช้งานนั้น สะดวกกว่า
ขอแค่เตรียมข้อมูล ภาพ video ให้พร้อม ก็สามารถเริ่มต้นทำ salepage ออกมาได้แล้ว
โดยไม่ต้องไปเรียนเขียนโค้ดใดๆ เลย
3.ระยะเวลาในการทำ
ถ้าจะทำเว็บไซต์ขึ้นมา เวลาที่คุณจะหมดไป ก็คือ
การคิด concept การออกแบบ การวางโครงสร้างให้ดี
ถ้าคุณมีทีมเยอะ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ก็สามารถ ลงมือทำได้เลยครับ
เพราะในระยะยาว ผมก็มองว่าเว็บไซต์ยังมีความน่าเชื่อถือสูง
แต่ถ้าเริ่มต้น
การทำ salepage ขึ้นมาขายของ หรือ บริการสัก 1 หน้า ถือว่าเร็วมาก
ขนาดผมทำ worpdress เป็น ก็ยังเลือกใช้ salepage ในการทำครับ
เพราะใช้เวลาแค่ 20-30 นาที ก็ได้หน้า salepage ที่พร้อมขายของแล้ว
(รวมติดตั้ง code ต่างๆ อย่าง pixels ทั้งฝั่ง เฟสบุ๊ค และ TikTok /google analytics แล้ว)
4.เงินลงทุน
ถ้าคุณเป็นสายพัฒนา มีความชำนาญในการทำเว็บ มีเวลามากพอ
การทำเอง ถือว่าประหยัด มากครับ เพราะสมัยนี้ hosting ที่ดี ราคาถูกลงมามากแล้ว
การจด domain ไม่แพง
ถ้าคุณไม่ถนัดเรื่องเหล่านี้
การใช้ salepage จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่แล้วครับ
ค่าบริการ มากน้อยขึ้นกับสิ่งที่คุณจะได้
แต่จะเลือกใช้ของเจ้าไหน ให้ดูลูกค้าที่ใช้บริการของเจ้านั้นๆ มาก่อนครับ
ดูว่าคุณชอบมั้ย หรือ หากเป็นไปได้ มีให้ทดลองใช้ก่อน 7-14 วันก็น่าจะดี
ถ้าชอบก็ซื้อใช้ต่อไป
มองเป็นการลงทุนครับ ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย
เพราะถ้าทำดีๆ กำไรจากการขาย ก็เอามาจ่ายค่าบริการเหล่านี้ได้หมดครับ
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook